หลวงพ่อบูรณะวัดจินดามณี

 

พระครูปริยัติกิจจานุกูล

เจ้าอาวาสวัดจินดามณี

H13003

 

ไฟไหม้วัดจินดามณี

          “เมื่อมีเจริญ ก็มีเสื่อม เป็นของคู่กันเป็นธรรมดาของสัจธรรม”

          อาตมาจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวอาตมาและวัดจินดามณี ตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี ค่ำคืนของวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ อาตมาก็ทำหน้าที่อันเป็นกิจของสงฆ์เรียบร้อย โดยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคืนวันนี้จะเป็นคืนที่ฝันร้าย อันเป็นชะตากรรมอันหนักที่จะมาถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ เป็นวันที่จะต้องสูญเสียทุกอย่างที่มีอยู่ ดังคำที่ว่า “โจรปล้นสักร้อยครั้งยังไม่เท่ากับไฟไหม้ครั้งเดียว” ในความรู้สึกหรือจิตใต้สำนึกในคืนนี้นั้น มีความไม่สงบอยู่ตลอดเวลา จนถึงเวลาสมควรอาตมาก็สวดมนต์ภาวนาตามปกติแล้วก็เข้าจำวัด ในขณะจำวัดรู้สึกว่าหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ตลอดเวลาก็พยายามภาวนาสงบจิต เพื่อต้องการให้จำวัดหลับสนิท แต่ก็ยังหาความสงบมิได้ จนถึงเวลาประมาณ ๑ นาฬิกาของวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๑ ไฟฟ้าเกิดดับ ๆ ติด ๆ อยู่พักหนึ่ง อาตมาก็คิดว่าไฟฟ้าคงจะเกิดเหตุภายนอกวัด จึงไม่เกิดความสงสัยอะไร เพราะไฟฟ้าก็ติดตามปกติแล้ว หลังจากนั้นประมาณสัก ๓๐ นาที อาตมาก็ต้องตกใจเมื่อพระภิกษุที่อยู่ใกล้เหตุการณ์รีบมาบอกอาตมาว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในกุฏิ อาตมาก็ถามว่าหลังไหน ท่านบอกหลังใต้สุด จึงรีบไปดูจุดที่เกิดเหตุ อาตมาเห็นไฟกำลังไหม้ภายในกุฏิอย่างหนัก จึงปลุกพระและเด็กวัดทุกคนให้ช่วยกันดับ ทุกคนพยายามดับจนสุดความสามาถ พระบางรูปก็ตีระฆังและกลอง อาตมาก็สั่งให้พระโทรไปแจ้งรถดับเพลิงตามหน่วยต่าง ๆ กว่ารถจะมาถึงก็ไหมไปเกือบ ๑ หลังแล้ว ทั้งชาวบ้านเป็นร้อยคน นายอำเภอ รองผู้กำกับฯ ก็มาช่วยกัน แต่พระเพลิงก็โหมอย่างหนัก ชาวบ้านหรือทุกคนต่างยืนดูกันด้วยอาการกระวนกระวายร้อนอกร้อนใจ เสียอกเสียใจกับภาพที่กำลังเกิดขึ้น บ้างก็อุทานว่าหมดแล้ววัดเราไม่เหลืออะไรอีก คนเฒ่าคนแก่ก็ร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจ เห็นแล้วน่าสลดใจยิ่งนัก ส่วนตัวอาตมาก็พยายามทำใจสั่งการให้คุมสถานการณ์ให้ได้ แต่ก็สุดวิสัยจนพระเพลิงได้ไหม้กุฏิไปหลังแล้วหลังเล่า หมดกุฏิไป ๖ หลัง หอสวดมนต์ ๑ หลัง หอกลองหอระฆังอีกอย่างละหลัง สิ่งของที่อยู่ในหอสวดก็ดี กุฏิก็ดี เสียหายจนหมดสิ้น คงเหลือกุฏิอยู่หลังเดียวซึ่งเป็นที่อยู่ของอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาตมาเอง และก็รูปหล่อของท่านที่อยู่ในหอสวดมนต์ไม่ไหม้ไปกับพระเพลิงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก

          เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว อาตมาก็นั่งคิดว่านี่เป็นความฝันร้ายแต่เป็นเรื่องจริง ทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้วจะทำอย่างไรดี กุฏิไม้สักสวย ๆ งาม ๆ อายุเป็นร้อยปี หอสวดมนต์ก็หมดไปกับพระเพลิง อะไรมันมืดมนไปหมด มองภาพที่เสียหายก็นึกแทบทำใจไม่ได้ แต่ก็พยายามข่มจิตข่มใจตลอดเวลาว่าจะไม่แสดงอาการความรู้สึกเสียใจให้ญาติโยมได้รู้ได้เห็น เพราะจะทำให้ญาติโยมเสียใจมากขึ้น กว่าอาตมาจะทำใจได้ก็นานพอสมควร พอนึกถึงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีเกิดขึ้นก็มีดับไปเป็นธรรมดา มีเจริญก็มีเสื่อม เป็นสัจธรรมเที่ยงแท้ เมื่อวานนี้เรามีที่อยู่อาศัยที่ประกอบกิจ มีสมบัติที่สะสมเอาไว้เป็นของวัดก็ดี หรือของตนเองก็ตาม แต่วันนี้ไม่มีอะไรเหลือคงมีผ้านุ่งผ้าห่มติดตัวออกมาจากห้องเท่านั้น เมื่อเราเกิดมาก็ไม่มีอะไรมามีแต่กรรมดีและชั่วติดตัวกันมาเท่านั้นเอง จะคิดเสียใจทำไมให้เกิดทุกข์เสียเปล่า ถือว่าเกิดจากความประมาทหรือเวรกรรมของเรา หรือวัดของเรา เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้วอาตมาก็เริ่มรวบรวมคิดใช้ปัญญาให้เกิดประโยชน์ เริ่มตั้งโครงการจัดรูปกุฏิ ๔ หลัง ๆ หนึ่งยาว ๙ เมตร กว้าง  ๖ เมตร หอสวดมนต์ ๒ หลัง ๆ ยาง ๒๑ เมตร กว้าง ๑๒ เมตร และก็ต้องรีบดำเนินการสร้างกุฏิก่อน เพราะว่าสภาพพื้นที่วัดน้ำจะท่วมสูงมาก สูงถึง ๑.๗๐ เมตร พระก็ไม่มีที่อยู่เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม จึงต้องรีบสร้างขึ้น ก็มีญาติโยมมาร่วมบริจาคบ้างแต่ก็ยังขาดทุนทรัพย์อีกมาก อาตมาก็มืดมนพอสมควรว่าจะหาทุนมาสร้างกุฏิและหอสวดมนต์จากที่ไหน

          แต่ก็เหมือนฟ้าประทานเมื่อหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นอาจารย์เป็นกรรมวาจาจารย์ของอาตมาเองได้มาเยี่ยมดูแลให้กำลังใจ อาตมามีกำลังใจขึ้น เมื่อพระผู้ใหญ่ผู้เป็นอาจารย์มาให้กำลังใจ หลวงพ่อท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูงต่อลูกศิษย์ทุกคนที่ได้รับความทุกข์ ท่านให้กำลังใจ ให้ความคิด และให้กำลังทรัพย์ ท่านประกาศว่าจะช่วยอนุเคราะห์ในการก่อสร้างวัดจินดามณีขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จ ท่านให้อาตมารีบดำเนินการเลย นี่แหละคือความเมตตาที่แท้จริงจากหลวงพ่อที่ต้องการให้พระศาสนาเจริญต่อไป และลูกศิษย์พ้นจากทุกข์อันหนัก

          เกล้ากระผมในนามภิกษุสามเณรและญาติโยมทุกท่านทุกคน ต้องกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่หลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล ให้ความอนุเคราะห์และเมตตาในการก่อสร้างกุฏิและหอสวดมนต์ ของวัดจินดามณี ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี นี่แหละบุญกรรมมีจริง ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ทำดีได้สุข ทำชั่วได้ทุกข์ เป็นสัจธรรมที่แท้จริง...

         

 

 

หลวงพ่อบูรณะวัดจินดามณี

หลวงพ่อบูรณะวัดจินดามณี

 

พระครูปริยัติกิจจานุกูล

เจ้าอาวาสวัดจินดามณี

H13003

 

ไฟไหม้วัดจินดามณี

          “เมื่อมีเจริญ ก็มีเสื่อม เป็นของคู่กันเป็นธรรมดาของสัจธรรม”

          อาตมาจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวอาตมาและวัดจินดามณี ตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี ค่ำคืนของวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ อาตมาก็ทำหน้าที่อันเป็นกิจของสงฆ์เรียบร้อย โดยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคืนวันนี้จะเป็นคืนที่ฝันร้าย อันเป็นชะตากรรมอันหนักที่จะมาถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ เป็นวันที่จะต้องสูญเสียทุกอย่างที่มีอยู่ ดังคำที่ว่า “โจรปล้นสักร้อยครั้งยังไม่เท่ากับไฟไหม้ครั้งเดียว” ในความรู้สึกหรือจิตใต้สำนึกในคืนนี้นั้น มีความไม่สงบอยู่ตลอดเวลา จนถึงเวลาสมควรอาตมาก็สวดมนต์ภาวนาตามปกติแล้วก็เข้าจำวัด ในขณะจำวัดรู้สึกว่าหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่ตลอดเวลาก็พยายามภาวนาสงบจิต เพื่อต้องการให้จำวัดหลับสนิท แต่ก็ยังหาความสงบมิได้ จนถึงเวลาประมาณ ๑ นาฬิกาของวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๑ ไฟฟ้าเกิดดับ ๆ ติด ๆ อยู่พักหนึ่ง อาตมาก็คิดว่าไฟฟ้าคงจะเกิดเหตุภายนอกวัด จึงไม่เกิดความสงสัยอะไร เพราะไฟฟ้าก็ติดตามปกติแล้ว หลังจากนั้นประมาณสัก ๓๐ นาที อาตมาก็ต้องตกใจเมื่อพระภิกษุที่อยู่ใกล้เหตุการณ์รีบมาบอกอาตมาว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในกุฏิ อาตมาก็ถามว่าหลังไหน ท่านบอกหลังใต้สุด จึงรีบไปดูจุดที่เกิดเหตุ อาตมาเห็นไฟกำลังไหม้ภายในกุฏิอย่างหนัก จึงปลุกพระและเด็กวัดทุกคนให้ช่วยกันดับ ทุกคนพยายามดับจนสุดความสามาถ พระบางรูปก็ตีระฆังและกลอง อาตมาก็สั่งให้พระโทรไปแจ้งรถดับเพลิงตามหน่วยต่าง ๆ กว่ารถจะมาถึงก็ไหมไปเกือบ ๑ หลังแล้ว ทั้งชาวบ้านเป็นร้อยคน นายอำเภอ รองผู้กำกับฯ ก็มาช่วยกัน แต่พระเพลิงก็โหมอย่างหนัก ชาวบ้านหรือทุกคนต่างยืนดูกันด้วยอาการกระวนกระวายร้อนอกร้อนใจ เสียอกเสียใจกับภาพที่กำลังเกิดขึ้น บ้างก็อุทานว่าหมดแล้ววัดเราไม่เหลืออะไรอีก คนเฒ่าคนแก่ก็ร้องห่มร้องไห้เสียอกเสียใจ เห็นแล้วน่าสลดใจยิ่งนัก ส่วนตัวอาตมาก็พยายามทำใจสั่งการให้คุมสถานการณ์ให้ได้ แต่ก็สุดวิสัยจนพระเพลิงได้ไหม้กุฏิไปหลังแล้วหลังเล่า หมดกุฏิไป ๖ หลัง หอสวดมนต์ ๑ หลัง หอกลองหอระฆังอีกอย่างละหลัง สิ่งของที่อยู่ในหอสวดก็ดี กุฏิก็ดี เสียหายจนหมดสิ้น คงเหลือกุฏิอยู่หลังเดียวซึ่งเป็นที่อยู่ของอดีตเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาตมาเอง และก็รูปหล่อของท่านที่อยู่ในหอสวดมนต์ไม่ไหม้ไปกับพระเพลิงเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก

          เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว อาตมาก็นั่งคิดว่านี่เป็นความฝันร้ายแต่เป็นเรื่องจริง ทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้วจะทำอย่างไรดี กุฏิไม้สักสวย ๆ งาม ๆ อายุเป็นร้อยปี หอสวดมนต์ก็หมดไปกับพระเพลิง อะไรมันมืดมนไปหมด มองภาพที่เสียหายก็นึกแทบทำใจไม่ได้ แต่ก็พยายามข่มจิตข่มใจตลอดเวลาว่าจะไม่แสดงอาการความรู้สึกเสียใจให้ญาติโยมได้รู้ได้เห็น เพราะจะทำให้ญาติโยมเสียใจมากขึ้น กว่าอาตมาจะทำใจได้ก็นานพอสมควร พอนึกถึงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมีเกิดขึ้นก็มีดับไปเป็นธรรมดา มีเจริญก็มีเสื่อม เป็นสัจธรรมเที่ยงแท้ เมื่อวานนี้เรามีที่อยู่อาศัยที่ประกอบกิจ มีสมบัติที่สะสมเอาไว้เป็นของวัดก็ดี หรือของตนเองก็ตาม แต่วันนี้ไม่มีอะไรเหลือคงมีผ้านุ่งผ้าห่มติดตัวออกมาจากห้องเท่านั้น เมื่อเราเกิดมาก็ไม่มีอะไรมามีแต่กรรมดีและชั่วติดตัวกันมาเท่านั้นเอง จะคิดเสียใจทำไมให้เกิดทุกข์เสียเปล่า ถือว่าเกิดจากความประมาทหรือเวรกรรมของเรา หรือวัดของเรา เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้วอาตมาก็เริ่มรวบรวมคิดใช้ปัญญาให้เกิดประโยชน์ เริ่มตั้งโครงการจัดรูปกุฏิ ๔ หลัง ๆ หนึ่งยาว ๙ เมตร กว้าง  ๖ เมตร หอสวดมนต์ ๒ หลัง ๆ ยาง ๒๑ เมตร กว้าง ๑๒ เมตร และก็ต้องรีบดำเนินการสร้างกุฏิก่อน เพราะว่าสภาพพื้นที่วัดน้ำจะท่วมสูงมาก สูงถึง ๑.๗๐ เมตร พระก็ไม่มีที่อยู่เมื่อถึงเวลาน้ำท่วม จึงต้องรีบสร้างขึ้น ก็มีญาติโยมมาร่วมบริจาคบ้างแต่ก็ยังขาดทุนทรัพย์อีกมาก อาตมาก็มืดมนพอสมควรว่าจะหาทุนมาสร้างกุฏิและหอสวดมนต์จากที่ไหน

          แต่ก็เหมือนฟ้าประทานเมื่อหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นอาจารย์เป็นกรรมวาจาจารย์ของอาตมาเองได้มาเยี่ยมดูแลให้กำลังใจ อาตมามีกำลังใจขึ้น เมื่อพระผู้ใหญ่ผู้เป็นอาจารย์มาให้กำลังใจ หลวงพ่อท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูงต่อลูกศิษย์ทุกคนที่ได้รับความทุกข์ ท่านให้กำลังใจ ให้ความคิด และให้กำลังทรัพย์ ท่านประกาศว่าจะช่วยอนุเคราะห์ในการก่อสร้างวัดจินดามณีขึ้นมาใหม่จนแล้วเสร็จ ท่านให้อาตมารีบดำเนินการเลย นี่แหละคือความเมตตาที่แท้จริงจากหลวงพ่อที่ต้องการให้พระศาสนาเจริญต่อไป และลูกศิษย์พ้นจากทุกข์อันหนัก

          เกล้ากระผมในนามภิกษุสามเณรและญาติโยมทุกท่านทุกคน ต้องกราบขอบพระคุณอย่างสูงที่หลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล ให้ความอนุเคราะห์และเมตตาในการก่อสร้างกุฏิและหอสวดมนต์ ของวัดจินดามณี ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี นี่แหละบุญกรรมมีจริง ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ทำดีได้สุข ทำชั่วได้ทุกข์ เป็นสัจธรรมที่แท้จริง...