พิธีถวายปริญญา
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
โดย
อธิการบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
กราบนมัสการพระคุณเจ้า
พระราชสุทธิญาณมงคล นามเดิม จรัญ สกุลเดิม จรรยารักษ์ ฉายา ฐิตธมฺโม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะอำเภอพรหมบุรี ด้วย
พระราชสุทธิญาณมงคล
ได้อุปสมบทที่วัดพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี และได้รับภารกิจในทางคณะสงฆ์ที่สำคัญ ๆ
ตามลำดับ อาทิ ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ได้เป็น พระครูปลัด
ฐานานุกรมของพระสุนทรธรรมประยุทธ เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด
ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์สูงขึ้นโดยลำดับ เป็นที่พระราชสุทธิญาณมงคล
และได้รับตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี
พระราชสุทธิญาณมงคล
เป็นพระภิกษุซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของสาธุชนทั้งหลาย
ทั้งที่เป็นพุทธศาสนิกชนและศาสนิกชนในศาสนาอื่น
กอปร์ด้วยศีลาจารวัตรและปฏิปทาเป็นที่เจริญศรัทธา
ทั้งได้ประกอบกรณียกิจอันเป็นคุณต่อคณานิการชนอย่างกว้างขวาง
โดยได้พัฒนาวัดอัมพวันให้เป็นอารามอันสะอาด ร่มรื่น
เหมาะแก่การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและฝึกอบรมพัฒนาจิตใจ
และได้จัดให้วัดอัมพวันเป็นศูนย์กลางแห่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
โดยการเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรม สำหรับพระภิกษุสามเณรได้เข้ารับการศึกษาอบรม
ทั้งได้เปิดสำนักวิปัสสนากรรมฐานสำหรับฆราวาส และจัดการฝึกอบรมคุณธรรม จริยธรรม
เพื่อการพัฒนาจิตใจให้แก่ครู อาจารย์ และนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันต่าง ๆ
อย่างกว้างขวาง รวมทั้งฝึกอบรมพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม แก่บุคคลกลุ่มต่าง ๆ ด้วย
ประมาณว่ามีผู้ได้รับการศึกษาอบรมจากวัดอัมพวัน ภายใต้การอำนวยการของพระราชสุทธิญาณมงคล
ปีละหลายหมื่นคน นอกจากเป็นผู้อำนวยการการฝึกอบรมดังกล่าวแล้ว พระราชสุทธิญาณมงคล
ยังได้เรียบเรียงหนังสือธรรมะที่มีคุณค่ายิ่งไว้เกือบ ๓๐ เล่ม ประมาณว่าในแต่ละปี
พระราชสุทธิญาณมงคล ได้เผยแผ่หนังสือเป็นธรรมวิทยาทานมากว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นเล่ม
ด้วยกรณียกิจอันเป็นประโยชน์ยิ่งดังกล่าว
พระราชสุทธิญาณมงคล จึงได้รับการถวายเกียรติคุณเป็นเอนกประการ กล่าวคือ
ได้รับพัดพัฒนาดีเด่น จากสมเด็จพระสังฆราช ได้รับพระราชทานโล่ดีเด่น
ประกาศเกียรติคุณดีเด่นทางวัฒนธรรม ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร
พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์
และใบประกาศสดุดีเกียรติคุณของมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
ได้รับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาศิลปศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นอาทิ นับได้ว่า พระราชสุทธิญาณมงคล
เป็นพระภิกษุที่ประกอบกรณียกิจเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้พระพุทธศาสนาทั้งปริยัติและปฏิบัติ
จึงสมควรแก่การยกย่องโดย ให้ได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
เพื่อเป็นการบูชากิตติคุณสืบไป
โดย
กราบนมัสการ พระธรรมราชานุวัตร
เจ้าคณะภาค ๓
พระราชสุทธิญาณมงคล
เจ้าคณะอำเภอพรหมบุรี เจ้าอาวาสวัดอัมพวันและพระเถรานุเถระทุกรูปที่เคารพ
ท่านนายกสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ท่านอธิการบดี คณบดี
คณะมนุษย์ศาสตร์
คณาจารย์
ท่านนายกเหล่ากาชาด
และท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน
วันนี้
ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี คุณวิวัฒน์ คงมาลัย
ติดภารกิจราชการอยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย จึงได้มอบหมายให้กระผม
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ได้มาปฏิบัติหน้าที่แทน
ในนามข้าราชการและประชาชนจังหวัดสิงห์บุรี มีความซาบซึ้ง และขอสดุดีอนุโมทนา
แด่พระราชสุทธิญาณมงคล ในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่ง
ที่พระคุณท่านได้รับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ในวันนี้
พระราชสุทธิญาณมงคล
เป็นศูนย์รวมแห่งความดีของคนสิงห์บุรี พระคุณท่านนำมาซึ่งความรักความเลื่อมใสศรัทธา
ความร่วมมือร่วมใจของประชาชนและสถาบันต่าง ๆ
โดยที่พระคุณท่านได้นำวิปัสสนากรรมฐานมาเป็นรากฐานในการสร้างคนให้เป็นผู้ที่มีความเสียสละ
ความรัก ความเมตตาต่อกันและกันในสังคมแห่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระคุณท่านมีเมตตา
ไม่ทอดทิ้งที่จะอบรมสั่งสอนให้การศึกษาเป็นที่พึ่งต่อกัน
และเป็นที่พึ่งทางใจแก่ประชาชน ช่วยพัฒนาจิตใจให้เป็นกุศล
ซึ่งจะนำไปสู่พลเมืองที่มีคุณภาพมีประสิทธิภาพ
และสามารถสร้างครอบครัวให้มีความสุขเกิดขึ้น เป็นสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุข
ส่งผลให้ประเทศชาติมั่นคงได้ในที่สุด ในส่วนคุณธรรมที่เด่นชัด
ที่พวกเราชาวจังหวัดสิงห์บุรีภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง
คือพระคุณท่านถือสัจจะเป็นคุณธรรมที่สำคัญ พระคุณท่านจะอบรมศิษย์
และสั่งสอนศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไปในสิ่งที่พระคุณท่านปฏิบัติได้
และปฏิบัติจริง สอนให้ทุกคนมีสัจจะต่อหน้าที่ โดยมีพระคุณท่านเป็นแบบอย่างที่ดี
ควรนำไปปฏิบัติ นอกจากจะสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้กับพวกเราทุกคนแล้ว
พระคุณท่านยังทำให้งานทุกอย่าง โดยเฉพาะการสร้างคนได้ดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอ
ประสบความสำเร็จเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเราทั้งหลาย จนถึงบัดนี้
พระราชสุทธิญาณมงคล
เป็นพระสงฆ์ผู้ใฝ่ศึกษาและตั้งใจอบรมสั่งสอนทั้งพระภิกษุและสามเณร
นักเรียนนักศึกษาข้าราชการประชาชน ให้รู้จักปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย
และอุทิศตนทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและสังคม โดยส่วนรวม
พระคุณท่านยังได้เขียนหนังสือ เผยแผ่ธรรมะแจกจ่ายเป็นวิทยาทาน
และได้ประกอบคุณงามความดีในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
จนได้รับพระราชทานปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาสังคมศาสตร์
จากมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ปริญญาบัตรกิตติมศักดิ์ สาขาครุศาสตร์
จากสถาบันราชภัฏเทพสตรี และปริญญาบัตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาศึกษาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และยังได้รับการยกย่องจากทางราชการว่า
เป็นพระนักพัฒนา ดังจะเห็นได้จากการประกาศเกียรติคุณ และรางวัลผลงานดีเด่นมากมาย
เช่น ได้รับพระราชทานประกาศเกียรติคุณในฐานะผู้ส่งเสริมวัฒนธรรมดีเด่น
และเสาเสมาธรรมจักรประเภทส่งเสริมและสงเคราะห์ประชาชน โดยใช้หลักธรรมพระพุทธศาสนา จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสที่ สภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
ได้จัดพิธีถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา
ในครั้งนี้ พวกเราชาวจังหวัดสิงห์บุรี
มีความภาคภูมิใจในพระคุณท่านพระราชสุทธิญาณมงคลเป็นที่สุด
พวกเราทั้งหลายจะขอน้อมนำเอามาเป็นแบบอย่างที่ดีสืบไป
สัมโมทนียกถา
ของ
ขอเจริญพร
ท่านนายกมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร คณาจารย์
ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และท่านสาธุชนทั้งหลาย
อาตมาในนามส่วนตัวดีใจมากที่ได้มาร่วมงานอันมีเกียรติในครั้งนี้
และในนามของคณะสงฆ์มีความภาคภูมิใจ ที่ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล
ได้รับพระราชทานปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา
ในวันนี้
ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล
ได้ปฏิบัติภาระในพระพุทธศาสนา คือ คันถธุระ และ วิปัสสนาธุระ
ในด้านคันถธุระ ก็คือส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุสามเณร นักเรียน และประชาชน
ทางด้านวิปัสสนาธุระ ซึ่งถือว่าเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่ง
ได้แก่การที่ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ได้อบรมวิปัสสนาธุระแก่พุทธศาสนิกชนและศาสนิกชนอื่น
ๆ เป็นจำนวนมาก ท่านที่ไปมาที่วัดอัมพวัน ย่อมจะประจักษ์ความเป็นจริงข้อนี้
วัดอัมพวันไม่เคยว่างจากกลุ่มชน มีผู้มาฝึกปฏิบัติเป็นประจำครั้งละมิใช่น้อย
การที่มีผู้มาปฏิบัติ ภาระสำคัญไม่ใช่อยู่เฉพาะการฝึกสอน ที่พัก อาหาร
ความเป็นอยู่ พระราชสุทธิญาณมงคลให้ความสำคัญแก่ผู้มาปฏิบัติภายในวัดอัมพวันทุกประการ
เฉพาะอาหารก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตเป็นปัจจัยที่หนึ่ง
ผู้ที่เข้ามาในวัดอัมพวันรับประทานอาหารได้ทุกเวลา มีอาหารอยู่เป็นประจำ
ผู้ที่มาอยู่ฝึกปฏิบัติเมื่อได้ความสบายดังนี้ก็ปฏิบัติได้ง่าย ไม่ลำบาก
ไม่เป็นภาระในการฝึกกรรมฐาน ไม่ใช่เพียงแต่ฝึกคำสองคำ ท่านตั้งใจจริง ๆ
ในการฝึกอบรม เทศน์แนะนำอบรม โดยไม่รู้สึกว่าท่านจะเหน็ดเหนื่อย ตั้งใจจริง ๆ
บางครั้งเกือบตลอดคืน ดูเวลาท่านจำวัดมีเพียงนิดเดียว ไม่กี่ชั่วโมง
แต่ท่านฉันภัตตาหารนิดเดียว ท่านอยู่ได้ด้วยกำลังปีติกำลังธรรมะ
ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลตั้งใจจริง
ๆ ในการที่จะฝึกอบรมให้ผู้ที่เข้ามาในสำนักนี้ได้รับความสุขทางใจ
จิตนี้เป็นสำคัญสำหรับมนุษย์ มนุษย์เราถ้าควบคุมจิตได้ ความสุขก็เกิดขึ้น
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า จิตฺตสฺส
ทมโถ สาธุ การฝึกจิตย่อมนำความสำเร็จมาให้โดยประการทั้งปวง
ผู้ที่ได้มาฝึกในสำนักวัดอัมพวันนี้ ต่างมีความปีติยินดี
เล่าลือกันไปทั่วทุกสารทิศ และมิใช่เฉพาะแต่ในประเทศไทย ในต่างประเทศ
เกียรติคุณของท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลก็ขจรขจายปรากฏไปทั่วทุกแห่ง
อาตมาเคยเดินทางไปกับท่านในประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป
ปรากฏว่าท่านจะไปเมืองไหนมีคนรู้จักทั้งนั้น มาคอยรอรับ เรียกหลวงพ่อ
คอยถวายความสะดวก มาขอธรรมะจากท่าน และท่านก็สอนธรรมะโดยไม่ต้องพัก
ครั้งหนึ่งไปที่สหรัฐอเมริกา พักที่วัดไทยลอสแองเจลิส
ท่านนั่งคุยกับญาติโยมที่วัดไทยหลายท่าน อาตมาก็เกรงว่าท่านมาถึงใหม่ ๆ
จะต้องพักผ่อน เพราะอาตมาเองก็ล้าเต็มที บอกกับญาติโยมว่า
พอสมควรแก่เวลาก็ลาท่านกลับเถอะ ให้ท่านพัก ตื่นขึ้นตี ๑ ตี ๒
มองกุฏิหลวงพ่อไฟยังสว่าง ได้ยินเสียงแจ้ว ๆ รุ่งขึ้นถามญาติโยมว่าทำไมไปทรมานท่าน
ไม่ให้ท่านพัก โยมบอกว่า ท่านไม่พักจะพักยังไง ท่านตั้งใจจริง ๆ
ที่จะให้คนได้รับความรู้ นี่คือน้ำใจของท่าน ท่านทำงานจริง ๆ
ในการอบรมของท่านนั้น
จะเป็นการอบรมในแนวที่ให้คนเห็นความจำเป็นจากสภาวะผลที่คนประสบพบเห็นดังที่ได้สดุดีกันหลายท่านนั้น
ท่านไม่ใช่เพียงแต่พูดอบรมเท่านั้น ยังเขียนหนังสือไว้อีก หนังสือท่านแต่ละเล่ม ๆ
เป็นเรื่องราวที่มีหลักฐาน อ้างอิงได้ นับว่าท่านเป็นอัจฉริยะ เป็นรัตนะ
เป็นแก้วของคณะสงฆ์ที่ทรงคุณค่า การที่ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล
ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ในวันนี้
จึงเป็นที่ชื่นชมยินดีแก่วงการคณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน
โดยเฉพาะศิษยานุศิษย์ต่างปีติยินดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ใช่ยิ้มแต่ใบหน้า
หรือริมฝีปากที่มองเห็น ยิ้มทั้งตัว ที่กล่าวว่ายิ้มทั้งตัว
ก็คือว่าที่พบผู้ที่มางานนี้หลายท่าน ต่างคนต่างชมกันว่าแต่งกันเต็มที่เชียวนะ
แต่ละท่าน ๆ แต่งตัวกัน ที่แต่งตัวกันนี้อย่างดี แสดงถึงความดีใจ ให้เห็นว่าดีใจ
ตั้งใจแต่งมาเพื่อถวายเกียรติแก่หลวงพ่อ และตลอดทางเราจะเห็นดอกไม้ที่ประดับประดา
ทราบว่าทำกันมา ๓ วัน เตรียมกันเต็มที่
แสดงถึงน้ำใจที่ร่าเริงเบิกบานเหมือนดอกไม้ของศิษยานุศิษย์และท่านที่เคารพนับถือ
จึงขออนุโมทนาสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และศิษยานุศิษย์ไว้ ณ ที่นี้
วิสัยทัศน์กว้างไกลมองเห็นผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์
การที่ยกย่องท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล มิใช่ยกย่องเฉพาะแต่ท่านเท่านั้น
ยังชื่อว่าได้ยกย่องศิษยานุศิษย์และยกย่องชาวจังหวัดสิงห์บุรี
ดังที่ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวเมื่อสักครู่ ที่ยิ่งใหญ่คือยกย่องคณะสงฆ์
ทำให้เห็นว่าคณะสงฆ์นั้นมีพระเถระผู้ที่ปฏิบัติศาสนกิจเป็นคุณประโยชน์ต่อสังคม
จึงขออนุโมทนาสภามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ที่ได้ประกาศเกียรติคุณนี้แก่คณะสงฆ์ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
กับการที่ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล ได้รับเกียรตินั้น ก็ด้วยความจริง คือ
สัจจะที่ท่านประพฤติปฏิบัติ พระพุทธเจ้าพระบรมศาสดาของเราทั้งหลายนั้น
ทรงตรัสไว้ว่า สจฺเจนะ กิตฺตึ
ปปฺโปติ บุคคลผู้จะได้รับเกียรตินั้น ก็เพราะความสัตย์
ความสัตย์คือความจริงในการปฏิบัติหน้าที่ ในการปฏิบัติตน ก็ย่อมได้รับเกียรติ ณ
ที่นี้เป็นเกียรติยศ
อาตมาในนามของคณะสงฆ์
ขออาราธนา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุ้มครองให้ท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล
จงเจริญงอกงามในพระพุทธศาสนา เป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชน
และขออำนวยพรท่านนายกสภามหาวิทยาลัย คณาจารย์ ท่านสาธุชน ศิษยานุศิษย์ทุกท่าน
ที่มา ณ ที่นี้ ขอเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ อิจฉิตัง ปัตถิตัง ตุมหัง
ขิปปะเมวะ สะมิชฌุตุฯ
ขอให้ท่านทั้งหลายพึงประสบผลที่พึงปรารถนาทุกประการทุกท่านเทอญ...
คำกล่าวตอบ
โดย
ขอประทานกราบเรียน
พระเดชพระคุณหลวงพ่อธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค ๓ พระเถรานุเถระทุกท่าน
ขอเจริญพรท่านนายกสภามหาวิทยาลัย ท่านอธิการบดี ศาสตราจารย์ ดร.พจน์ และคณบดี
พร้อมด้วยคณาจารย์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒทุกท่าน
ท่านผู้มาในนามผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี ศึกษาธิการ คณะศิษยานุศิษย์
ท่านรองอัยการสูงสุด พร้อมด้วยภรรยาและบรรดาญาติพี่น้องทุกท่านที่ให้เกียรติมาแสดงมุทิตาจิต
โดยที่มหาวิทยาลัยถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ให้อาตมาในวันนี้
ตรงกับวันครูพอดี ทำให้อาตมานึกขึ้นมาได้ว่า เขาเรียนปริญญาตรี โท เอก กันไม่ถึง
๑๐ ปีก็ได้ อาตมาใช้เวลาถึง ๔๐ ปี กว่าจะได้ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในวันนี้
อาตมาเริ่มต้นมาอยู่ที่วัดนี้
พ.ศ. ๒๔๙๙ จนเป็นเจ้าอาวาส ก็ได้เริ่มพัฒนาตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พัฒนาอะไร
ไม่ใช่สร้างวัด สร้างตึก สร้างอาคารสถานที่ แต่ สร้างคน แสนจะลำบากเหลือเกิน ปลุกคนให้ตื่น
เสกคนให้เป็นงาน ฐานะเขาจะดีมีปัญญา ให้เขาแก้ไขปัญหาชีวิตของเขาได้
ก็ขอเจริญพรพี่น้องทุกท่านว่า พระพุทธเจ้าคือ เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านได้ตั้ง ๑๘
ดอกเตอร์ มีความรู้สูง แต่ทำไมหนอเสด็จออกบรรพชา เพราะเหตุใด เพราะวิชานี้คือ
วิชาแก้ปัญหาชีวิต วิชาบำบัดทุกข์ ให้พ้นทุกข์ ไม่มีครูอาจารย์สอนนั่นเอง
เมื่อพระองค์เสร็จบรรพชานั้น พระองค์ก็ได้ ๑๘ ศาสตร์แล้ว จบหมดแล้ว
ไม่มีที่เรียนอีกแล้ว แต่ก็มีปัญหาขึ้นมาว่า ปัญหาชีวิตเกิดขึ้นมาแล้วจะแก้อย่างไร
ทุกข์เกิดขึ้นแล้วจะแก้อย่างไร หาครูสอนไม่ได้ ท่านจึงต้องเสด็จบรรพชา
ใช้เวลาเรียนถึง ๖ ปี แต่ก็ได้วิชาที่อ่านหนังสือไม่มีตัว ให้มันผุดขึ้นมาเอง
เราก็เคยเห็นคนจีนมาอยู่เมืองไทย อ่านหนังสือไม่ออกเลย อ่านหนังสือไม่ออกเลย
แต่เป็นเถ้าแก่โรงสี เถ้าแก่โรงเลื่อย เถ้าแก่โรงน้ำแข็ง
มีที่ดินที่จังหวัดสิงห์บุรีนี้เป็นพันไร่ อ่านหนังสือไม่มีตัว
ก็ขอฝากท่านคณาจารย์และนิสิตนักศึกษาทั้งหลาย พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจน สอนให้เรียน
ตามจริตที่ชอบ ท่านพูดถึงคันถธุระนี้ อาตมาซึ้งใจมาก
มีลูกมีหลานต้องให้เรียนหนังสือ หาวิชาใส่ตัว เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง
มีความรู้จะได้ออกไปสู้งาน ฐานะก็ดี จะได้มีปัญญา
จะได้แก้ปัญหาชีวิตได้ในสังคมของคนไทย
วันนี้เป็นวันครู
เดี๋ยวนี้เด็กยุคใหม่ไม่ค่อยกราบไหว้ครู ลืมครูบาอาจารย์
แต่ก่อนนี้ถึงวันพฤหัสก็ไหว้ครูด้วยดอกมะเขือ ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ดอกบานไม่รู้โรย
แต่ก็ควรจะไหว้ด้วย ๕ ประการ คือ หนึ่ง สักการะครู สอง เคารพครู สาม
บูชาครู สี่ นับถือครู ห้า เชื่อฟังครู
สักการะครู ก็หมายความว่าเอาใจใส่ครูของเรา
เคารพ แปลว่ามั่นใจในครูของเรา บูชา ก็คืออามิสบูชา ปฏิบัติบูชา
ต่อครูบาอาจารย์ของเรา นับถือ คือยึดถือครูขึ้นมาเป็นหลักปฏิบัติ เชื่อฟัง
ครูตลอดรายการ อย่างนี้เรียกได้ว่า ไหว้ครูแน่ เดี๋ยวนี้ไหว้ครูอะไรกัน
ขอประทานโทษเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ แต่ก่อนนั้นก่อนเขาจะออกเล่นละครลิเก
จะต้องไหว้ครูก่อน สิบนิ้วประณมก้มเกศา ทั้งครูพัก ลักจำ ครูพร่ำ ครูสอน
แล้วค่อยเล่น เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไหว้ครู เล่นเลย มันถึงเล่นไม่ดี บอกเรื่องไม่ดี บอกหน้าพาทย์ใช้ไม่ได้
ถ้าเราออกแขกบางเรื่องบอกหน้าพาทย์ไม่ดี ก็จะเล่นไม่ดีตลอดชีวิต
จะไม่มีโอกาสเอาตราชั่งขึ้นมาดู เอาตราชูขึ้นมาชั่ง วัดแล้ววัดเล่าเฝ้าแต่วัด
อย่างนี้เป็นต้น
พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะภาค
๓ ท่านไปกับอาตมาหลายประเทศด้วยกัน อาตมาก็เคารพบูชาท่านเหลือเกิน
ท่านแนวเดียวกับอาตมา ปลุกคนให้ตื่น เสกคนให้เป็นงาน สอนโรงเรียนราชินีล่าง
ราชินีบน สวนกุหลาบ ทุกโรงเรียนในกรุงเทพฯ รู้จักหลวงเตี่ยหมด
พวกเราเดี๋ยวนี้นิยมไปไหว้พระเป่าหัว
ลงนะหน้าทอง เรียกกันว่า มหานิยม อาตมาไม่เชื่อว่าเป็นมหานิยม มหานิยมไม่ใช่อยู่ที่พระลงนะหน้าทองหลอกกัน
แต่อยู่ที่การมีวิชาความรู้ สังคมยอมรับ เข้ากับฝรั่ง ฝรั่งก็โอเค เข้ากับไทย
ไทยก็โอเค ถ้าลูกไม่มีวิชาความรู้จะเข้ากับใครเขาได้ มีเงินกี่ร้อยล้าน ก็ไม่ได้
อาตมาใช้หลักนี้ เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง ต้องเรียนพากเพียรขวนขวาย ตำราพระพุทธเจ้าชัดเจน
ถ้าเกิดมาไม่เรียน
ไม่รู้ ไม่ดู ไม่เห็น แล้วจะเกิดมาทำไม ถ้ามีวิชาความรู้
จะติดตามตัวไปทั้งชาตินี้และชาติหน้า
ขอยืนยันจากชีวิตของอาตมาที่บวชมานานแล้วเป็นประกัน
ว่าเพื่อนของอาตมาคนหนึ่งสำเร็จปริญญาจากกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส แล้วก็ตาย
บ้านภรรยาอยู่ธนบุรี มีลูกเล็ก ๆ ด้วย เป็นโรคหัวใจวายตาย
กำลังเขียนหนังสือแล้วก็ฟุบลงไปตาย หลังจากนั้น ๕ ปีมาเกิด
แล้วได้มาหาอาตมาที่วัดนี้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เขาอายุ ๑๑ ขวบ
ถามอาตมาว่าท่านจำผมได้ไหม อาตมาตอบว่า หนูเป็นใครล่ะ ลูกใครล่ะ เขาบอก
ดอกเตอร์กฤษณ์ไงล่ะ ที่จบมาจากกรุงปารีสฝรั่งเศส เกิดมาได้ ๑๑ ขวบ จำความได้หมด
แต่ภรรยาไม่ยอมเชื่อ เขาจึงบอกภรรยาว่าขอหนังสือคืน ๓ เล่ม ไปเปิดตู้เลย
นี่อาตมาเห็นชัด หนังสือภาษาฝรั่งเศส ๓ เล่ม ขอกลับคืนแล้วเขาก็ไปฝึกเอาใหม่
จึงยอมรับว่านี่เป็นเพื่อนของอาตมาเอง เพราะเขาบอกได้หมดว่า อาตมาเคยให้สตางค์เขากี่ร้อยบาท
เมื่อวันที่เท่าใดจำได้แม่น นี่ตายไปแล้วก็เกิดรำลึกชาติได้ เพราะตายไปแค่ ๕
ปีเท่านั้น แล้วต่อมาก็ไปได้ภรรยาอยู่ที่ญี่ปุ่น นี่แหละท่านทั้งหลายขอฝากไว้
มีลูกมีหลานให้เรียนไว้ ถ้าเราจบปริญญาตรี ปริญญาโทในชาตินี้ ตายไปชาติหน้าต้องได้ปริญญาเอกแน่
ถ้าชาตินี้ก็ไม่ได้เรียน อดีตก็ไม่ได้เรียน ชาติหน้าก็ไม่ได้เรียน แล้วจะเป็นอะไร
นิสัยปัจจุบันไม่มีที่จะเข้าโรงเรียนเข้ามหาวิทยาลัยได้
พระพุทธเจ้าของเราเป็นยอดนักพัฒนาที่สุด
แต่ทำไมไม่เชื่อพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าบอกคันถธุระ มีลูกต้องเรียนหนังสือ
เรียนตามจริตที่ชอบ ไม่ใช่นั่งวิปัสสนาตามจริต ชอบอย่างไรนั่งอย่างนั้น
เรียนตามจริตที่ชอบ เช่น ชอบแพทย์ก็ต้องไปเรียนแพทย์ ชอบวิศวกร ก็ไปเรียนวิศวกร
ขอเจริญพรท่านผู้เป็นบิดามารดา อย่าขัดใจลูก
ลูกต้องการจะเรียนอะไรก็อย่าขัดใจต้องตามใจ มิฉะนั้นจะเสียลูก อย่างลูกนายพลโทคนหนึ่ง
ลูกจะเรียนไม่ยอม ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ แม่ก็จู้จี้จุกจิก
ลูกเลยออกไปอยู่บ้านเพื่อนจนบัดนี้ ลูกคนเดียวด้วย ขอฝากท่านทั้งหลายไว้
จะยากดีมีจนเอาเรียนให้ได้ นี่แหละคันถธุระ แปลว่า เกิดมาต้องเรียนวิชาทุกคน
เพื่อติดตนไปในอนาคต แต่เรานับถือศาสนาอะไรก็เรียนศาสนาด้วย อย่างนี้เป็นต้น
ที่จังหวัดสิงห์บุรีเมื่อ
พ.ศ. ๒๕๐๐ มีครอบครัวหนึ่งพ่อเป็นจับกัง แม่รับจ้างซักรีด ลูก ๕ คน
ชอบสวดมนต์ภาวนา ลูกก็ทำงานรับจ้างที่โน้นที่นี่
ก็ให้อาตมาฝากไปอยู่ที่ลอสแองเจลีส เขาทำงานล้างชามในร้านอาหาร เอาเงินไปเรียนได้ดอกเตอร์หมด
๓ คนเลย ส่วนน้องสาวสองคนก็เป็นแม่ค้าขายทองอยู่กรุงเทพฯ
ทุกวันนี้ไปปลูกบ้านให้พ่อแม่อยู่ที่บางกะปิ
พระพุทธเจ้าสอนตรงไหน
เรียนให้รู้ ดูให้จำ เกิดมาไม่รู้เกิดมาทำไม คนไม่มีวิชาความรู้คนไร้ความหมาย
ไม่มีค่าของคน ขอเจริญพรยุคใหม่สมัยนี้เรียนสูงก็จริง ขอประทานโทษ แต่ราคาคนตก
ไม่มีคุณธรรมเลย ก็ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย โบราณท่านกล่าวไว้ว่า กันอยู่ที่แม่
แก้อยู่ที่พ่อ ก่ออยู่ที่ลูก ลูกเดี๋ยวนี้ก่อยาเสพติด
ก่อเรื่องให้พ่อได้เดือดร้อน บางคนก็ก่อวิชาการให้พ่อแม่ดีอกดีใจ ก่ออยู่ที่ลูก
ปลูกอยู่ที่ครู ความรู้อยู่ที่ศิษย์ จะได้เป็นมิตรกัน
๔๐
กว่าปีของอาตมาได้ทำให้คนเป็นดอกเตอร์ ๗๐ กว่าคนแล้ว ไปอเมริกา ๒๙ คน
ต้องกลับมาแน่นอน ยุโรปก็กลับมาแล้ว จบดอกเตอร์ทั้งนั้น
มีอยู่คนหนึ่งแม่เขาอยู่โคกสำโรง จบดอกเตอร์แล้วสมัครเข้าทำงาน
เขาเรียกพร้อมกันหมด ๕ งาน เรียนหนังสือเก่ง สวดมนต์ไหว้พระ พ่อแม่ดี
พ่อแม่ที่ดีเขาจะสร้างความดีให้กับลูก
ทำถูกให้กับหลาน รักให้ถูกวิธี ทำความดีให้ลูกดู เดี๋ยวนี้เสียใจด้วย
รักไม่ถูกวิธี ทำความไม่ดีให้ลูกดู ทะเลาะกันให้ลูกดู
อาตมาคิดว่าเด็กที่มาจากพ่อแม่สิ่งแวดล้อมไม่ดี สอนดีอย่างไรก็ตาม
กลับไปบ้านก็แบบเดิม เพราะเป็นที่พ่อแม่ ขอฝากผู้ปกครองนักเรียนด้วย ดูแลลูกให้ดี
ให้มาก จะหวังแต่ครูเป็นจะเป็นไปได้ยาก เด็กติดยาเสพติดทั่วประเทศแล้ว
อาตมาจึงไปสร้างศูนย์ที่ขอนแก่น ๓ ปีเสร็จ หมดไป ๑๐ กว่าล้าน ดร.อำนวย วีรวรรณ
ช่วยราดยางถนนให้
อาตมามาอยู่ที่นี้ตั้งแต่
พ.ศ. ๒๔๙๙ มีคนแก่อยู่ ๑๒๐ คน ก็สอนแบบเก่า คล้ายกับหลับหูหลับตาสอน นั่งภาวนา
นั่งภาวนา ทำบุญตักบาตร ทำบุญตักบาตร รวย รวย ลืมตามาเหลือร้อยคน ตายไปยี่สิบ
หลับตาสอนใหม่ เหลือ ๕๐ หลับตาสอนใหม่ ลืมตามาเหลือแต่เสาศาลาหรือนี่ เลยเลิกสอน
อาตมาอยู่นี่จนถึงบัดนี้ ๑๒๐ คนตายหมดแล้ว เลยแต่งความขึ้นมาว่า
คนแก่มีแต่หงอกกับหงิก แล้วก็งอเข้าเมรุไป คนแก่โกรธว่า ว่าฉันหรือ เปล่าขอประทานโทษไม่ได้ว่าอะไรหรอก
แล้วหงิกจริงหรือเปล่าล่ะ แล้วก็งอเข้าเมรุจริงหรือเปล่าล่ะ
เด็กกำลังงอกกำลังงาม
กำลังเจริญวัยชันษา ต้องรีบสอน เฉพาะปีที่แล้ว ไม่น่าเชื่อนะ
อาตมาให้ทุนการศึกษาและทำบุญกุศลอื่น ๆ ด้วย เป็นเงิน ๒๔ ล้าน วันที่ไปที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
อาจารย์กอปลักษณ์ เรืองผกา ผอ.โรงเรียนสาธิต ก็บอกว่าจะสร้างอาคารโรงเรียน
อาตมาก็บอกเอาเลย อาตมาจะช่วย สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน
แล้วผู้ปกครองนักเรียนเขาก็จะช่วย อาตมาจะวางแผนให้ และอาตมาก็ได้ให้ประเดิมไปก่อนแสนหนึ่งเอาไว้เรียกเงิน
อาจารย์กอปลักษณ์
เรืองผกา ท่านเป็นคนดีมาก เอาใจใส่ดีมาก แล้วก็สอนกระทั่งลูกท่านหลานเธอมา
อาตมาบอกอาจารย์อย่ากังวล คนเราจะสร้างความดีต้องลงทุนความลำบาก
สร้างความชั่วจะชอบลงทุนความสบาย กินสบาย นอนสบาย กำลังชั่วโดยไม่รู้ตัว
สร้างความดีต้องมีอุปสรรค ต้องมีคนมาขัดอย่างโน้นอย่างนี้
เรื่องการสร้างศาลา
เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธปัญญาภิวัฒน์ธรรมฉัตรศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชาวศรีนครินทรวิโรฒ
และบุคคลที่ได้กราบไหว้ เห็นยังไม่เสร็จเสียที ในวันนี้ถ้ามีมากก็จะช่วยให้หมดเลย
ก็ขอช่วยไปแสนเดียวก่อน ตั้งใจให้ ต้องได้ ตำราของอาตมาแม่น ยิ่งให้ ยิ่งได้
ยิ่งหวง ยิ่งอด เราไม่หวง เราไม่อด หมดก็มาเรื่อย ๆ
เมื่อปีที่แล้ว
อาตมาตั้งใจสวดธรรมจักรทุกวันที่ ๙ คิดว่าได้เงินเท่าไหร่จะถวายในหลวงหมด
เพียงแต่ตั้งใจยังไม่ทันได้ถวายเลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ก็ถวายสังฆทานที่วัดนี้ถึง ๑๑ ครั้ง และเมื่อปีที่แล้วน้ำท่วม
รับสั่งให้นำข้าวสารมาที่วัดนี้ ๑๙๐ กระสอบ บัดนี้นำเงินไปถวายแล้ว หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ
ดิศกุล หม่อมอรพิน ท่านเห็นว่าหลวงพ่อมีเงินน้อย เลยเอามาช่วยล้านสาม
อธิบดีกรมทรัพยากรฯ ท่านจะเลื่อนไปเป็นปลัดกระทรวง รวมทั้งหัวหน้ากอง ก็ช่วยผ้าป่ามาให้อีกล้านกว่า
บัดนี้ได้ถวายสมเด็จพระเทพฯ ไปแล้ว ๗ ล้าน ๕ แสนบาท สมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา
แล้วก็ซื้อรถถวายสมเด็จพระเทพฯ ๑ คัน เพื่อใช้ในโครงการราชานุเคราะห์เด็กชายแดน
ขอเตือนใจท่านทั้งหลายว่า
มีลูกให้เรียนหนังสือไว้ มีลูกหลานให้รวย สวย เก่ง เร่งก้าวหน้า กล้า ประหยัด
จงรักษาความสะอาด ฉลาดรอบคอบ ชอบระวัง ตั้งใจให้ตรง ทรงศีลธรรม นำทางให้ตรง
ปลูกสติจะได้ดำริชอบ จะได้ประกอบกุศล ได้ผลอนันต์
ก็ขอฝากคณาจารย์และนิสิตนักศึกษาที่มาที่นี่ว่า เรามีวิชาความรู้ ก็จะเป็นเจ้านายคนอื่นได้
ไม่มีวิชาก็จะไปเป็นขี้ข้าเขา ความรู้จึงเป็นมหานิยม ต้องหาวิชาใส่ตัว
แต่มีความรู้ต้องคูกับความดีด้วย เอาแต่ความรู้ไม่มีความดี ความรู้ก็ไร้ความหมาย
ไม่เกิดประโยชน์สิทธิผลแต่ประการใด
วันนี้เป็นวันครูก็ขออนุโมทนาสาธุการแก่ท่านนายกสภา
อธิการบดี ท่านคณบดีทุกท่าน ศิษยานุศิษย์ ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย
และพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพ เจ้าคณะภาค รองภาค เลขาภาค
ตลอดจนรองเจ้าคณะจังหวัด เถรานุเถระทุกท่านจงเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนา
ท่านที่มีลูกมีหลานก็ขอให้รวยสวยเก่ง เร่งก้าวหน้าชัดเจน ขอให้มีสติปัญญาแหลมลึก
สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ ขอทุกท่านจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุข พละ ปฏิภาณ
ธนสารสมบัติ นึกคิดสิ่งหนึ่งประการใด ขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูปทุกนาม
ณ โอกาสบัดนี้เทอญ
--------- จบ ----------