ปกิณกธรรม

 

พระราชสุทธิญาณมงคล

P10011

 

            ปัจจุบันอาตมานอนตี ๓ ตี ๔ ทุกวัน เพราะโยมพากันมาจากทั่วประเทศ ต่างก็มีปัญหาอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็คุยกับทุกคน ๆ จนเสียงแหบแห้ง เราต้องให้โอกาสเขา เขามีทุกข์มา เขามีความสุขกลับไปเราก็พอใจ บางคน ๔๐ ปี เพิ่งเจอกัน เป็นนายพลตรี อายุ ๘๔-๘๕ เขาน่ะนึกถึงเรา แต่เขามาไม่ไหว พอบอกชื่อปั๊บ เรารู้เลย ถามเลยว่าตอนนี้อายุ ๘๕ แล้วใช่ไหม

            พันตำรวจโท ชน อินทนา ที่ลงกฎแห่งกรรมเล่ม ๘ ที่เราเกือบไปตายในรถไฟ เพราะไส้ติ่งแตกเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๒ เนื่องจากเวรกรรมเก่าของเรา ที่เอาไส้ไก่ออกมาเย็บ แล้วมันไส้เน่าตาย เรื่องไส้เน่าเกิด ๒ ครั้งแล้ว ในโบสถ์นี่ด้วย หมอจะตัดไส้แต่ก็รอดมาได้

            ตอนนั้นจะไปส่งผู้บังคับการกองตำรวจที่ไปปราบคอมมิวนิสต์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช ถ้าเราไม่ไป นายตำรวจผู้นี้โดนออก เพราะว่าตำรวจเป็นคอมมิวนิสต์ด้วย เราเลยต้องไปบอกเหตุการณ์ ให้แกติดตามไปด้วย ขึ้นไปบนรถไฟพอถึงจุดนะ ไส้ติ่งแตกเลยนะ ตายในรถไฟ ๓ ชั่วโมง ไส้ติ่งแตกไม่ตายยังไง ในชีวิตเราที่ต้องทรมานอย่างสุดซึ้งมาตลอดเวลากาล แล้วก็ไปที่โน่น หมอบอกตาย ท้องโต เลือดออกทางทวารหนักทวารเบา อาเจียนออกเป็นเลือด นี่มันแตกนะแล้วเราก็รอดได้ แล้วพันตำรวจโทนี่ก็นึกชื่อคนไม่ได้ มานั่งกรรมฐาน ๔ วัน นึกชื่อคน นามสกุล ออกได้หมด นี่แหละ ระลึกแล้ว ระลึกเหตุการณ์ได้ พอมีสติรวมได้ทันที มันก็นึกเรื่องเก่าอีกได้ ถ้าเราขาดสติไป ลืมเลือนกันไปจะนึกอะไรไม่ออก แล้วมันไม่ได้สะสมเข้าไว้ นี่จะมานั่ง ๔-๕ วัน ที่เราต้องไปตายในรถไฟ ท้าวความหลังเมื่อปี ๒๕๑๒ ใช่ไหม แล้วแพทย์หญิงคนนั้นยังไม่มีครอบครัว ชื่อนั้น นามสกุลนั้น เราก็จำได้ ที่รักษาเราบอกว่าไม่ผ่าตัด ไม่ต้องตาย ก็บอกต๊ายตาย ๆ ตายนี่จนหมดเลยหมดเรื่องเลย ก็มีสถานีรถไฟเป็นพยานที่มาถ่ายรูป

            คนที่ว่าเป็นเบาหว่านรถทับเลยก็นั่งสวดมนต์ แผ่เมตตา นั่งเจริญกรรมฐานเลยเบาหวานหายไป ขาไม่ต้องตัดใส่เหล็กเดินได้ เมื่อวานก็มาใช่ไหม เมื่อวานมาจริง มันเป็นธรรมศึกษาสำหรับชีวิตเด็ก ลูกหลานอย่าได้ทำบาป ไหนจะสร้างเวรสร้างกรรม แต่ความจริงนี่เราตายทุกคน ไม่มีใครรอดพ้นไปได้ ไม่ว่าใครหรอก ถ้าตายจะไปทางทิศไหนกันเท่านั้นเอง

            เมื่อคนไปให้โอวาททหารอยู่จนดึก อธิบายให้ฟังให้เข้าใจ แล้วเดือนพฤษภา โรงเรียนเปิด เด็กเข้ามาพักปฏิบัติอีกคราวละ ๕๐๐ ถึง ๖๐๐ คน เมื่อสองวันก่อนก็ต้องพิมพ์ หนังสือพัฒนามารยาทไทย คำกลอนสอนจิต เพิ่มอีก เพื่อใช้สอน อาตมาท่องกลอนในเล่มนี้ได้หมดเลยนะ เขาเรียกปฐมจรรยา เมื่อสมัยโบราณเด็กมีมารยาทจรรยา ไปลามาไหว้ แล้วท่องได้เพราะครูตี ครูไม่ตีก็ท่องไม่ได้ อาตมามาแปลงเป็นคำกลอนสอนจิต ให้เด็กอ่านได้คล่อง ๆ ต้องตีความพัฒนา พระนี่ ๒๐๐๐ กว่าปีมาสอนอย่างนั้นได้หรือ เด็กมัน ๒๐๐๐ กว่าปีแล้วจะไปเอา ๒๐๐๐ กว่ามีมาสอนนี่มันจะครึไป แต่ก็เรื่องเก่ามาสอนกันไปแล้วก็ตีความให้ชัด อาตมาเห็นว่าคนไทยขาดมารยาทในสังคม แล้วก็จดไว้เป็นตำราต่อไป ไม่ใช่ว่าไปเอาที่อื่นมานะ แล้วก็พิมพ์

            ตอนกลางคืนต้องใช้คอมพิวเตอร์แล้วว่าตรงนี้ขาดอะไร จะทำอะไร นี่โยมจำไว้นะ ว่าเรามีระบบไม่ใช่แจกงานได้ ไม่มีเงินเดือนให้เขา แล้วเขาจะมาทำงานให้เราหรือ ถ้าเขาไม่มีศรัทธากับเรา หรือว่ามีความดีกับเขาแล้ว เขาจะไม่ทำงานให้เราเลย

            พระมาบวชกันที่นี่เป็นร้อย ๆ แล้วจะไปใช้งานเขาได้อย่างไร เขาจะมาเรียนหนังสือ เขาจะมาฝึก จะไปใช้งานเขาได้หรือ บางวัดเอาพระมามุงหลังคาเห็นไหม พระมาเทปูนวัดนี้ไม่ใช้ เขามาบวชต้องการมาศึกษาอบรม ไม่ใช่มาทำงานนี่เหตุผล ต้องฟังเหตุผลกัน เหมือนอย่างลูกโยมนี่ อาจารย์มาฝากก็ใช้งานเทปูนให้ ไม่ใช่งานโยธา ไม่ใช่มุขมวยโยธา มาบวชศึกษาเล่าเรียนเพื่อฝึกฝนอบรม ต้องการจะรู้คุณค่าของบิดามารดาจึงมาบวช อย่าไปใช้เขา เราแจกงานไปแล้ว ตี ๑ ตี ๒ ไปโวยวายเรียกใคร ก็เอาไว้ข้างตัวหมด ต้องหยิบโน่นเขียนนี่ถึงตี ๓

            กลางคืนกว่าจะหมดงาน ก็ตี ๓ ทุกที กลางวันต้องรับแขก กลางคืนต้องทำงานหนังสือ คิดแล้วคิดอีก ไม่มีใครทำอย่างอาตมา ทำไปจนกว่าจะตาย ตายไปแล้วนี่วัดจะไปรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ใครจะทำงานอย่างอาตมาได้ไหม อาตมาจึงขอหยุด เดี๋ยวจะเสกคนแล้วให้เขาเป็นตัวแทน แล้วจะทำได้ไหม

            นี่วัดศรีโสดาที่เชียงใหม่ โทรมาอีกแล้ว จะเอาพระมาอบรมธรรมจาริก ที่ไปสอนชาวเขาเผ่าแม้วบนยอดเขา มาที่นี่ ๗ วัน ได้ผลไปแล้ว บางองค์ก็บอกว่า ๘๐๐ กิโล มาทำไมนี่ เชียงใหม่ก็ดีเยอะแยะ พอมาแล้วก็เงียบกันไป ไม่มีใครพูด มานึกว่าอาตมาอายุมากแล้ว จะไปไหวไม่ไหวอาตมาก็ต้องไป ตรองต่อไป มันไม่มีตัวแทนได้ ตัวแทนหายากหน่อย ต้องอดทนต่อสู้ไปจนกว่าจะตาย ต้องเสียสละหมด ไม่มีอะไรเป็นของเรา ได้มาก็ขอให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นประโยชน์ต่อโครงการของเขา คนอื่นเขาไม่ได้คิด ขนาดน้ำเสีย ท่อประปา อะไรต่ออะไร ก็มาทำช่วงขึ้นนี่ข้างใต้นี่รื้อหมดแล้ว รื้อทำใหม่หมด แต่ที่นี่ช่างมาช้า ก็คนบ้านเหนือเขาก็ไปเจ็บป่วย ไปเกี่ยวข้าวบ้าง ก็ต้องช้าไปแล้วตรงนั้นยืมเต๊นท์ทหารมาก็รื้อส่งคืน เอาสังกะสีมุงให้เป็นที่รับประทานอาหารถาวร ทำใหม่หมดแล้ว

            นี่เราจะคิดสร้างโรงเรียนอีกแล้ว ที่มันไม่พออยู่ จะซื้อที่เขาก็ไม่ได้ ไม่ขายเลยก็คิดเดี๋ยวเดียว ที่มันมีอยู่ ๑๒ ไร่ จะขอเวนคืนไม่ให้ชาวบ้านเช่า เอามาสร้างโรงเรียน สปช. เขา เราสร้างเองนะจะต้องเป็นตึก ๓ ชั้น ทำรั้ว ทำสนามฟุตบอลให้เด็ก แล้วตรงนี้มาปลูกสวนป่า จอดรถแล้วมานั่งกรรมฐาน

            ถ้าไม่คิดอย่างนี้ ไม่มีใครคิดหรอก คอมพิวเตอร์มันตีมาบอก อย่างนี้ต้องทำ ที่ ๑๒ ไร่ พอหรือโรงเรียน ๑๒ ไร่ ก็ที่ตรงนี้ที่ของเรามันแค่ไร่เดียว ที่โรงเรียนเห็นไหมมันแคบ เนื้อที่เขาสร้างมีวัดร้างอยู่ ๑๒ ไร่ ชาวบ้านเช่า ๓๐๐ บาทต่อปี นี่เราจะขอกรมการศาสนา ขอมาเป็นของเรา สร้างโรงเรียนให้แก่รัฐบาล สร้างโรงเรียนให้เลย แล้วก็สร้างสนามฟุตบอลให้ด้วย ทำรั้วให้อย่างสวย แล้วสร้างบ้านพักครูให้อีกด้วย แล้วเราก็เอาที่ตรงนี้คืนมาแลกกัน

            อาตมาตั้งแต่กลับจากยุโรปไม่ดีขึ้น น้ำหนักลดตั้ง ๖ กิโล ไปเป็นไข้ที่ลอนดอน ไม่สบายเลยตั้งแต่นั้นมา ไม่ดีขึ้นแล้วก็อาทิตย์นี้จะชวนไปยุโรปอีก บอกจะให้ไปดูงาน แล้วจะให้ไปญี่ปุ่น จะไปซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ประจำห้องน้ำ ขึ้นเครื่องเข้าห้องน้ำ หาทางออกไม่ได้เลย เหยียบไปเหยียบมาประตูเปิดเองเลย เออ มันอยู่ตรงนี้เองนะ น้ำก็ใช้ไม่ออก เอาเท้าแหย่ไปแหย่มา น้ำพุ่งเอง อ๋อ เราโง่จัง

            ถาม  หลวงพ่อครับ ผมเดินทางมาวันนี้ มีปัญหาอยากเรียนถามหลวงพ่อเพราะหลวงพ่อเป็นนักคิด เรื่องคำถามที่ผมจะถามไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาในการแก้ปัญหาชีวิตประจำวัน ที่ผมอยากรู้มันเป็นส่วนที่เป็นความฉลาด หรืออุบายของหลวงพ่อเอง ผมเคยเข้ารับการอบรมอยู่กับเรื่องกรรมฐานหนอ แบบพม่า เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว ตอนหลวงพ่ออาสภะที่อุบล จนกระทั่งผมได้มาพบสิ่งที่หลวงพ่อกำลังนำเสนออยู่ที่มันมีความแตกต่าง ๆ ในอุปายะ และเทคนิควิธี ตัวกระผมได้ศึกษาเทคนิควิธีของอดีตพระอริยคุณาธาร (หลวงปู่เส็ง ปสฺโส) ในส่วนนี้อยากเรียนถามหลวงพ่อถึงเทคนิคหรืออุบายที่หลวงพ่อกำลังใช้สอนอยู่ซึ่งมีความแตกต่างจากเทคนิคดั้งเดิมที่ทางพม่ามีอยู่

            หลวงพ่อ  ไม่ใช่พม่า หนอนี่ไม่ใช่พม่า สติปัฏฐาน ๔ แต่ที่นี่จำไว้ ไม่ใช่อย่างเดียว แก้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีวิชาด้วย ที่ไปมานี่ อาตมาไปอยู่กับหลวงปู่เส็งมา พระเจ้าคุณอริยคุณาธาร สามารถจะส่งกระแสจิตไปสอนบ้านโน้นบ้านนี้ อาตมาได้มานะ ต้องได้หลายอย่าง เป็นครูต้องสอนได้ทุกอย่างนะ แล้วอาตมาได้ตำราจริงจากที่ขอนแก่น ที่อาตมาไปเจอพระเมตตา เคยเล่าให้ฟังใช่ไหม นี่ละอาตมาได้ของจริงหลายอย่างมาประยุกต์ ก็คนเรานานาจิตตัง จะไปสอนอย่างเดียวได้หรือ ไม่ใช่ของพม่า แต่ธรรมะนี่ใช้สติปัฏฐาน ๔ หนอ นี่ไปใช้อะไร หนอ คือ คำของพุทธนะ ไม่ใช่ของพม่า เมื่อก่อนนี้อาตมาก็เข้าใจว่าของพม่า ก็คนไทยมีแต่พุทโธ สัมมาอะระหัง หลวงปู่สด วัดปากน้ำ ท่านบอกท่านทำเองอยู่วัดโพธิ์ท่าเตียน ได้ธรรมกายก็คือ สมถะ แล้วตั้งหลายอย่างก็พิจารณาหลาย ๆ เรื่อง ไม่ใช่อย่างเดียวนะ ต้องมาคำนวณแผ่เมตตา ทุกคนยังไม่ได้เลย เราต้องการจะไปสอนใคร อย่าลืมนะ ที่เราไปยุโรป ๕ ประเทศ ไม่ใช่อย่างนี้อย่างเดียว ต้องเป็นหลายอย่าง เหมือนอย่างเราเรียนป.๔ มีหลายวิชาใช่ไหม มีเรียน ม.๖ วิชาอย่างเดียวที่ไหนล่ะ ภาษาอังกฤษวิชาเดียวหรือ ต้องมีคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มีภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ต้องเรียนหลายอย่าง ไม่ใช่อย่างเดียว

            บางคนก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ที่เราสามารถจะแผ่เมตตาไปเข้าบ้านใคร อันนี้เรารู้มาก่อนจากท่านอริยคุณาธร สำนักบำเพ็ญธรรมสวนเขากวาง ขอนแก่น ท่านมรณภาพไปแล้วนะ ไม่มีใครได้ แล้วอาตมามาประยุกต์เอาใหม่ ครั้งที่ไปยุโรป ๕ ประเทศ อาตมาแผ่เมตตาไป ทำไม่ไปเข้าบ้านญวน บ้านลาว ไปสอนเขา ๒ คืนนี่แบบนี้ เป็นไปได้ไหม ถ้าไม่ใช่ญาติโยมของเราอย่าไปเข้า แล้วอธิษฐานไป อันนี้ไม่ใช่เรียกว่าถอดจิต เรียกว่า อุทิศแผ่เมตตา แล้วจะไปสอนใครเขาได้ จิตนี้มันละเอียดอ่อน จิตนี่มันลอดข้างฝาได้ แล้วหลับตาปั๊บนี่นึกถึงศาลามันไปถึงเลย มันไม่ได้ออกทางประตู นี่อาตมาไปได้ของดีจากขอนแก่นเพิ่มผสมขึ้น

            บางคนก็พองหนอยุบหนออยู่แค่นี้เอง เอาแต่แค่นี้ แต่อายตนะธาตุอินทรีย์ไม่มี จิตเกิดที่ไหนก็ไม่รู้ สติปัฏฐาน ๔ คืออะไรไม่เข้าใจ จึงไม่รู้เรื่อง อันนี้ต้องหลายอย่าง นี่เราไม่ใช่รู้อย่างเดียวนะ นี่อาตมาได้ของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ๒ ข้อ องค์นี้ ๒ ข้อ องค์นี้ ๓ ข้อ องค์นี้ ๔ ข้อ มันก็เยอะขึ้น แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน จุดมุ่งหมายคือจิตถึงขั้นเหมือนกันที่นี้ ถ้าหากว่าจิตไม่ถึงก็ทำอะไรไม่ได้ ยอยกตัวอย่างให้เห็นไฟเกรดนี้ใช้อะไรได้บ้าง เช่น พัดลม นี่มันใช้อะไร ใช้เกรด ๑๓๐ หรือ ๒๓๐ อย่างนั้น แล้วทีนี่กำลังมันไม่พอ มันก็ไม่มีแรง ทีนี่จุดจิตนี่ ภาวนานี่ จิตถึงขั้นปั๊บ ทุกอย่างได้ผล ถ้าจิตไม่ถึงแล้วทุกอย่างก็ไม่ได้ ไม่ได้อะไรเลยนะ

          บางคนก็ไม่เข้าใจ พูดก็ไม่เข้าใจ บางคนไปบวชชีพราหมณ์ตามวัด หวังไปสวรรค์นิพพาน เราสงสารเหลือเกิน ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ ต้องสอบสมบัติมนุษย์ มีสมบัติค่อยถ่ายธรรม ท่านว่า จิตนี่เข้าชั้นประถม ทำอะไรได้บ้าง จิตเข้าขั้นมัธยม ทำอะไรได้บ้าง จิตชั้น ๒ ถ้าจิตไม่เข้านี่ ไม่มีทางหรอก ทำอะไรไม่ได้ มันไม่มีพลังพอที่จะทำ ก็อย่างที่เห็น นี่เรามีเจ้าคุณอริยคุณาธาร เริ่มแรกที่เราไม่ดี เราชอบเล่นต่างหาก ชอบเล่นไสยศาสตร์ เราเคยเสกแมงทับให้เป็นตุ๊กตาพูดก็ได้ เลิกแล้วนะ เลิกแล้วนะ เราทำได้เหรอ เอาเทียนจุดในน้ำโหลใหญ่ ๆ ปุ๋ง ปุ๋ง ปุ๋ง ปุ๋ง เดือดแล้วล่ะมองดูซิ เทียนอยู่ในน้ำทำได้ แต่ไม่ใช่ของจริง และไม่เกิดอะไรขึ้นมา ทำแล้วเลยไม่เกิดประโยชน์ ไม่เกิดประโยชน์เลย เราเรียนมาก่อน เราจึงได้ของหลายอย่างแล้วมาประยุกต์ มาปริทัศน์ ให้ขึ้นมาสอนเด็กรุ่นนี้เข้า รู้กฎแห่งกรรมเลยว่าเด็กนี่มีสามีจะสอนอย่างไร จะสอนอย่างนี้ไม่ได้ ที่ว่า สมถะ นี่เปลี่ยนจริต ไปตามจริตที่ชอบใช่ไหม ไม่ใช่ จริตแปลว่าอะไรก่อน แปลว่า นิสัย นิสัยแปลว่าอะไร นิสัยแปลว่าแบบอย่าง มันเป็นที่นิสัย ถ้าหากว่าเรามีสติสัมปชัญญะ มีปัญญาไม่ต้องเปลี่ยนจริต มันจะเกิดแต่ปัญญาอย่างเดียว รอบรู้ในเหตุผลข้อเท็จจริงขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

          น่าจะตีความ เพราะว่านี่ ๒๐๐๐ กว่าปีแล้วมันใช้เชือก แต่เราไม่ต้องการใช้เชือก ก็ดูศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าไม่ต้องการใช้ ศีล แปลว่า ปกติ คนจะมีปกติได้ต้องมีสติควบคุมจิต มีสัมปชัญญะรู้ตัว มันจึงจะเกิดพันพัวในสิ่งที่มีประโยชน์ เรียกว่า ศีล สมาธิ สมาธินี้มี ๒ อย่าง สมาธิทางอิจฉากัน มีพลังในการที่จะไปแก้ไข มีพลังงานที่จะต้องไปผูกพยาบาทเขา มีพลังงานที่ต้องไปปฏิวัติมัน นี่สมาธิ สมาธิทางพระรับรสสมาธิทางโกง พอมีสมาธิสูงโกงเลย มันแรงไปทางโกง คนไม่เข้าใจแล้วไม่ตีความนี่สมาธิทางไหน ถ้าเราจะย่องเบา เราจะไปลักรถ ต้องมีสมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิไม่ได้ ญี่ปุ่นที่มันขึ้นประเทศไทยมันนั่งล้อมวงกินเหล้ากัน คนไทยมีสมาธิคลานเข้าไปลักกินหมดเลย มัวแต่กินเหล้า ปืนวางข้าง ๆ ใครเก็บหมด ถ้าไม่มีสมาธิไปเอาปืนมันได้หรือ ไม่กลัวตาย สมาธิต้องแยกไว้ก่อน เลยบอกมีสมาธิดีหมดได้อย่างไร สมาธิยังโกงเลย

          ถ้าอาจารย์จะไปลักปืนเขามา เขามานั่งนี่ ถ้าเราไม่มีสมาธิ ไม่มั่นใจ จะไปเอาปืนมาได้ไหม คนไทยนี่มีสมาธิทางโกงเยอะ สมาธิทางปัญญาไม่ค่อยมีหรอก แหมโกงกันเรื่อย คนไทยนี่ขี้โกง แล้วขี้อะไรที่จะดีล่ะ คนไทยเท่าขี้เกียจไม่มี อ้าว อ้าว เวลาเราไปอยู่โรงเรียน ตื่นตี ๔ กริ๊ง... นาฬิกาใช่ไหม มันดังเดี๋ยวกดนอนต่อ อย่างนี่สิมันคอยจะสมาธิอย่างนี้ทั้งหมด อ้าว อ้าว อย่าหัวเราะนะ ใช่ เชื่อไหม นี่องค์นี้เป็นมาแล้ว องค์นี้แหละ ถ้ากริ๊ง... ต้องลุกเลย ลุกเลยใช่ไหม ใช่ไหมมันมีสมาธิ ญี่ปุ่นยืนยามที่เหนือวัดไชโย ตอนนั้นอาตมาเป็นเด็กนักเรียน ญี่ปุ่นเข้าประเทศไทยที่สงครามโลกครั้งที่ ๒ นะ ตอนนั้นอยู่มัธยม แหมความกล้าหาญนี่ เข้ามาสมาธิเดี๋ยวกูจะไปตีมึง ยามญี่ปุ่นถือปืน ถือปืนอะไร เรือจอด ๓ ลำ ปืนทั้งนั้น ไม่เหลียวหลังเลย ดูแต่เรือ ปืนนะ นี่ปืนพกอีก ๓ กระบอก ลูกระเบิดอยู่นี่อีก ถือปืน คนไทยมีสมาธิ มีไหมไอเดีย ย่องเข้าไป ถ้าไม่มีสมาธิ จะย่องไม่ได้นะ ไม่กลัวมันหรือ กล้าแต่สมาธิทางเลว ทางไปขโมยปืน พอไปถึงปั๊บ คนไทยขี้ขโมย มันมีสมาธิอยู่ มันทำยังไงรู้ไหม แหย่ ไม่ใช่ขู่ แหย่ทำไม แหย่ทหารญี่ปุ่นทำไม มันมีปืน นี่มันดูเรือมัน ญี่ปุ่นนี่โง่นี่ ดูแต่เรือ ข้างหลังไม่หันมานี่ เรือจอดแล้วมันยืนยามอยู่บนตลิ่งใช่ไหม มันดูแต่เรือ มันอยู่คนเดียว แล้วนอกนั้นน่ะไปรำวง คนไทยล่อไปรำวง รำวง แล้วก็เดี๋ยวก็มาเอาของในเรือ แหย่เพื่ออะไรนะ แหย่เพื่อหันจำไว้ พอหันก็เปรี้ยงนี่ เขาเรียกว่าตีทัดดอกไม้ ถ้าไม่หันมันจะไปตีไม่ได้

          ถ้าไม่มีสมาธิจะไปแหย่มันได้หรือ เดี๋ยวยิงตาย เข้าใจคำนี้ไหม พอหันมาปั๊บ เปรี้ยงเลย ไม้คมแฝกสลบเลย สลบก็แย่งปืน สลบเลย แล้วพวกก็กรูลงเรือ ญี่ปุ่นที่มันมัวไปรำวง คนไทยไปหลอกให้รำวงไปร้องรำทำเพลง กินเหล้า เมายา นี่เราก็จำได้ นี่สมาธิเหมือนกัน ถ้าเราไม่มีสมาธิย่องไปเอาไม่ได้ แต่สมาธิแบบนี้เรียกว่า โลกียปัญญา ปัญญาทางโลกีย์

          แต่ สมาธิทางดี นี่ มีน้อยคนที่จะกล้าสร้างความดี กล้าทำความชั่วมีมาก ถ้ามันไม่มีสมาธิมันโกงเงินไม่ได้ หาวิธีโกง อย่างไรที่จะโกงได้แนบเนียน โกงพี่โกงน้อง สมาธิทางเป็นนักเลง โกงได้แนบเนียน โกงอย่างไร ก็ใช้สมาธิ แต่สมาธิทางโกง สมาธิทางเป็นนักเลง สมาธิหัวไม้ ต้องใชสมาธิทั้งนั้น แต่ก็เกิดปัญญาทางเลง แต่สมาธิอันนี้มั่นในความดี สามารถจะมั่นใจในการสร้างความดี เป็น ปัญญาโลกิยะ แปลว่า แก้ปัญหา นี่ตัวนี้ ทั้งไม่ตีความ เราตีความได้แล้ว ปัญญาอยู่ตรงไหน เหมือนอย่างพวกเรานี้ มีหัวปัญญาทั้งนั้น ปัญญาทางโกงหรือเปล่า ปัญญาทางสร้างความดีมันอีกอย่าง มันจิตมั่น

          บารมีชั้นประถม คือ ความเพียร จะไปพูดแต่ความเพียรทุกครั้งได้หรือ สมาธิมีหลายชั้น ความเพียรชั้นประถม วิริเยน ทุกขมจฺเจติ บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ถ้าไม่มีความเพียรล่วงทุกข์ไม่ได้ แต่ขึ้นชั้นสูงแล้ว ขึ้นชั้นมัธยม บารมีคือการสะสม สะสมบารมีสร้างความดีในจุดมุ่งหมายของตน ขึ้นมหาวิทยาลัย บารมีแปลว่าอะไร แปลว่าไม่กลัว บารมีแปลว่ากล้า จะต้องทำงานต่อไป ไม่กลัวใครทั้งนั้น นี่ชั้นสูง มันต้องตีความแยกประเภทไป

          เดี๋ยวนี้พระสอนรวมไปหมดแล้ว ไปสวรรค์นิพพาน มันต้องได้หลายอย่าง เช่น สติปัฏฐาน ๔

นี่เราเจอพระท่านในป่ารำลึกชาติได้

สองรำลึกถึงบุพการีได้

สามรำลึกชาติครั้งอดีตได้

สี่รู้กฎแห่งกรรมที่ตนทำกันไว้

ห้าแก้ไขปัญหาใหญ่

เท่านี้เหลือกิน เหลือกินเลย ไม่ใช่อย่างเดียว และไม่ใช่ขอขมาที่เราทำ หนอนี่ของพระพุทธเจ้าแท้ หนอนี่แปลจากคำว่า วะตะ เป็นภาษาบาลี อนิจจา วะตะ สังขารา สังขารไม่เที่ยงหนอ อัญญาสิ วะตะโภ โกณฑัญโญ โกณฑัญญะเห็นดวงธรรมแล้วหนอ ที่นี่วุ่นวายหนอ คือ ยสกุลบุตร เป็นคำหนอ... หนอตัวนี้รั้งสติดีมาก ให้อยู่กับจิต รั้งจิตให้อยู่กับสติให้ได้ เช่น แสงนีออน บัลลาต สตาร์ทเตอร์ แล้วจะให้หนอติดสตาร์ทเตอร์ทำให้ไฟติด ถ้าไม่มีสตาร์ทเตอร์เอาออกเสีย ไม่ติดหรอก เป็นสื่อสำคัญมาก คือ สตาร์ทเตอร์ หนอนี่เป็นสื่อให้สติอยู่กับจิต เรียกว่า หนอ... โอ้หนอ โกรธหนอ... เสียใจหนอ... หนอที่ทำให้เป็นกรมประชาสัมพันธ์ สื่อสารประสานงาน ให้จิตกับสติอยู่ด้วยกันให้เกิดปัญญา เปิดสวิตช์ปั๊บ สตาร์ทรถปั๊บ ๆๆๆๆ ทำให้ไฟติด ต้องตีความให้ละเอียด เดี๋ยวนี้พระสอนให้ไปสวรรค์นิพพานหมด นั่งบวชชีพราหมณ์ไปสวรรค์ ไปนิพพานมานั่งคุยกันตามบ้าน ใช้ได้หรือ ไร้ปัญญา นี่บารมีชั้นประถม บารมีชั้นมัธยม มีความเพียรในทางดี บางคนชั้นประถมต้องความเพียรอย่างดีก่อน หนูตั้งใจเรียนหนังสือ ขยัน แปลว่าบารมี แปลว่าความเพียร แต่ขึ้นมัธยม แล้วไม่ใช่อย่างนั้นแปลว่าอีกอย่างหนึ่งเพิ่ม เพิ่มแปลว่า สร้างบารมีในทางดี สร้างความดี ขยันสร้างความดี ขยันทำดี ไม่ใช่ขยันทำชั่ว บารมีชั้นมหาวิทยาลัย ฉันกล้าที่จะสร้างความดี ไม่กลัวใคร ไม่กลัวใครนินทา

          หลวงปู่เส็ง ท่านเป็นเจ้าคุณอริยคุณาธาร ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวเราจะไปเทศน์บ้านโน้นนะ ไปเทศน์บ้านหนึ่งขื่อนั้น ๆ แล้วจึงกลับ แล้วท่านนั่งทางใน ไม่มีใครได้เลยนะเฮอะ มีใครได้ไหม เคยมีลูกศิษย์เคยได้ไหม ไม่มีหรอก อาตมาไปอยู่กับท่านที่ขอนแก่น ที่น้ำพอง ที่เขื่อนอุบลรัตน์ ที่ที่พระเมตตามาสอน อยู่ในดงในป่า พระอรหันต์ไม่ได้อยู่ตามวัด ไม่มีพระอรหันต์ อย่าไปเชื่อใคร พระอรหันต์มีก็เข้านิพพาน แล้วท่านอยู่ในกรรมของท่าน ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ แล้วท่านก็เข้าสมาธิ สักชั่วโมงท่านก็ออกมา ท่านบอกนี่เธอ ฉันไปเทศน์มาแล้ว เราก็นึกเออท่านเจ้าคุณอาจารย์ไปเทศน์อะไร นี่เราเป็นพระหนุ่มบวชใหม่ ๆ

          รุ่งขึ้นอีกวัน ยายนั้นมาแล้ว โอ้โฮ พระเดชพระคุณไปเทศน์ได้ซึ้งใจเหลือเกิน ฟังกัน ๑๐ กว่าคน แล้ว ๑๐ คนเป็นพยาน ก็ท่านไปที่ไหนล่ะ ท่านอยู่ที่นี่ ท่านไม่ได้ไปไหน อาตมาใช้ตำรานี้ ไม่งั้นอาตมาจะแผ่เมตตาไปยุโรปหรือ ไปเข้าบ้านญวนบ้านลาวได้ยังไง นี้ไม่มีใครได้ พูดให้พวกเราฟังกับที่ไปยุโรปมา ว่าเราไปสอนมา ๒ คืน นี่อดีต แผ่เมตตา แล้วก็สามารถจะไปเทศน์ที่นั่นได้ แต่อันดับ ๒ สมาธิยังไม่พอก็ฟังธรรม ถ้าสมาธิเต็มที่แล้ว เหมือนว่าไปเองเลย ไปเทศน์ให้ฟังอย่างนี้ แล้วบางคนนี่เขาบอกให้แผ่เมตตา เราแผ่เมตตา เราแผ่ไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร หมดกระแสไฟ หมดแล้วอย่างนี้ ทุนไม่มีเลย เหมือนหม้อแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่จะช่วยไม่ได้ เก็บไฟไม่อยู่แล้ว เหมือนรถที่มันต้องไสท้ายไปอย่างนี่ เก็บไฟไม่อยู่จะทำอย่างไร นี่ปัญหา ถามดีแล้ว มันไม่ใช่อย่างเดียวต้องหลายอย่าง ต้องสะสมกัน เหมือนอย่างอาจารย์ ใช้ดี ใช้วิชาประสบการณ์มาก ถ้าเราได้มีอย่างเดียว เอาอย่างอาจารย์ เรียนแพทย์จบ ไม่เคยรักษาโรค ไม่เคยรักษาคนไข้จะเก่งไปได้ไหม คนไข้เป็นกำลัง ถ้ารักษาได้มาก อาตมาถึงบอกแพทย์ว่า สำเร็จแล้วอย่าเพิ่งไปที่ไหน ต้องไปอยู่โรงพยาบาลให้มีชื่อเสียง ให้คนรู้จัก เอ๊ะ เก่ง รักษาโรคหัวใจเก่ง รักษาโรคปอดเก่ง หมอคนนี้มีชื่อ เปิดคลีนิก ใครจะมารักษาล่ะ ต้องมีประสบการณ์เก็บเล็กผสมน้อย ไม่ใช่ หนอ... หนอ... อย่างเดียว

          บางคนเขาก็ไปเข้ากัน ๗ วัน ไปญาณ ๑๖ แล้ว อะไรมันจะมากไป ญาณ ๑๖ ก็ยานโตงเตงน่ะอะไร เราไม่เคยยังไม่ได้ผ่าน

          อาตมาไปได้หลวงพ่อสดมาอีก ๒ ข้อ ต้องหลายครูและต้องจำเอามาประยุกต์ ไม่ใช่วิปัสสนาแบบสอนกันเดี๋ยวนี้ ต้องประยุกต์ หมุนสมองให้ทันสมัย ให้ใหม่เสมอ สอนเด็กรุ่นใหม่ให้เข้าใจ

          ที่เรากราบกันไป เบญจางคประดิษฐ์นี่ ประเพณีไทย ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า

          คำสอนพระพุทธเจ้ามีคำเดียว ผู้ใหญ่มา ยืนลุก ยืนรับ ยืนคำนับผู้บังคับบัญชา แสดงฐานะใหญ่ อย่านิ่งดูดาย ผู้ใหญ่มายืนขึ้นสิ นี่พระพุทธเจ้าสอนให้เป็นอย่างนี้ อาตมาไปรู้มาจากประเทศศรีลังกา กราบนี่ประเพณีไทย คนไทยสมัยสุโขทัยมีมารยาทแบบคนไทย แล้วทิเบตกราบยังไงรู้ไหม นอนเลย นอนกราบเลย เอ้าเราลองสิ เดี๋ยวออกไป เจอปั๊บ นอนกราบเลย เอ๊ะ เมื่อเข้ามาดี ๆ แท้ ๆ เป็นอะไรไป เอ๊ะ เมื่อเข้าก็ดีนี่นะ เลยพวกเราก็เอ๊ะ อะไรนี่

          ประเพณีจีนคนเขากราบยังไงรู้ไหม กราบสมองก่อน ศีรษะลงมาปลายเท้า แล้วกราบมือ ๒ เท้า ๒ สมอง ๑ จึงกราบอย่างนี้ แล้วก็กราบลงมา แล้วกราบอย่างนี้ ๆ เราไปเมืองจีนมาแล้ว รู้จริงเลย จีนเมืองไทยกราบไม่เป็นหรอก ต้องมาเรียนนี่ แล้วก็ต้องมาเรียนที่นี่ ก็คงจะลำบาก เอาล่ะดีแล้ว ประเพณีเขาต้องทำทั้งนั้นแหละ ไม่ทำ มันเสียประเพณีไปเลย อย่างที่แผ่เมตตาหรืออะไรก็ตาม เราไปเมืองจีนก็รู้ เลยรู้ประเพณี เขาต้องไหว้สมองก่อน ไหว้พ่อแม่ ไหว้ที่หัวรดน้ำดำหัว คนจีนนี่เขาไหว้ลงมานะ ยืนไหว้ แล้วต้องมานั่งไหว้ แล้วต้องยืนอีกถึง ๓ ครั้ง เขาต้องกราบสมอง เดี๋ยวทำท่าให้ดูก็ได้ อย่าเพิ่งร้องนะ ไปรู้มาจากปักกิ่ง เขาต้องยืนก่อน เขาต้องยืนนะ ยืนแล้วต้องไหว้ นี่เขากราบอย่างนี้ เมืองไทยไหว้ เออ เขามี ๓ ขั้นตอนนะ ไหว้เจ้าครั้งนะ ไหว้ทางหัวลงมา มือ ๒ เท้า ๒ สมอง ๑ แล้วลุกยืน นี่เราไปเมืองจีนมา โอ้โฮ นึกว่ามันจะมาทำอะไร ข้าพเจ้าขอคารวะ มันส่งภาษา รู้ได้ ต้องรู้จริงหน่อยสิ ต้องกราบมีระเบียบเรียนมาแล้ว เดี๋ยวไปอยู่ปักกิ่งดีกว่าสบาย แล้วเขาจะสอนอาตมนะ ดอกเตอร์คนนี้จบฝรั่งเศส จบอะไรหลายอย่าง แกก็มาเยี่ยมหลานแก อายุ ๗๒ แกปลดเกษียณ แล้วเป็นประธานคอมมิวนิสต์ เป็นที่ปรึกษาเติ้งเสี่ยวผิง หน้ายาว ๆ

          มีพระหลวงเตี่ยวัดโพธิ์องค์หนึ่ง แล้วก็สมเด็จพุฒาจารย์วัดสระเกศอีกองค์หนึ่ง แล้วนอกนั้นก็วัดชัยพฤกษ์ แล้วก็วัดสังเวช แล้วก็ดอกเตอร์ที่ปักกิ่งแกก็มามองดูพระ แกไม่พูด แล้วพวกนั้นเขาส่งภาษาจีนบ้าง ภาษาอังกฤษบ้าง ภาษาจีนกลางอะไรบ้าง ก็ว่ากันไป แล้วเราก็มานั่งอยู่ที่ก้อนอิฐ ๒ องค์ วัดดอนเมือง สักประเดี๋ยวดอกเตอร์มาแล้ว แกเดินมาแล้ว ก็ใช้ภาษาใบ้ ภาษาจีนกลางเราก็ไม่เข้าใจนี่ ภาษาอังกฤษก็ไม่ชัด แกก็มาชี้หลัก พอละจากรถตู้ ขอดูบัตร เราก็เอาบัตรให้แกดู พักที่โรงแรมชั้นหนึ่ง แล้วแกก็อธิบายให้เราฟังว่า ๔ ทุ่มจะเอารถคันนี้มารับไปที่บ้าน แล้ววัดดอนเมืองก็รู้ แต่ก็ทำเป็นไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไร อาตมาก็พยักหน้า โอเค แล้วก็มีอาเสี่ยที่เกาลูน ที่ขายเค้กที่ฮ่องกง แกก็เอาด้วยคนหนึ่ง แล้วก็อาหมวย ๓ เขารู้เรื่องนี้ดี เขาก็มาส่งภาษากัน เขาบอกกับเราว่า ผมไปที่บ้านพอ ๔ ทุ่มกว่า ๆ มั้ง รถคันนี้มารับ เราก็ไป พอได้ตำรามา ทีเคยเล่าให้ฟัง ดอกเตอร์คนนี้แกอายุมากแล้ว แกก็จับชีพจร แกส่งภาษาจีนกลางเลยว่า มีครอบครัวหรือยัง เขาก็ว่าไม่มี โสด แกกร่อยเลย ปากเนี่ยโกหกนะ จิตโกหกไม่ได้ คุณมีเมีย ๓ คน มีลูก ๕ ผู้หญิง ๒ ผู้ชาย ๓ โอ้โฮ นี่ทำให้เราได้ตำรา ไม่ต้องไปจับมือเขาหรอก ไปจับมือเขาทำไม ดูหน้าก็รู้แล้ว เห็นหนอ เห็นหนอ ทำไม่ได้ เห็นหนอนี่ก็รู้แล้ว แต่เราจะพูดทำไม่ แต่ไม่ใช่รู้ทุกเวลากาลใช่ไหม ถ้าสติเรามันรวมจิตไว้เป็นพลังให้ได้ รู้ตอนนี้ ถ้าตอนนี้กำลังฟุ้งซ๋านอยู่ จะไปเห็นคน จะไปรู้ได้ยังไงทุกครั้งไป ไม่ใช่ทุกครั้งจะได้ เห็นหรือยัง ถ้าเราวุ่นว่าย กำลังยุ่งงาน คนเดินมาไม่รู้ ให้เราตั้งใจเถอะไม่วุ่นต้องรู้แน่ ๆ ว่าคนนี้หน้าเป็นอย่างไร โหงวเฮ้งเป็นอย่างไร

          ถ้าเราไม่สำรวมจิตไว้ แล้วเราก็ยุ่งเรื่องงานอย่างนี้ จะไปรู้ได้ทุกคนหรือ ไม่รู้หรอก เชื่อเถอะ ใครบอกรู้ได้ทุกเวลาโกหกเรา พระเดี๋ยวนี้รู้จังเลย พวกโกหกทั้งนั้น หลอกเราน่ะสิ มันรู้เป็นบางครั้ง เหมือนบางครั้งเราสมาธิดี สติดี มันจะสังหรณ์ว่า เรื่องนี้จะเป็นอย่างนี้ เรื่องนี้ต้องเป็นอย่างนั้น แล้วเป็นจริงด้วย ลองสังเกต ถ้าเรากำลังฟุ้งซ่านวุ่นวายไม่รู้หรอก ถ้าหากว่าอาจารย์ลองไปสวดมนต์ สวดมนต์ตั้งสติไว้ซิ เมื่อสติดี แล้วจะเดินทางไปได้ เดี๋ยวไปเจอคนนั้น เขาบอกว่าคนนั้นป่วย สติบอกเลย ตาย คนนั้นเป็นอย่างไร เขาว่าไม่ดีซะแล้ว แล้วคนนั้นต้องถูกรถชน ไม่ผิด มันสังหรณ์จิต เราจำได้ สังหรณ์ตัวนี้ แปลว่า สติระลึก จำตรงนี้ไว้ให้ได้ สะสมเข้าไว้ให้มันเข้าใจ ว่าจิตเข้าออกให้มันถูกต้อง เดี๋ยวรู้แน่ ๆ แต่ไม่ใช่ว่าเราดูหน้ากัน จะรู้ทุกคนไปเมื่อไหร่เล่า ถ้ารู้กันทุกเวลาทุกคน โกหก จำไว้ มันรู้เป็นบางเวลา

          ถ้าเราสติดี เรามั่นใจของเราแล้วปั๊บ เราสวดมนต์ไหว้พระ ถ้ารู้ บางทีถ้าเราไม่ฟุ้งซ่าน คนเดินมาปั๊บ ไม่ต้องบอก กำหนดเสียงหนอ เดินมาปั๊บสัมผัสจิตเลย บอกว่าคนนี้กำลังเป็นอย่างนี้ ไม่ผิด ต้องสังเกตนาน ๆ เพราะตำราที่ปู่ย่า ตายาย สอนเรา ท่านใช้สังเกตการณ์ เช่น บางคนบอกพรุ่งนี้ฝนตก เมฆมันมาทางนี้ แล้วตกจริง แต่เดี๋ยวนี้อย่าไปทายนะ เรื่องวิทยาศาสตร์มันเยอะ อย่าไปทาย ผิดเลย เมื่อก่อนทายได้ เมื่อก่อนเขาทายไว้ว่าอย่างนั้น ๆ น้ำมาก น้ำน้อย มันปกติ เดี๋ยวนี้มันตัดไม้ทำลายป่า ไปทายได้หรือ ดินฟ้าอากาศแปรปรวนหมดแล้ว เห็นไหม แล้วก็ฝนทำเทียมได้ ทำจังหวัดสิงห์บุรีไปตกที่ลพบุรี ทำลพบุรีไปตกที่กรุงเทพฯ ๓ วัน ๓ คืน เห็นไหมเล่า ตกไม่ตรงที่เลยนะ ตรงที่หมดมันก็รู้หมดทุกคนสินะ เข้าใจไหม ยาก นี่สงสัยถามเลย เราต้องสะสมหลายอย่าง เพราะคนเรามันมีนิสัยไม่ตรงกัน แล้วอาตมาจะเรียนมันทุกอย่าง อย่างเดียวไม่ได้ ต้องหลายอย่าง เพราะอาตมาถนัดด้านกรรมฐานมาก่อน และถนัดทางไสยศาสตร์ด้วย เดี๋ยวนี้เลิกแล้ว เสกเศษผ้าให้เป็นตัวกระต่ายวิ่งเรียงหยองแหยง ๆ สักประเดี๋ยวอีกไม่เกิน ๓๐ นาทีก็กลายเป็นเศษผ้าเหมือนเดิม แล้วก็เอามาแกงกินก็ไม่ได้ ไปดูบ้านอาจารย์มีเงินเป็นพันล้าน มีต้นไม้อย่างนั้น รู้จริง เห็นจริง แต่เขาจะให้เงินเราไหม น่าจะหันมุมกลับมาดูตัวเราว่า สตางค์ในกระเป๋าพอเลี้ยงลูกไหม พอให้แฟนไหม พอจะส่งลูกไปเรียนสูง ๆ ไหม ให้ดูตรงนี้ เลยเราก็ต้องลืม ของมันมีจริงทั้งนั้นนะ

          เมื่อก่อนเราเป็นเด็ก ๆ นะ ขอโทษเถอะพูดคำหยาบ ทำไม่ให้คนฉี่ภายใน ๒๔ ชั่วโมงนั่นตาย ตรงนี้ก็ทำ ตอนเป็นเด็กไปเรียนกับพระเขมรลองคนในบ้านก่อน ไม่รู้จะลอกใคร ลองคนในบ้านเลย เออไม่งั้นมันไม่ขลัง ลองพี่สาวเข้าให้ นี่พี่สาวตายไปแล้ว เราจะไม่ให้พี่สาวฉี่ เราก็ไปทำ วิธีการไม่ยาก ไปตัดไม้กระบอก ไม้ทุ่มผี รู้จักไหม ที่เขากระทุ้งผีแล้วก็ทิ่มท้องผีตอนเผาในป่าช้า เอาไม้แบบนี้ สมัยนั้นไม่มีเมรุ ต้องไป ๖ โมงเย็นด้วยในป่าช้า จะมีสมาธิไปได้ไหม ไปในป่าช้าได้ไหม ที่เขาฝังผีน่ะ ได้ใช่ไหม ถ้าได้ มีสมาธิ องค์นี้ไปได้องค์เดียว แล้วก็กำลังเผาไฟอยู่ แล้วคนที่ตายผูกคอตาย เราเป็นเด็กนะ มีสมาธิมาตั้งแต่โน่นแล้ว สมาธิอะไรรู้ไหม สมาธิทุกอย่าง ทั้งขโมยก็เก่ง ลักสตางค์ยายก็เก่งด้วย อ้าวไปทำอย่างไร ไม้ที่เขาทิ่มผี ไปก็เอายันต์ไปวาง ๔ มุม แล้วก็เรียกจิตวิญญาณ แล้วก็ตัดกระบอกนี้มา ตัดมาแค่นี้ สมมติอยากจะทำหลวงตาว่าจะไม่ให้ฉี่ล่ะ จะให้ปวด ขอโทษนะ หลวงตาไปฉี่ไว้ที่ไหน เราก็เดินไปนะ หันหลังหยิบเอาฉี่ที่ดินนี่ เอามาใส่ในกระบอกของเรา ๓ กำมือ แล้วไปเอาตัวแมลงภู่ที่มันไชกระดานบ้านก่อน เล่นพี่สาวเราก่อน ตอนนั้นอยู่มัธยม ๒ พี่สาวก็ปวด ฉี่ไม่ออก ๒ คืน ๒ วัน แล้วฉี่ไม่ออก ปวดโอ๊ย ๆ แล้วต่อไปก็ต้องตาย ถ้าหากว่าไอ้ตัวแมลงภู่ที่อยู่ในนี้ตายนะ พี่สาวต้องตาย เลยเราก็ไปเตี๊ยมเรื่อง เอาคนตาเช้าเป็นหมอ เราก็บอกกับโยมแม่เรา เราบอกเดี๋ยวจะไปตามหมอ ให้ตั้งเงินไว้จำนวน ๖ บาท แล้วก็มาทำน้ำมนต์ ทำน้ำมนต์แล้วก็รดไปบ้าง เราก็ไปแก้เอาแมลงภู่ออก มันก็หายปวด เลยเราก็แบ่งคนละ ๓ บาท ได้ ๓ บาทบาปจังเลย เลยว่าของมีจริง แต่กล้าไปหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ป่าช้าไม่มีอย่างนั้น แต่ทำได้แล้วเลิกก็ตอนเป็นพระนี่เลิกหมด

          ถ้าเรามีคาถาป้องกันได้ ถ้าไม่มีคาถา มีสติอย่างเดียวป้องกันได้ คาถานี่ต้องการสวดให้มีสติเท่านั้นเองนะ ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ ผีไม่เข้า เจ้าไม่สิงหรอก ลองดูได้ คาถานี่มันทำให้มั่นใจ มันไม่ได้ขลังหรอก เช่น นะโมพุทธายะ แล้วผีไม่หลอก เราก็มั่นใจว่าไม่หลอกจริง ก็ว่าคาถานั่นจริง ๆ มีสติจริงผีจะหลอกได้ยังไง ต้องหลายอย่าง ต้องวิจัยหลายอย่าง สมาธิมั่นคงเราไม่กลัวใคร ถ้ากลัวอย่าไปนะ เช่น แมวขับหนูมาครืน ๆ วิ่งหนีปั๊บ ตายเลยนะ ตายเลย ก็ที่วัดนี่คนตาย ๖ คน ที่ต้นมะขามตาย ๖ ศพ ผีหลอก ต้นมะขาวสั่นร้องฮือ ๆ ตอน ๑๘ นาฬิกา แล้ววิ่งเลย วิ่งไปเก็บหัวโขนโกนใบตาลแล้ว วิ่งไปหัวใจวายตาย เวลาอยู่ในโบสถ์นะ เราเอ๊ะ ผีวันนี้ดุจัง เราเพิ่งมาอยู่ใหม่ เราก็ว่าผีมันดุยังไง ร้องฮือ ๆ แล้วก็ต้นไม้หวั่นเลยนะ หวั่นเลย แล้ววิ่งเลยข้าทีหลัง เลยเราก็บอกเดี๋ยวจับผีถ่วงน้ำ บอกให้เด็กวัด ไปเอาหม้อมา เดี๋ยวเอาผีเข้าหม้อ ก็หลอกเด็ก เราก็อยากจะขึ้นไปดูแต่ตอนเย็น ๑๘ นาฬิกา ฮืออีกแล้ว แล้วก็หวั่นเลย เราก็ขึ้นไป เราก็ไม่กล้านะ เรามีสมาธิยังไม่พอ ให้เด็กมันออกหน้า ให้เด็กออกหน้า เราอยู่ข้างหลัง เด็กมันก็บอก ท่านทำไมไม่ออกหน้าล่ะ เออเอ็งขึ้นไปก่อนสิ ข้าจะได้ว่าคาถาตามไง ถ้าข้าออกหน้าคาถามันไม่ขลัง เด็กมันเชื่อผู้ใหญ่ ไปเลยก็ไปเจอผีเลย มันมีโพรงนกแสกที่ตาใหญ่ มันเอาหนูมาให้ลูกมันแล้วมันก็ตีปีกร้องฮือ ๆ แล้วพอดีลมพัดมา ต้นไม้ก็หวั่นแล้ว ร้องฮือ ๆ ไปบนยอด ก็ว่าผีใช่ไหมล่ะ ตายได้ ๖ ศพ เลยเราก็เอาผีมาถ่วงพูดยังไงรู้ไหม ด้วยการโค่นต้นมะขามซะ ก็ให้ลูกมันโตก่อน ให้มันไปหมดแล้ว เราโค่นต้นมะขามเผาถ่าน นี่หน้าโบสถ์นะ ตั้งแต่นั้นไม่เห็นผีหลอก จับไดเลย

          นี่เป็นอย่างนี้ อย่าตกใจ ตั้งสติไว้ ผีที่ไหน ถ้าผีมันต้องออกมาอย่างอาจารย์สิ ออกมาพูดอย่างนี้ ผีตาโบ๋ มือใหญ่ ๆ น่ะผีโทรทัศน์ ผีเก๊ ไม่งั้นผีในโลงต้องออกมารายงานตัวที่นี่ได้แล้ว มีพยานอาจารย์วิทยาลัยครูเชียงราย ผมมากราบหลวงพ่อครับ มาอบรม ๆ ได้อย่างไรยังอีก ๓ วัน ผมถูกรถชนตายแล้วครับ อะไร รถชนตายมาได้อย่างไร แล้วก็เล่าให้ฟัง พระก็ช่วยเป็นพยาน เราก็รู้แล้ว เป็นผีไม่เป็นผี ตาไม่กะพริบ แล้วเวลาเดินกลับไป เอาเป้ไป หลวงพ่อครับ ให้ผมอยู่ที่ไหน บอกดูเอา พระปริญญาโท เอก ก็นอนดู เราก็นอนมั่ง เออ ใช่ ผีแน่ เท้าไม่เหยียบพรม เดินก้าวไปบนนี้ เดี๋ยวใครมาที่วัด ต้องสังเกตดูหน่อย เท้าเหยียบพรมหรือเปล่า ถ้าไม่ล่ะต้องจำได้เลย ใช่แน่ นี่เรารู้หมดเลย ต้องหลายอย่างนะ ไม่ใช่เรียนอย่างเดียว ต้องรู้หลายเรื่องใช่ไหมล่ะ ถึงจะไปสอนเขาได้

          ถาม  ท่านเจ้าคุณครับ ขอเรียนถามว่า ที่ผมได้ฟังเทปจากท่าน อ่านหนังสือจากที่ท่านได้เขียนไว้ ถึงลักษณะเด่นของท่านเจ้าคุณอยู่อันหนึ่ง ก็คือสมาธิที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการแก้ปัญหาให้กับคน ในส่วนนี้ไม่ทราบว่าพระเดชพระคุณได้รู้ขึ้น หรือได้รับแรงบันดาลใจ หรือว่าได้รับการประยุกต์ หรือว่าให้ประสบผลอย่างไรครับ

          หลวงพ่อ  ไม่ใช่ ปัญหาง่ายที่สุด แต่ไม่มีใครมาทำตรงนี้ มาเอาสมาธิอย่างอื่นกันเสียมาก ก็แก้ปัญหาในตัวนี้ คือ จิต ธรรมชาติต้องคิดอ่านอารมณ์ รับรู้อารมณ์ให้ได้เหมือนเทปบันทึกเสียง ก็เข้าใจตรงนี้ จิตไม่มีตัวตน มันเกิดตรงไหน ตาเห็นรูปเกิดจิต หูได้ยินเสียงเกิดจิต แก้ตรงนี้ เสียงหนอ... เขามาด่ามาว่า หรือมาพูด ตั้งสติไว้ เดี๋ยวรู้เลยว่านี่โกหกหรือเปล่า นี่แก้ตรงนี้ ไม่ใช่มานั่งสมาธิซะก่อนเอาไปแก้ แต่เราต้องสะสมมานานด้วย เห็นหนอ... นี่คนนี้เดินมา เขามาทำไม เราก็ตั้งสติไว้ ได้แล้วไม่ต้องกำหนดเห็นหนอ... แล้ว เห็นหนอ... นี่ฝึก ฝึก ถ้าฝึกได้แล้วไปกำหนดทำไม เหมือนทหารขวาหัน ซ้ายหัน แขนซ้าย แขนขวาวันทยาวุธ วันทยหัตถ์ นี่หัด พอเวลาไปรบ ทหาร...แพวก็ตายหมดน่ะสิ เข้าใจนะ แล้วทีนี้ เห็นหนอ... เราไม่ต้องไปกำหนดหรอก ถ้าสำรวมจิตไม่ได้ มาแล้วยิ้มมาแล้ว เป็นมิตรตอนกู้ เป็นศัตรูตอนทวง อย่าให้ โกงแน่ นี่ปัญหา แก้ไม่ใช่ว่าเรารวมไว้ก่อนนะ นี่แก้สำหรับคนที่นั่งกรรมฐานเท่านั้น แต่ต้องสะสมมานาน ไม่ใช่มาทำ ๗ วันเท่านั้น แล้วแก้ได้ ต้องใช้เวลา ใช้เวลานาน ถ้าเกิดปั๊บได้หมดเลย ได้หมดเลย ถ้าหากว่าตอนนี้กำลังฟุ้งซ่านนะ กำลังเสียใจ กำลังกลุ้มใจ ยังไม่แก้ตัวเองได้ แก้ตัวเองไม่ได้ ไปแก้คนอื่นไม่ได้ เข้าใจตรงนี้อีกอย่าง ถ้าเรายังกลุ้มใจอยู่นี่ จะแก้คนอื่นนี่ก็ผิดเลยนะ คอมพิวเตอร์ตีผิดแล้วนี่ นี่กระแสไฟไม่พอ ตีคอมพิวเตอร์ผิด ก็สะสมมาผิด นี่ตรงนี้

          การแก้ปัญหาไม่ยากเลย แต่ต้องแก้ที่ตัวเองก่อน ถ้าแก้ตัวเองได้แล้ว ถึงจะไปแก้คนอื่นเขาได้ ต้องเขามีเต็มแล้ว ๘๐% ถ้าเรามีแค่ ๖๐% อย่าไปแก้ปัญหาผู้อื่น แก้ไม่ได้เลย แต่ที่นี้เราให้เขามานั่งกรรมฐาน ต้องให้เขาแก้เองนะ เราอย่าไปแก้ทุกคนไม่ได้หรอก เพียงแต่แนะแนว แนะแนวให้คุณไป คุณอย่างนี้แนะแนวอย่างนี้ เอาไม่เอา ไม่เอาเลยไป แต่เราจะไปแก้ปัญหาดังที่กล่าวมาคงไม่ได้ อย่างนี้ แต่เราแผ่เมตตาได้ ว่านี่หม้อแบตเตอรี่ไฟครบ เก็บไฟอยู่ด้วย แผ่เมตตาได้ง่ายด้วย ถ้านี่หม้อแบตเตอรี่รั่วแล้วหมดกุศลแล้ว แผ่ไปไฟไปเข้าหม้อก็เก็บไม่อยู่ เก็บไฟไม่อยู่ ช่วยไม่ได้เลย นี่เป็นอย่างนี้ แล้วใครมานั่งกรรมฐาน จะเอาสวรรค์นิพพาน โอ๊ยหลวงพ่อช่วยแผ่เมตตาให้หนูหน่อย จำให้สำเร็จไว ให้สำเร็จวันนี้เลย โอ้โฮ เรียน ม.๑ – ม.๖ ตั้ง ๖ ปี แกจะเอาวันเดียวจะให้เชียวหรือ นี่เหตุผล ต้องสะสมนาน ไม่ใช่ว่าได้วันเดียวหรอก ต้องค่อย ๆ สะสมไปเรื่อย ๆ ถ้าเราทำงานกรรมฐาน ตาดู หูฟัง ปากนิ่ง นี่เราทำงาน ก็คือกรรมฐาน สะสมเข้าไว้ แล้วผิดถูก จะได้สะสมเข้าไว้ นี่ผิด นี่มันถูก เดี๋ยวรู้เลย แล้วคนอื่นมาโกหก เรารู้เลยว่านี่เพื่อนมาโกหกเรา สติมันบอกนะ สติเราบอก เอ้อไอ้นี่โกหก นึกไว้ในใจสังหรณ์ ว่า “สังหรณ์” หรือ “เทพสังหรณ์” คำว่า “เทพสังหรณ์” นี่มันบอกได้นะ สถานที่บอกเราได้นะ ว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ มีเจ้าพ่ออยู่ที่นี่ มีดวงวิญญาณของปู่ย่าตายาย เพียงนึกเรานึกถึงพ่อแม่เราเท่านั้นนะ สติดีแล้ว เลยเอยอย่าเชื่อเขา ขอกได้นะ สื่อนะ สื่อการสอน พ่อแม่เราล้มหายตายจากไปแล้ว เรานึกถึงพ่อแม่เรา เวลาทำงานสักอย่าง เดี๋ยวบอก คือ ตัวเรานี่เอง ไม่ใช่พ่อแม่ลงมาบอก จัดเป็นสื่อ สื่อนี่หมายความเปิดสวิตช์น่ะ แล้วไฟฟ้าก็เดิน ทำงานใช่ไหมล่ะ ถ้าหากเปิดสวิตช์แล้ว ไฟฟ้าไม่ทำงานเพราะอะไร สื่อไม่ดี เส้นลวดเป็นสนิม ไฟฟ้าไม่เดิน คอยส์ไม่ดี คอมพิวเตอร์ไม่ดีแล้ว แล้วก็ทรานซิสเตอร์เสื่อม ไม่เดิน นี่อันหนึ่งต้องใช้เวลา ต้องใช้หลายอย่าง

          ถ้าหากว่าอาจารย์ไปพูดว่า พระท่านไม่พูดอย่างอาตมาหรอก ต้องพูดว่า ญาณโน้นขึ้นนะ ไปโน่นไปสวรรค์ โอ๊ยนี่ญาณ ๑ต มาแล้วนี่ ต้องเป็นโสดา เดี๋ยวนี้ท่านจะพูดอย่างนี้ องค์นี้พูดไม่ได้หรอก มันคนละสคริปต์ไม่เข้าไซเกิลเราเลย คนละเส้นลวด อันนี้จริงพระพุทธเจ้านี่ยอดจริง ยอดพัฒนาแล้วยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก เดี๋ยวนี้พระยอมรับความเปลี่ยนแปลงของใครไหม ใครมาเสนอยังไงก็ไม่เอา จะเอาแต่อารมณ์ท่าน คือ พระ โอ๊ย ไม่เอา... แล้วเราจะเอายังไง เราจึงเรียกว่า ทิฏฐิพระ มานะประสาน พระมีทิฏฐิสูงมาก เราไปเสนอแนะท่านยังไง เป็นครูอาจารย์เรา โอ๊ย... เราเคยเสนอมาแล้ว ท่านไม่เอากับเราหรอก แต่แล้วเราก็ต้องมาทำอีก อันนี้สื่อการสอน ถ้าคนไม่เอาก็ไม่รู้จะทำยังไง ต้องสะสมมานาน เหมือนน้ำกระบอกตาลที่หยดทีละหยด แต่เราต้องป้องกันอย่าให้กระบอกรั่ว เดี๋ยวเต็ม สะไว้เถอะ เหมือนอย่างตุ่มนี่ เราตักน้ำเหนื่อยเปล่าแล้วปล่อยให้ตุ่มรั่ว ก็เสียแรงเปล่านะสิ สะสมตรงไหน สะสมตรงอย่าให้รั่ว ก็คืออย่าให้อารมณ์รั่ว อย่าให้ฟุ้งซ่าน

          ถ้าเราไม่ฟุ้งซ่านนะ อารมณ์ดีนะ มีพลังนะ มีพลังเลยตรงนี้นะ เอาไปชี้แจงกันได้เลย ถ้าเราฟุ้งซ่านไอ้นั่น ฟุ้งซ่านไอ้นี่ อารมณ์ก็รั่ว ก็เก็บไม่อยู่ ไม่มีพลังหรอก มันอยู่ตรงนี้ โอ้โฮ เรากว่าจะรู้อะไรบ้าง ใช้เวลามาก ไม่ใช่ใครมาบอกยังไงก็เชื่อ ใครบอกเชื่อ อย่าเชื่อใครนะ เชื่อคนให้ยากไว้ เขาบอกเชื่อได้หรือ ใครบอกเชื่อ ๆ จระเข้ขึ้นแล้วนะ เออวิ่งกันตาเหลือก จระเข้ขึ้นที่ไหนล่ะ เชื่อเขาส่งไปได้ ต้องไปเห็นกับหู รู้กับตาก่อนค่อยเชื่อซิ ตำราจึงเขียนขึ้นมา เชื่อง่ายสอนยาก คนเชื่อยากสอนง่าย เขาว่ายายคนนั้นไม่ดีเจ้าค่ะ เชื่ออย่างนี้เหมือนอย่างไปรักษาศีล สาธุ อะไรสาธุตะพึด สอนยาก คนเชื่อยากเป็นบัณฑิต ใครบอกยังไงไม่เชื่อ ต้องได้ยินกับหู รู้กับตาต้องประสบกับตาด้วยตนเอง สอนง่ายด้วยเหตุผล ต้องยอมรับด้วยจำนนเหตุผลข้อเท็จจริง นี่คือจริง อันนี้ไม่มีใครวิจารณ์ เราดูคนนี่ ถ้าอยากจะรู้ว่าคนนี้ดีไม่ดี ไม่ต้องใช้ตำรา ใช้เวลาดูไปนาน ๆ ก็รู้ เดี๋ยวก็โกหก ถ้าหากว่าเรามีสมาธิสูง ไม่ต้องดูนาน ดูปั๊บเดียว กิริยามารยาทมันจะบอก หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครกลึง

          ถ้าเราไม่มีสมาธิ ไม่มีตำรา ก็ต้องใช้ตำราพระพุทธเจ้า ดูนาน ๆ เดี๋ยวรู้เดี๋ยวโกหกเราแล้ว เดี๋ยวก็วิงขึ้นวิ่งล่องให้เราดูรู้แล้ว แหมเจอใหม่ ๆ น่ะดีเหลือเกิน นานไปแล้วก็เสื่อมลงรู้นิสัยเร็วขึ้น ถ้ายิ่งไปต่างประเทศ ไปนอนรวมกันสัก ๑๕ วัน รู้นิสัยเยอะ ที่เรารักกันนี่แค่อยู่กันมา ๑๐ ปี แต่ไม่เคยไปนอนรวมกัน ลองไปต่างประเทศไปนอนร่วมกันสิ รู้นิสัยเลย มักง่ายมักได้เวลาเราช่วยหิ้วปีกได้ ช่วยอะไรได้ ทีของเราช่วยหิ้วไม่ได้ นี่คนนี้เห็นแก่ตัว อันนี้เราไปต่างประเทศมานะ อันนี้อย่าไปวิจัยเลย คือ พระ จะวิจัยเฉพาะพระ ความเห็นแก่ตัวก็มี แล้วเราช่วยทุกอย่างเลย ของเราท่านไม่หิ้วให้เลย เลยเราก็ต้องหิ้วให้ท่านด้วย หิ้วของเราด้วยนี่สำคัญมาก เขาเรียกว่า พระ แล้วก็สิ่งแวดล้อมของคน คนเราจะรู้ดีชั่ว ต้องใช้เวลานาน ถ้าหากว่า เรามีสมาธิประจำจิตเหมือนมีปรอทวัดไข้ จะได้รู้เดี๋ยวนั้น แต่ต้องใช้เวลาสะสมมานาน มีเครื่องคอมพิวเตอร์สะสมมานาน เดี๋ยวกดปุ่มมันจะบอกคนนี้เป็นยังไง กดปุ่มนี้มาคนนี้เป็นยังไง แต่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่คงที่คงวาเข้ามาสอน ใช้เวลาเหมือนกัน ถ้าหากว่าเราเคยไม่รู้นิสัยกัน ก็อยู่นาน ๆ ไปก็รู้แล้ว เดี๋ยวก็รู้แล้ว เมื่อก่อนนี้ไปสอบวิชาการได้แล้ว ยังไม่พอต้องสอบสัมภาษณ์ เขาต้องการดูเชาว์ ว่าน้ำเสียงเป็นอย่างไร มีโหงวเฮ้งไหม แล้วมีเชาว์ฉลาดที่จะทำงานบริษัทนี้ไหม แล้วมีเชาว์ฉลาดที่จะเข้างานนี้ไหม จึงต้องสัมภาษณ์ให้ตกไป เดี๋ยว ๆ รูปร่างสวยจริง แต่นิสัยไม่ผ่องออกไป ออกไป ตกไปดูสิ

          คนลพบุรีนี่สอบได้ที่ ๑ เขาถามง่าย ๆ ถามว่าคุณอยู่ที่ไหน ลพบุรีครับ มีกี่อำเภอ ก็มาสอบมาเรียนกฎหมายนี่มีกี่อำเภอ ยกนิ้วแล้ว อำเภอเมืองฯ อำเภอท่าวุ้ง อำเภอบ้านหมี่ ไปปรากฏออกมาว่าตก เชาว์ไม่ถึง นี่เขาดูตรงนี้ เขาดูโหงวเฮ้ง เดินมาก็รู้แล้ว เดินส่ายกันอีกแล้ว เดินเป็นนักเลงเลยหรือ ไม่รับเข้าทำงานบริษัท สมมติว่าจะหาผู้จัดการบริษัท วิชาการไม่ต้องสอบ เพราะว่าต้องเก่ง แล้วถึงจะเป็นผู้จัดการ ถ้าไม่เก่งอย่าเป็นผู้จัดการ ถามข้อเดียวพอ ไม่ต้องเขียนวิชาการ คุณจะมาเป็นผู้จัดการบริษัทเรา โกงเป็นไหม โกงไม่เป็น โกงไม่เป็น ไป ไม่เอา เอาอาจารย์โกงเป็นไหม เป็น นั่ง อาจารย์โกงเป็นไหม เป็น นั่ง โกงเป็นอยู่กี่อย่าง ถ้าได้ ทำอย่างลับเลย อ้าว คุณโกงเก่งมาก นัมเบอร์วัน ได้ที่ ๑ เอานั่ง อย่าเพิ่งไป ยังไม่รับหรอก นั่งก่อน นอกนั้นไปให้หมด ใช้ไม่ได้เลย โกงไม่เป็น ลูกน้องโกงตายสิ นี่ตำราเราไม่มีใครไปใช้ตามบริษัทเลย เอาล่ะ โกงเก่งมากถึงพันอย่าง ญี่ปุ่นก็สู้ไม่ได้ เมืองจงเมืองจีนอะไรสู้ไม่ได้ทั้งนั้นล่ะ เอาล่ะ เข้าหุ้นกันเลย อย่าโกงบริษัทเรา ช่วยกันทำมาหากิน ได้เงินได้ทองช่วยแบ่งกันใช้ ได้เงินได้ทองมากมายช่วยแบ่งกันใช้แบ่งกันกิน โอเคละ บางคนเป็นไง โกงแล้ว โอ๊ยท่าน... หัวหน้าใหญ่ครับ โกงไม่เป็นเลย ซื่อสัตย์เหลือเกินนับแต่สตางค์ ว่าใครจะโกงไป... ไม่รับ มาทำให้บริษัทเจ๊ง ก็โกงเป็น ดูหน้าก็รู้ว่าลูกน้องจะโกงยังไง มาดีมาร้ายจะเอาทางไหน นี่สิเป็นผู้จัดการบริษัทเราได้ งั้นก็รับเอานี่นะ บริษัทยุพานะ ยุพาจำกัด เดี๋ยวตั้งให้ ครับ รับไอ้พวกขับรถเอ๊ย ขับรถนี่ชนบ้างหรือเปล่า ไม่ชนเลย เพิ่งขับ ไป๊... ไม่เอา ประสบการณ์น้อยไปอีก ชนคนตายกี่คน ๑๐ คน ชนหมาบ้าง ชนวัวบ้าง ชนควายบ้าง เอานั่งก่อน นี่ประสบการณ์มาก เออ ชนคนเรื่องอะไร ผมเมาครับ ไป ๒ ศพชนวัวตายเรื่องอะไร ผมกินยาม้า ไปไป สอบตก ชนคนตาย เพราะแหมมันสุดความสามารถ โอ้โฮ...มองไม่ดีแล้ว ไม่มีใครแล้ว มันวิ่งกลับ ประสบการณ์เขารู้หมด แล้วทำไม แล้วชนวัวตาย เขาจะบอกผู้จัดการว่า ถ้าวัวอยู่ ๒ ฟากต้องหยุดที่ผมรู้มานี่ วัวมันอยู่ ๒ ข้าง แล้วเราก็แล่นเรื่อยไป มันก็วิ่งไป ผัวมันวิ่งไปหา เมียตกใจ วิ่งไปหาลูกมัน รถก็ชน ผู้รู้อย่างนี้ครับ ต่อไปผมไม่เอาแล้วถ้าวัวอยู่ข้างเดียว แล่นไม่มีการผ่านถนน ถ้าแม่กับลูกอยู่กันคนละฟาก ต้องหยุด เดี๋ยวก็วิ่งไปหาพ่อมัน แม่มัน คนนี้รับไว้ก่อน คนนี้มีประสบการณ์ โอ... ผมขับรถมา ๓ ปีแล้ว ไม่เคยชน ไม่เคยเสียบคาน ไปไม่รับ คนชนคนมาก ประสบการณ์มาก เอาไว้ก่อน นี้เท่านี้น่ะ ทำไม่ได้ แหมต้องไปประวัติไปเอาอะไรกัน พวกนี้ดีไหมถ้าไม่ดี เอาไปคิดก่อนนี่ถ้าจะมีผู้จัดการมา ถ้าโยมตั้งบริษัทเอาอย่างนี้นะ โกงเก่งถึงพันคน ถึงพันอย่าเอาเลย แล้วโกงยังไง ค่อยมาศึกษาทีหลัง

          คนที่ตายจากโลกไปก็คิดว่าไปนรกบ้าง ไปสวรรค์บ้าง เขาดูที่ กรรม กรรมนิมิต และ คตินิมิต แล้วบางคนจะมีนิมิตเครื่องหมายหลายเรื่อง ที่สร้างกรรมไว้มันก็ปรากฏในตอนที่จะตาย มันก็มาปรากฏ แต่ทุกคนจะสังเกตหรือเปล่า บางคนไม่เคยสังเกตกรรมนิมิตนี่เลย เขาจึงไม่รู้

          บางคนทำบุญไว้เยอะเลย มีโยมคนหนึ่งทำบุญมาก ทอดกฐินมาตั้งมากมาย แล้วก็โกรธด่าพ่อทุกวัน สร้างวัดเยอะแยะ อยู่ลพบุรีนี่เอง ทำไมตายเฉย ๆ ทำไมตายเป็นเปรต เดี๋ยวเล่าให้ฟัง เรื่องตั้งแปดเก้าปีมาแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ ก็เป็นได้ อารมณ์นี่สำคัญมาก ยายคนนี้อายุมากแล้ว มีลูก ๕ คน ทำบุญเก่ง แล้วก็ยกสมบัติให้ทุกคน แกอยู่กับลูกคนสุดท้อง ลูกสาวคนเล็กไปได้ลูกเขยเป็นเจ้าของโรงสี เจ้าของโรงน้ำแข็ง แต่เล่นการพนันเก่ง แล้วย้ายคนนี้เคยมาที่วัดที่เรามาอยู่ แกก็ตามมานะ แล้วรู้จักกันตั้งแต่อาตมาอยู่วัดโน้น ยายคนนี้ นี่เราก็ติดต่อกัน แล้วลูกสาวคนนี้เขาก็รักสามีเขา เล่นการพนันหมดเลย ตึก ๕ คูหา เป็นของธนาคารหมด ทั้งเงินทองก็ย่อยยับไปเรื่อย ๆ แล้วยายคนนี้แกก็มาช่วยพัฒนาวัด แกก็นั่งกรรมฐานเหมือนกัน แต่ไม่ใช่กรรมฐานแบบเรา กรรมฐานแบบที่อื่น พุท หายใจเข้า โธ หายใจออก แล้วแกก็ชอบทอดกฐิน ผ้าป่า ตอนนั้นเรามาอยู่ในวัดเป็นปีแรกเลย แกก็มาช่วยพัฒนาบ้างนิดหน่อย ก็ช่วยทอดกฐินให้ ๒ ครั้ง ทอดกฐิน ๒ ครั้ง แล้วทีนี้ก็เงินหมดแล้ว ลูกสาวก็บอกว่า คุณแม่ขอยืมเงินหน่อยได้ไหม ยื่นโนติสเลย ยายแม่แก่ขึ้น ๘๐ กว่าแล้ว ก็ไปหาพี่ชาย ลูกชายมีโรงหนัง โรงทอผ้า ร่ำรวย เลยจะไปขอเงิน ไปหาลูก ก็ไปบอกให้ลูกชายคนโตฟังว่า นี่ลูกเอ๋ย แม่ขอนาคืน คือที่ให้ไป ยังอยู่ไหม ลูกชายก็บอกว่า ยังอยู่ครบ ผมไม่เคยทำลายสมบัติคุณแม่เลย ผมร่ำรวยอยู่ที่เชียงใหม่นี่ ผมมาตั้งตัวเองนะ แล้วแม่ไม่น่ามา มาเรื่องอะไร ผมควรจะไปหาแม่ แม่ไม่น่ามาหาผม แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า น้องคนเล็กน่ะ ผัวมันเล่นการพนันหมด นึกว่าขอคืนมาให้มันเถอะ ลูกชายบอกมันจะถูกต้องหรือ ก็น้องเขยเอาไปเล่นหมด แล้วจะไปเล่นอีก หรือ เอาล่ะแม่จะพูดกับเขา ขอให้เขาเลิก สุดท้ายก็ให้แม่ไปหมด ตั้ง ๒ คูหา แล้วที่ทาง นา ให้ ให้หมดเลย ให้คืน นี่มันบาปอย่างนี้ บาปเหมือนกันนะเอาคืนมาหมด คืนมาแล้วก็เอาให้กับลูกสาว ลูกสาวให้ผัวหมดอีกเช่นเดียวกัน ไปเล่นการพนันหมดเลย ไม่มีเหลือเลย พอแม่รู้เข้าเสียใจ เกิดอำนาจกิเลส อำนาจโลภะ ที่ไปขอคืนมา แล้วเสียใจที่โทสะเป็นอสุรกายตายคาที่เลย อาตมายังไปทำศพ ที่ลพบุรีนี่เอง

          อยู่มาได้ ๒ ปี อาตมาไปธุระที่บางมะยม ไปทำบุญ แล้วเด็กผู้หญิงอายุ ๑๔-๑๕ จะเป็นนางสาวแล้ว ผีเกิดเข้าแล้วบ้านชื่อบางมะยมนี่ บ้านติดกันเป็นพืดเลย อยู่กลางทุ่ง เราก็ไปธุระที่นั่นมา เด็กมันร้องวี๊ด ๆ ว้าด ๆ ขึ้นมา คนก็มามุงกันเยอะแยะ ก็ปรากฏว่าโยมคนนั้นมาเข้า แล้วก็รู้จักกับเรา เด็กคนนั้นรู้จักเรา ทำไมพูดเป็นลิเก บอกท่านมายังไงนี่ บอกหนูรู้จักหลวงพ่อดีหรือ เอ๊ะ หนูอะไร ท่านจำดิฉันไม่ได้หรือ ชื่อนั้น ๆ เอ๊ะ แล้วมาทำไม โอ้โฮ อดอยากมากเหลือเกิน แล้วก็เล่าว่า อดอยากปากแห้ง ข้าวปลาไม่มีทาน เอ๊ะ ก็ทอดกฐินผ้าป่ามายังไง บุญตั้งเยอะแยะ ทำไม่ถึงมาเป็นเปรตล่ะ เปรตยังไง เปรตกับเรา เราถึงรู้ประวัติ ว่าแกไปขอสมบัติลูกชายคืนมา เราไม่รู้เลยคืนมาแล้ว โยมไปให้ใคร ก็ไปให้ลูกสาว ลูกสาวก็ไปให้ผัว ผัวผลาญหมด ดิฉันเสียใจแล้วก็ตาย นี่ฉันน่ะหมากยังอดอยากเลย ไม่มีกินเลย ๒ ปีกว่า แล้วเด็กคนนี้ที่มาเข้ารู้จักกันหรือ ไม่รู้จักเลยนะ นี่ตายเป็นเปรต จิตฺเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา – เมื่อจิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันต้องหวัง ทำบุญเยอะ มาตอนหลังก็หมด เมื่อหมดเวรกรรมจากเปรต ก็ไปสวรรค์ ก็ไปสวรรค์จำไว้เลย ไม่ใช่ว่าบุญกับบาปมันรวมกันได้นะ ปนกันไม่ได้ แต่ตอนที่ตายนี่ ทำบุญไว้เยอะจริง แต่จิตเป็นอกุศล ด้วยอำนาจโลภะ ไปขอสมบัติลูกชายคืนหมด แล้วก็มาให้น้องคนเล็ก นี่เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เป็นเปรตได้ กรรมโยมตรงนี้เอง แล้วเด็กผู้หญิงก็ไม่รู้จักด้วย อยู่คนละอำเภอ แล้วเราพอดีไปที่นั่นถึงทำให้เราต้องเจอะกำหนดใจให้มั่น ว่าตายแล้วเป็นเปรตอย่างนี้อำนาจโลภะ

          แล้วอาตมานี่ ถึงวันพระก็แผ่เมตตา แล้วก็อุทิศส่วนกุศล วันพระนี่ดีที่สุด วันพระเป็นวัดหยุดงานทั้งเมืองสวรรค์และเมืองนรก เขาจึงนิยมวันพระ ถ้าหากว่าวันนั้นเขาปกตินะ เขาจะยิ้มแย้มแจ่มใส รับอนุโมทนา รับทราบเท่านั้น ถ้าคนอยู่เมืองนรก ก็จะได้รับส่วนบุญ ถ้าตกนรกไม่ใช่เป็นเปรต อยู่ในโลกันต์ จะไม่ได้รับส่วนบุญ ไม่ได้รับหรอก ไม่ได้รับเลยนะ ถ้าเป็นเปรตวิสัยก็ได้รับ ถ้าไปอยู่บนสวรรค์ ไม่ได้รับส่วนผลนี้อย่างนี้ แต่รับอนุโมทนา รับทราบได้แต่อนุโมทนาเท่านั้น ไม่ใช่รับเอาอาหารมากินได้ อันนี้ไม่ต้องวิตกกังวลนะ ไม่เป็นไรหรอก ที่เราทำบุญน่ะ เราได้ของเรา แต่ท่านก็ชื่นใจ เป็นผลพลอยได้ที่ปลื้มใจ แต่ไม่ใช่บุญไปได้กับคนอื่น บุญที่เราทำทุกวันนี้ ไปได้ของเราเองที่เราทำ เราได้ของเรา แต่เราทำเพื่อสนองพระคุณเท่านั้น จำอาตมาไว้ น้ำพระคุณสำคัญมาก

น้ำพระคุณอุ่นเกล้าทุกเช้าค่ำ        

หลังด้วยน้ำเมตตาจะหาไหน

ถึงน้ำค้างหลั่งจากนภาลัย

ก็ยังไม่เย็นล้ำเท่าน้ำพระคุณ

นี่ตรงนี้สำคัญมากนะ............