รอบรู้ด้วยปัญญา

 

พระราชสุทธิญาณมงคล

  เมษายน  ๒๕๔๒

P13005

 

            เจริญพรพี่น้องพุทธบริษัททุกท่าน  วันนี้เป็นวันพระ  พุทธศาสนิกชนทั้งหลายก็เข้าวัด  สดับพระธรรมเทศนา  บำเพ็ญศีลภาวนา  บำเพ็ญจิตให้ตั้งสติ  รักษาอุโบสถศีลให้จิตใจมีความสุขความเจริญ  เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมด้วยไร้สาระมากมาย  ไม่ใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม  เราควรหยุดสร้างความไม่ดี  เราเป็นคนดีด้วยกันทุกคน  มีทุนมาเท่ากันทั้งนั้น  แต่ใช้ทุนไม่เหมือนกัน  คนเราถึงแตกต่างกันด้วยกฎแห่งกรรมจากการกระทำของตน

            การกระทำของแต่ละบุคคลนั้นไม่เหมือนกัน  มีทั้งสุข  มีทั้งทุกข์  มีทั้งชั่ว  มีทั้งดี  ไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาได้  เนื่องจากทุกคนใช้ทุนไม่เท่ากัน  ปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมือนกัน  บางคนก็ใช้ทุนได้เลิศประเสริฐแท้  ได้กำไรชีวิตตลอดกระทั่งตาย  บางคนใช้ทุนขาดทุนตลอดชีวิตกระทั่งตาย  ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองและสังคม  ตลอดกระทั่งครองครัวก็หาความสุขไม่ได้

            ท่านทั้งหลายเอ๋ย  เราใช้ทุนไม่เหมือนกัน  กำไรจึงแตกต่างกันไป  ยากดีมีจนแต่ละบ้านแต่ละเมืองเหมือนกันไม่ได้  เรามาเข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันพระแสนจะยากมาก  คนที่ลืมวันพระก็คือลืมทำใจให้ประเสริฐ  เราควรมาสร้างความดีด้วยการฟังธรรมบรรยาย  ประพฤติวัตร  ปฏิบัติธรรม  และพบพระในวันธรรมสวนะ

            พระอยู่ที่ไหน?  จริงอยู่ที่ผี  ดีอยู่ที่เราละ  เป็นพระอยู่ที่ใจ  ท่านต้องเป็นผีแน่นอนรวมทั้งอาตมาด้วย  ต้องตายแน่  เราตายมาแล้วกันทั้งนั้น  ทั้งตายจริง  ตายสมมติ  แต่ยังไม่ตายสูญ  กำลังแสวงหาตายสูญอยู่ ณ บัดนี้

            เรามาบวชกันทั้งโยมหญิงโยมชาย  ถือบวชได้ทั้งนั้น  บวชแปลว่า  สภาพเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่ภาวะของคน  ไปสู่ใจประเสริฐ  บวชเปลี่ยนพฤติกรรม  เปลี่ยนใจทิฏฐิมานะ  ไม่ลดละภาวนา  สร้างกิจกรรมที่มีประโยชน์

            ท่านที่บวชได้จะทดแทนพระคุณมารดาได้แน่นอน  เราอยู่ในครรภ์ของมารดาก็หายใจทางสะดือกับแม่  และดูดเลือดแม่ทางรก  ผู้ที่มาเจริญกรรมฐานจะรู้พระคุณของแม่ก่อนอื่นใดและจะรู้พระคุณของพ่อ

            กรรมฐานเป็นการแก้ปัญหาชีวิต  มีปัญหาเกิดขึ้นมามันจะแก้ได้  ไม่ต้องไปหาหมอดู  ไม่ต้องไปหาผีเข้าเจ้าทรง  คนเข้าวัดที่โง่ยังมีอีกมาก  ถ้าหากปฏิบัติธรรมจริง ๆ จะได้บุญมหาศาล  บุญคือความสุข  ความเจริญ

            การกำหนด “หนอ”  ทำให้รั้งจิตให้อยู่กับสติ  คิดหนอ  เพื่อต้องการให้จิตกับสติผนวกบวกกันเป็นหนึ่ง  ท่านถึงจะมีปัญญาเกิดขึ้น  ไม่อย่างนั้นท่านจะคิดอะไรออกหรือ  ท่านไม่ต้องมานั่งคุยกัน  ท่านจะกินน้อย  นอนน้อย  ทำความเพียรให้มาก  ถ้ามานั่งพูดกัน  และจิตท่านก็ยังคิดโน่นคิดนี่  ท่านจะไม่มีสมาธิ

            เดินไปห้องน้ำก็เดินจงกรมไป  เอากำไรไปด้วย  ถ่ายอุจจาระปัสสาวะกำหนดจิตด้วย  ท่านจะได้บุญมาก  ท่านจะมีสติสัมปชัญญะ  มีพละกำลังกาย ๕ ประการ  หมายถึง  มีศรัทธา  มีความเพียร  มีความอดทน  มีสมาธิ  และเกิดปัญญา

            มีสมาธิ  หมายถึง  จับงานอย่าทิ้งงาน  จับงานพระกรรมฐาน  คือ  แก้ปัญหาไว้  มีสติควบคุมจิตเป็นสมาธิภาวนา  เรียกว่า  สติสัมปชัญญะ  ไม่ลดละภาวนา

            ปลูกศรัทธาให้มั่นคง  ถ้ามีศรัทธามาก  ก็มีวิริยะมาก  มีความเพียรให้หนัก  ถ้ามีความเพียรเท่ากับศรัทธา  เสมอต้นเสมอปลายแล้ว  ท่านจะมีสมาธิจับงานและแก้ไข  สมาธิต้องอยู่กับสติสัมปชัญญะ  ถ้าท่านมีแต่สมาธิดิ่งไป  แต่ไม่มีสติ  ไม่มีสัมปชัญญะ  ท่านจะมีสมาธิด้วยเรื่องอะไร  ก็ไม่ทำให้เกิดปัญญาที่มีประโยชน์แต่ประการใด

            สมาธิคือตั้งใจทำ  เดินจงกรม  ยืนหนอ ๕ ครั้ง  ให้ได้  กลับไปกลับมา  คำว่า “หนอ”  นี้จะดึงเอาจิตผนวกบวกกับสติ  ถ้าจิตมีสติแล้ว  จะมีปัญญา  จะรู้ทั่ว  รู้นอก  รู้ใน  รู้จิต  รู้ใจ  รู้กาลเทศะ  รู้กิจจะลักษณะ  รู้บาป  รู้บุญ  รู้คุณ  รู้โทษ  รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์  และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์  จะรู้ตรงนี้ขึ้นมา

            การเจริญกรรมฐานต้องการสร้างกิจกรรมให้มีประโยชน์ต่อกิจประจำวันของชีวิตนั่นเอง  ถ้าสมาธิดี  สติดี  เกิดปัญญาแน่  ปัญญารอบรู้ในกองการสังขาร  รู้เหตุ  รู้ผล  รู้ต้น  รู้ปลาย  รู้สิ่งที่ลึกซึ้งและรู้เข้าใจ  รู้เหตุ  รู้ผล  แปลว่า  รู้แล้วเข้าใจด้วย

            คนรู้จริงที่ต้องทำได้  ต้องแก้ไขปัญหาชีวิตได้  และเป็นผู้นำอย่างดีด้วย  คนที่รู้มากไม่เป็นผู้นำ  ไม่มีความรู้จริงในชีวิต  อดทนอะไรก็ไม่ได้  มาปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้  อาตมาถึงกล่าวว่า  การสร้างความดีเป็นศัตรูของชีวิตแน่นอน  แต่เราจะแก้ไข  ศัตรูคืออุปสรรคได้ก็ต้องอดทน

            ความอดทนเป็นสมบัติของนักต่อสู้  ถ้าท่านเป็นคนยอมแพ้ตัวเอง  งานการก็เสียหมดทั้งทางโลกและทางธรรม  หมดทางที่ดีได้  คนที่สร้างความดีได้ต้องมีความอดทน

            ถ้าท่านอดทนต่อสู้กับเหตุการณ์  ท่านจะระลึกชาติได้  ท่านจะได้รู้ตัวเองว่า  ท่านมาจากสัญชาติญาณอะไร  มาจากนรกหรือสวรรค์  ถ้าจิตใจท่านสะอาด  บัณฑิตอยู่ในจิตใจของท่าน  ถ้าท่านใจสกปรก  ท่านจะเป็นอันธพาลทะเลาะกับตัวเอง  แล้วไปทะเลาะกับคนอื่น  ภรรยาทะเลาะกับสามี  พาลให้ลูกไปติดยาเสพย์ติดกันเป็นแถว

            การเจริญกรรมฐานเป็นผลงานในการพัฒนาคุณภาพชีวิต  มุ่งให้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  ด้วยการเจริญสติปัฏฐานสี่ในด้านต่าง ๆ ดังนี้

๑.   การพัฒนาคุณภาพจิต  ต้องการให้มุ่งศึกษาธรรมและปฏิบัติธรรม  สนใจวิชาความรู้ทั้งการเรียนและปฏิบัติจะไม่อยู่นิ่งดูดาย

๒.  การพัฒนาคุณธรรม  ต้องการให้มีเมตตา  ปรารถนาดีต่อกัน  เรียกว่าคุณธรรม  ไม่ต้องการให้เหมือนความทุกข์  ปรารถนาให้ทุกคนได้อยู่เย็นเป็นสุข  เหมือนอย่างเขามีความสุขมาแล้วฉะนั้น

๓.  พัฒนาความเป็นอยู่  ต้องพัฒนาความเป็นอยู่ของชีวิต  มุ่งให้อยู่ดีกินดี  ปราศจากโรคาพยาธิเบียดเบียน  จะมีประโยชน์แก่ตนเองโดยเฉพาะ

            กำหนดเห็นหนอ  ส่งกระแสจิตออกจากหน้าผาก  ถ้าท่านมีสติสัมปชัญญะ  จะเห็นด้วยปัญญาว่า  คนนี้คบได้ไหม  นิสัยดีหรือไม่ดีประการใด  คนนี้มีประโยชน์กับเราหรือไม่  ถ้าเรามีสติปัญญาดีแล้ว  จะมองคนในแง่ดีเสมอ  เราจะเกลียดคนนั้น  จะโกรธคนนี้  แต่สติปัญญาจะย้อนกลับมาบอกเราว่า  อย่าไปโกรธ  อย่าไปเกลียดเขาเลย  ความดีเขามีกับเราก็มาก  มันจะออกมาอย่างนี้คือกรรมฐาน

            กำหนดเสียงหนอ  ตั้งสติไว้ที่หู  หูสำคัญมาก  ชอบไปฟังสิ่งที่ไม่ดี  เวลาเขาทะเลาะกันอยากไปฟังนัก  ถ้าคนมีปัญญาดีจะไม่อยากฟังเรื่องของคนอื่นเขา  จะชอบฟังเรื่องมีทรัพย์  ฟังแล้วได้เงิน  คนมีกรรมฐาน  หูมีทรัพย์  ตามีทรัพย์  ปากมีทรัพย์  พูดเงินไหลนองทองไหลมา

            ถ้าปากดีมีปัญญา  จะสงบ  ถ้าปากไม่พูดจิตไม่คิด  ท่านจะมีสมาธิภาวนา  ปากยังพูดยื่นไปยื่นมา  แล้วจิตยังคิดสับสนอลหม่าน  ท่านไม่มีสมาธิแน่นอน

            เรามาเจริญกรรมฐานปรารถนาความสงบ นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ  สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีแล้วในโลกนี้  ท่านไม่ต้องตะเกียกตะกายไป  ไม่ช้าเราก็ตายจากโลกแล้วทุกคน  อาตมาก็ต้องตาย  ท่านอย่าประมาทคิดว่าไม่ตายนะ

            เตรียมตัวก่อนตายตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว  กำลังงอกงามเข้ามาวัดเลย  จะได้เจริญกุศลภาวนา  มีลูกมีหลานจะได้เจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพร 

            เราเตรียมอริยทรัพย์ภายในบ้างได้ไหม  ทรัพย์ภายนอกก็หากันมามากแล้ว  ที่เรามานั่งกรรมฐานเป็นการเตรียมอริยทรัพย์ภายใน  อริยทรัพย์ภายในสามารถดึงทรัพย์ภายนอกได้

            ถ้าท่านมีพลังพอจะแก้ไขปัญหาชีวิตได้  หายใจยาว ๆ  ถ้ากำลังโกรธ  กำลังคิด  กำหนดโกรธหนอ  คิดหนอ  ตั้งสติไว้ให้ได้ที่ลิ้นปี่  รับรองท่านจะไม่โกรธใครเลย  และที่คิดไม่ออกก็จะคิดออกด้วย  แต่ทำกันไม่ค่อยได้  ไม่แก้วงจรที่ตัดขัด  ไปแก้กันผิดจุด  น่าจะแก้ปัญหาได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้

            คนแปลว่าปัญหา  คนเราสร้างแต่ปัญหาตลอดการ  ไม่แก้ปัญหากันเลย  มีแต่ความเครียด  จะแก้เครียดวิธีใดท่านทราบหรือไม่  คนกำลังเครียดเป็นโรคประสาทจะมานั่งกรรมฐานไม่ได้ต้องคลายเครียดก่อน  เราอยู่กับคน  อยู่กับปัญหา  ต้องแก้ปัญหา  ต้องสู้ปัญหา  อย่าหนีปัญหา  อย่าทิ้งปัญหา  เท่านี้เองแก้เครียดได้  ไม่ใช่คลายเครียดด้วยการนั่งสมาธิหรือบางคนไปฟังเพลง  ไปร้านอาหาร  ไปเที่ยว  อย่างนี้ไม่ใช่แก้ปัญหา  แต่เป็นการหลบปัญหาไปชั่วคราว  แล้วต้องมาแก้ปัญหาอีก

            ท่านต้องแก้ปัญหา  ท่านต้องสู้ปัญหาด้วยตนเอง  ท่านไม่แก้  ท่านไม่ทำ  ใครจะทำให้ท่าน  เพราะปัญหาของแต่ละท่านต้องแก้เอง  ไม่ใช่คนอื่นมาแก้ให้  เราเป็นคนสร้างปัญหา  เราก็ต้องแก้ปัญหา  เราเป็นคนผูก  เราก็ต้องแก้  ถึงจะถูกต้อง

            ขอเจริญพรว่า  อย่าไปเห็นความชั่วของใคร  จงเห็นความดีด้วยกัน  คนที่ดีมีปัญญาจะมองคนในแง่ดี  คนมาวัดอัมพวันที่มีจิตใจเป็นกุศลจะมองของดีในวัดนี้  และเอาไปเป็นตัวอย่าง  ท่านจะได้ไปฝากลูกหลานของท่าน  ไปฝากคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงเรามา

            เมื่อท่านมาเจริญกรรมฐาน  ท่านจะมีเมตตาเป็นข้อแรก  ข้อสองท่านต้องมีกตัญญูกตเวทีแน่นอน  ท่านจะไม่ลืมพระคุณของผู้มีอุปการคุณ  ท่านจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  ไม่ใจดำอำมหิตเหี้ยมโหดทารุณฆ่าสัตว์ตัวเป็นให้จำตายแน่นอน  ท่านจะไม่อยากเบียดเบียนทรัพย์สินเงินทองของท่านผู้ใด  ไม่ต้องการร่วมประเวณีที่น่าบัดสีในสังคม  ท่านไม่อยากหลอกลวงโลกหวังเอาลาภ  ต้องการจะช่วยตัวเองตลอด  และต้องการจะพึ่งตัวเอง  สอนตัวเอง  ไม่ต้องการดื่มสุรายาเมา  อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท  จะเกิดแก่ท่านเองโดยเฉพาะ  จะออกมาอย่างนี้ชัดเจน

            ขอฝากท่านสาธุชนทั้งหลาย  ขอให้ท่านตั้งใจเจริญกรรมฐานจริง ๆ สัก ๗ วัน  ได้ไหม  เดิน ๑ ชั่วโมง  นั่ง ๑ ชั่วโมง  ให้ได้  ถ้าไม่ได้ตามกำหนด  อย่าเลิก  มิฉะนั้นท่านจะเสียสัจจะ  ถ้าท่านเสียสัจจะสักครั้งหนึ่ง  ท่านจะเสียตลอดไป  เรื่องนี้สำคัญมาก

            ขออนุโมทนาสาธุการแด่ท่านทั้งหลายที่ตั้งใจฟังธรรมบรรยายตามคำสอนของพระพุทธเจ้า  ด้วยการเจริญพระกรรมฐาน  ต้องการจะเข้าถึงพุทธธรรมในพระพุทธศาสนา  ต้องการยึดเหนี่ยวพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักปฏิบัติคือพระปัญญาคุณ  พระวิสุทธิคุณ  และพระมหากรุณาธิคุณ  ต้องการยึดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า  ด้วยการละความชั่ว  สร้างตัวให้ดี  มีปัญญา  เรามาสร้างความดี  ต้องละความชั่วออกไปให้หมด  เรามาบำเพ็ญบุญต้องละบาป  อย่าเอาบาปมาไว้ในใจ  เราจะได้เข้าถึงคุณพระรัตนตรัย  คือพระสงฆ์องค์พระสาวก

            เราเป็นพระใจประเสริฐแล้วถึงจะรู้ว่า พระสงฆ์องค์พระสาวกเป็นประการใด  เป็นผู้ประพฤติดีแล้ว  ปฏิบัติชอบแล้ว  สอนตัวเองให้ปฏิบัติตามได้แล้ว  ชนะตัวเองได้แล้ว  ก็ไปสอนคนอื่น  ชนะใจคนอื่นได้  ชนะคนทั้งโลกได้  ถ้ายังแพ้ตนเองอยู่  ก็ต้องไปแพ้คนอื่นเขาตลอดไป  ไม่สามารถจะสร้างฐานะให้ดี  ให้มีปัญญาสมปรารถนาได้ตามวัตถุประสงค์

            ขอสาธุชนผู้ปฏิบัติธรรมและมาบวชในพระพุทธศาสนา  เข้าถึงพุทธธรรมนี้ให้ได้  กายกรรม ๓  วจีกรรม ๔  มโนกรรม ๓  จะได้จบสิ้นไป  เราไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  ไม่ล่วงประเวณี  ไม่เบียดเบียนทรัพย์  และจะไม่พูดเท็จ  ไม่พูดคำหยาบ  ไม่พูดเพ้อเจ้ออีกต่อไป  มโนกรรม ๓ ก็ครบ  เราไม่ต้องการละโมบอยากได้ทรัพย์สินของใคร  และไม่ผูกพยาบาทฆาตพยาเวรต่อท่านผู้ใด  เราจะมีแต่มโนธรรม  มีแต่เมตตา  ถ้ามโนธรรมมีในจิตใจของท่านผู้ใดแล้ว  ท่านผู้นั้นจะมีแต่กรรมฐาน  สมปรารถนา  นึกเงินไหลนองทองไหลมา  คืออารมณ์ดี  มีปัญญา

            ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย  อำนาจบุญกุศลทั้งหลาย  โปรดประทานพรให้ญาติโยมทั้งหลาย  ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์  จงเจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพรในพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยทั่วกัน  ขอทุกท่านจงเจริญด้วย  อายุ  วรรณะ  สุขะ  พละ  ปฏิภาณ  ธนสารสมบัติ  นึกคิดสิ่งหนึ่งประการใด  สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูปทุกนาม ณ โอกาสบัดนี้เทอญ  ขอเจริญพรทุก ๆ ท่าน.