วรธรรมคติ

 

(สมเด็จพระญาณสังวร)

สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก

ประทานคณะวัดอัมพวัน ๓๐๐ คน  มีพระราชสุทธิญาณมงคล  เป็นประธาน 

ที่เข้าเฝ้าในโอกาสคล้ายวันประสูติ

วันอังคารที่ ๒๒ กันยายน พ..๒๕๔๑

H13001

          ขออนุโมทนาท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล  ที่พาพระเณรญาติโยมศิษยานุศิษย์  มาแสดงความมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้ปรากฏ  เป็นบุญ  เป็นมงคล  ของชาววัดอัมพวัน ยิ่งนัก  ที่มีท่านผู้เป็นครูอาจารย์คอยนำทางให้ดำเนินชีวิตไปอย่างมีพระพุทธศาสนา ประคับประคอง มิให้ตกอยู่ในความร้อนความมืดความชุลมุนวุ่นวาย  ที่ครองโลกอยู่ทุกวันนี้  ที่หลายชีวิตไม่อาจหนีพ้น  ต้องบาดเจ็บชอกช้ำทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสไปตามกัน  แม้ถึงขั้นต้องทำลายชีวิตอันเป็นที่รักที่สุด  ก็มีมิใช่น้อย  เหตุสำคัญที่ผลักดันใครทั้งหลาย ให้ลงสู่นรกทั้งเป็น  ก็คือจิตที่มิได้รับการอบรมเพียงพอ  จึงไม่มีกำลังเป็นเกราะกันภัย น้อยใหญ่ทั้งหลาย  ท่านเจ้าคุณอาจารย์ของพวกท่านมุ่งมั่นอบรมสั่งสอนพระเณรญาติโยม ศิษยานุศิษย์ของท่านตลอดมาเป็นเวลานานปี  เป็นที่รู้ทั่วกัน  เป็นที่ศรัทธาชื่นชมอย่าง กว้างขวาง  แทบจะไม่มีคนสมัยนี้คนใดที่ไม่รู้จักชื่อ “หลวงพ่อจรัญ  แห่งวัดอัมพวัน”  ท่านเมตตาพยายามที่จะปลูกฝังความเชื่อมั่นลงในจิตใจของผู้คนทั้งหลายที่เข้าไปถึงท่าน  ให้เห็นพระคุณหาที่เปรียบมิได้ของพระพุทธศาสนา  พระศาสนาที่สุดประเสริฐเกิดแต่ มนุษย์แท้ๆ  แต่เป็นมนุษย์ที่มิได้เป็นเพียงครูของมนุษย์เท่านั้น  แต่เป็นครูของเทวดาด้วย  เป็นผู้ที่มนุษย์เทิดทูน  และเทวดาก็เทิดทูน  มนุษย์นั้นคือสมเด็จพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า  สมเด็จพระบรมครูของพวกเราทั้งหลาย  ขอให้คิดดูก็แล้วกัน  ว่าผู้ที่ แม้เทวดาก็ยอมยกย่องเทิดทูนเชื่อถือ  จะมีความวิเศษสุดเพียงไหน  พระพุทธศาสนาเกิดแต่ ความวิเศษสุดของพระองค์ท่าน  ที่ไม่มีความวิเศษใดของผู้วิเศษใดเปรียบได้  นั่นคือทรงมี พระคุณที่วิเศษที่สุด ๓ ประการ  เริ่มด้วยพระมหากรุณาคุณ  อันเป็นความกรุณาที่ท่วมท้น พระหฤทัย  ทรงมุ่งมั่นจะช่วยสัตว์โลกทั้งน้อยใหญ่ให้พ้นทุกข์จากการต้องมาเวียนว่าย ตายเกิด  เป็นเทวดาบ้าง  เป็นมนุษย์บ้าง  เป็นสัตว์บ้าง  มิให้ต้องพบความทุกข์ของ ความมีภพชาติอีกต่อไป  ด้วยพระมหากรุณาเหนือความกรุณาของผู้ใดอื่น  จึงทรงสละ สิ้นทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นสุขสมบัติมหาศาลส่วนพระองค์  เสด็จออกทรงพระผนวช  ทรงแสวงทางไปสู่ความพ้นทุกข์  เมื่อพระปัญญาสว่างเจิดจ้าที่สุด  เกิดเป็นพระปัญญาคุณ  ก็ทรงบรรลุถึงความบริสุทธิ์สิ้นเชิง  ความโลภความโกรธความหลง  แม้มีอยู่เต็มโลก  ก็ไม่อาจเข้าถึงพระพุทธหฤทัยได้  เหตุแห่งความเกิดดับสนิทในขณะนั้น  ขณะที่ พระบริสุทธิคุณเกิดแล้ว  พระกรุณาคุณ  พระปัญญาคุณ  พระบริสุทธิคุณ  จึงเป็น พระคุณเฉพาะพระพุทธหฤทัยโดยแท้  และแผ่ออกให้สัตว์โลกรับได้  แม้น้อมใจรับให้จริง  คือน้อมใจปฏิบัติจริงตามคำทรงสอน  ที่ “หลวงพ่อจรัญ” ของท่านอัญเชิญมาบอกเล่า แก่ท่านนั่นเอง.