P14007

รายการ  “ชีวิต……..ไม่สิ้นหวัง   เติมพลังคนรุ่นใหม่”

ทางไทยทีวีสีช่อง 

ออกอากาศ  วันที่  ๒๖  ธันวาคม  ๒๕๔๒

ตอน

ทำอย่างไร  ชีวิตจึง “ไม่สิ้นหวัง”

 

พิธีกร                   รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์    กบิลสิงห์

 

พิธีกร                   สวัสดีค่ะ ท่านผู้ชม รายการชีวิตไม่สิ้นหวังมาพบกับท่านตอนเช้าวันอาทิตย์  เวลาโดยประมาณ  หกโมงสิบห้านาที  เช้าวันนี้พาท่านผู้ชมมาจังหวัดสิงห์บุรี เช่นเคย คงจะเดาออกนะคะมานมัสการหลวงพ่อจรัญที่วัดอัมพวัน พระราชสุทธิญาณมงคล   เนื่องจากวันนี้เป็นอาทิตย์สุดท้ายก่อนที่เราจะขึ้นปีใหม่ นะคะ  เพราะฉะนั้นเราจะคุยทบทวนความจำ  ทบทวนความหมายของชีวิต    และจะคุยถึงว่าคนที่สิ้นหวังเขาจะทำอย่างไร   ทำไมเขาถึงสิ้นหวัง  ทำอย่างไรเราจึงจะไม่สิ้นหวัง  สอดคล้องกับชื่อของรายการ  กราบนมัสการหลวงพ่อ ค่ะ

 

หลวงพ่อ              เจริญพร

 

พิธีกร                   หลวงพ่อขา  ในความหมายของชีวิต หลวงพ่อคิดว่าชีวิตมีความหมายอย่างไร

 

หลวงพ่อ              ขอเจริญพร  ชีวิตนี่มีความหมายมาก  สำหรับคนที่เกิดมาในสากลโลกนี้ต้องรักชีวิตทั้งนั้น   ชีวิตความหมายที่จะต้องเดินทางไม่พลาดผิด  แต่ชีวิตของเราทุกวันนี้ น่าเสียดายมากคนเรารักชีวิต นี่ถูกต้อง รักชีวิตแล้วอุตส่าห์ไปสร้างความชั่ว เดินทางพลาดผิดไม่มีกฎจราจรของชีวิต  แต่ประการใด  ไม่มีหลักยึดเหนี่ยวในทางที่จะเดินทางไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต  ชีวิตจึงผิดหวัง  ก็มากมาย  ชีวิตแปลว่าความหวังอันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการงานและหน้าที่  เรียกว่าชีวิตที่มีประโยชน์นั้น  แต่ทุกคนขอเจริญพรว่า  ชีวิตนี้ ใครหนอจะรักไหม  มนุษย์ก็ต้องรักชีวิตมนุษย์  ก็ต้องประทานโทษขอเจริญพร นับประสาอะไรกับแค่มนุษย์  แค่เดรัจฉานยังต้องรักชีวิตของเขา แต่น่าเสียดายสำหรับมนุษย์โดยชาติศักยภาพของบุคคลทุกวันนี้  รักชีวิตไม่ถูกต้อง  รักชีวิตแต่เดินทางพลาดผิด  ผิดกฎจราจรชีวิต  เขาวางเส้นทางเดินของมนุษย์ไว้  กลับเดินผิดพลาด เหมือนม้าแหกคอก ช้างปลอกแตก น่าเสียดาย เวลาของเขาที่หมดไป  เรียกคืนไม่ได้คือชีวิตผันตามเวลา ชีวิตแปลว่าเวลาที่มีประโยชน์  จึงเรียกว่าชีวิตที่ไม่ไร้ค่า

 

พิธีกร                   ท่านผู้ชมคะ  หลายคนสิ้นหวังกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ทรุดลง  ชนิดที่ว่าแทบจะถอนทุนไม่ขึ้น  หลายคนคิดฆ่าตัวตาย  ในญี่ปุ่นสถิติการฆ่าตัวตายนี้สูงมาก  ทั้งในวัยที่เป็นพ่อแม่คน และในวัยรุ่น ทีนี้เรามาพิจารณากันว่า ในความสิ้นหวัง แล้วคิดฆ่าตัวตายนี่  มันจริงไหม ที่ว่าการฆ่าตัวตายนี่จะละทุกข์ได้ นมัสการหลวงพ่อค่ะ  คนที่ฆ่าตัวตายนั้น มันสิ้นทุกข์จริงๆ  หรือเปล่า

 

หลวงพ่อ              ขอเจริญพร ไม่ใช่อย่างนั้น  คนฆ่าตัวตายนี้ ใครหนออยากจะฆ่า  ต้องตีปัญหาก่อน  ทุกคนกลัวตายทั้งนั้น ชีวิตที่เขาเกิดมา เขาก็กลัวตายกันทั้งนั้น ทำไมต้องฆ่าตัวตายด้วย การฆ่าตัวตายนั้น อย่าคิดว่า เขาเหล่านั้น ไม่กลัวตาย  ทำไมต้องฆ่าด้วย  ข้อ ๑. ฆ่าด้วยอำนาจกิเลสนานาประการ  อำนาจที่หลงผิดเดินทางเส้นทางกฎจราจรชีวิต  เส้นทางของหนทางชีวิตไม่มี  เพราะการเดินทางนั้นมีหลายทาง  ไปทางไหน  พระพุทธเจ้าสอนให้เดินทางไปสวรรค์  นรก  เปรตอสูรกาย  สัตว์เดรัจฉาน จะเดินทางไหน  ไปทางมนุษย์ ไปทางพรหมโลก  ไปทางสวรรค์  ไปทางนิพพาน  ท่านก็บอกเส้นทางไว้แล้ว แต่ เส้นทางเดินของมนุษย์นั้น ต้องพัฒนาด้วยปัญญา  คือ ปัญญาในตัวอย่างนี้เป็นต้น  แต่เหตุใดหนอเขาจึงมาฆ่าตัวตาย ได้  อย่าลืมกฎแห่งกรรมจากการกระทำนั้นเอง  เป็นการกระทำที่ทำให้ต้องฆ่าตัวตาย เจ็ดชั่วชาติ เมื่อชาติก่อนนี้ เคยฆ่าตัวตายมาแล้ว  มากี่ชาติ  ต้องฆ่าตัวตายตลอดไปจนชาติสุดท้าย  แต่ชาติสุดท้ายนั้น ก็ขอเจริญพรว่า ทำไมต้องฆ่าตัวตาย ต้องขอเจริญพรดังนี้  อาตมาจับได้หลายคน  หลายตอน  เช่น คนที่ฆ่าตัวตายชาติสุดท้าย ไม่ได้เจตนาเลย มันเป็นนิมิตเครื่องหมายทำให้ต้องตาย  เช่น  ยกปืนขึ้นมา  ยกตัวอย่างให้เห็น เป็นความจริง  ลูกเสธฯ สมบัติ  เสธฯคนนี้ จำนามสกุลไม่ได้ เป็น เสธฯ  กองทัพภาคที่    ค่าย นเรศวรมหาราช เอกาทศรถ พิษณุโลก  สุโขทัย  ภรรยาก็เป็นอาจารย์สอนวิทยาลัยครู  ที่พิษณุโลก ลูกสาวฆ่าตัวตาย  เอาอันนี้มาเป็นหลัก แต่ฆ่าตัวตายไม่ได้โกรธเลย  ไม่ได้โกรธใครเลยนะ  แต่จับปืนขึ้นมาดู  สรุปการจับปืนก็ง้างไก   เลยคิดว่าลูกไม่มี  โป้งเลย ตายคาที่  พ่อแม่ก็เสียใจ ไปทำบุญให้ ก็ไม่ได้รับ ก็ไม่ทราบว่าลูกไปโกรธใคร  มีแฟนอยู่ตรงไหน  เป็นลูกสาว  รับราชการสวยน่ารัก  ยกตัวอย่างให้ดูก่อน และจะเห็นชัดด้วย  ฆ่าตัวตายไม่ได้สร้างกรรมใหม่ กรรมเก่า  ไม่ได้เจตนา  ทำไมจึงฆ่า  ถ้าพูดตามหลักธรรมะ  เรียกว่าความประมาท  ถ้าพูดให้ลึกลงไปอีก เรียกว่ากฎแห่งกรรม  เขาจะต้องฆ่าตัวตายชาติสุดท้าย  โดยไม่ต้องโกรธใครเลย  เสร็จแล้วอาตมาไปบรรยาย กฎแห่งกรรม ในกองทัพ ๗ วัน  ๗ คืน  ไปหลายแห่ง เขาร้องไห้ตลอด นี่ยกตัวอย่างไปเรื่องหนึ่งก่อน เขาร้องไห้ ก็ถามว่า เสธฯ ร้องไห้ทำไม  ลูกสาวยิงตัวตาย ฆ่าตัวตาย  ก็ไม่ทราบความหมาย อาตมาก็บอกให้จดไปก่อน  เนี่ย ฆ่าตัวตายชาติสุดท้าย ไม่โกรธใคร  ไม่ใช่แฟน  เขายังไม่มีแฟน  แล้วไม่ใช่เรื่องอะไร เขารับราชการด้วย  จดไว้ก่อน แต่บอกไม่เคยมาเข้าฝันแต่ประการใดและอาตมาก็ขอเจริญพรว่า ท่านเสธฯ เชื่ออาตมาไหม  คนที่ฆ่าตัวตาย โดยที่เจตนา หรือไม่เจตนาก็ตาม  พุทธเจ้าบอก บาปมาก ทำบุญไม่ถึง  ไม่ถึงแน่ วิธีการทำให้ถึง ทำอย่างไร คือ เจริญกรรมฐาน  เจริญวิปัสสนา ชั้นสูงสุดในพุทธศาสนา เท่านั้นจึงจะได้รับ  สามีภรรยาคู่นี้  ภรรยาเป็นอาจารย์   ก็เลยลาพักร้อนนั่งกรรมฐาน  ได้เจ็ดวัน  เจ็ดคืน  ลูกมาเข้าฝัน  ตรงที่จดไว้เลย มาเข้าฝันบอกว่าคุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณขอบใจ  แม่และพ่อ มาก ได้นั่งกรรมฐาน ให้หนูได้ขึ้นจากนรก  ที่หนูฆ่าตัวตายนั้น ไม่ได้เจตนาอะไร ไม่ได้โกรธใครเลยนะ คุณพ่อ คุณแม่ ที่เคารพ หนูจับปืนพ่อมาเล่น มันทำให้สังหรณ์ใจ อยากจะเล่นปืน และถอดออกแล้วไม่มีลูก  แต่ทำไมลั่นได้  ขอเจริญพรโดยไม่ได้เจตนา แต่เป็นนิมิต  ทำให้เห็นว่าไม่มีลูก  ง้างโป้งเดียวตายเลย  คนเราเนี่ย ความรัก กับความโกรธ  ไม่กลัวใคร  ขนาดโกรธจัดเนี่ย ไปกลางคืน กลัวผี กลัวโจร ก็ยังไปได้  โกรธนี่ไปได้แน่ สองความรักที่สุด ไปได้แน่ ไม่กลัวใคร  เพราะอะไร  ไม่ไป ก็ไม่ได้ นี่ความโกรธนี่ไปได้เลย  โกรธจัดจะไม่มีสติ  สามารถผูกคอตาย นี่เป็นกรรมใหม่  ไม่ใช่กรรมเก่า

                                               ข้อที่ ๒   คนผูกคอตาย  โดยไม่มีโกรธเลย  นี่เรื่องจริง ๒ รายการแล้ว คือชาติสุดท้าย ไม่มีเจตนา  มีตัวตน  ช่างทำโรงเรียนวัดเสาธง อำเภอพรหมบุรี  จังหวัดสิงห์บุรี  ทำโรงเรียนแล้วก็ไปอาบน้ำ ที่คลองส่งน้ำเดินผ่านป่าช้า และอีกคนหนึ่งเป็นนายช่างด้วยเดินมาทีหลัง พอมาถึงป่าช้า แวบ ป่าช้ากลายเป็นบ้าน  มีสาวๆ  ๓ คน เชิญให้ขึ้นมา  หาข้าวหาปลารับประทาน บอกว่าเชิญนายช่างรับประทานอาหาร  สวยงามมาก เลยไม่รับประทาน  บอกว่าผมจะต้องไปรับประทานกับพวกช่างด้วยกัน มีหลักฐาน แล้วก็ไม่ยอมรับประทาน  ผู้หญิงก็บอกว่า ไหนๆ ก็ขึ้นบ้านแล้ว  จะให้รางวัล สร้อยเส้นหนึ่ง  เอาสร้อยมาสวม ที่คอ  พอสวมปับ ก็สลบไปเลย แล้วพวกช่างก็ได้ตามมาถึงที่วัดอัมพวัน ตอนตี ๑   อาตมาก็บอกให้กลับไป เอาปืนยิงขึ้นฟ้า    นัด พอยิงขึ้นฟ้า ๓ นัดแล้ว เห็นกำลังห้อยหัวอยู่บนต้นคราม  ไม่ใช่เป็นบ้าน แล้วแก้มา แล้วก็มารดน้ำมนต์  อาตมาก็ถามว่าโกรธใครมาหรือเปล่า  เขาก็ตอบว่าเปล่า เดินมาแล้วก็เห็นบ้านเขาก็เรียกขึ้นบ้าน  กินข้าว เลยก็ไม่รับประทาน  อาตมาก็เลยกระซิบบอกภรรยาเขา    เดือนตายแน่  ทีนี่พอ ๓ เดือน นายช่างก็เดินทางไปพิจิตร ก็ไปช่วยงานผูกพัทธสีมา แล้วกลับบ้าน จนสายแล้ว  ภรรยามาตามที่วัดไม่มี  ก็ผูกคอตายที่ต้นข่อย  นี่อันนี้ก็ขอเจริญพรว่า  คนที่ชาติสุดท้ายผูกคอตายโดยที่ไม่เจตนา  แล้วจะไม่ผูกคอตายต่อไปอีก  ๗ ชาติ 

                                               ประการที่ ๒  โครงสร้างกรรม กรรมใหม่ โกรธด้วยโทสะ มีอำนาจโทสะ  ขอเจริญพร ฝากไว้อีกนิด คนเราเนี่ย  ความรักกับความโกรธ ไม่กลัวใคร  ขนาดโกรธจัดเนี่ย ไปกลางคืน  กลัวผี กลัวโจร  ก็ยังไปได้  โกรธนี่ไปได้แน่    ความรักที่สุด ไปได้แน่  ไม่กลัวใคร  เพราะอะไร  ไม่ไปก็ไม่ได้  นี่ความโกรธไปได้เลย  โกรธจัดไม่มีสติ  สามารถผูกคอตาย นี่เป็นกรรมใหม่ ไม่ใช่กรรมเก่า  โดยไม่รู้  เพราะไม่มีสติ  อยากตาย อย่าอยู่เลย โกรธพ่อ  โกรธแม่  โกรธอย่างแรง  และโกรธสามี โกรธภรรยา  โกรธลูก จนหมดสติ  ไม่มีเส้นทางเดินของชีวิต ไม่มีปัญญาเลย  เนี่ยผูกคอตายได้  ยิงตัวตายได้  โดดตึกตายได้  ในแวบเดียว  เนี่ยขอเจริญพร อย่างนั้น

 

พิธีกร                   หลวงพ่อขา  เมื่อฆ่าตัวตายแล้ว ก็ไม่ได้หนีทุกข์ได้  เลยหรือคะ

 

หลวงพ่อ              หนีทุกข์ ไม่ได้  ใครบอกฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นทุกข์ กลับไปสร้างทุกข์ ฆ่าตัวตายเนี่ย อย่างโกรธจัด ต้องฆ่าไปถึง ๗ ชาติ แน่นอน มีข้อพิสูจน์ได้เห็นชัดที่กรรมฐาน เท่านั้น

 

พิธีกร                   ทีนี้คำถามที่เราจะถามหลวงพ่อต่อไปก็คือ คนที่ท้อแท้สิ้นหวัง คิดจะฆ่าตัวตาย  ทำอย่างไร? เราจึงจะช่วยเขาเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่ต้องฆ่าตัวตาย  ไม่ต้องสร้างกรรมผูกพันกันต่อไปถึง    ชาติ  เหมือนที่หลวงพ่อ พูดมาแล้ว  เราจะแนะนำเขาอย่างไร

 

หลวงพ่อ              ขอเจริญพร คนที่สิ้นหวัง มันหมดอาลัยตายอยากแล้ว มันไม่มีหลัก คือเส้นทางของชีวิตไม่มี  การเดินทางคือกฎจราจรของชีวิตไม่มี  มันสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยาก  เราต้องให้ธรรมะแก่เขา หลัก ๓ ประการ ได้แก่ ศีล  สมาธิ  ปัญญา ไม่ต้องมาก หลักสติปัญญา นี่เอง  คือ ปัญญาสามารถจะแก้ปัญหาชีวิตได้เท่านั้น คือ ปัญญาในตัว  ปัญญานอกตัว ช่วยอะไรใครไม่ได้ทั้งนั้น  เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนชัดเจนมาก สอนอะไร  สอนเน้นวิชาการ  วิชาการต้องเรียนก่อน  พอเรียนแล้วต้องเน้น  ถ้าพูดตามหลักธรรมะ  เรียก

                                               . โลกียะปัญญา   มันจำเป็น   ปัญญาทางโลก 

                                               . โลกุตระปัญญา  ปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิตเขาไม่มีเลย  บางทีเป็น  ดอกเตอร์ ฆ่าตัวตายก็เยอะแยะ  ผิดหวังไปต้องฆ่าตัวตาย  ต้องเสียใจตลอดไป  ทั้งๆ ที่เป็น ดอกเตอร์ตั้งหลาย ดอกเตอร์  เพราะเหตุใด  เพราะเขาไม่มี โลกุตระปัญญา  คือ ปัญญาในตัวไม่มี  รักธรรมะไม่มีเลย  ไม่มีสติสัมปชัญญะ  ขาดสติสัมปชัญญะมากมาย  สายทางเดินของชีวิตจึงผิดไป  เดินพลาด  เหมือนกฎจราจรชีวิต ต้องเดินทางตามเส้นที่เขาตีไว้ พระพุทธเจ้าสอน ถ้าแหกคอก นอกทาง  นอกเส้น  ชีวิตจะไร้สาระ  จะกลายเป็นคนสิ้นหวังทันที  หมดอาลัยตายอยาก ไม่สามารถจะเดินทางไปให้ถูกต้องได้  เพราะฉะนั้นคนเราต้องมีทางเดิน  แต่ทางเดินนั้น คือตัวปัญญา  คือเส้นทางของชีวิต  ต้องเดินทางไม่พลาดผิดกฎจราจรของชีวิต ยกตัวอย่างให้เห็นในปัจจุบัน เราต้องเดินทางไปตามกฎจราจรไม่เช่นนั้น  ตำรวจจับ ผิดเส้นทางจราจรได้อย่างไร ถึงไฟแดงต้องหยุด  ไฟเขียวก็ไป  แต่กฎจราจรของจิตใจนั้นก็คือ สายทางเดินของชีวิต  สายทางเดินชีวิตคืออะไร  คือ สติปัญญา  ได้แก่ตัวปัญญา  เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าสอน  ต้องมีภูมิ    คือ  จะแปลจาก ศีล สมาธิ ปัญญา   ศีล สมาธิ ปัญญา ง่าย  แต่ไม่มีใครทำ  ต้องพูดด้วยวิธีปฏิบัติ   ๑ ภูมิรู้     ภูมิธรรม ๓  ภูมิฐาน    ภูมิปัญญา    ภูมิปัจจุบัน  ถ้ามีภูมิปัจจุบันก็คือหายใจเข้าออก มีสติสัมปชัญญะ  นี่ตรงนี้เป็นภูมิปัจจุบัน  คนเราไม่เอาปัจจุบัน เอาอดีตมารื้อฟื้น   เอาเรื่องของคนอื่นมาคิด  กิจที่ชอบ ทำไมไม่ทำ  อนาคตอย่าจับให้มั่น คั้นให้มันตาย   ผิดหวังจะเสียใจตลอดชีวิต    นี่ตรงนี้เสียใจไหม   ถ้ามันผิดหวังขึ้นมาจะทำอย่างไร  จับให้มันมั่นคั้นให้มันตาย  จับหลักๆ  ถ้ามันผิดจะทำอย่างไร น่าจะพิจารณา  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ความแน่นอนของชีวิตมีไหม  ชีวิตแปลว่าไม่แน่นอน ชีวิตคือความหวัง  ชีวิตคือ  ซังกะตายไปวันหนึ่ง ได้อะไร  ไม่มีการที่จะสร้างเลย  ฉะนั้นชีวิตนี้ อยู่ในทางที่จะต้องไม่สร้างความผิดหวัง ให้กับตัวเอง  อดีตอย่ารื้อฟื้นได้ไหม  เรื่องคนอื่นอย่าคิด  กิจที่ชอบน่าจะทำ  กลับไม่ทำ  ปัญญามี   อย่าง  นี่หลัก   หลักที่จะต้องไปปฏิบัติ  อย่าไปเอาอดีตเป็นความฝันปัจจุบันเป็นความจริง  เอาอย่างนั้นอีกไม่ได้  ต้องเอาปัจจุบันนี้  เอาคุณพระพุทธเจ้ามาไว้   ศึกษาหาความรู้  พระปัญญาคุณ

                                               วิธีแก้ง่ายๆ  ต้องปลูกศรัทธา ปลูกความเชื่อมั่นให้เข้าสู่ในคุณพระศรีรัตนตรัย  มีพระพุทธเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์เป็นต้น  คุณพระพุทธเจ้าคืออะไร เอามาไว้ในใจได้ไหม  ง่ายๆ  พระปัญญาคุณ  พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ   ปัญญามี    อย่าง   นี่คือหลักปฏิบัติ  อย่าเอาอดีตคือความฝัน  ปัจจุบันคือความจริง เอาอย่างนั้นอีกไม่ได้  ต้องเอาปัจจุบันนี้  เอาคุณพระพุทธเจ้ามาไว้ ศึกษาหาความรู้  ปัญญาคุณ  มี ๓ อย่าง  สุตมยปัญญา  ปัญญาได้จากการฟัง สนใจฟัง  จดหัวข้อไว้ แล้วทบทวน  ทบทวนแล้วคลี่คลาย   แล้วจำไว้ให้ได้ หมั่นจด หมั่นจำ  หมั่นจำ  หมั่นจด  จึงได้งามงด  หมั่นจด หมั่นจำ  เป็นตำรา  นี่คือตัวปัญญา  ปัญญานี่  แค่ฟังอย่างเดียวไม่ได้  ต้องจินตามยปัญญา  ปัญญาที่ต้องคิดก่อน  มีสติคิดก่อน คิดริเริ่มดำเนินงานอย่ารอรีประการใด  นี่คือปัญญาทางคิด  แต่ปัญญาทางคิดก็สู้ปัญญาทางภาวนาไม่ได้  เพราะเหตุใด ปัญญาฟัง กับปัญญาคิด มันก็ดี  แต่ประโยชน์น้อยมาก ฟังแล้วไม่คิดประดิษฐ์สร้างสรรค์  จะมีปัญญาไหม คิดแล้วไม่ทำ  จะทำอย่างไร คิดแล้วไม่ทำ ไม่ได้ต้องใช้ตัวปัญญาที่สาม  คือ ภาวนามยปัญญา  ภาวนาให้มัน ผุด ขึ้นมาเกิดปัญญา  ปัญญาในตัวเกิดตรงภาวนานี่  อ่านหนังสือไม่ต้องมีตัวมันจะผุดมาบอกเรา จึงคิดหนอที่ลิ้นปี่นี่  มันจะบอกว่าคิดถูกแล้ว  คิดเร็ว  คิดถูก  ใช้ความคิดนี้มาทำได้เลย เรียกว่าปัญญาในตัวต้องทำตรงนี้  เรียกว่าภาวนามยปัญญา

                                               ข้อต่อไปสามารถกำจัดความชั่วออกจากตัวได้เพราะปัญญาภาวนา  ปัญญาทั้ง ๒ ข้างต้น คือปัญญาทางฟัง ทางคิด  ไม่สามารถกำจัดความชั่วออกจากตัวได้  เพราะปัญญาในตัวจึงจะกำจัดความชั่วออกจากตัวได้  เรียกว่าภาวนามยปัญญา  นี่เป็นหลัก

                                               พระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า ได้แก่อะไร  ได้แก่ภาวนา  ถ้าไม่ภาวนาแล้ว  จิตไม่ใส ไม่สะอาด   ไม่บริสุทธิ์  ถ้าจิตใจใสสะอาด จึงจะเกิดปัญญา  เรียกว่าตัวภาวนา  ทำใจให้สะอาดหมดจด  เหมือนทองคำ เรียกว่าความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า  ถ้าคนเรามีความบริสุทธิ์ทางความคิด   จะทำเกิดความจริงใจ  เป็นชายก็จริง หญิงก็แท้  เป็นคนแก่ที่น่าบูชา  นี่เป็นข้อหลักของพระพุทธศาสนา  ชัดเจน  บริสุทธิ์นี้เกิดจากการภาวนา  ทำให้จิตใจใสสะอาด  ทำให้เกิดการแก้ปัญหาได้คือเมตตา    เป็นคนที่จริง คือสัจจะ เมตตา สามัคคี มีวินัย เรียกว่าคุณพระศรีรัตนตรัย ขอเจริญพรอย่างนั้น

                                              

พิธีกร                   ท่านผู้ชมคะ เวลาของรายการ มีไม่มากนัก เนื่องจากเราจะต้องก้าวสู่ปีใหม่แล้ว  ในโอกาสนี้กราบขอพรจากหลวงพ่อ

 

หลวงพ่อ              พรปีใหม่ ขอเจริญพร ญาติพี่น้องชาวไทยทุกท่าน  ... แปลว่าความสุขแห่งความดี  ๒๕๔๓  สวัสดีปีใหม่ชาติไทยเจริญ  เดินก้าวหน้า 

                            . ขยันเอาการ

                            . งานสะอาด  

                            . ฉลาดรอบคอบ 

                            . ชอบระวัง 

                            . ตั้งใจตรง 

                            . ทรงศีลธรรม 

                            .  นำทางถูก 

                            . ปลูกสติ 

                            . ดำริชอบ  

                                               นี่พรปีใหม่  การกระทำใดๆ ที่ทำโดย ต่อเนื่องนี้ ของเล็กก็เป็นของใหญ่  บุญน้อย ก็เป็นบุญมาก  ทำดีไม่ได้ผล  เพราะทำดี  ลุ่มๆ ดอนๆ  ทำดีที่ได้ผลเพราะทำดีสม่ำเสมอ  ๑ ภายใต้ ดวงอาทิตย์นี้  ไม่มีการสูญเสียใดที่น่าเสียใจ เท่ากับการเสียเวลาเพียง ๑ วินาที  ก็เท่ากับสูญเสียส่วนหนึ่งของชีวิต  อายุที่เราได้นั้น คือ ชีวิตที่เราสูญเสียไป   ๒ ความกังวลใจ คือ ศัตรูของชีวิต  อดีตคือความฝัน  อนาคต คือความไม่แน่นอน ปัจจุบันเท่านั้นที่เราจะแก้ไขได้  ไม่มีใครสร้างความเดือดร้อนให้แก่เราได้   นอกจากตัวของเราเอง  การทำความดี มีได้ทุกโอกาส ความประมาททำให้พลาดจากความดี  ความดีให้ความอิ่มใจในเบื้องหลัง ให้ความสมหวังในเบื้องหน้า  ความชั่วให้ความขุ่นใจ ในเบื้องหลัง  ให้ความผิดหวังในเบื้องหน้า  จงพอใจในชีวิตของตัวเอง  โดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบชีวิตของผู้อื่น  สวัสดีปีใหม่  สัจจะ  เมตตา  สามัคคี มีวินัย ชาติไทยเจริญ วัฒนาสถาพร  ขอเจริญพร

 

พิธีกร                   ท่านผู้ชมคะ  อยู่กับปัจจุบัน  แล้วก็เลือกที่จะทำแต่ความดี อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน  แต่ถ้าปัจจุบันเป็นความดีแล้ว แน่นอนอนาคตต้องดีไปด้วย สวัสดีค่ะ