พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ  ฐิตธัมโม)

แสดงธรรม  ณ ศาลาพระราชศรัทธา

วัดปทุมวนาราม  ปทุมวัน  กรุงเทพฯ

วันที่    เมษายน  ๒๕๔๓

เวลา  ๑๓.๐๐น.

P14005

 

            อาตมาภาพได้รับอาราธนาจากมูลนิธิ  ถาวร  จิตตถาวโร  - วงศ์มาลัย  ให้มาแสดงธรรมกัณฑ์ พิเศษ  ในวันนี้  วันนี้พิเศษหลายอย่าง  พิเศษที่เราควรจะคิด วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ  ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา  สยามบรมราชกุมารี  ควรจะคิดด้วยเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน  อาตมาดีใจมาก ป่วยอาพาธก็ต้อง  เพราะเหตุใด  ศาลาพระราชศรัทธา   สร้างมีประโยชน์ต่อพุทธศาสนิก   เราจะพูดกันง่าย ๆ  เข้าใจกันดีๆ  คือหลวงพ่อ  เจ้าคุณถาวร ถาวโร  วงศ์มาลัย  ท่านเป็นพระสงฆ์ทรงศีลาจารวัตร  ตามรอยบาทของพระพุทธเจ้า  ท่านสร้างกิจกรรมของพระสงฆ์เป็นประโยชน์ต่อประชาชน  ไม่ใช่น้อย  ทั้งๆที่ท่านเรียนให้ทราบว่ายังอยู่ในการ  ป่วยไข้หรืออาพาธบ้างเล็กน้อย  ท่านก็ต้องทำงานทุกๆ อย่าง  สร้างวัด สร้างคน สร้างดลบันดาล  สร้างพัฒนาจิต  สร้างชีวิตของมนุษย์  ให้กลับร้ายกลายเป็นดี  ให้มีปัญญา สร้างถึงอเมริกาเป็นต้น  อาตมาดีใจมากที่พระเดชพระคุณที่เรียกกันให้คนรู้จักกัน  ก็คือหลวงพ่อถาวรเป็นที่รู้จักกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ  รู้จักข้อที่ว่าท่านสร้างคน  ช่วยเหลือในกิจกรรม  ของพระสงฆ์  ทั้งมูลนิธิยังไม่พอ  เก็บข้าว  ข้าวนาเกลือ  ข้าวนาดี  มีปัญญา  ทั้งกุลบุตรธิดา ให้เข้าสู่  มุ่งหมายของจุดที่เป็นกุศล  ทั้งนี้อาตมาไม่สบายก็ต้องมา  ต้องมาช่วยกัน  ช่วยสนับสนุนพระเดี๋ยวนี้หายาก  สร้างวัดถึง  สามวัด  แต่ไม่ใช่วัตถุ  ท่านสร้างวัตถุธรรม  สร้างอารมณ์คน พัฒนาจิตคน  ให้เข้าสู่กุศลดังจะชี้แจงดังต่อไปนี้

 

            จะน้อมนึกระลึกถึงสมเด็จพระพุทธเจ้า ตามรอยพระบาทของพระองค์นั้น ดำเนินงานการศาสนาประการใด  วันนี้จะชี้แจงให้โยมเข้าใจซักเล็กน้อย  ที่ไม่เคยเข้าใจจะพูดด้วยเรื่องหญ้าปากคอกที่เราลืมกันไปแล้ว  ที่เราไปหาหญ้ากลางทุ่ง  หญ้าปากคอกที่เราจะออกจากบ้าน  ควรจะมีอะไรบ้างควรจะยึดถืออะไรเป็นข้อหลักปฏิบัติข้อวัตรบ้าง เราก็ไม่ทราบ  ไปทราบอยากจะไปสวรรค์เลย อยากจะไปนิพพานเลย  แต่สรณะที่พึ่งในชีวิตไม่มี  ที่จะต่อไปถึงสวรรค์ ได้  ต่อไปถึงนิพพานได้  แค่คำว่าสมบัติของเราที่เกิดมายากมาก หามาด้วยความยาก  มาด้วยความลำบากยากเขน ลำเข็ญ ใจ  ยังไม่โอกาสรักษาความเป็นมนุษย์ไว้ได้ 

 

กิจโฉ มนุสปริลาโภ   การเกิดเป็นมนุษย์แสนจะยากแล้ว ทำไมถึง ทำมักง่ายมักได้กัน  กิจโฉ  มนุสปริลาโภ  พระพุทธเจ้าสอน  เกิดมายากไหม เกิดมาลำบากไหม  โยมทุกคนโปรดพิจารณาเดี๋ยวนี้  เกิดยาก  เกิดมาไม่ใช่ง่าย ถ้าเราจิตไม่โปร่งใส ใจไม่สะอาด ต้องไปเกิดบ้านไหน ไปเกิดที่บ้านสกปรก  เราเกิดมาจากนรกแน่นอน เรามีความสะอาด มีบุญกุศลมาจากชาติปางก่อน  บ้านไหนเขาสะอาดเราต้องไปเกิดบ้านนั้นแน่  คือนักปราชญ์  ราชกวีมีปัญญา    บ้านไหนสกปรกสัตว์นรกมาเกิด เถียงพ่อเพียงแม่   ตั้งแต่หลัง ๒๕ ศตวรรษ  ขอเจริญพรไม่ใช่พูดเล่นสัตว์นรกมาเกิด ก่อน ๒๕ ศตวรรษ  ๒๕๐๐  คนดีมากเหลือเกิน  เคารพผู้ใหญ่ อ่อนน้อมถ่อมตนตลอดรายการ ๒๕ ศตวรรษ  คนกระด้าง คางแข็ง  ปากกล้าขาแข็งเถียงพ่อเถียงแม่คำไม่ตกฟาก  มาจากนรก  บางคนเขาบอกว่าคนมาเกิดมากมายมาจากไหน  ก็มาจากนรกเป็นหมื่นปี  แล้วก็มาเกิด หลัง ๒๕  ศตวรรษแล้ว  นั้น  หาความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตจิตใจไม่ได้เลย  พี่น้องยังทะเลาะกัน  พี่น้องยังโกงกัน  และจะเอาอะไรเป็นดีได้ ในสมัยโบราณกาลนั้น  พี่น้อง เขาไม่ทะเลาะกัน  พี่ต้องช่วยน้อง น้องต้องช่วยพี่  สร้างความดีให้พ่อแม่ ต่ออายุให้พ่อแม่ยืนยาว  เดี๋ยวนี้ลูกหลานยุคใหม่ไม่มีการต่ออายุให้พ่อแม่เลย  ทำให้พ่อแม่ต้องอายุสั้น  เพราะเหตุใด  ออกไตเติ้ลให้ท่านฟังก่อน  ทำลายพ่อแม่ให้อายุสั้นคือ  พี่น้องทะเลาะกันแย่งสมบัติกัน  ยุคใหม่สมัยใหม่  ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย โปรดพิจารณา  ตัวเอง ว่า กิจโฉ มนุษปริภาโร  เราเกิดแสนจะยาก  ด้วยความลำบาก ทำไมมักง่ายมักได้  กันเหลือเกิน  พี่น้องทะเลาะกัน  พ่อแม่ก็เสียใจ  ยุคใหม่สมัยนี้เป็นเช่นนั้นทั่วไป  ใครจะเถียงไม่ได้ บ้านตระกูลวงศ์ที่จะรักสามัคคีสร้างความดีร่วมกันให้พ่อแม่แสนจะยาก  แสนจะลำบากมาก  น่าเสียดาย  เกิดเป็นมนุษย์  น่าจะรักษาสมบัติมนุษย์ได้  ญาติโยมผู้ชายที่รักทั้งหลายเอ๋ยที่โยมไปบวช  กันนะ  อยากจะเจริญพรถามว่า คู่กรรมวาจา ถามว่ามนุษย์โสสิ  ท่านเป็นมนุษย์หรือเปล่า  ถ้าไม่เป็นบวชให้ไม่ได้  ที่นี้ปลอมมาบวชกันถึงได้ยุ่ง  คนปลอมมาเป็นมนุษย์ มาจากมนุสเดรฉาโน  เลยมาบวชกัน  มนุสโส สิ  อามะ ภันเต  ตะพึด เพราะอะไร  เพราะเขาสอนให้อามะภันเต  ต้องเตไปเลยเรื่อยๆ  เลยไม่รู้เตหรือโต  น่าเสียดาย  ท่านทั้งหลายท่านคิดว่าท่านเป็นมนุษย์มายาก  ท่านจะไม่มีเรื่องเลยนะ  ท่านจะรักษาสมบัติมนุษย์ ไว้ดีที่สุดแล้ว  ไม่มีใครเสียความเป็นมนุษย์  แน่นอนที่ตรงนี้ต้องเสนอแนะ ไม่ต้องไปสวรรค์ แค่มนุษย์ยังสอบตก  แล้วครูอาจารย์สมัยนี้ ให้ไปสวรรค์ได้มีแป๊ะเจี๊ยะ  หรือไง  ไม่มีเงินก็เข้าไม่ได้สอบไม่ได้  แล้วแถมเอาเงินยัดไปนิพพานได้เหรอ   แค่สมบัติมนุษย์  เราก็ไปไม่ได้ดังที่กล่าวมาแล้ว 

 

วันนี้ขออนุญาต ปาฐก นะไม่ได้แสดงธรรม ฟังให้สบาย  นั่งมันเมื่อย  นอนฟังได้  องค์นี้เทศน์ นอนฟังได้ไม่เป็นบาป  นอนเลย แต่ขอประทานโทษอย่าหลับ ถ้าหลับมันเสียเวลาเทศน์  เพราะไม่รู้เรื่อง  ไม่เข้าใจ  แต่ไม่ว่าอะไร  กิจฉัง  มัจจา น ชีวิตัง  ญาติโยมที่รักเอ๋ย ชีวิตของเราได้รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้  แสนจะยากลำบากมาก  บางคนยังไม่ทันร้องก็ตายในท้องตั้งเยอะแยะ  น่าจะภูมิใจไหม ที่เรามีชีวิตมาจนถึงบัดนี้แล้ว   น่าจะรักษาอายุไว้อย่าให้บกพร่อง  อย่าให้มันโดยลมสลาตัน  อย่าให้มันเป็นอันตรายเสียเลย  แต่ก็ยังรักษากันไม่ได้ซะเลย  กิจฉัง  มัจฉา น ชีวิตัง  โยมมีชีวิตมาจนถึงบัดนี้แล้ว มีอะไรเป็นหลัก  ที่จะเป็นข้อคิดในวันนี้บ้าง  ก็ขอฝากญาติโยมไว้เป็นข้อคิดเหมือนกัน 

 

กิจฉัง  ธัมมัส สวนัง การฟังธรรมก็ยาก  ยากมาก  คนไปช็อปปิ้งมากกว่าไปฟังธรรม  วันนี้ได้ข่าวก็น่าเห็นใจเขา  ไปเชงเม้ง กัน  โทรไปที่วัดอัมพวันว่า วันนี้ไม่ได้ไปวัดปทุมฯ นะ  ไปเชงเม้ง  เดี๋ยววันนี้จะเทศน์เรื่องเชงเม้ง ให้ฟ้ง ว่าเขาเชงเม้งอย่างไร  โปรดติดตามต่อภาคหลังภาคผนวก  และติดตามฟังวันสงกรานต์ ด้วย  เขาจะลือกันไหม  ลือกันว่ามีวันสงกรานต์ไหม จะได้ไปสาดน้ำตามถนนดีไหม  ดีที่สุด  คือชาวพุทธ สาดน้ำรถเขาพังหมด  ดีที่สุด  เจริญที่สุด  กิจฉัง  ธัมมัส สวนัง   การฟังธรรมก็แสนจะยาก จะมาฟังก็แสนจะยาก เดี๋ยวนี้ยุดใหม่สมัยนี้เสียใจด้วยสร้างความดี  ต้องจ้างกัน  สร้างความดีต้องจ้าง  คุณโยมประธานวันนี้สร้างความดีต้องจ้าง สร้างความชั่วต้องจ้างไหม  แต่ที่นี้ดีไม่ต้องจ้างมาเอง ได้ข่าวก็มาคนมาฟังเทศน์วันนี้รับรองรวย  มหาศาล  มีเงินมาก รวยมาก มีเงินน้อยรวยน้อย  รวยน้ำใจรวยอัธยาศัย  วิสัยทัศน์กว้างไกล  ไม่ใช่แค่หัวบันไดรวยยังพอ สวยยังพอ  ดีด้วยนะ   ดียังไม่พอ  มีปัญญาด้วยที่มา   ๕ แก้ปัญหาได้  ใช้ได้ เข้าสเปคเราแล้ว  ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ไม่เข้าสเปคนี้ ไม่มีไซเคิ่ล  ไม่เข้ารูปเข้ารอย นี่แหละการฟังธรรมแสนจะยาก โชคดีได้มีโอกาสมาฟังกันวันนี้  ดีกว่าไปช๊อปปิ้ง  เดี๋ยวนี้คนไปช๊อปปิ้งเยอะ  แต่ไปฟังธรรมน้อยมาก  บ้างแห่งเขียนป้ายเขายังไม่มาเลย  ต้องจ้าง  ต้องจ้างนะ ฟังธรรมะ  เหมือนทิ้งบัตรเหมือนกัน  ทิ้งบัตรก็ต้องจ้าง  ฟังธรรมก็ต้องจ้าง  เขาลือกันที่บ้านนอก  แต่ในกรุงเทพฯ  คงไม่ลือ  ก็ขออภัยท่านผู้ฟังทั้งหลาย ฟังธรรมต้องจ้าง  หมดทางแล้ว  จ้างให้สร้างความดี  แต่ความชั่วที่ทำทุกวันนั้น ไม่ต้องจ้าง 

 

กิจโฉ พุทธา น มุปปาโท  การที่พระพุทธเจ้าจะมาตรัสในโลกนั้นแสนจะยาก  ยากมาก  ยากที่สุดเลย  แต่เราท่านทั้งหลายทำไมเป็นเช่นนั้นเล่า  ถ้าพระพุทธเจ้าไม่มาตรัสในโลก โลกเราก็จะมืดมน อานาธรร้อนจิต  หาที่พึ่งไม่ได้เลย  ในเมื่อเรามีที่พึ่ง คือพระพุทธเจ้าพระธรรม พระสงฆ์ เช่นนี้แล้ว  ทำไมไม่หาที่พึ่งซะเล่า กลับไปหาที่พึ่งที่เลวร้าย  น่าเสียดายเสียใจ  เสียเงินเสียทองมากมาย ก็ยังจะไปอีก  แต่ก็ยังจะไป  ท่านทั้งหลายเช่นเดียวกัน  เพราะคนเรามีนานา ชนิด ยิ่งคิดมีหลายอย่างพี่น้องต่างปล้องพี่น้องต่างใจ ท้องเดียวยังเหมือนกันไม่ได้  แค่คู่แฝดยังเหมือนกันไม่ได้เลย  คู่แฝดโตเป็นสาวทั้งคู่  คนพี่ไม่เอาไหนเลย  คนน้องตั้งใจเรียนตะพึด  เป็นดอกเตอร์  แล้วทำไมคนพี่ไม่เป็นดอกเตอร์ละ  นี่ต่างกันโดย กฎแห่งกรรมหรือไม่  ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว  พี่น้อง ท้องเดียวกันเหมือนกันไหม  จะไม่เหมือนกันเลย   บางคนใจดำเหลือเกิน  เหี้ยมโหด ฆ่าสัตว์ตัวเป็นให้จำตาย  แต่น้องคนสุดท้องกลับใจบุญสุนทานไปวัดไปวา สดับพระธรรมเทศนา  ตั้งแต่เล็กๆ  แต่พี่ชายไม่เอา มีแต่นินทาพระเจ้า  เข้าวัดไหนน้องไปก็ด่า ว่า หาว่าไปทำบุญให้โง่  แต่พี่ชายเอาดีไม่ได้เลย  จนบัดนี้  มีลูก ๕ คน ติดยาเสพติดหมดทุกคนเลย  นี่คือเรื่องจริง  แต่ไม่ขอออกนามเขา  และบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ  นี่ ลูกติดยาเสพติดหมดเลย  แต่น้องจน แต่เป็นดอกเตอร์ มีลูกเอ็นทรานซ์ ไปหมด เรียนหนังสือเก่งมาก  แต่พี่ชายมีเงินมีทองลูกเอาดีไม่ได้เลย 

 

ก็ขอเจริญพรญาติพี่น้องทั้งหลายว่า  เงินทอง  ซื้อความดีไม่ได้  ซื้อความสุขไม่ได้  แต่ซื้อความทุกข์ได้เลย   เงินทองให้ความสำเร็จไม่ได้  แต่ให้ความสะดวกได้  ซื้อรถเบนซ์กี่คันก็ได้  ความสำเร็จในชีวิตไม่ใช่อยู่ที่การมีเงิน ทอง  ก็พี่ชายมีเงินทองมากมายก่ายกอง ทำไมลูกเอาดีไม่ได้  แต่น้องชอบเข้าวัดทำบุญฟังเทศน์  ที่วัดปทุมนี้ก็มาด้วย  แต่วันนี้ไม่ทราบมาด้วยหรือเปล่า  ลูกดีหมดทุกคนเลย  เขามาฟังเทศน์ทุกวันอาทิตย์  แต่พี่ชายด่าทุกวัน ฟังเทศน์ให้โง่น้องสาวเถียงโง่อย่างหนูไม่เป็นไรโง่อย่างหนู ลูกเอ็นทรานซ์  ทุกคนเลย  ฉลาดอย่างคุณพี่ลูกติดยาเสพติดหมด  เถียงว่าอย่างไร เพราะฉะนั้นทำบุญสุนทานนะ ไม่ต้องจ้าง ความดีไม่ต้องจ้าง ความชั่วก็ไม่ต้องจ้างทำเอง ทำได้อย่างน่าเสียดาย กฎแห่งกรรม จากการกระทำของเขาชัดเจนมาก  เขาไม่พร้อมที่จะสร้างความดี  อย่าไปว่าเขาเลย  แต่น้องเขาพร้อมสร้างความดีได้ทุกเวลา โง่แบบน้องไม่มีเรื่องกับใคร ลูกดีหมด  ฉลาดอย่างพี่ชายลูกจึงเป็นดังเช่นดังกล่าว  เมื่อก่อนนี้ตายาย  ปู่กับย่าจะจูงลูกหลานเข้าวัด เลยเด็กรุ่นใหม่ดีไม่ได้  จนหนุ่มแล้วสาวแล้วมาวัด แม่ต้องบอกนั่งลงซิลูก ไหว้พระซะมั่ง ไม่อายเขามั่งเหรอ  ไม่เคยไหว้พระ  นี่คือเรื่องจริงมากล่าว ไม่ใช่เรื่องที่มาเล่ากันเล่นๆ  มาก่อนปู่ย่าตาทวดพาลูกหลานเข้าวัด  ไม่ขาด  ลูกหลานก็มีวิสัยทัศน์  กว้างไกลติดปู่ ย่า ตายาย  ติดพ่อแม่  เจอพระยกมือไหว้   อ่อนน้อมถ่อมตนไป  ยุคใหม่น่าเห็นใจเพราะงานการมันบังคับ   การเข้าวัดชักน้อยลง  แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร   แล้วแต่นิสัยคน  เข้าวัดมันไม่ยาก  ง่ายนิดเดียว  ว่างตั้งเยอะแยะหาเวลาว่างที่ไม่เป็นประโยชน์เลย  อาตมาจำได้ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว  พระท่านสอนอย่าอยู่ว่างอย่าห่างผู้ใหญ่ จะหลงทางได้ง่าย  ถ้าคนไหนอยู่ว่างห่างผู้ใหญ่จะหลงทางง่าย  แน่นอนแล้ว  เด็กๆ  ถ้าอยู่ว่างห่างผู้ใหญ่  รับรองเสียคน ไปคบเพื่อนเลวร้ายเสียหายหมด  พ่อแม่ไม่ได้ดูลูกเลย  ลูกเสียหายไปก็ไปโทษคนอื่น โทษครูอาจารย์  ที่สอน  น่าจะโทษแม่  แม่ไม่ดี  แม่บ้านการเรือนเคหะศาสตร์   แม่แบบแม่แผนใช้ไม่ได้  พระพุทธเจ้าสอน แบบไม่ดี  แบบมาจากแม่  นี่แหละเขาไม่พร้อมที่จะรับความดี อย่างไปว่าเขาเลย เขาพร้อมที่จะรับแต่ความชั่วเท่านั้น  คนเราจึงแตกต่างกัน เป็นตระกูลวงศ์  แตกต่างกัน โดยท้องเดียวกัน  พี่น้องจึงเหมือนกันไม่ได้  ถึงแม้ลักษณาการจะเหมือนกัน  แต่จิตใจห่างกันไกลลิบ เลย  แล้วแต่ใครจะมีวิสัยทัศน์อย่างไร  น้องเคยเข้าวัดมากับยาย  แต่พี่ไม่เคยมาพี่ไปกับพ่อ  ไปเล่นการพนัน ไปเข้าในคลับตามเรื่อง  แต่น้องมากับยายกับย่า  กลายเป็นคนดีขึ้นมาได้  เข้าวัดได้มาปฏิบัติธรรมและฟังเทศนา จึงทำให้คุ้นเคยกับความดี  จึงได้ผูกพันกับความดี  คือความรัก รักความดีไว้ในใจ  จิตใจเขาจึงเป็นคนดี  ตรงนี้เรียกว่าความรัก  อีกคนหนึ่ง ไปผูกพันกับความชั่วก็กลายไป  หน้ามือเป็นหลังมือ  เลยเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นความชั่วเป็นความดี  ชัดเจนมาก  เลยกลายเป็นท้องเดียวกันเหมือนกันไม่ได้ ดังกล่าว  อันนี้เรื่องจริง อาตมาสังเกตคนไปที่วัดท้องเดียวกันเหมือนกันไม่ได้  บางทีน้องกราบพระ  พี่ยืนโด่  เป็นหนุ่มแล้วไม่กราบ  ถามโยมไม่เคยสอนลูกเหรอ  โยมบอกเขาไปกับพ่อเขา  เขาไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ  แต่ลูกคนนี้สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เจอพระก็ไหว้ โดยไม่ต้องบังคับมีศรัทธาในตัว  มีความดีในตัวเหมือนหม้อแบตเตอรี่มีไฟในตัว เก็บไฟอยู่ด้วย  หม้อแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่ก็เลิก  เอาดีไม่ได้ 

 

อาตมาออกไตเติ้ลให้ฟังว่าหลักพุทธศาสนาให้ฟัง กิจโฉ พุทธา น มุปปา โท พระพุทธเจ้ามาตรัสในโลกแล้ว ๒๕๔๓  ดีที่สุดแล้วแต่เราก็ละเลยกัน  ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแต่ประการใด  กับไปถือลัทธิ  ต่างๆ  ออกไปนอกประเด็นสังคม นอกประเด็นศาสนา น่าเสียดายเวลาของท่านเหล่านั้น  ไปหลงผิดต่างๆ  อาตมา  ไม่ขอให้กล่าวให้กระเทือนหัวใจ แต่สร้างความดีตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  ท่านไม่เคยสอนให้เราทำความชั่วเลย ต้องการให้ชาวโลกพ้นทุกข์  ต้องการให้ชาวโลกแก้ปัญหาชีวิต  ท่านพร้อมแล้วที่จะสอนเราได้จึงตรัสเป็นพระพุทธเจ้า  ท่านพร้อม  พร้อมแล้ว แต่อาตมาว่าพุทธศาสนิกชนต่างๆ  เป็นชาวพุทธ  ก็จริง แต่ไม่พร้อม  ไม่พร้อมที่จะรับความดีได้  ไม่พร้อมเลย  พร้อมอย่างเดียวคือความชั่วที่ชอบ  อย่าไปว่าเขา  เขาเห็นกงจักรเป็นดอกบัว  เห็นความชั่วเป็นความดี  นี่ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ อันหนึ่งที่เรามองข้ามไป  เลยไปโทษหาเด็กไม่ดี  เด็กประพฤติตัวไม่ดี  ไปโทษเด็กด่าเด็ก  ตีลูก  อาตมาขอเจริญพร  น่าจะตีแม่มากกว่า  แม่สำคัญมาก  ไม่ได้สอนลูกให้มีนิสัยทัศน์   นิสัยแปลว่าแบบอย่าง  ไม่มีแบบอย่างที่ดีให้ลูก ชัดเจน

 

            อีกอันหนึ่งพ่อเป็น ซี เก้า  ปีนี้ได้ซี ๑๐  แม่เป็นครูโรงเรียนมีลูกสาวคนเดียวเป็นลูกโทน อยู่มัธยม ๔   ตามเขาไปเลยไม่เรียนหนังสือ  พ่อคนดี  ไปตามลูกกลับมา  เรียนได้เดือนเดียว ตามไปใหม่  เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า เป็นที่แม่ ไม่ใช่พ่อ  พ่อดีแต่ว่าอยู่ไกล ไม่ได้อยู่กับลูกรับราชการ  ซี ๙  แต่แม่อยู่กับลูกเป็นครูโรงเรียน  จุดใดลูกจึงเป็นเช่นนี้  แม่เป็นครูโรงเรียน  สอนที่โรงเรียนเสร็จแล้วกลับบ้านไม่ได้ดูลูก  เตรียมแฟ้มออกเลย ไปหาประกันชีวิต กลับ ๔ ทุ่ม และไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ  ลูกสวดมนต์ก็หาว่าเชย  ครูเดี๋ยวนี้ก็แปลก นะ เด็กสวดมนต์ก็หาว่าเสียเวลาเรียน  อันนี้เรื่องจริง ต้องพูดกันหน่อย   ถ้าใครเป็นครูก็ต้องขอโทษ  ผอ.โรงเรียนมาที่วัดอัมพวัน เขาไม่สนใจที่เอาเด็กเข้าวัด  เนื่องจากว่าเสียเวลาเรียน  มีเยอะแล้ว ร้อยละ แปดสิบ  อาตมาเสียใจด้วยกับ  ผอ.  ครูที่ไร้วิญญาณครูแล้ว  ยุคใหม่ สมัยใหม่ เลยเด็กก็กระด้างคางแข็ง  และก็สอนให้ไหว้พ่อแม่หนเดียว  ที่วัดอัมพวันเลย  นี่ครูสอนให้ไหว้ครูหนเดียว  น่าจะตีความนะว่า  พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกไหม  ถ้าเป็นต้องไหว้เท้า  ๓ หน  นี่จะไปไม่รอด คนที่จะช่วยมีน้อยเหลือเกิน  แต่จะแนะนำพร่ำสอน  น้อยมาก  และให้ไหว้ครูหนเดียว  และให้ยืนไหว้ได้ด้วย  บางอย่างเถียงพ่อแม่ได้เพราะพ่อแม่ไม่มีเหตุผล  แต่ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า  เถียงไม่ได้  ไหว้พระ พระท่านก็บอกอายุวัณโณ สุขัง พลัง  ไหว้คนแก่  คนเฒ่า เอ่อ เจริญสุขหลาน  ขอให้อายุมั่นขวัญยืน  ขอให้เป็นเจ้านายใหญ่โต  เดี๋ยวนี้มีไหว้ไหม ไม่มีแล้ว  นี่อาตมาว่าจะไปไม่รอด หลักพระพุทธเจ้าให้อ่อนน้อมถ่อมตน  ก็ขอเจริญพรให้ฟังว่า  โยมผู้ชายที่รักทั้งหลายเอ๋ย  เคยบวชไหม คู่กรรมวาจาจะสวดว่า  ขมติ  สังฆัสสะ โสภา  สัญญา  จะต้องจดเวลาลง  อุปัชฌาย์ จะต้องจดเวลาลงว่าบวชเวลาใด เพื่อต้องการให้เคารพผู้ใหญ่ อาวุโส ภันเต  ถ้าเอาข้อนี้มาใช้ไม่มีปัญหาเลย  ผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่  ผู้น้อยต้องกตัญญูต่อผู้ใหญ่  ผู้ใหญ่ต้องมีเมตตาต่อผู้น้อย  และให้อภัยผู้น้อย  ถ้าเป็นไปได้ตามหลักหลักคำสอนของ พระพุทธเจ้าจะไม่มีปัญหาในสังคม  เพราะเชื่อฟังผู้ใหญ่ เดี๋ยวนี้ไม่มีการเชื่อฟังพ่อแม่ด้วย  ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่  นี่พระพุทธเจ้าสอนมา ๒ พันกว่าปี  อาวุโส ภันเต  ถ้าโยมผู้ชายเคยบวชต้องรู้เลย  อุปัชฌาย์ จะต้องจดเวลาบวชไว้  แต่ลืมกันไปซะแล้ว  ลืมข้อนี้กันไปเลย  ผู้น้อยผู้ใหญ่ไม่ต้องเคารพกันแล้ว และจะไปสอนกันไม่ได้แล้ว  ไม่เชื่อฟัง  เมื่อไม่เชื่อฟังกันแล้วจะไปไม่รอดไม่ปลอดภัย มีแต่เสนียดจัญไร  ตลอดกาล  อาตมาว่าไปไม่รอดแล้ว  เท่าที่สังเกตมานานแล้ว สังเกตที่วัดอัมพวัน มีแต่ปัญหามาทุกวัน  คนขาดการความเคารพผู้ใหญ่  ไม่มีเคารพพ่อแม่เลย  พ่อแม่ว่าอะไรเถียงอีก  ดีไม่ดีด่าอีก นี่เรื่องจริง  ถ้าเราอ่อนน้อมถ่อมตน  สวดมนต์ไหว้พระ สดับพระธรรมเทศนา เสมอ จะอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อท่านผู้ใหญ่เสมอ  อ่อนน้อมถ่อมตน  ปากหวานตัวอ่อนมือเป็นหงอน  นอบน้อมกตัญญู เชิดชูด้วยระเบียบเพรียบด้วยวินัย  ตั้งใจศึกษา นำมาพ้นทุกข์ เป็นสุขอนันต์ เป็นหลักสำคัญ เขาจำใส่ใจชัดเจน เดี๋ยวนี้ไม่มีอาตมาว่าครูบาอาจารย์  เขาไม่มีวิญญาณครูซะแล้ว เป็นครูกาฝาก เป็นครู รับจ้าง  ถ้ามีวิญญาณครูหน่อย คิดว่าลูกศิษย์ เป็นลูกเป็นหลาน  เขาจะสอนทั้งในระบบ และสอนทั้งนอกระบบ  สอนทั้งดี สอนให้มีปัญญา สอนให้ลูกหลานแก้ปัญหา  อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ รับรองไปรอดทุกราย  จะไม่มีปัญหาทะเลาะวิวาทกัน น้องก็ต้องเป็นน้อง  พี่ก็ต้องเป็นพี่ สร้างความดีให้พ่อแม่  เพื่อต้องการให้พ่อแม่  มีอายุหมั่นขวัญยืนต่อไป  น่าจะเป็นเช่นนั้น  แต่เป็นไปไม่ก็ไม่เป็นไร  ดังนั้นจึงขอสรุปใจความว่า พระพุทธเจ้าพร้อม  ที่จะสอนชาวโลก  ท่านมีวิชาหมดทุกอย่างเป็นจักรพรรดิ์  แต่เราทั้งหลายผู้รับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่พร้อม  ที่จะรับคือเอาดีไม่ได้  พระพุทธเจ้าท่านก็รู้เป็นปัจจัตตัง   ว่าจะไปสอนใครก่อน  สำเร็จพระโพธิญาณ  ว่าจะไปสอนใครก่อน  ใครพร้อมก่อนใครมีอินทรีย์แก่กล้าก่อน ก็สอนคนนั้น ไม่ใช่นึกจะสอนก็สอนส่งเดชไป  เขาไม่รับมันเสียเวลามาก  พระพุทธเจ้าท่านรู้เลยว่าใครจะพร้อมแล้ว  ท่านจะสอนชาวโลกท่านก็ต้องพร้อมนะ พร้อมอย่างไร  ทำไม่ท่านมาสอนชาวโลก เป็นเอกอุ ในโลกไม่มีใครเท่าเทียมพระองค์ เลย  ๘๐ สงไข ประลัย แสนกัป  เตรียมพร้อมมาที่จะสอนประชาชนได้   เราก็เช่นเดียวกันทำอะไรก็เตรียมให้พร้อม เดี๋ยวนี้ไม่มีเครื่องพร้อมเลย  พระพุทธเจ้าของเราพร้อมที่จะสอนประชาชน  พระองค์ทรงศึกษาก่อน พระพุทธเจ้าเน้นวิชาการ  ไม่ใช่เน้นหลับตาอย่างที่โยมเข้าผิด เน้นวิชาการให้สร้างตัวเอง  ช่วยตัวเองและสอนตัวเอง  และพระองค์ทำก่อน ท่านจบ ๑๘ ดอกเตอร์  ๑๘  ศาสตร์ เรียกว่าเลขจักรพรรดิ์   ทำไมต้องมาพูดที่นี่ด้วย เพราะเรารักศาลาที่นี่  รักหลวงพ่อถาวร  เราต้องมาต่อทุน  กลัวทุนเราจะหมด  ต้องเพิ่มข้าวเพิ่มอาหารเพิ่มแกง  เพราะลูกเราเยอะขึ้น  เมื่อก่อนเราอยู่กัน ๒  คน  ตามประสาสามีภรรยา  ก็ไม่ต้องเพิ่มมาก  พอมีลูกรักอย่างแก้วตา  ก็ต้องเพิ่มขึ้นไปตามลำดับ  ขั้นตอน  สามีต้องไปปลูกบ้าน ๓  หลัง  แต่บางคนไม่ฟังเทศน์ สวดมนต์  อย่าไปว่าเขาเลย  เขาไม่พร้อม   ถ้าไม่พร้อมไม่ต้อง  ถ้าไม่พร้อมแก้อย่างไร  ขาดตรงไหน ก็เติมลงไป  เกินตัดออกไป   จะได้มีเครื่องพร้อม  ขาดก็ไม่เติม  เกินก็ไม่ตัด ก็ไม่พร้อมเสียหายมาก  ไม่ได้อะไรเลย   จะพร้อมได้อย่างไร  เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าก่อนจะเสด็จออกบรรพชา ก่อนนั้น  ท่านเตรียมพร้อมมาแล้ว คือวิชาการ

 

            วิชาการนั้นสำคัญมาก มีลูกต้องให้เรียน ไม่ใช่เรียนบาลีนะ  มีวิชาทุกๆ อย่างให้พอ ๑๘ ศาสตร์  หรือให้มีศาสตร์ใด ศาสตร์หนึ่งก็ได้   จึงเรียกว่า ๓ รู้    ดี ๕ มีปัญญา ถ้าท่านทำ ๓ รู้ ๓ ดี ๕  มีปัญญา  ลูกท่านไปรอดได้ทุกคน  นี่คือวิชาความรู้อะไร ทุกคนก็ไม่ทราบ  แต่ก็ไม่กล่าว  พระพุทธเจ้าเน้นวิชาการ  โยมที่เป็นบิดามารดา เตรียมพร้อมให้ลูกเรียนหนังสือ  ถ้าลูกหลายคน ให้เป็นแพทย์  ซักคน เถอะ  เป็นครูซักคน เป็นกุศลมาก เป็นแพทย์รักษาเขาให้หายโรคภัย  เป็นครูสอนให้เขามีวิชาความรู้  เป็นรัฐมนตรี เป็นนายก  สอนวิชาที่เขาชอบจะเป็นความรู้เป็นกุศล  กตัญญูกตเวทิตาธรรม  ไม่มีใครทำร้ายหมอแพทย์  ครูวิชาการ  ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ  พระพุทธเจ้าไม่ใช่ไปนั่งหลับตาแล้วมาสอน  ไม่ใช่นะ  ท่านเรียนมาพร้อม  ในสมัยเจ้าชายสิตธัตถะ  ท่านทรงได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี  จากอาจารย์  ที่มี่ชื่อเสียง วิชาที่ท่านทรงศึกษา เป็นศิลปศาสตร์  ๑๘  สาขา  โยมจะได้กันจำ  นี่คือจักรพรรดิ  ถ้าใครมี ๑๘ ศาสตร์ได้ ก็เป็นจักรพรรดิ พร้อมที่จะสอนด้านวิชาการ  ถ้าเป็นชาวพุทธต้องเรียนบาลีไปด้วย  วิชาที่หนึ่ง  คือ

 

.   ยุทธศาสตร์  เจ้าชายเรียนมาจบ   วิชายุทธศาสตร์ คือ วิชานักรบ 

.  รัฐศาสตร์ เป็นวิชาการปกครอง  

.  นิติศาสตร์วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ 

.  พานิชศาสตร์  วิชาการค้าทุกชนิด

. อักษรศาสตร์ แปลว่าวิชาวรรณคดี ภาษาทุกอย่าง 

. นิรุตติศาสตร์  วิชาภาษาทั้งหลายของตนและชนชาติ ที่เกี่ยวข้องกันเรียนหมด   . คณิตศาสตร์  วิชาคำนวณ 

.  โชติยศาสตร์วิชาดูดวงดาว  เราจะเห็นได้ว่าพระมหากษัตริย์ ดูดวงดาวเก่งทุก

      องค์  อย่างเช่นรัชการที่ ๔  เป็นโหราศาสตร์   

.     ภูมิศาสตร์  วิชาดูแผนที่ ของประเทศต่างๆ

๑๐.  โหราศาสตร์  ต้องรู้ด้วย  มันอยู่ในศิลปศาสตร์  วิชาโหรรู้จากพยากรณ์เหตุ

        การณ์  ต่างๆ 

๑๑.  เวชศาสตร์  วิชาแพทย์  เรียนหมด    

๑๒.  วิชาว่าด้วยเหตุผล 

๑๓.  สัตวา

๑๔. วิชาสัตวศาสตร์  วิชาดูลักษณะสัตว์ และดูเสียงสัตว์  ว่าดีหือร้ายประการใด 

       ไม่ใช่สัตวแพทย์ดีด   โยคะศาสตร์นี่แหนะคือวิชาช่างกล  เรียนหมด

๑๕.  วิชาศาสนศาสตร์ ศาสนาทุกศาสนาเรียนมาหมด  ไม่ใช่เรียนเฉพาะพุทธ 

๑๖.  มายาศาสตร์ เป็นวิชากลอุบายหรือตำหรับพิชัยสงคราม  เป็นกลวิธีกลอุบาท  ๑๗.  คันทันประสาท  วิชาร้องรำ หรือนาฏศาสตร์ หรือดนตรี   หรือดุริยางค์ 

๑๘.    ฉันทศาสตร์ เป็นวิชาประพันธ์บทกลอน

๑๙.      

            ขอเจริญพรว่า เจ้าชาย สิตธัตถะ  เรียนจบทุกอย่าง  จนไม่มีทีเรียนแล้ว  ที่ตักศิลาก็ไม่มีให้เรียน   ครูอาจารย์ก็ไม่มีอะไรสอน เรียนจบ ๑๘ ศาสตร์ แล้วถ้าลูกพระมหากษัตริย์ พระองค์ใดได้เรียนจบ  ให้ตั้งเป็นจักรพรรดิ  พราหมณ์ทำนายตอนที่ประสูติ  ว่าถ้าเป็นฆราวาส จะได้เป็นจักรพรรดิ เก่งในสมัยนั้น   ถ้าออกบวชจะได้เป็นพระพุทธเจ้า  นี่แสดงว่าพระพุทธเจ้าของเรานี้จบหลักวิชา ไม่มีใครตำหนิพระพุทธเจ้าจบครบทุกวิชา  จนสอนได้  แต่เหตุใดเล่าพระพุทธเจ้า จึงต้องเสด็จบรรพชาด้วย  ยังมีอีกวิชาที่ไม่มีครูสอนหาครูสอนไม่ได้เลย วิชานั้นคือวิชาแก้ปัญหา  วิชาแก้ทุกข์  วิชาที่จะสร้างความสุขให้แก่ชีวิตนี้  ไม่มีครูสอน  ต้องศึกษาเอง  แต่จากคำว่าบรรพชาของพระองค์นั้นไม่ใช่ว่าจะหนีลูกหนีเมีย  ตัดช่องน้อยเฉพาะตัว ท่านไปศึกษามาจนจบครบ  ท่านจึงกลับมาโปรดภรรยา  โปรดลูก โปรดพระบิดา โปรดพระมารดา  โปรดพระประยูรญาติ  โปรดประชาชนทั่วไป  พร้อมที่จะสอนทุกประการแต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่ ทั้ง ๒ วิชา คือ ศิลปะศาสตร์กับแก้ปัญหาชีวิตเรากลับไปทิ้งเสียหมดเลย มีลูกก็ไม่ให้เรียน  ไม่สนใจที่จะให้ลูกเรียน อาตมาว่าไม่ยากเลยที่จะให้ลูกเรียนหนังสือนี้  ปลูกนิสัยลูกตั้งแต่เล็กๆ ให้สวดมนต์ สวดพาหุงมหากา   ดนตรีไทยสำคัญมาก  ทำให้อารมณ์ดี  ทำให้ปัญญาดี  ทำให้คิดดี  ทำให้แก้ปัญหาได้   รู้โดยปัจจัตตัง ที่พระพุทธเจ้าทรงบรรพชา ก็ทรงต้องการวิชานี้  เอามาสอนญาติโยม มีทั้งปริยัติศาสนา ปฏิบัติศาสนา ปฏิเวธศาสนา  มีครบ  เหลือ ๒  คันถธุระ  วิปัสสนาธุระ  พร้อมที่จะสอน ที่ว่าเพิ่มมาอีก ๑  คือ อะไร  ปฏิเวธ แปลว่าอานิสงส์ของการศึกษาเล่าเรียน เสียดายที่เราไม่เข้าใจแล้วเอาไปทิ้ง ทั้งหมด  ไม่ใช่หมายความว่า เรามีลูกชายลูกสาวให้ไปเรียนบาลีทั้งหมด แต่จำเป็นก็ต้องเรียน ถ้าเราเป็นชาวพุทธ  อย่างเช่นสมเด็จพระเทพฯ  ท่านก็รู้บาลี  แปลบาลีก็ได้  เล่นดนตรีก็ได้  รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม รู้อะไรสู้รู้วิชา  รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี   ถ้ามีลูกหลานควรให้เรียนดนตรี 

 

            ลานวัด  ลานใจ  ลานกีฬา ลานดนตรี อยู่ในวัดมานาน  สมัยสุโขทัย เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว  ลานวัด คือ ร่มรื่น  มีต้นหมากรากไม้  สวยสดงดงาม  ลานใจนั่งสมาธิภาวนา  สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีอีกแล้ว คือลานใจ  สามลานกีฬา  เพราะการศึกษา กับการศาสนาเป็นอันเดียวกัน  วัดต้องมีการศึกษา  เช่นบาทหลวงต้องเป็นเจ้าของโรงเรียน  เจ้าอาวาสต้องเป็นเจ้าของโรงเรียน  ก็มีลานกีฬา  เด็กจะได้ไม่เสียหาย ไม่ไปติดยาบ้า  ลานดนตรี  เด็กก็จะเพลิดเพลินในความดีจะไม่เสียหาย  มีแต่ครั้งโบราณแล้ว ไม่ใช่ว่าอาตมาพูดว่าดนตรีใช้ไม่ได้ในวัด อย่าลืมนะ โขน รามเกียรติ์  เล่นในวัด ฉลองโบสถ์ ฉลองศาลา ไม่เสียหาย

 

            พระพุทธเจ้าของเราก็เสด็จบรรพชา ๖ ปี  ได้ตำราจริง  กว่าจะค้นวิชาแก้ปัญหาใช้เวลา ๖ ปี  แล้วเรามาวัดใช้เวลานิดเดียวจะได้อะไรหรือ  ต้องไปเรื่อยๆ  พัฒนาจิตไปเรื่อยๆ  ให้คล่องแคล่วว่องไว ถูกต้องเป็นธรรม  รับรองท่านจะไม่มีเสียหายเลย ท่านจะมีแต่ปัญญา พระพุทธเจ้าสอนให้มีปัญญาในตัว ไม่ได้สอนให้มีปัญญานอกตัว  พระพุทธเจ้าได้ธรรมะข้อสุดท้าย เพราะไปเสวยพระกระยาหาร จากนุชนาถ สุชาดา ได้แก่ข้าวมธุปายาส  เจ้าชายประทับที่ริมแม่น้ำ เนรัญชรา  นางสุชาดา ก็คิดว่าเป็นเทวดา  สวยมาก  พระองค์ทรงเสวยหมด  แล้วอธิษฐานจิต  ว่าข้าพเจ้า ๖ ปีแล้ว วันนั้นเป็นวันโกนวิสาขะบูชา อธิษฐานจิตลอยถาดไป  ถาดลอยวิ่งขึ้นเหนือน้ำเลย  อ้อ ข้าพเจ้าสำเร็จวันนี้แน่นอน ได้แน่  เพราะทำมา ๖ ปี ตามใจตัวเอง  ไม่เป็นอิสรเสรีแก่ตัวเอง ตรงนี้สำคัญ  เราแพ้ตัวเองตลอด  ตามใจตัวเองตลอด  ท่านจึงได้ฝืนใจทันที  ข้ามแม่น้ำเนรัญชรา พราหมณ์  ถวายหญ้ากุสสะแปดกำ  ขัดบัลลังก์นั่งสมาธิ ภาวนา  เจริญภาวนา  ข้าพเจ้ายอมตายบนหญ้ากุสสะอันนี้  หญ้ากุสสะ เป็นหญ้าใบคมของอินเดีย  ไม่ใช่หญ้าคาหรอก  อาตมาไปดูมาแล้ว  ไม่ใช่หญ้าใบหอก ไม่ใช่หญ้าคา  แต่ต้นใหญ่กว่าหญ้าคา  เขาเรียกกุสสะ  แต่เรามาเรียกหญ้าคา หญ้าปล้อง  พระพุทธเจ้าทรงสำเร็จด้วยความฝืนใจ  ก็ฝากท่านสาธุชนเอาไว้  ทำอะไรอย่าตามใจตัวเอง  ไม่เป็นอิสรเสรี   คนที่จะเป็นอิสรเสรี จะต้องชนะใจตนเองได้  ถ้าแพ้ใจตนเองไม่มีทางสำเร็จ  ขอเจริญพร  ปลาว่ายล่องหรือว่ายขึ้น  ถ้าว่ายล่องปลาตายนะ  ว่ายสวนน้ำ อาตมาไปนั่งธุดงค์  ไปเขตพม่าฝนตกเจ็ดวันเจ็ดคืน  ไม่ได้บิณฑบาต เลย  ฝนหยุด  ปลาไปตายบนยอดเขาเต็มไปหมด  มันขึ้นไปได้อย่างไร  อะไรล่องไปตามน้ำคือ หอย  มันไม่สวนน้ำ เพราะมันต้องการลงหนอง อาตมาตอนเป็นเด็กเลี้ยงเป็ด เขียนชื่อที่เปลือกหอยเหวี่ยงลงไปในหนอง  พอหนองแห้ง ย้ายเป็ดไปอีกหนองหนึ่ง   หอยเก่ง พอน้ำแห้งมันมีฝาปิดมันก็อยู่ในดิน  พอฝนตกดินเปียกมันก็ออกมา แล้วเอาปากเดิน  เดินไปอีกหนอง  อาตมาหาหอยให้เป็ด  ก็ไปเจอเข้า  เราเขียนไว้ว่า ดช.จรัญ จรรยารักษ์  เขียนวันที่  ไปเจอเลย  ห่างจากหนองเดิม    กิโล  เอาไปให้คนเฒ่าคนแก่ดูท่านก็สอนว่า  เรามี ขามีแขนไม่เดิน  หอยมีปากเดินได้ ตั้ง ๒ กิโล  เพราะฉะนั้น ที่ไปตามน้ำคือ หอย  ไปสวนน้ำคือปลา   คนเราตามใจตัวเพราะกลัวลำบาก

 

            ขอเจริญพรญาติโยมมีลูกหลาน ให้เรียนหนังสือ  อย่าให้อายหอย  หอยมีแต่ปากยังไปได้ไกลเป็นกิโล  แต่เรามี เท้า ๒  มือ ๒  สมองหนึ่ง  อย่าให้อายหอย

 

            พระพุทธเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณ  ด้วยการฝืนใจ จึงสำเร็จ  อย่างโยมมานั่งกรรมฐาน  พอเมื่อยหน่อย เลิกเลย  ไม่มีทางสำเร็จหรอก โยมทั้งหลายจงอย่าตามใจตัวเอง เป็นอิสระเสรี ซักที พระพุทธเจ้าทรงเห็นว่าไม่มีใครพร้อมทั้งกับ ปัญจวัคคี ทั้ง ๕  จึงได้โปรดปัญจวัคคี ทั้ง ๕ ก่อน  อัญญาโกณธัญญะ  อินทรีย์แก่กล้า  สอนก่อนเลย  ถึงได้สำเร็จสัมโพธิญาณ  ด้วยธรรมจักรกัปปะวัตนะสูตร  สำเร็จได้  ในเวลาต่อมา พระพุทธเจ้าสอนอะไรก่อน  และศาสนาของพระองค์เข้าประเทศไทยที่ใดก่อน มีเข้าที่ไหนบ้าง  เราหาคำตอบได้ไม่ยากนัก  ศาสนามาจากศรีลังกา    จึงขอเจริญพรว่า ต้นศรีมหาโพธิ์ ที่อินเดียนั้น ไม่ใช่ต้นจริง  ต้นจริงฮินดู เผาหมด  นางสังอมิตตา ภิกษุณี  ลูกสาวอโศกมหาราชได้นำลูกของต้นจริง  ไปปลูกที่ศรีลังกา  ชราภาพมาก  เป็นต้นศรีมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า    อาตมาไปประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก  เมื่อปี พ..๒๕๑๕ กับพระองค์เจ้า พูลพิศมัย  นางสิริมาโว ตอนนั้น นายกรัฐมนตรี  โดยเจ้าอาวาสวัดกรณีฆ่าตาย  แต่กฎเกณฑ์ของศรีลังกา  สามีภรรยา เท่ากัน  เพราะสามีตายแล้วอยู่ ๒ ปี แล้วหมดสมัย ภรรยาเป็นนายกแทนสามีทันที โดยไม่มี  ปัญหา  นางสิริมาโว  จึงเป็นนายกรัฐมนตรี   ศรีลังกานำศาสนาเข้าทางนครศรีธรรมราช   มาสององค์  นครศรีธรรมราชนั้น เป็นชาวประมง  เหี้ยมโหด  แต่พระ ๒ รูป รูปหนึ่งสร้างวัดมหาธาตุ  สอนวิชาการทุกอย่าง  สอนแบบศิลปะศาสตร์  สอนให้ชาวนครมีวิชาความรู้ทุกอย่าง  อีกรูปหนึ่งสร้างวัดอรัญญิกาวาส  อรัญวาสี  เจริญวิปัสสนากรรมฐาน  เป็น    วัด  สรุปก็คือ เป็น คันถธุระวัดหนึ่ง  วิปัสสนาธุระวัดหนึ่ง  ชาวเมืองนครศรีธรรมราช ก็มาศึกษาหาความรู้ จนจบเสร็จแล้ว  ส่งไปวัด อรัญวาสี   จากคามวาสี ไปสู่อรัญวาสี  นั่งเจริญสมาธิภาวนา  เจริญพระกรรมฐาน  จึงมีปัญญาในตัว  ทำให้นครศรีธรรมราช  เกิดมีปัญญาสร้างเครื่องถมเงินลายทองมากมายก่ายกอง  เลิกอาชีพประมง  เลิกอาชีพฆ่ารันฟันแทงกัน  มีเมตตา  อ่อนน้อมถ่อมตนตลอดเวลา ทำให้กรุงจีน เอาเรือกำปั่นมาซื้อเครื่องถมลายทอง  ของเมืองนครไปสู่เมืองจีน  แล้วเอาไปทำต่อ  เลยคนจีนจึงเป็นเครื่องถมลายทองมาจนถึงบัดนี้   นครศรีธรรมราช ชักน้อยลง  ฉะนั้น วิชาทางพระพุทธศาสนา  สอนทั้งคามวาสี  และอรัญวาสี  สอนทั้งความรู้คู่กับความดี  ต้องอย่างนี้  พระ ๒ รูปนั้น  เอาเรื่องตั้ง นะโม มาสอน  ทำให้คนนครฯ อ่อนน้อม ถ่อมตน  อาตมาจะยกตัวอย่างดังต่อนี้  นะโม ตัสสะ ภควะ โต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ  ใครสอน  พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน  แต่ทำไมเขาเอาใช้กัน  จะยกครู ไหว้ครู  ก็ต้องตั้ง นะโม   เอามาจากไหน  พระจากศรีลังกาจึงได้บอกแก่ชาวนครศรีฯ  ว่าใครตั้ง นะโม  สาตาคิลา ยักษ์   ยักษ์ ๕ ตน  มาเฝ้าพระพุทธเจ้าดูถูกพระพุทธเจ้า  หาว่าพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ มีอะไรดีหรือ  ดูถูกเหยียดหยามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ว่าอะไรมีแต่ให้กับช่วย  จะบ้วนน้ำลายรดพระเศียร พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ไม่ว่า  มีแต่เมตตาอย่างเดียว ให้กับช่วยตลอด  อะไรเกิดขึ้น  พระสาตาคิลา ยักษ์  ก็ไม่นึกเลยว่าเป็นพระพุทธเจ้า ทำไมไม่โกรธ ทำไมไม่เกลียด  ทำไมถึงมีเมตตาอยากให้เราเป็นคนดี  และท่านก็ตรัส  ภิกขเว  ดูกรผู้ทรงศีล  ข้าพเจ้า  ไม่ต้องการให้ใครมายกย่องข้าพเจ้า ไม่ต้องการให้ใครมากราบไหว้ข้าพเจ้า ต้องการให้ท่านทั้งหลายเป็นคนดี  สร้างความดีให้แก่ตัวท่านเอง  ทำให้สาตาคิลา ยักษ์  เห็นใจ  จึงได้ตั้ง นะโมขึ้นมา

ตัสสะใครเป็นคนตั้ง  อสูริณทราหู  มา ๕ ตน  ภควะโต  ท้าวจาตุมมหาราช  อรหะโต ท้าวสักกะเทวราช  สัมมาสัมพุทธัสสะ  ท้าวมหาพรหม  ก็ขอเจริญพรว่าผุ้ตั้ง นะโม ตามที่กล่าวมานี้ ไม่ทราบที่มาอย่างชัดเจน  อาตมาอธิบายว่า  เมื่อเห็นพระพุทธเจ้าเขาไม่เคารพ  แต่เห็นพระพุทธเจัาแน่นอน  ให้กับช่วย  จึงได้อ่อนน้อม ถ่อมตน ไหว้ กราบ ตั้งนะโม ขึ้นมา  ๕ คน  สาตาคิลายักษ์  คือเป็นยักษ์ชาวเขา ว่าอยู่ที่ เขาสาตาคีรี  จัดเป็น  ภุมเทพเทวดา  ที่อยู่บนแผ่นดิน  ที่ปรากรมอยู่มีถึง  สามพัน  แต่ที่อ้างไว้เป็นเอกพจน์ คือ นะโม  สาตาคิลา โข  นะโมสาตา คิลา  ยักษ์  เป็นผู้ตั้ง  ที่จะหมายถึงหัวหน้า หรือผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่  ของเทวดาทั้งหมดนั้น  อสูริณทราหู  นั้น  เป็นราหู ที่ชื่อ อสูริณ  บอกยศว่าจอมอสูร   อสูรเป็นเทวะพวกหนึ่งเหมือนกัน  มีกายเป็นทิพย์  ราหูนั้น  เป็นอริกับสุริยเทพ  คือพระอาทิตย์ กับพระจันทร์  พระอาทิตย์ เป็นมิตรกับจอมภิภพ   คืออสูรคือท้าว เวปจิต  จาตุมมหาราช  คือใคร คือเป็นเทวดาหมู่ แปลว่าเทวดาทั้ง ๔  เป็นพิภพที่จัดเข้าในสวรรค์ ๖  แต่ชั้นแรกเรียกว่า  จาตุมมหาราชิกา  ท้าวมหาราชทั้ง ๔  มีหน้าที่ครองโลกเรียกว่า เท้าวจาตุโลกบาล  คือปกครองคนละทิศ  ท้าววิรุฬหก   วิรุฬปัก  อธิบดีของพวกกุมพันธ์  ครองทิศใต้เทวรูปปัก เป็นอธิบดีของพวกนาค  ครองทิศตะวันออก  ท้าวกุเวฬ เวสสุวรรณ  เป็น  อธิบดีครองพวกยักษ์  ครองทิศเหนือ  ท้าวสักกะเทวราช  คือพระอินทร์ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว  ปกครองถึงจาตุมมหาราช  สรุปว่า  อ่อนน้อมถ่อมตนไปลามาไหว้ พระพุทธเจ้าก็ขออนุโมทนา  พวกยักษ์ร้ายทั้ง แปดทิศ  ทั้งจักรินเทวราช  กลายนอบน้อมถ่อมตน  ทรัตเต เปตปันรนัง  ถึงเวลา ๒๔ นาฬิกา  ก็มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า  ถามปัญหาต่างๆ  เคารพพระพุทธเจ้ามาก จึงต้องมาถามปัญหาพระพุทธเจ้า  แต่พวกเราน่าเสียดาย พวกเรามีปัญหาแต่ดันไปถามคนอื่น  น่าจะถามคำสอนของพระองค์บ้าง ว่าแก้อย่างไร  ควรแก้อย่างไร  เหมือนกินละมุดไม่ถูกเม็ด  แต่ประการใด  

 

            พวกยักษ์นับถือพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก  ว่าเป็นผู้ให้กับช่วยชาวโลกจริง พระองค์ ไม่หวังผลตอบแทน  แต่ประการใด  ตั้ง นะโม เพื่ออะไร

 

            .  เพื่อดำเนินในร่องรอยแห่งผู้เป็นอริยะ

            .  เพื่อขออำนาจคุณพระคุ้มครองป้องกันอันตราย

            . เพื่อทำให้ชีวิตมีเนื้อหาสาระ 

            . เพื่อชำระจิตให้บริสุทธิ์ ผ่องใส

 

            ก็ขอฝากญาติโยมไปด้วย  สอนเพื่อให้เกิดนะโม  อาตมาถามพวกนครฯ  ถามหัวใจของ นครฯ มีอะไรบ้าง ตอบอาตมาผิด  ถามว่าที่นครฯ มีอะไรดีบ้าง  ตอบว่ามีพระธาตุ ผิดโล่ง เลย  ต้องมีแหวนนะโม ซิ  พวกนครลืม แหวน นะโม  จึงไม่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านผู้หลักผู้ใหญ่

 

                        ก็ขอฝากไว้ นะโมตัสสะ ภควะโต อรหะโต  อ่อนน้อมถ่อมตน ไปลามาไหว้  อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง  วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร  ธัมมา  วัฑฒันติ  อายุ วัณโณ  สุขัง  พะลัง  พระพุทธเจ้าทรงแสดง  ใครไปมาลาไหว้ ท่านจะพูดว่า อายุวัณโณ สุขัง พลัง  จะไปไหว้คนเฒ่าคนแก่  คนเฒ่า คนแก่ บอกว่า  เออ อายุวัณโณ สุขังพลัง  ไหว้พระ นะ หลาน  ขอให้เป็นใหญ่เป็นโต

 

            อะไรมาเป็นหลักอีก  พระ ๒ รูป สอนให้ชาวนครศรีธรรมราชมีความรู้ สอนทั้งเด็กสอนทั้งผู้ใหญ่ เรียกว่า คามวาสี เรียนวิชาทุกชนิด  ๑๘  ศาสตร์ แล้วก็ส่งไปยัง  อรัญวาสี  เรียนวิปัสสนาธุระ  นครฯ  มี ๒ วัด  ความนี้ทราบถึงกรุงสุโขทัย  พระราชาจึงมีพระราชสาส์นตรา  มาถึงเจ้านครศรีธรรมราช  ขอพระ ๒ องค์  สู่สุโขทัย  ราชธานี  ทรงผนวชทันที  เราจึงจะเห็นได้ว่า พระสถูปเจดีย์ที่กรุงสุโขทัย  จึง มีเหมือนศรีลังกาทั้งหมด  เอามาจากศรีลังกา  จากศรีลังกา เข้าสู่ กรุงศรีอยุธยาราชธานี  ๗๐๐  ลายสือไทย ๔๐๐ กว่าปี กรุงศรีอยุธยา  ๒๐๐ ปี รัตนโกสินทร์  นั้น  พอดีหมดอายุของพระสงฆ์  ในศรีลังกา  เป็นกฎแห่งกรรม  ชาวทมิฬหินชาติ  จับพระมหากษัตริย์  ขังไว้เขาศรีกิริยา  ฆ่าพระเณรตายหมด เมื่อพระเณรตายหมด  ทำอย่างไร  จึงมีจดหมายขอพระสงฆ์  จากประเทศไทย ไปประกาศศาสนา  ที่ศรีลังกา  พระอุบาลีวงศ์  ได้นำพาหุงมหา  ติดไปด้วย ชาวศรีลังกา จึงสวดบทนี้ได้หมด  คือ พาหุงมหากา  นั่นเอง 

 

            ประเทศศรีลังกา จึงสวดพุทธคุณ  ธรรมคุณ  สังฆคุณ  พาหุงมหากา  ได้  จากกรุงศรีอยุธยา โดยพระอุบาลีวงศ์  เป็นลูกศิษย์ ของพระวันรัตน์  วัดป่าแก้ว  ถวายพระพร  พระนเรศวร ไม่เคยแพ้ทัพ 

 

            ธรรมเนียมตรุษสงกรานต์  ก็มาจากอันนี้ นะโม อ่อนน้อมถ่อมตน  ประเพณีรดน้ำดำหัว  ไม่ใช่มาจากภาคเหนือ ของคนภาคใต้ อันเดียวกันกับพระพุทธเจ้าสอน  จึงมีการถือโภคะทรัพย์ขึ้น  มีการทำบุญขึ้นปีใหม่  เราจะเห็นได้ว่าศรีลังกาจะคิดขึ้นปีใหม่วันวิสาขะ แต่ของเราขึ้นปีใหม่  ตรุษสงกรานต์  สิ้นเดือน ๔ มีสรงน้ำพระ อาบน้ำพ่อแม่

 

            เรียกว่าทำญาติพลี  และอติติพลี ปุพเพติพลี  ราชพลี ถวายในหลวง มีภาษีอากรเป็นต้น  เทวตาพลี จุดมุ่งหมายเพื่อเลี้ยง  บิดามารดา  บ่วงไพร บริวาร ให้อิ่มหนำสำราญ ในวันขึ้นปีใหม่  บำบัดเหตุอันตรายต่างๆ  ที่เกิดแก่บรรดาญาติทั้งหลาย  ทำพลีกรรม ๕ ประการ  เรียกว่าสงกรานต์  ก็จะขอประกาศให้ท่านฟังไว้ด้วย  การทำสงกรานต์  ทำพลีกรรม  เราจากพ่อจากแม่ไปแล้วคือ จากนะโมนี่แหละ  จากพ่อจากแม่ไปมีครอบครัว พอถึงปีใหม่ เราก็กลับมา  ยังบ้านเรือนของตน  เลี่ยงพ่อเลี้ยงแม่ เปลี่ยนผ้าผ่อนท่อนสะใบให้พ่อแม่  แล้วการรดน้ำดำหัวหมายความกระไร  มีมาจากนครศรีธรรมราชก่อน คือ นะโม นี่แหละ  ทำเหมือนกัน  แต่เราคิดว่าดำหัวเป็นคนภาคเหนือ ไม่ใช่เลยนะ  ดำหัวนี้มีความหมาย 

 

            รดน้ำดำหัว  หัวตัวนี้แปลว่าหัวปัญญา  ไปสุขหัวใหม่  แม่ให้มือ ๒  เท้า ๒  สมอง ๑  เป็นที่พึ่งแห่งปัญญา  เรียกว่าหัว  ก็ไปหาที่ปรึกษาของพ่อแม่ อย่าทิ้งพ่อแม่ไม่ได้ทิ้งครูบาอาจารย์  และขอกายกรรมวจีกรรม โยโธโส อันว่าโทษอันใด  ความผิดอันใดที่ข้าพเจ้าได้พลั้งเผลอสติไป  ได้กายวาจา จิต ต่อหน้า ก็ดี  ลับหลังก็ดี  ต่อบิดามารดา  ต่อปู่ย่าตายาย  โปรดได้อโหสิกรรมให้แก่ลูกหลานด้วย เจ้าคะ  แล้วกราบเลย  แล้วค่อยอาบน้ำแล้วเปลี่ยนผ้าให้ท่าน  แล้วท่านมีอะไรท่านจะได้สอนเรา  เรียกว่า ดำหัว  รดน้ำให้ท่านท่านจะดำหัวให้เรา  คือหัวปัญญา ให้ลูกเพิ่มปัญญา ให้ลูกมีสติปัญญาเหมือนเดิม  จะได้ถามลูกหลานว่า ตั้งแต่แยกครอบครัวไป กิจการดีไหม  การงานดีไหม  ลูกเรียนหนังสือเก่งไหม  ท่านจะถามอย่างนี้  เรียกว่า ดำหัว  ต้องการจะให้เป็นที่ปรึกษา  ร้อนแดดที่แผดเผา  ต้องหลบเข้าเฝ้าปรึกษา ร้อนรักหนักอุรา  ชีวาจะวายปาน  จะไปพึ่งใคร  เขาต้องการตรงนี้นะ

 

            การสรงน้ำพระเหมือนกัน  บางแห่งอาตมาไปเห็นบาปมาก  ไปสาดน้ำในวัด แล้วเอาสายยางไปเสียบประปา  ในวัด  แล้วสาดน้ำกันในวัด  วิ่งกันเกรียวกราวอย่าทำเป็นบาปกรรม  เอาน้ำพระไปใช้  วันสงกรานต์ นี่เขายังต้องขนดินขนทรายไปวัด  ขนน้ำเข้าวัด  เดี๋ยวนี้ขนออกจากวัด ขายดินวัดด้วย  เดี๋ยวนี้มีแต่บาปกันไม่มีบุญเลย  ไร้บุญวาสนา  นี่ก็ใกล้ประเพณีสงกรานต์แล้ว  ก็ขอฝากญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายให้ยึดถือประเพณีไทยไว้ด้วย  ธรรมเนียมไทย  ประเพณีไทย  วัฒนะธรรมไทย อย่าทิ้งได้ไหม  อย่าไปสาดน้ำกลางถนนเป็นบาป  อย่าไปสาดรถยนต์เขา  อย่ายิงปืน ในวัด จุดพลุจุดประทัดในวัด เมื่อ ๕ ปีที่แล้ว ที่สิงห์บุรี  คนที่สาดน้ำจบปริญญาโทด้วย  สาดรถมอเตอร์ หลบคว่ำตายคาที่เลย   นี่สรง  และอีกคนหนึ่งเป็นสาว จบปริญญาตรี  เอาน้ำแข็งห่อขว้าง เข้าไปในตา ตาบอดเลย  อยู่มาไม่นานคนที่ ขว้างเขาตาบอดตาใส ทั้งคู่เลย  เดี๋ยวนี้ยังอยู่  แต่จะไม่ออกชื่อ  ตอนนี้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ  คนที่สาดน้ำนั้นเดี๋ยวนี้ก็ตายแล้ว  รถชนที่บางขันหมาก  เหนือลพบุรี  ตายคาที่เช่นกัน

 

            ก็ขอฝากญาติโยมไปด้วยไม่ใช่เรื่องเหลวไหลนะ  เป็นเรื่อง ทำญาติพลี  สงเคราะห์ญาติ  ถึงสงกรานต์ ก็ไปรวมกัน

 

            อติปิพลี  ต้อนรับแขกโอภาปราศรัย  ยิ้มแย้ม แจ่มใส  ตั้งใจสนทนา  เจรจาไพเราะ สงเคราะห์  เอื้อเฟื้อ  ขาดเหลือคอยดูแขก ไม่แปลกลูกค้ามา  ญาติมาก็ต้องยิ้มเรียกว่าญาติพลี  ญาติพี่น้องจะมารวมกันที่บ้านปู่ย่าตายาย  ในวันสงกรานต์

 

            ปุพเพตพลี  ทำบุญอุทิศให้ผู้ตายเราจะเห็นได้ว่า  บ้านนอกคอกนาจะมีศพสามัคคี  เอากระดูกมารวมกัน  พระสงฆ์จะสวดพระอภิธรรม  เดี๋ยวนี้จะเลิกกันไปหมดแล้ว

 

            ราชพลี  ถวายในหลวง  เสียภาษีอากรอย่าโกงหลวง  ช่วยกันเสียภาษีอากรถวายเป็นราชพลี  ต่อองค์พระราชา

 

            เทวะตาพลี  อุทิศส่วนกุศลให้แก่เทวดาด้วย  ในวันสงกรานต์  และบริจาคทานให้แก่สมณะพราหมณ์ ผู้ประพฤติธรรมประพฤติชอบ  อีกด้วย จะเป็นประโยชน์ แก่ท่านอีกด้วย 

            วันสงกรานต์  เป็นมหามงคลชีวิต  เป็นการนอบน้อมบูชาปู่ย่าตายาย วงศ์ตระกูลของตนจึงจะถูกต้อง  เพื่อจะไปบูชาน้ำพระคุณของปู่ย่าตายาย  บังสุกุลให้ปูย่าตายายในวันสงกรานต์  ขอสมาลาโทษต่อพ่อแม่ที่ไปด่าพ่อแม่  หรือเถียงพ่อแม่ นี่เป็นบาป  รดน้ำดำหัวท่านจะได้สอนเรา  อุปัชฌาย์อาจารย์ ทั้งหลายท่านจะได้สอนเรา  ให้อยู่ดี กินดี  ไม่มีประโยชน์ หรือ เราจะได้รับพรในวันขึ้นปีใหม่ไทย เดิม  ตั้งแต่สุโขทัย   สุโขทัยมีพลเมือง  ๓ ล้าน  ขยายอาณาเขตไปถึง กลันตัน  สิงคโปร์ เสียมราช พระตะบอง  บ้านพี่เมืองน้อง  มาช้านาน  ครั้งโบราณก่อนเก่า  อาณาเขตกว้างขวางมาก  เพราะคนสุโขทัยมีธรรมะมีคุณธรรมสูง  คนโบราณมีที่ เขาอยากให้นักปราชญ์ คนดีๆ  มาอยู่ร่วมกัน  ที่ให้ฟรี  เดี๋ยวนี้ที่คืบเดียวยังแย่งกันขึ้นโรงขึ้นศาล  ไม่รู้จะเอาไปทำไม ไม่คิดที่จะตายกันเลยหรืออย่างไร  ท่านสาธุชน  อย่าคิดอย่างนั้นเลย  พี่ให้น้อง  น้องให้พี่  สร้างความดีให้พ่อแม่  ต่ออายุให้พ่อแม่  ในวันสงกรานต์ได้ไหม  ปีนี้มังกรทองอย่าให้เป็นมังกรเหล็ก  สามีภรรยาอย่าทะเลาะวิวาทกัน  สามัคคีปรองดอง  เหมือนญาติพี่น้อง  สวดมนต์ภาวนาปีนี้ให้มาก  มังกรเหล็กสร้างแต่ปัญหา ไม่แก้ปัญหา 

 

            ของกินไม่ให้กันกินมันจะเน่า เรื่องเก่าถ้าไม่เล่ามันจะลืม   ปีนี้  จะไม่มีการสาดน้ำตามถนนแน่ เพราะเป็นปีวัฒนะธรรม เป็นปีเศรษฐีมังกรทองเงินไหลนองทองไหลมา

 

            ก็สรุปใจความให้โยมฟัง  เอาหลักศาสนามาใส่ไว้ในใจ  คือศีลสมาธิ ปัญญา  ก็โยมเป็นผู้รู้ทุกท่าน  แต่อย่าให้เลยรู้  เอาความรู้ที่เรามีอยู่มาใช้ในชีวิตประจำวันให้จงได้  โยมจะได้มรรคผลในตัวเอง มีลูกจะได้ดีมีปัญญาแก้ไขปัญหาสมปรารถนาได้ จงซื่อสัตย์สุจริต  เป็นนิจขยัน ประหยัดให้มั่นหันหลังให้อบาย

 

  คติในปีนี้  งามสี่ที่  ดีสี่แบบ กตัญญูสี่อย่าง  เห็น จะพอนะ  พอแน่นอน  บุญช่วยเราแน่  บาปช่วยเราไม่ได้เลย   บุญช่วยให้เราได้ทุกอย่าง ที่เป็นสุจริตยุติธรรม บาปช่วยอะไรเราไม่ได้ เดือดร้อน ตลอดรายการ  เพราะฉะนั้นเอาอย่างนี้เถอะ

 

            งามสี่ที่คือ

 

            .  งามด้วยเครื่องแต่งกาย  แต่งกายให้มันทันสมัย

            .  งามด้วยอวัยวะ  ร่างกายสะอาด  งามสมส่วนควรปฏิบัติ

            .  งามด้วยมารยาท  จะยืนเดิน นั่งนอน  เหลียวซ้าย แลขวา คู้เขียดเหยียดขา มีสติไว้  งามแน่ๆ

๔.  งามด้วยน้ำใจ มีอัธยาศัย โอบอ้อมอารี วจีไพเราะ  สงเคราะห์ ทุกคน วางตนให้เป็นกลาง  ยิ้มอยู่เสมอ  คนมีน้ำใจ จะยิ้มอยู่เสมอ

 

ดีสี่แบบ

 

            .  ดีที่ชาติตระกูลขอตน วงศ์ตระกูลในชาติในเชื้อ  ของตน  ดี 

            .  ดีที่ทรัพย์สมบัติ  มั่นบูชาทรัพย์ชื่อเสียงความรักไว้ 

            .  ดีที่มีวิชาความรู้ความสามารถ องอาจในธรรม สัมมาปฏิบัติในหน้าที่

            .  ดีที่มีศีลธรรม ครบวงจร 

 

กตัญญูสี่อย่าง

           

๑.          กตัญญูต่อบุคคล  จะไม่ลืมพระคุณของบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์เป็นต้นจะไม่ลืมพระคุณของบุพพกาลี กตัญญูกตเวทีแปลว่าอะไร  กตัญญูแปลวารู้พระคุณท่าน กตเวที  คือสนองงานให้แก่ท่าน  รู้พระคุณท่านและปฏิบัติการให้แก่ท่าน  ด้วยอามิสบูชา ปฏิบัติบูชา ต่อบิดามารดา

 

๒.          กตัญญูต่อสถานที่ รู้พระคุณของสถานที่ ที่ให้การศึกษา  แหล่งให้เกิดธรรมะ  และปฏิบัติธรรม รู้พระคุณของอาชีพ การค้าการขาย อย่าลืมเขา

 

๓.                        กตัญญูต่อความดี  รู้พระคุณของความดีที่ทำให้เราเป็นคนดี คือใคร

 

            . กตัญญูต่อตัวเอง รักษาสุขภาพอนามัยไว้ทุกคน  อย่าให้เสียสุขภาอนามัย ขอประทานโทษ  เลี้ยงโคถึก มฤกคา ไว้ใช้งาน  เลี้ยงสังขารไว้ทำอะไร  รักษาสุขภาพพลานามัย   เช้าตื่นมาทานน้ำมากๆ  น้ำ ตะไคร้ ดีที่สุด แก้โรคได้หลายอย่าง แก้เลือดลมก็ได้   เบาหวานยังหาย  รักษาสุขภาพทุกคน อย่าประมาท ให้มันครบวงจรอย่างที่กล่าว  เช้าทานน้ำมากๆ  เย็นทานน้ำน้อย  เย็นน้ำชาลดลงไป  น้ำบริสุทธิ์  กินมากๆ  เช้า ๕ แก้วเลย  รับรอง  สุขภาพดี ไม่เป็นลม  ไม่เป็นอะไรเลย  ทานน้ำบริสุทธิ์เช้ามากๆ  จะช่วยระบบขับถ่าย  ซัก ๑ ชั่วโมง เบา ๓ ครั้ง เดินทางไปเลย  กินน้ำบริสุทธิ์  แต่น้ำที่เป็นยอดข้าวควรงดเว้น

 

            ขออนุโมทนาสาธุการ  วันนี้มาในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดา  สยามบรมราชกุมารี  ขอให้ท่านทั้งหลายสำนึกสมัญญาทุกท่าน       ในพระคุณของพระคุณของพระองค์ท่าน มีต่อประเทศชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ ท่านทำประโยชน์จริงๆ  อาตมาร่วม ทำกับท่านปีละ ๓ แสน ส่งเด็กนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เรียนหนังสือ  ปีนี้ขอประกาศอนุโมทนาโยมคงมีส่วนร่วมกับท่านด้วย ชัยพัฒนา  ที่สวดธรรมจักรทุกวันที่ ๕  รวมได้ ๖ ล้านกว่า  และจะทูลเกล้าถวายในหลวงให้หมด  กาญจนาภิเษก ได้ ๗ ล้าน ๕ แสนบาท  ได้มาจากวัดปทุมบ้าง  เราก็เป็นญาติกัน  ถวายไปแล้ว  ถวายในหลวงให้หมด  ปีนี้ถวายเป็นพระราชกุศล ปีนี้มาเขาบอกบุญไปซะหมด  คิดว่าจะนำมาเขามูลนิธิ หลวงพ่อถาวร ไม่รู้จะเอาที่  แหมแปลก  ตี ๒  เทวดามาเรียก  เอาเงินมาให้ ๒ หมื่น  สมปรารถนา  นึกเงินไหลนอง ทองไหลมา  ทำไปเหอะ ทีละหยด  ทีละหยด  น้ำตาลยอด ไหลหยด ให้เต็มกระบอก อย่าให้กระบอกแตก  อย่าให้โอ่งแตกรั่ว  นึกถึงบุญ  เทวดานำมาให้เลย  โยมมาลี    หมื่น  ถ้ามาให้เป็น ๑๐๐ ล้าน จะให้หมดเลย  แต่นี่เขามาให้ ๒ หมื่น  ให้หลวงพ่อหมดแล้ว  เรียกหลวงพ่อถาวรสบาย มีคนรู้จักทั่วเลย  หาอย่างนี้หาที่ไหนได้

 

            วันนี้ขออนุโมทนาสาธุการ       และขอถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ขอให้โยมสำนึกสมัญญา  ถวายเป็นพระราชกุศล คล้ายวันพระราชสมภพ  ของพระองค์  ขอให้  เจริญรุ่งเรือง คือ ถวายพระพรท่าน  ทรงพระเจริญ  รุ่งเรืองตลอดไป  เป็นมิ่งขวัญของชาวไทย  และมิ่งขวัญของต่างประเทศ  เขตแดนสยามเมืองยิ้ม  ตลอด และก็ยิ้มไม่ต้องมีงบประมาณ  ยิ้มเดียว ยิ้มสมเด็จพระเทพฯ  ยิ้มทีไรท่านได้เงิน  เรายิ้มทีไรเสียเงินทุกที  ถ้าหากว่าทูลเสด็จไปที่ไหน ท่านยิ้มทีไรเงินไหลนองทองไหลมา  สรุปใจความให้ท่านฟังว่า  ถ้าใครบอกยิ้มไม่มีงบประมาณ  ตอบคำเดียวเลย สมเด็จพระเทพฯ  ยิ้มไม่มีงบประมาณ  ยิ้มได้เงิน องค์นี้ยิ้มต้องมีงบประมาณ เสียเงินตลอด  อันนี้ก็ขอถวายให้เป็นพระราชกุศล ให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญ  รุ่งเรืองตลอดกาล เป็นมิ่งขวัญของพี่น้องชาวไทย  ตลอดไป คล้ายวันพระราชสมภพ  ในวันนี้  และขอย้อนมาหาญาติโยมทั้งหลาย  พี่น้องไทยทั่วๆ หน้า ทั่วประเทศเขตแดนไทย  สยามขอให้เป็นเมืองยิ้ม  แย้มแจ่มใสตลอดไป  ขอบุญกุศลดลบันดาลย้อนกลับ มาหาพี่น้องเราชาวไทย และพี่น้องเราที่ศาลาราชศรัทธาธรรม  บรมบพิตรราชสมภารเจ้า พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ  ได้พระราชทาน ณ บัดนี้  หลวงพ่อเจ้าคุณ ถาวร  ท่านเดินทางมุ่งหน้า ช่วยเหลือประชาชาติ  ประชาชน เป็นที่เลื่องลือทั้งสหรัฐอเมริกา ตลอดกาลนานมา ท่านไม่ยอมหยุด ท่านทำงานตลอดไป  ขอให้ท่านหายวันหายคืน  โรค โรคา หมดไป  อโรคยา ปรมา ลาภา  ท่านจงไม่มีโรค แต่มีลาภ  ด้วยความดีต่อประชาชน  ของคนไทยทั่วประเทศ  และนอกประเทศ  ขอย้อนกลับมาญาติโยมทั้งหลาย  ที่ศาลาราชศรัทธาธรรม ในวันนี้  จงประสบแต่ความสุข  สรร นิรันดร  ขอจงเจริญพร ด้วยจตุรพิธพรชัย สี่ ประการ มีอายุขอให้ยืนนาน  วัณโณ ผิวพรรณผ่องใส  สุขัง ขอให้สุขภาพอนามัยทุกท่านโปรดได้ใจดี  โรคภัยไข้เจ็บมีก็โปรดหาย  สิ่งทั้งหลายที่คิดไว้ ณ บัดนี้  และคิดไว้ ณ โอกาสหน้า  จงรวมเป็นพลังงานเกิดความสำเร็จเผด็จผล  สมเจตจำนงค์ความมุ่งมาดปรารถนา ด้วยกันทุกๆ ท่าน  ณ โอกาส บัดนี้เทอญ  ขอเจริญพรทุกท่าน