ข้อคิดวันปีใหม่ 

พระราชสุทธิญาณมงคล

๓๑  ธันวาคม ๒๕๔๐

P12007

                       ขอเจริญพรบรรดาญาติสนิทมิตรสหาย  ญาติธรรม  ตลอดทั้งขอเจริญพรท่านอุบาสก  อุบาสิกาทุกท่าน  ตลอดทั้งท่านพุทธศาสนิกชน  และพี่น้องชาวไทยทุกท่าน  วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญของชีวิตท่าน  ในวันหนึ่ง  ในวันนี้ที่พี่น้องทุกคนได้มีโอกาสมาสโมสรสันนิบาต  เรียกว่า สโมสรสันนิบาต  คิดถึงอดีตชาติที่ผ่านมาแล้วหนึ่งวาระ  หนึ่งปี ๑๒ เดือน  จะผ่านพ้นในวันนี้  ในฐานะเราเป็นชาวพุทธและที่มานี้เป็นอิสลามก็มี  เป็นคริสต์ก็มี  แต่วันนี้ถือโอกาสมารับพรเหมือนกัน  ถึงจะเป็นต่างชาติ  ต่างภาษา  ต่างศาสนาก็ถือว่าเป็นพรอันประเสริฐต่อชีวิตของท่าน  พรจากบุคคลผู้มีปัญญา  พรจากบุคคลผู้ควรเคารพ  ควรแก่การนับถือและถือเป็นหลักปฏิบัติ  ก็ถือว่าเป็นพรอันประเสริฐของท่าน  ที่ท่านตั้งใจมา ณ โอกาสบัดนี้นั้น  ก็ถือว่าเป็นมงคลชีวิต  ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาในสากลโลกนี้อย่างแน่นอน  ในยุคใหม่สมัยนี้  ในยุคสมัยโลกาภิวัฒน์  ดีใจมากที่โลกเจริญถึงขนาดนี้  เดินไปข้างหน้าไกลแสนจะไกลตามไม่ทันแล้วที่จะต้องเสียใจ  ที่เราเสียใจอยู่ข้อหนึ่งที่ตามโลกไม่ทันเสียแล้ว  โลกวิปริตและแปรผัน  จนตามไม่ทันแล้วเรียกว่าโลกาภิวัฒน์  โลกเจริญถึงขนาดเราเดินตามไม่ทันเสียแล้ว  น่าเสียใจด้วย  แต่ควรจะดีใจมากท่านสาธุชนทั้งหลายเอ๋ย  พี่น้องที่รักทั้งหลายทั้งหญิงทั้งชาย  ควรจะดีใจเป็นมหามงคลชีวิตเรามาร่วมผูกมิตร  มาร่วมความคิด  มาผูกมิตรด้วยคุณธรรม  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ท่านจะไปรอดปลอดภัยไม่มีเสนียดจัญไรแต่ประการใด  ทุกท่านทั้งหญิงทั้งชายมาร่วมความคิดกัน  มาผูกมิตรด้วยคุณธรรม  อย่าไปแตกแยกกันเลย  จงแผ่เมตตาให้มากที่สุดในวันนี้  ให้แก่  ศัตรู  ให้แก่โลกที่มันเดินเอียงซ้ายเอียงขวา  ให้โลกมันตรง  เหมือนสายทางที่มันไม่ตรง  คือเส้นทางของชีวิต  สายทางขึ้นๆ ลงๆ  คือพรหมลิขิตขีดขั้นชีวิตของท่านเดี๋ยวก็ขึ้นเดี๋ยวก็ลง  เหมือนพระอาทิตย์พระจันทร์  ผลัดกันลง  ผลัดกันขึ้น  เดี๋ยวก็คืน  เดี๋ยวก็วัน  รวดเร็วไปมากมาย  

                  ก็ขอพี่น้องทั้งหลายโปรดรณรงค์ความคิดของท่านมาร่วมมิตรกันด้วยคุณธรรม  อย่าไปแตกแยกแตกกันเลย  พี่น้องอย่าแตกกัน  สามีภรรยาจงปรองดอง  ญาติพี่น้องให้เกียรติกันอย่างสูงในโอกาสอันเป็นมหามงคลชีวิตเช่นในวันนี้  โลกนี้เจริญไปไวมากน่าเสียดายที่เราเดินตามไม่ทัน  ขอให้จิตใจเจริญตาม  เหมือนมาร่วมคุณธรรมเช่นในวันนี้  ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าได้แตกแยกในความคิด  สามีภรรยาโปรดเป็นเพื่อนคู่คิดมิตรคู่กัน  สามีภรรยาบ้านแตกสาแหรกขาด  เพื่อนไม่มีคู่คิด  ชีวิตไร้คุณธรรม  ขอฝากต่อไปว่า  ขาดน้ำเราสิ้นชีวิต  ขาดคู่คิดชีวิตยังอยู่  น่าดูคือโลกาภิวัฒน์  แต่น่าจะเรียกกันใหม่ว่าที่ผ่านไปแล้วว่า  โลกาพินาศ  ให้มันพินาศไปเสียเพราะความเจริญขนาดนี้  แต่ขอให้เรามีจิตใจเดินด้วยความปลอดภัย  ในยุคใหม่ พ..๒๕๔๑ นี้ ท่านจะมีประโยชน์ในชีวิตของท่านอย่างมากหลาย  อย่าให้ชีวิตเราเป็นหมันเสียเลย  ชีวิตจงมีทรัพยากรชีวิตให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  มาร่วมความคิดกัน  ลด ๕ ว่าง  มาสร้าง ๕ ร่วม  จะได้มารวมกัน  ชีวิตท่านจะแจ่มใสต่อไป  ท่านจะมีบริษัทหรือจะมีร้านค้าหรือธนาคารไม่มีความสำคัญเท่าไร   อาตมาขอออกไตเติ้ลว่า  นักธนาคาร  ผู้บริหารโกงมันจึงล้ม  ถ้าผู้บริหารไม่โกงไปรอด  ขอท่านผู้มีปัญญาโปรดคิดในวันนี้  เดี๋ยวอีก ๒๔ นาฬิกาก็หมดความคิดที่เราผ่านพ้นวิปริตผิดธรรมดาออกไปเสียนอกกายาและอินทรีย์หน้าที่และการงาน  ชีวิตท่านจะไม่เป็นหมันจะไม่ไร้สาระ  โปรดมีน้ำใจกันตั้งแต่บัดนี้  ที่อาตมากล่าวแล้ว  ขาดน้ำตายแน่  ขาดน้ำสิ้นชีวิต  ขาดคู่คิดชีวิตยังอยู่  เป็นคู่กัน  ท่านจะมีเพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน  ไม่ผลาญสมบัติแต่ประการใด  นี่แหละลด ๕ ว่าง  มาสร้าง ๕ ร่วม  มารวมกันได้ไหม   พวกนักบริหารโกงเจ๊งทุกราย  นักบริหารไม่โกง  ไม่มีเจ๊ง  โลกาภิวัฒน์โลกเจริญแต่โกงกันสะบัด  บริหารให้เศรษฐีคนรวยกลายเป็นคนจน  แต่ท่านทั้งหลายที่มาวัดอัมพวันนี้  อาตมาจะช่วยบริหาร  เดี๋ยวจะสวดมนต์บริหารให้ท่านรวยมหาศาล  อย่างต่ำก็คนละพันล้าน  แล้วก็ให้รัฐบาลกู้ต่อไป  โดยไทยช่วยไทย  ไทยรักไทย  เรากู้ไทย  รักเมืองไทย  ชูชาติไทย  ทำนุบำรุงให้รุ่งเรืองสมเป็นเมืองของไทย  มารไม่มีบารมีไม่เกิดประเสริฐไม่ได้  มารคือตัวลองเขาลองเราดู  หมดแล้วเงินทอง  บ้านก็ไม่มีจะส่ง  เพราะเงินเดือน ๖ หมื่น  เขาให้ออกจากธนาคารออกจากบริษัท  โทรศัพท์มาบอกหลวงพ่อหนูหมดทางแล้วรถก็เอาไปคืนแล้ว  บ้านที่ส่งก็ต้องโดนยึดให้เขาไป  กลับมาบ้าน  หลวงพ่อค๊ะหนูกลับไปแล้วหนูจะทำอะไร  แม่หนูทำอะไร  แม่หนูค้าขาย  ช่วยแม่หนูค้าขาย  เตี่ยก็ตายไปแล้ว  น้องยังอยู่ ๒ คน  ช่วยแม่เข้า  บัดนี้กลับเชียงรายช่วยแม่ค้าขาย  บอกหลวงพ่อค๊ะหนูอายเขา  ไปทำงานเงินเดือนตั้ง ๖-๗ หมื่น  แล้วอยู่บ้านสวยหรู  แต่กลับไปช่วยแม่ยกแบกหามเหมือนเดิม  หนูอายเขา  จำไว้เลยสร้างความดีอย่าไปอาย  อดทนเข้าไว้  อันนี้เป็นเรื่องของธรรมะ  แต่การขึ้นปีใหม่มันก็ไม่มีอะไรใหม่  มันก็เก่าอยู่เสมอ  ไม่มีอะไรดีและเปลี่ยนแปลงภาวะเลย  แต่เรามาศึกษาปฏิบัติชีวิตเป็นข้อคิด  รณรงค์ความคิด  มาร่วมมิตรกันด้วยคุณธรรม  ชีวิตท่านจะแจ่มใสในอนาคตต่อไปอย่างแน่นอน  โดยวิธีปฏิบัติของท่าน  ทายก  ทายิกา 

                  ในวันนี้ถูกต้องทางครรลองของชีวิต  มีการใช้หนี้สงฆ์  มีการอโหสิกรรมต่อพระรัตนตรัย  ต่อพระพุทธเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์  ตลอดทั้งรุกขเจดีย์  ตลอดทั้งพระปัจเจกพุทธเจ้า  ขอขมาลาโทษหมด  และก็ใช้หนี้สงฆ์  เป็นความจริงของชีวิตแล้ว  แต่เราตัวเองก็ไม่ใช้หนี้ตัวเองเลย  ตัวเองก็เป็นหนี้ตัวเองอยู่เหมือนกัน  หนี้ที่ใช้ไม่หมดคือ หนี้บุญคุณพ่อแม่  หนี้บุญคุณครูบาอาจารย์  ไม่มีทางหมดแน่นอน  เราจึงทำพิธีก่อนขึ้นเปลี่ยน พ.. เปลี่ยนศักราชใหม่  หรือ ค..ใหม่ก็ตาม  ตามสากลนิยมที่เราทำนี้  ยุคเก่าก็คือ เดือนเมษายนเป็นเดือนหนึ่ง  คือเดือนห้าเป็นเดือนหนึ่ง  แต่สากลทั่วโลกเขาเอาวันที่ ๑ มกราคม  เป็นเดือนต้นไปตามคริสต์ศักราช  ไปตามวาระโอกาสของโลกนิยม  เราจึงได้ตามเขามาหลายสิบปีแล้ว  แต่ก่อนนี้เราถือเมษายนเดือนห้าเป็นเดือนหนึ่ง  เวลาพระจะบวชก็เดือนห้าเดือนหนึ่ง  เดือนห้า  เดือนหก  เดือนเจ็ด  เดือนแปด  เดือนเก้า  เดือนสิบ  ๖ เดือน แล้วก็ทำบุญครึ่งปี  ทำบุญสารท  ข้าวสารทแปลว่า  แม่โพศรี  แม่โพสพ  แม่นพดารา  ให้ข้าวปลาอาหารเฟื่องฟูเจริญรุ่งเรือง  ขอสมาลาโทษต่อพระแม่คงคา  พระแม่ธรณี  ที่เราได้ปัสสาวะ อุจจาระ  ลงแม่ธรณีและคงคา  เป็นบาปเป็นกรรมทั้งนั้น  ถ้าเรามาอโหสิกรรมได้นี้ท่านจะหมดเวรหมดกรรมแน่นอนที่สุด  แล้วโยม พ..วิง  รอดเฉย  ก็ได้นำครบถ้วนขบวนการของวันที่เราจะหมดเวรหมดกรรมกันในวันนี้  ใช้หนี้สงฆ์  

                  เมื่อสมัยก่อนนานมาแล้ว  อาตมาเป็นเด็กนักเรียน  ยายไปทำบุญที่วัดศรัทธาภิรมย์  ยายจะต้องให้เอาก้อนดินใส่ไปข้างละ ๒ ก้อน  เราบอกยายใส่ไปทำไปหนักเปล่าๆ  เอาเถอะไม่เป็นไปเอาไปก่อน  ไม่เห็นมีใครเขาไปทำบุญเอาดินใส่  ไปถึงวัดแล้วจะบอก  เราหาบแทบตาย  บางทียายตามไม่ทันเราหนักมากก็เอาก้อนดินทิ้งเสียบ้าง  พอไปถึงวัด  ยายบอกว่าทำไมก้อนดินลดน้อยลงไป  ยายไม่รู้เรื่องหรอกผมหาบมันก็กระฉอกออก  ดินมันก็แตกหล่นไปบ้าง  แท้จริงเราเอาทิ้งมันหนัก  ไปถึงวัด  ตรงนี้เป็นหลุมเป็นบ่อเทใส่ลงไปแล้วก็เอาไม้ทุบเกลี่ยให้เรียบ  นี่โง่อยู่บ้านเดียว  โง่นี้ดีไม่มีบาป  ไอ้คนฉลาดมีบาปเลวร้าย  ไม่ใช่นักปราชญ์  นี่ยาย  ยายทำอะไรไม่ได้ก็จะบ่นให้เราฟัง  หลานเอ๋ย  ยากแท้เราไม่เคย  ง่ายแท้เราเคยแล้ว  เป็นบทที่เราจะต้องจดจำ  ยากแท้เพราะเราไม่เคย  พอฝึกแล้วเหมือนเรามานั่งกรรมฐานเคยแล้ว  ง่ายแท้  เสียงหนอก็ง่าย  ยากแท้แต่ไม่เคย  ไม่เคยฝึก  พองหนอง  ยุบหนอ  หลวงพ่อค๊ะ  มาตั้งหลายเที่ยวแล้วไม่ได้เรื่องเลย  พองหนอ  มันไม่หนอ  มันยุบ  ยุบยังไม่ทันหนอ  มันพอง  เลยฉันก็เอาง่ายๆ  พอง... ยุบ...  พอง... ยุบ... มักง่ายที่สุด  มักได้  พวกปฏิบัตินี้มักง่าย  เรียน ม.๑ ถึง ม.๖ ใช้เวลาตั้ง ๖ ปี  มาแค่นี้ พอง... ยุบ... พอง... ยุบ...  เสียงหนอ ๆ  มึงด่ากูหรือ  เสียงหนอ  มึงด่ากูน้อยไป  ก็อยู่บ้านนี้มาไม่มีใครมาเหยียบจมูกเลยนะ  ออกไปก็เลยตบเปรี้ยงไปเลย  ตบไปแล้วตำรวจจะมาจับ  เดี๋ยวๆ  กลับมาเสียงหนอๆ โกรธหนอๆ  ไม่ทันกินแล้ว  ไปโรงพัก  ก็ขอเจริญพรว่าเรามาฝึกความอดทนแล้วก็วิกฤตการณ์เช่นนี้  เกิดกุลียุคโปรดได้ทำย้อนหลังไปถึงพ่อแม่เรา  พ่อแม่เราทำอย่างไรโปรดทำตาม  อย่างที่โยม พ..วิง  กล่าวแล้วถูกต้อง  องค์นี้โดนมาแล้ว  ยายก็บอกพอพระเทศน์แล้วหนูนั่งเฉยๆ พอพระเทศน์  ปากเท่ารูเข็ม  มือเท่าใบตาล  คือเปรตบ้าง  หนูเอ๋ยมาสมัยก่อนเราเป็นเด็กไม่มีรองเท้า  ต้องลุยโคลนมา  ถึงศาลาต้องมีอ่างล้างเท้า  ต้องล้างเท้าอยู่ที่ตีนศาลาก่อนแล้วค่อยขึ้น  ต้องมีเช็ดเท้าด้วย  เวลาเรากลับบ้านดินที่วัดเป็นโคลนมันก็ติดเท้าไปด้วย  ยายบอกว่านี่บาป  ต้องเอาดินไปใส่ที่วัดถึงจะหาย  หรือตรุษสงกรานต์ก็ก่อพระเจดีย์ทราย  ขนทรายเข้าวัด  ตักทรายเข้าวัดถึงจะหาย  ถึงจะพ้นหนี้สงฆ์  เดี๋ยวนี้สบายมากไม่ต้องใช้เท้าเหยียบหรอก  ลักขุดดินวัดไปขายเสียเลย  ไม่บาปหรือ  วัดครึ่งหนึ่ง  กรรมการครึ่งหนึ่ง  สมภารอีกครึ่งหนึ่ง  เอาดินไปขาย  ส่วนมากจะอยู่ที่ไหน  กรุงเทพฯ มีไหม  กรุงเทพฯ ดีมากไม่เคยทำบาปเลย  สาธุ  ดีมาก  แต่เอาที่วัดให้เขาเช่า  สร้างตึกหมด  ไปดูได้ในวัดไหนมีรายได้มีเรื่องเยอะ  ทำไมมีเรื่อง  อันนี้ไม่ขอตอบ  วัดนี้ไม่มีรายได้  ไม่มีปูชนียสถานอะไร  แค่เงินเดือนอาตมาเดือนละ ๔-๕ แสน  ถ้าองค์ไหนอยากจะเป็นสมภารมาเลย  เราจะได้ลาไปขอนแก่น  จะให้เป็นสมภารเดือนละ ๕ แสนใครจะเป็นไหม  ไปหาพระมาจะให้เดือนละ ๕ แสน  นี่ข้าว ๑๐ กระสอบหมดไปแล้ว  นี่แหละเหตุผลดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น  บางทีเราเอาของสงฆ์ไปก็เป็นบาปเหมือนกัน  ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนมาก  พระเฟื่องที่บ้านนี้  หลวงตาอ้อนท่านปลูกน้อยหน่าไว้เยอะที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม  มีน้อยหน่าเยอะ  แต่ก่อนเป็นป่า  หลวงตาอ้อนแกมาแล้วก็ถาก  แล้วก็ปลูกน้อยหน่า  ปลูกอยู่ในที่ดินของวัดเป็นที่ดินของสงฆ์  ถ้าหากจะอนุญาตสงฆ์ต้องอนุญาต  แต่หลวงตาเฟื่องลักของหลวงตาอ้อนเข้าบ้านไปทุกวัน  มรณภาพที่ศาลาหลักโน้น  แล้วก็เป็นเปรต  เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่  แพทย์หญิงบุญเยี่ยม  มานั่งปฏิบัติกรรมฐาน  มาขอส่วนบุญ  เดี๋ยวนี้ยังอยู่  อำนาจโลภะ  เอาของสงฆ์ไป  แล้วก็เป็นเปรตได้ 

                  ขอเจริญพรท่านทั้งหลายที่ถวายอาตมา  อาตมาจะต้องดูซองก่อน  ถวายสงฆ์จะไม่นำไปใช้อะไรเลยนะ  เป็นบาป  ใช้หนี้สงฆ์นี้จะไม่นำไปใช้อะไรนะ  ต้องไปใช้หนี้ให้สงฆ์มีประโยชน์ด้วยปัจจัย ๔  ถ้าบอกถวายส่วนตัวหลวงพ่อตามอัธยาศัย  เดี๋ยวไปสร้างขอนแก่น  ไปสร้างที่โน่นที่นี่บ้าง  ก็หมดไปแล้ว ๑๑ ล้าน  ไม่ใช่ที่โยมถวายเป็นของสงฆ์นะ  เป็นของส่วนตัว  ก็ถามโยม พ..วิง  ได้ที่เราสวดธรรมจักรกันทุกวันที่ ๙ เป็นเวลา ๒ ปีเต็ม  ถ้าเป็นตัวอาตมาหรือโยมมาร่วมถวายในหลวงให้หมด  ถ้าบอกว่าถวายสงฆ์จะไม่แตะต้อง  ถวายผ้าป่าจะไม่แตะต้อง  ภิกษุสังฆัสสะ  ไม่ใช่ส่วนตัวนะ  เลยก็ไม่น่าเชื่อนะ  สัก ๒ ล้านก็เหลือกินเหลือใช้แล้ววัดบ้านนอกคอกนาอย่างนี้  เลย หม่อมเจ้าสุภทรดิศ  ดิศกุล  และหม่อมอรพิน  ทราบเข้าก็นำมาให้ ๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท  และรองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี  ตอนนั้นเป็น ผอ.  รวมกับคณะมาทอดผ้าป่าได้อีก ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท  ได้โน่นนิดนี่หน่อยรวมแล้ว ๗ ล้าน ๕ แสน  ถวายผ่านสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  ถวายในหลวงเป็นทุนชัยพัฒนาต่อไป  แล้วก็เราให้ไปนั้น 

                  ในที่สุดในหลวงก็ได้ถวายสังฆทานเป็นครั้งที่ ๑๔  วันที่ ๕ ธันวามหาราช ปี ๒๕๔๐  มีข้าวสาร ๒๐ กระสอบ  ที่ท่านทั้งหลายมารับประทานกันนี้  ข้าวสารในหลวงนะ  ยังไม่หมดก็คงจะหมดวันนี้  เมื่อวันก่อนก็ ๑๐ กระสอบหมดไปแล้ว  แต่ไม่หมดจริง  ที่โยมรับประทานไปนี้เดี๋ยวข้าวสุกมันจะกลับมา  ข้าวสุกลับมาเป็นข้าวสารอีก  ไม่ได้หมายความว่าให้โยมมาถวายนะไม่ได้บอกบุญ  ถ้าเป็นไปได้ก็ให้พิจารณาดู  ปีใหม่ ๒๕๔๑ ขอให้งอกด้วยจิตใจ  ท่านอย่าพูดเรื่องจนนะ  ขอบิณฑบาตเสีย  เป็นไงขายดีไหม  ตั้งแต่เช้ายังไม่มีใครมาซื้อ  อย่าพูดอย่างนั้น  ถึงไม่มีคนซื้อเลย  เทวดามี  เป็นไงเมื่อเช้าตายเลยยังไม่ได้กินข้าวเลยจะเที่ยงแล้วหรือนี่  หยิบขายไม่หวัดไม่ไหว 

                  ขอเจริญพรว่า  ให้อโหสิกรรมก่อน  แล้วก็ญาติโยม  สามีภรรยาจะมีเจริญกรรมฐาน  ถ้ามีคุณพ่อคุณแม่อยู่บ้านเดียวกัน  ขอกราบลาท่านเสียก่อน  มาบำเพ็ญศีล  และบวชให้คุณพ่อคุณแม่  โยมผู้หญิงบวชให้คุณพ่อคุณแม่ได้  แทนค่าข้าวป้อนน้ำนมแม่ได้  โดยปฏิบัติไตรสิกขา ๓  ถ้าเป็นพระนุ่งเหลืองห่มเหลืองไม่ปฏิบัติไตรสิกขา ๓  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  ไม่มีเหมือนไม่ได้บวช  ไม่ได้ปฏิบัติศีล  สมาธิ  ปัญญา  ขนาดที่มานี้เดี๋ยวนี้เป็นอธิบดีหรือรองอธิบดีไปแล้ว  อายุร่วม ๕๐ ปี  แม่ผูกคอตายเขาไม่ทราบ  ตอนแม่ผูกคอตายเขายังคลานอยู่  เลยน้าเลี้ยงไว้  ผูกคอตายที่เตียงเขานอน  จนเขามีอายุตั้ง ๔๐ เป็น ซี ๗  ตอนนั้นมานั่งกรรมฐาน ๒ ครั้ง  ครั้งที่ ๒ มานั่งกรรมฐาน ๗ วัน  ได้ผลกลับไปฝัน  แม่มาเข้าฝัน  แม่ตอนที่ตายยังสาว  อายุประมาณ ๒๒  รูปที่มาเข้าฝันเหมือนอายุ ๒๒  ไม่แก่  จำไว้  เป็นสภาพนั้น  ลูกเอ๋ยแม่ตกนรกเพิ่งจะได้ขึ้นจากนรกวันนี้  เขาให้อภัยวันโกนวันพระว่าลูกของเจ้าไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน  ร้อนถึงจักรินทร์เทวราช  เทวทูตแห่งเท้าเวสสุวรรณ  บอกหมดเวรหมดกรรมแล้ว  ลูกเธอช่วยเธอได้  ก็ได้ขึ้นจากนรกมาเข้าฝันลูกสาว  แล้วก็บอกว่าลูกเอ๋ย  แม่ที่อยู่นั้นคือน้า  แม่ผูกคอตายเมื่อเธอยังคลานอยู่  ที่แม่ต้องผูกคอตายนั้น  พ่อเจ้าไปชอบผู้หญิงที่บางกะปิ  ตรอกนั้นตรอกนี้  บ้านเลขที่นี้บอกหมด  แล้วแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับพ่อเจ้าเพราะรับราชการมาด้วยกัน  แต่น้าเจ้าชักปืนไล่ยิง  เพราะบ้านที่อยู่นี้เป็นบ้านน้า  น้าประสาทไม่ค่อยดี  ไม่ได้เรียนหนังสืออะไร  แล้วแม่ก็ผูกคอตายตกนรก  ทำบุญไม่ได้กินเลย  ต้องไปกินหนอนตามกองขยะ  ไม่มีอะไรกิน  ขอฝากญาติโยมกรรมฐานไว้ด้วยเป็นญาติ  เป็นพ่อแม่  เป็นลูกก็ตาม  ถ้าฆ่าตัวตายไม่ต้องทำบุญหรือไม่ได้รับ  ต้องเจริญกรรมฐานเป็นที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา  แล้วก็บอกว่าลูกเอ๋ยโปรดไปใช้หนี้เพื่อนแม่หน่อย  อยู่ตรอกนั้น  ชื่อนั้น  ตอนแม่ก่อนจะผูกคอตายไปยืมเงินเขามา ๔๐๐ บาท  แล้วก็ซื้ออะไรไม่ทราบเพราะน้าไม่ให้  เพราะอยู่กับน้า  เงินก็ยังไม่ได้ใช้แล้วแม่ก็มาผูกคอตาย  ไม่ได้เสียใจโดยที่ไม่ได้ถูกกับพ่อเจ้าหรอก  เสียใจน้าไล่พี่เขยออกจากบ้าน  เลยเขาก็ไปไม่กลับมาบ้านอีก  แม่เสียใจตรงนี้  ก็ผูกคอตายตรงที่เตียงเจ้านอนนั่น  จำไว้ถ้าผูกคอตาย  ฆ่าตัวตาย  ตอนอายุเท่าไร  การฝันรูปร่างจะต้องเหมือนวันนั้น  ไม่แก่  แต่ลูกนี้อายุ ๕๐  แล้ว  แต่แม่ที่มาเข้าฝันยังสาวกว่าลูก  ตรงกับรูปที่อยู่ข้างฝา  แล้วแม่ก็ฝากเพชรฝากสร้อยไว้กับน้า  เขาให้เจ้าหรือยัง  ในฝันบอกยังไม่ได้ให้  แล้วก็อย่าลืมเอาเงินไปให้ที่แม่ยืมเขามา  แม่ขึ้นจากนรกได้เพราะเจ้ามานั่งกรรมฐานที่วัดอัมพวัน ๒ ครั้ง  ผีรู้จักวัดอัมพวันด้วยนะ  แต่คนไม่ค่อยรู้จักวัดอัมพวัน  ในที่สุดตื่นขึ้นมาตี ๔  แม่ไม่ใช่แม่หนูใช่ไหม  แล้วพ่อไปไหนละ  พ่อตายไปนานแล้วตั้งแต่เอ็งยังไม่เกิด  เอ๊ะพูดได้ยังไง  น้าคนนี้เบลอๆ เป็นโรคประสาท  ยังเคยมาที่วัด  บอกว่าสร้อยทองยังอยู่  ที่แม่ยังไม่ให้เจ้าเพราะเจ้ายังไม่แต่งงาน  เพราะบ้าน ๒ หลังนี้แม่ต้องยกให้เจ้าอยู่แล้ว  แม่ไม่ได้แต่งงาน  พ่อแม่ก็ยกสมบัติให้เพราะไม่ได้เรียนอะไร  ก็ให้เฉพาะแม่เจ้าเรียนมาจนจบปริญญาโท  นี่แหละท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย  แล้วก็มาเล่าให้อาตมาฟัง  ทีแรกโทรศัพท์มา  แล้วก็ไปหาเพื่อนของแม่ที่ยืมเงินมา ๔๐๐ บาท  เพื่อนก็บอกว่าไม่ต้องเอามาให้  ตอนงานศพแม่เจ้าที่ตั้งวัดโสมนัส  แม่ไปบูชาแล้วอโหสิกรรมแล้ว  ไม่เอาคืน  ลูกไม่ต้องเอามาให้  แล้วเข้าก็เลื่อนขึ้นเป็น ซี ๘  เป็นรองอธิบดีต่อไป 

                  และการปฏิบัติกรรมฐานี้  เป็นการแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างดีที่สุด  ก็จะใกล้เวลาที่จะได้เจริญพระพุทธมนต์กันแล้ว  เพื่อให้ท่านได้เป็นสิริมงคลมิ่งขวัญ  ก็จะขอให้ข้อคิดในวันขึ้นปีใหม่สักเล็กน้อยตามที่อาตมาได้จดไว้  ในวันคล้ายวันขึ้นปีใหม่ก็ดี  ไม่มีอะไรดีเท่าไรนัก  ที่ว่าจะเกิดวิกฤติการณ์ภัยแล้ง  เกิดแผ่นดินไหว  คนจะตายเป็นจำนวนมาก  ถูกต้องตามหนังสือพิมพ์  เครื่องบินก็จะตก  อุบัติเหตุก็จะเกิดขึ้น  ตามที่เขาทำนายทายทักไว้  แต่โดยวิธีปฏิบัติแล้วไม่ได้เป็นเช่นนี้  ฟังให้ดีเกิดกุลียุค  จะรบราฆ่าฟัน  คนจะตายกันเป็นจำนวนมากร้อยละ ๘๐  ตายทุกประเทศ  ขั้วโลกเหนือก็จะละลายเป็นน้ำท่วม  ถูกต้อง  โดยวิธีปฏิบัติแล้วมิได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป  ถ้าเรารวมพลังกันสวดมนต์ไหว้พระ  หลบเข้าร่มโพธิ์ร่มไทร  เจริญสมาธิภาวนา  รับรองท่านไปรอดทุกราย  แล้วรับรองว่าท่านจะไม่จน 

                  ขอให้ญาติพี่น้องทุกคน  สวดมนต์พาหุงมหากา  แผ่เมตตา  แล้วเจริญกรรมฐาน  รับรองขายดิบขายดีแน่นอน  ตรงนี้เป็นจุดแก้  แต่ท่านทั้งหลายไม่ได้สนใจกรรมฐาน  ไม่สนใจสวดมนต์ไหว้พระ  สวดมนต์เป็นนิจ  อธิฐานจิตเป็นประจำ  อโหสิกรรมก่อนแล้วค่อยแผ่เมตตา  ท่านจะได้ผลสมความปรารถนา  เช่นยกตัวอย่าง  ฝรั่งที่อยู่ลอนดอนและสวิตเซอร์แลนด์  บัดนี้ขายดิบขายดี  บางทีร้านค้าด้วยกันที่อยู่ในตลาดนี้  ร้านี้ขายไม่ได้เลย  ร้านนี้ก็ขายไม่ได้  ร้านนั้นขายได้ดี  ก็เป็นเพราะอะไร  เป็นเพราะเหตุนี้  ต้องแก้ตรงนี้  หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ  ขอพรเทพเจ้า  ขอพรพระรัตนตรัย  ขอพรบิดามารดา  อย่าให้มีอันตรายเลย  คือ

                  . กิเลสันตราย อันตรายเกิดจากกิเลส  โลภ  โกรธ  หลง  เป็นอันตราย

                  . วิปาอันตราย อันตรายจากวิบากกรรมเมื่อชาติก่อนที่ทำไว้  เกิดอันตรายในชาตินี้แน่

                  . กัมมันตราย อันตรายจากกรรมที่ทำชั่ว  กรรมที่ทำชั่วเป็นอันตรายในปัจจุบันนี้

                  . ทิฏฐันอันตราย อันตรายจากทิฏฐิที่ผิด  จะเป็นอันตรายในปัจจุบันนี้

                  . อริยูปวาทันตราย อันตรายเกิดจากจ้วงจาบพระอริยเจ้า  บิดามารดา  ครูบาอาจารย์  ผู้มีบุญคุณ  จะเกิดอันตรายทันที 

                  ถ้าเราเว้น ๕ ประการนี้แล้ว  จะไม่มีอันตรายเลย  ถ้าคิดไม่ดีกับแม่ท่านจะแย่ลงไปนะ  โอ้แม่เราไม่ดีเลย  เท่านี้นะเจ๊งเลย อริยูปวาทันตราย เกิดอันตรายในปัจจุบันนี้แน่นอน  ไม่ต้องไปเอาในชาติหน้า  ยกตัวอย่างให้เห็น  วิทยาลัยครูเทพสตรี ลพบุรี  มาอบรมที่นี่แล้วก็เล่นกองที่หน้าโรงเรียน  กินเหล้ากัน  ต่อยปากครูฟันหัก ๒ ซี่  ครูก็อโหสิกรรม  ครูไม่โกรธเพราะเขาเมา  อาตมาก็บอกหนูเจ้าจะเป็นอันตรายนะเพราะต่อยครู  ผมเมาครับ  อโหสิกรรมกับครูซิ  บอกไม่อโหสิกรรม  พอ ๗ วันเท่านั้น  อาตมาก็เตรียมผ้าไตรและเงินอีก ๓ พันบาท  เตรียมไปเผาศพที่วัดเชิงท่า จ.ลพบุรีนี้  ขับรถมอเตอร์ไซด์ที่ท่าวุ้ง  รถสิบล้อเลี้ยวออกมาชนตายคาที่เลย  จ้วงจาบผู้มีบุญคุณ  เป็นอันตรายเห็นทันตา  ขออย่าให้มีอันตราย ๕ ประการนี้ 

                  กิเลสันตราย  โลภ  โกรธ  หลง  เป็นอันตรายปัจจุบันนี้  แล้วเราก็กำหนดจิต  โลภ  ก็กำหนดเสีย  กำหนดที่ลิ้นปี  โทสะเกิดก็กำหนดโกรธหนอ  ท่านจะไม่เป็นอันตรายในปัจจุบันนี้  โมหะไม่ได้มองหน้าใครเลย  ท่านจะเป็นอันตรายนะ  ไม่เคารพผู้ใหญ่  ไม่เคารพผู้บังคับบัญชา  ไม่เคารพพ่อแม่  ครูบาอาจารย์  เป็นอันตรายได้ 

                  วิปาอันตราย  วิบากกรรมเมื่อชาติก่อนเป็นอันตรายทันที  ถ้าไม่แก้ด้วยกรรมฐาน 

                  กัมมันตราย กรรมเกิดจากการกระทำชั่วของตัวเอง 

                  ทิฏฐันอันตราย เกิดทิฏฐิที่ผิด 

                  อริยูปวาทันตราย จ้วงจาบผู้ทรงศีลทรงธรรม  ผู้มีบุญกุศล  เถียงพ่อเถียงแม่  พ่อแม่นี้เป็นอริยเจ้า  เป็นอรหันต์ของลูก  คิดว่าแม่เราไม่ดีเท่านี้เจ๊งเลย  เช่น  อย่าไปเข้าข้างแม่นะ  คิดว่าพ่อเราไม่ดี  แล้วก็เกลียดพ่อตามแม่  ไม่พูดกับพ่อ  ตัวเองในไม่ช้าถูกรถชนเป็นอัมพาตจนบัดนี้

                  ขอให้ข้อคิดไว้ในปีใหม่นี้  อีกไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็จะหมด พุทธศักราช ๒๕๔๐  ที่เราเรียกว่าสิ้นปีเก่า  ซึ่งปีนี้ตรงกับวันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๐  แล้วก็อีกไม่กี่นาทีก็จะถึง ๒๔ นาฬิกาเป็นวันที่ ๑ มกราคม พ..๒๕๔๑  ประเทศไทยกำหนดเอาที่ ๑ เมษายน  เป็นวันขึ้นปีใหม่มาตั้งแต่ พ..๒๔๓๒  และมาเปลี่ยนมาเป็นวันที่ ๑ มกราคม  ตามแบบสากลตั้งแต่ พ..๒๔๘๔  จนถึงปัจจุบันทุกวันนี้  เมื่อถึงวันขึ้นปีใหม่ในแต่ละปีโดยแต่ละทุกคนก็มีความหวัง  โดยหวังว่าชีวิตในปีเก่าคงจะดีกว่าปีใหม่  จึงนิยมทำบุญในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่บ้าง  บำเพ็ญกุศล  เจริญพระกรรมฐาน  สวดมนต์ไหว้พระบ้าง  ก็เป็นการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่  ซึ่งการทำบุญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้นมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

                  .เพื่อการฉลองชีวิตของตนเอง  ที่รอดพ้นความตายในปีเก่ามาได้แล้ว  และเป็นการต้อนรับชีวิตใหม่ในปีใหม่

                  .เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแห่งกิจการงานต่างๆ  ที่ดำเนินงานมาได้ราบรื่นเรียบร้อย  ผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้  และเป็นการสร้างบุญใหม่  สำหรับชีวิตและกิจการใหม่

                  .เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศล  แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษ  และอุทิศให้สงฆ์  ใช้หนี้สงฆ์เป็นต้น 

                  .เพื่อเป็นการรักษาประเพณีอันดีงามให้คงอยู่  และเจริญยั่งยืนสืบไป 

                  .เพื่อเป็นการร่วมสังสรรค์ในหมู่บรรดาญาติสนิทมิตรสหาย  จะเป็นเพื่อนบ้านก็ดีได้ทำบุญร่วมกัน  บำเพ็ญกุศลร่วมกัน  บางท่านก็สนุกสนานร่วมกัน  เป็นการสร้างความสามัคคี 

                  ความจริงปีเก่า  และปีใหม่  ก็เป็นเพียงการสมมติ  เพื่อให้มีสติจะได้ไม่ประมาทในชีวิต  ซึ่งปี พ..๒๕๔๐  ที่จะกลายเป็นปีเก่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้  ครั้งหนึ่งเราเคยสมมติว่าเป็นปีใหม่  เราเคยมีความดีใจ  และความหวัง  และหลายคนคงจะไม่สมหวังในสิ่งที่หวังในปี ๒๕๔๐  ที่ผ่านไปแล้ว  เมื่อไม่สมหวังในปี ๒๕๔๐  ก็เลยฝากความหวังไว้กับปีใหม่ที่จะมาถึง  คิดและจะทำอย่างนี้ปีแล้วปีเล่า  จัดว่าเป็นคนที่ประมาท 

                  มีคำอยู่คำหนึ่ง  คือคำว่า  เจริญวัย  ซึ่งตามความเข้าใจของคนทั่วไปหมายถึง  วัยเจริญขึ้นโดยมุ่งทางความพัฒนาทางด้านร่างกาย  แต่ความจริงแล้ว  คำว่าวัย  เป็นภาษาบาลี  แปลว่า  เสื่อมไป  เจริญวัย  จึงหมายถึงว่า  ความเสื่อมเจริญ  ความเสื่อมเพิ่มขึ้น  ซึ่งปีใหม่นั้นก็เกี่ยวข้องกับวัยหรืออายุของคนเรา  เพราะทำให้คนเรามีอายุหรือวัยเพิ่มขึ้นตามปีที่เปลี่ยนไป 

                  ชีวิตของคนแบ่งออกเป็น ๓ ระยะ  คือ  ระยะต้น  ระยะกลาง  และระยะสุดท้าย 

                  .ระยะต้นของชีวิต  เรียกว่า  ปฐมวัย  นับตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ ๒๕ ปี

                  .ระยะกลางของชีวิต  เรียกว่า  มัชฌิมวัย  นับตั้งแต่อายุ ๒๖ ถึง ๕๐ ปี

                  .ระยะสุดท้ายของชีวิต  เรียกว่า  ปัจฉิมวัย  นับตั้งแต่ ๕๑ ปีขึ้นไป 

                  นักปราชญ์ท่านสอนคนเราให้พยายามสร้างประโยชน์ตามวัยทั้ง ๓ ดังต่อไปนี้

                  . ปฐมวัย  ให้รีบเร่งศึกษาหาความรู้ใส่ตัว  บอกให้ลูกเรียนหนังสือ  วัยปฐมนี้สำคัญมาก 

                  . มัชฌิมวัย  ให้เร่งก่อสร้างตัว  และสร้างฐานะเป็นหลักฐาน 

                  . ปัจฉิมวัย  ให้เร่งสร้างคุณงามความดี  คือทำบุญไว้  เพื่อเป็นเสบียงเครื่องเดินทางต่อไปของตน  และเป็นตัวอย่างแก่อนุชนคนรุ่นหลัง

                  ผู้ที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ตามวัย  ย่อมเสียใจและเสียดายเมื่อผ่านพันวัยนั้นๆ แล้ว  เช่น  เป็นเด็กไม่สนใจการศึกษาเล่าเรียน  เมื่อโตขึ้นไม่มีวิชาความรู้เป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตแล้ว  ยามที่มีกำลังไม่รีบเร่งสร้างฐานะ  เมื่อหมดกำลังแล้วย่อมเป็นคนอนถา  คือไม่มีที่พึ่ง  ถึงวัยใกล้ตายควรรีบเร่งทำบุญ  แต่กลับมาประมาทมัวเมาในเรื่องอื่นเสีย  จะต้องโศกเศร้าสงสารตัวเองเมื่อจะสิ้นชีวิต 

                  ปี พ.. ๒๕๔๐  ที่เราจะเรียกว่าปีเก่า  ก็กำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว  ก่อนจะถึงปี พ..๒๕๔๑  ที่เราจะเรียกว่าปีใหม่นั้น  ขอท่านสาธุชนทั้งหลายลองมาพิจารณาตัวเองว่าปีที่ผ่านมา ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง  โดยเฉพาะให้พิจารณาตัวเองว่าได้เป็นมนุษย์จำพวกไหน  ๕ จำพวก  ที่อาตมาได้กล่าวมาแล้วหลายครั้ง

                               ๑.  มนุสฺสเปโต  ได้แก่  มนุษย์เปรต  หมายถึง  คนที่มีร่างกายพิกลพิการมีอาการไม่ครบ ๓๒ ต้องขอทานเลี้ยงชีวิต  เป็นอยู่ลำบากและอด ๆ อยาก ๆ   ซึ่งคล้ายกับลักษณะและความเป็นอยู่ของเปรต

                               ๒.  มนุสฺสติรจฺฉาโน  ได้แก่  มนุษย์ดิรัจฉาน  หมายถึง  คนที่มีร่างกายสมประกอบ  มีอาการครบ ๓๒ มีกำลังเรี่ยวแรง  สติปัญญา  แต่ไม่ทำการงานเลี้ยงชีพเอง  คอยแต่อาศัยผู้อื่นกินไปวัน ๆ  มีพฤติกรรมเหมือนสัตว์เลี้ยง

                               ๓.  มนุสฺสเนรยิโก  ได้แก่  มนุษย์สัตว์นรก  หมายถึง  คนที่มีความประพฤติหยาบช้ากระทำการทารุณเบียดเบียนฆ่าฟันผู้อื่น  หากินโดยโจรกรรม  ฉ้อสงฆ์  บังศาสน์  ฉ้อราษฎร์  บังหลวง  ประกอบอาชีพไม่สุจริต  จนในที่สุดต้องติดคุกติดตะรางเหมือนสัตว์นรก

                               ๔.  มนุสฺสภูโต  ได้แก่  มนุษย์แท้  หมายถึง  คนที่มีความประพฤติดีงาม  รักษาศีล ๕  โดยเคร่งครัด  ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนและคนอื่น

                               ๕.  มนุสฺสเทโว  ได้แก่  มนุษย์เทวดา  หมายถึง  คนที่มีความประพฤติดีเยี่ยม  มีหิริ  คือความละอายต่อบาป  โอตตัปปะ  คือความเกรงกลัวต่อบาป  ทั้งมีนิสัยบำเพ็ญทาน  รักษาศีล  และเจริญภาวนาประพฤติตนดีเลิศคล้ายเทวดา

                  เมื่อได้พิจารณาดูตัวเองในรอบปีที่ผ่านมาว่าตนเองเป็นมนุษย์จำพวกไหน  ถ้าเป็นจำพวกที่ไม่ดีก็พยายามเร่งสร้างคุณงามความดี ให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ ซึ่งแปลว่าผู้มีใจสูง  คือ  สูงด้วยคุณธรรม  แต่หลายคนอาจจะนึกน้อยใจว่าในรอบปีที่ผ่านมาตนเองได้พยายามทำแต่ความดี  แต่ทำไมจึงไม่ได้รับผลแห่งความดี  ที่จนก็ยังจนอยู่เหมือนเดิม  ชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้นถึงกับบางคนต้องพูดว่า “ทำดีได้ดี  มีที่ไหน  ทำชั่วได้ดี  มีถมไป”  การทำดีที่จะให้ได้รับผลของความดีตอบแทนนั้น  ต้องประกอบด้วยเหตุ ๔ ประการ  คือ

                                                                       ๑.  ทำดีให้ถูกเวลา

                                                                       ๒.  ทำดีให้ถูกสถานที่

                                                                       ๓.  ทำดีให้ถูกบุคคล

                                                                       ๔.  ทำดีให้ติดต่อกันเสมอต้นเสมอปลาย

               คนที่ทำดีแล้วไม่ได้ดีนั้น  ส่วนมากทำกันผิดหลัก  เพราะทำดีไม่ถูกเวลาบ้าง  ทำดีไม่ถูกสถานที่บ้าง  ทำดีไม่ถูกบุคคลบ้าง  และทำดีไม่ติดต่อกัน  เมื่อไม่ได้รับผลของความดีสมความมุ่งหมาย  จึงเสียใจน้อยใจ  ถึงกับบ่นตาม ๆ กันว่า “ทำดีแล้วไม่ได้ดี”  ก็ขอให้พิจารณาถึงการกระทำของตนเองก่อนว่าที่ตนทำดีแล้วนั้น  ถูกต้องตามหลักการทำความดี ๔ ประการหรือไม่

               ไม่ว่าท่านจะอยู่ในวัยไหน  เป็นมนุษย์จำพวกไหน  ได้ทำดีแล้วหรือยังก็ตาม  ข้อคิดที่อยากจะฝากไว้เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๔๑ นี้  เป็นข้อคิดอันดับสุดท้ายก็คือ  ข้อที่บุคคลควรพิจารณาอยู่เสมอ  พิจารณาอยู่บ่อย ๆ เพื่อทำใจให้ยอมรับความจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ภาษาพระท่านเรียกว่า  อภิณหปัจจเวกขณะ มี ๕ คือ

                       ๑.  ควรพิจารณาทุก ๆ วันว่า  เรามีความแก่เป็นธรรมดา  ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้

                       ๒.  ควรพิจารณาทุก ๆ วันว่า  เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา  ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้

                       ๓.  ควรพิจารณาทุก ๆ วันว่า  เรามีความตายเป็นธรรมดา  ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้

                       ๔.  ควรพิจารณาทุก ๆ วันว่า  เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น

                       ๕.  ควรพิจารณาทุก ๆ วันว่า  เรามีกรรมเป็นของตัวเอง  เราทำดีก็จะได้ดี  ทำชั่วก็จะได้ชั่ว

               คนเรานั้นโดยมากอายุไม่ถึง ๑๐๐ ปี  เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องแก่  เจ็บ  และตาย  เป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ต้องมีกรรม คือการกระทำ และมีวิบาก คือผลของการกระทำ ตราบนั้นคนเราก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้ และเมื่อเกิดมาแล้วสิ่งที่เราต้องพิจารณาก็คือ  ความแก่  ความเจ็บ  และความตาย  โดยเฉพาะเรื่องของความแก่  เปลี่ยน พ..ใหม่ที  เราก็แก่ไปอีกปี  นึก ๆ ดู ๑ ปี มี ๓๖๕ วัน  นั้นช่างรวดเร็วเหมือนกับกาลเวลามันติดปีกจรวดบิน  บางทียังไม่ได้ทันทำอะไรเลย  ก็หมดไปแล้ว อีก ๑ ปี  เราก็แก่หรืออายุมากขึ้นอีก ๑ ปี  ผู้ที่อยู่ในปัจฉิมวัย  คืออายุเลยเลข ๕ ไปแล้ว  จะรู้ถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี  จึงมีคำถามที่ถามกันเล่น ๆ ว่า “อะไรเอ่ย?  เรายิ่งหนี  มันยิ่งตาม” คำตอบก็คือความแก่  เพราะความแก่นั้นไม่มีใครต้องการหลายคนจึงพยายามวิ่งหนี  แต่จะหนีอย่างไร  ก็ไม่มีทางหนีพ้นแต่อาจชะลอได้  คือ  ชะลอไม่ให้แก่เร็วหรือแก่เกินวัย  เช่น  เมื่อมีรอยตีนกาเกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเวลายิ้มก็หาเครื่องสำอาง  หรือเครื่องประเทืองผิวมาทาตรงบริเวณที่เกิดรอยตีนกาก็จะไม่ปรากฎชัด  คนสมัยก่อนท่านสอนไว้ดีมากในเรื่องของการชะลอความแก่  โดยการเป็นคนร่าเริง  ยิ้มแย้มอยู่เสมอ  ถึงกับมีคำพูดว่า “ยิ้มวันละนิดจิตแจ่มใส”  คนที่ร่าเริง  ยิ้มแย้มอยู่เสมอนั้น  จะดูเป็นคนที่อ่อนกว่าวัย  หน้าไม่ทรยศเจ้าของ  ตรงกันข้ามกับคนที่เคร่งเครียด  หน้าบึ้ง  จะดูเป็นคนที่แก่เกินวัย  หน้าทรยศเจ้าของ  และมีคำถามที่ถามกันว่า “อะไรเอ่ย ? เรายิ่งตามมันยิ่งหนี”  คำตอบก็คือ  ความหนุ่ม  ความสาว  เพราะความเป็นหนุ่มเป็นสาวนั้น  ใคร ๆ ก็ปรารถนา  แต่ความหนุ่ม  ความสาวนั้นเรายิ่งตาม  มันก็ยิ่งหนี  เราไปตามกาลเวลา  เพราะฉะนั้นจึงฝากไว้เป็นข้อคิดคือ  ควรพิจารณาถึงความเป็นจริงว่า  คนเรานั้นมีความแก่  ความเจ็บ  และความตายเป็นธรรมดา  ไม่มีใครสามารถพ้นไปได้  คนเราจะต้องพลัดพรากจากของที่เรารัก  ไม่วันใดก็วันหนึ่ง  และคนเรานั้นมีกรรมเป็นของตนเอง  ทำดีย่อมได้ดี  ทำชั่วย่อมได้ชั่ว 

               ก็ให้ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย  โปรดได้ตั้งใจที่จะฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์  จะได้ประกาศอนุโมทนา  ร้อนถึงจาตุมมหาราชา  ตลอดทั้งสมเด็จพระบรมบพิตรมหาสมภารเจ้า  มหาบุพรกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ๕๗ พระองค์  ถึงรัตนโกสินทร์  ขอท่านทั้งหลายตลอดบรรพบุรุษ  ที่ล่วงลับไปแล้วสู่สัมปรายภพ  ขอท่านจงบำเพ็ญกุศลฟังพระสงฆ์สวดพระธัมมจักรกัปปวัตนสูตร  ให้จบ  แล้วได้ฤกษ์งามยามดี  สวดมนต์ไหว้พระ  ท่านจะได้ฤกษ์ดียามดีต่อไป  และสร้างความดีหลบหนีความชั่ว  สร้างตัวให้ดี  หลบเข้าสมาธิ  สมาธิเป็นร่มใหญ่  ภายในย่อมร่มเย็น  ตลอดปี พ..๒๕๔๑  อย่าถือโหรที่เขาทำนายทายทักว่าบ้านเมืองจะไปไม่รอด  เราถือว่าเราต้องไปรอดทุกคน  เราต้องรวยทุกคน  เราต้องดีทุกคน  คิดอย่างนี้ตลอดทุกวัน  รับรองว่าครอบครัวจะมีแต่ความสุขความเจริญ 

               ลด ๕ ว่าง  คือ  อย่าให้สมองว่าง  อย่าให้ความคิดว่าง  อย่าให้เวลาว่าง  อย่าให้ทรัพยากรว่าง  อย่าให้การงานว่าง  รีบดำเนินงานทันที

               สร้าง ๕ ร่วม  ร่วมคิด  ร่วมลงทุนกัน  ร่วมผลิต  ร่วมขาย  และร่วมกันรักษาความดี

               ปี ๒๕๔๑  ท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข  ลด ๕ ว่าง  มาสร้าง ๕ ร่วม  รวมกันให้ได้อย่าแตกความสามัคคี  ช่วยชาติ  ช่วยพระศาสนา  ช่วยเด็ก  ช่วยพระมหากษัตริย์  ซื่อสัตย์สุจริต  ขยัน  ประหยัดให้มั่น  หันหลังให้อบาย

               ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย  อำนาจบุญกุศลทั้งหลายที่เรามาบำเพ็ญกุศล  มีการใช้หนี้สงฆ์  ทอดผ้าป่า  ทอดสังฆทาน  การอุทิศ  จตุปัจจัยถวายสงฆ์  ขอทักษิณาทานจงเป็นไปด้วยดีมีปัญญา  อุทิศให้แก่ปู่ย่าตายาย  ทุกท่านที่ได้ล่วงลับไปแล้วจงมารับทราบอนุโมทนา  มาให้พรญาติโยมลูกหลานได้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดกาลปวนสานโดยทั่วหน้ากัน  ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย  บุญกุศลที่ตั้งใจทุกประการ  จงเป็นพลปัจจัยดลบันดานให้ท่านทั้งหลายโดยทั่วหน้ากัน  จงประสบแต่ความสุขสันต์นิรันดร  ขอเจริญจตุพรชัย ๔ ประการ  มีอายุขอให้ยืนนาน  วัณโณผิวพรรณผ่องใส  สุขังขอให้สุขภาพกายพลานามัยทุกท่านโปรดได้ใจดี  โรคภัยไข้เจ็บมีก็โปรดหาย  สิ่งทั้งหลายที่คิดไว้ ณ บัดนี้  และจะคิดต่อไปในโอกาสหน้าจงเป็นพลังงานให้เกิดความสำเร็จเผด็จผล  สมเจตน์จำนงความมุ่งมาดปรารถนาด้วยการทุก ๆ ท่าน ณ โอกาสบัดนี้เทอญ.