ทางไทยทีวีสีช่อง ๓
ออกอากาศ วันที่ ๒๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓
เรื่อง
๑. รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์
๒. ใบเตย ด.ญ.สุธาสินี อนรรฆมาศ
๓. หนูมายด์ ด.ญ.พีราภรณ์ เทพวิวัฒน์
ดร. ฉัตรสุมาลย์ สวัสดี คะ
ท่านผู้ชมรายการของเราชีวิตไม่สิ้นหวังเติมพลังคนรุ่นใหม่ มาพบกับท่านผู้ชม
ทุกเช้า เวลาโดยประมาณ ๖ โมง ครึ่ง
ของวันอาทิตย์
วันนี้เราจะมากราบหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคลหรือว่าหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ที่วัดอัมพวัน
เราจะมาคุยกันเรื่องหัวข้อธรรมะที่เป็นที่สนใจของ เราสามรุ่น นี่นะคะ ตั้งแต่น้องน้อย หนูมายด์
และก็น้องใบเตย
และรุ่นที่มากขึ้นมาหน่อย คือรุ่นของอาจารย์ เพื่อที่จะดูว่าธรรมะนั้นเป็นสิ่งที่ เข้ากับชนได้ทุกวัย ทุกอายุ วันนี้เราจะคุย กันถึงเรื่อง
บทบาทและหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน
ที่ดี
น้องมายด์ กราบนมัสการ
คะ หลวงปู่ ถ้าเกิดเด็กๆ ขนาดน้องมายด์ นี่นะคะ ควรเข้าวัดได้หรือยังคะ
หลวงพ่อ ก็ขอบอกกับพวกหนู ลูกหลาน หนูมายด์ เข้าได้ พอรู้เรื่องคนที่เข้าวัดได้มีอย่างนี้ คือคนที่รู้เรื่องเข้าใจ มีศรัทธา เข้าวัดเพื่อมาปฏิบัติธรรม หรือเข้ามาเพื่อบำเพ็ญประโยชน์
เข้าวัดเพื่อดูแบบอย่างก็สามารถทำได้ เข้าได้ รุ่นหนูนี้เข้าได้แน่นอน แต่มีปัญหาอยู่อย่างจะมาหรือไม่มา ก็เป็นที่คุณพ่อคุณแม่หนู เป็นคนพามา
คุณพ่อคุณแม่หนูไม่พามา หนูจะมาได้อย่างไร ตัวหนูขนาดนี้ พ่อแม่ต้องพามา ถึงหนูมีศรัทธาอยากจะเข้าวัด
ปานใด
ถ้าพ่อแม่ไม่พามาเข้าวัดหนูก็ไม่สามารถเข้าวัดได้ ฉะนั้นก็ขอฝากคุณหนูไปบอกเพื่อนนะ ถ้าพ่อแม่ไม่สนใจเรื่องวัด ลูกของเขาเหล่านั้นคงไม่ได้เข้าวัด เพราะไม่มีใครจะพามา
น้องมายด์ คนที่เป็นพุทธศาสนิกชน
นี่นะคะ จะต้องทำตัวอย่างไร คะ
หลวงพ่อ พุทธศาสนิกชน ต้องบำเพ็ญศีล ที่เป็นชาวพุทธ เนี่ย รับรองแล้ว แสดงตนเป็นอุบาสก อุบาสิกา หรือพุทธมามะกะ
นับถือพุทธ
ก็ต้องทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
น้องมายด์ ถ้าเกิดชาวพุทธ
ขนาดหนูเนี่ย
ต้องทำตัวอย่างไรบ้างคะ
หลวงพ่อ ต้องหัดไหว้พระสวดมนต์
ไปมาลาไหว้ก่อน ชาวพุทธแบบหนู
จะไปโรงเรียน ต้องไหว้พ่อแม่ ๓
หน แล้วก็ไปโรงเรียน เจอผู้เฒ่าผู้แก่
ผู้สูงอายุเลี่ยงทาง
ขอสมาโทษโปรดอภัยขอทางไป
เนี่ยขนาดหนูนี่นะต้องปากหวานตัวอ่อนมือเป็นหงอน ต้องอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ ถึงจะเป็นชาวพุทธได้
ไม่เถียงพ่อเถียงแม่
มั่นสวนมนต์ไหว้พระ ถ้าผู้ใดสวดมนต์ไหว้พระ สวดชินบัญชร
สวดพาหุงมหากา สวดถวายพระพร
ชัยมงคลได้
เรียนหนังสือเก่ง
พ่อแม่ไม่ต้องห่วง
ถ้าลูกสวดมนต์ได้
หนูใบเตย กราบนมัสการหลวงตาคะ วันนี้ใบเตยมีคำถามมากมายเลยค่ะ ที่จะมาถามหลวงตา สำหรับรุ่นของใบเตย สามารถจะทำความดีอะไรได้บ้าง
ทำได้อย่างไร คะ
หลวงพ่อ หนูถามนี่กว้างมาก ทำความดีได้อย่างไร ถ้าจะทำดีอะไรบ้าง ทำอะไรได้ บ้าง ความดีมันมีมาก ความดีหลายอย่างหลายประการ แต่วัยเรียนวัยรู้ เป็นวัยที่จะต้องศึกษาเล่าเรียน มั่นเพียร ขวนขวาย ต้องมีขันติธรรม
-
ความอดทน
เป็นสมบัติของนักต่อสู้
-
ความรู้เป็นสมบัติของนักปราชญ์
-
ความสามารถเป็นสมบัติของนักประกอบกิจ
-
ความมีระเบียบเป็นสมบัติของผู้ดี
ต้องเอาหลักนี้ไปใช้ และหลักที่สอง เรียนให้รู้ดูให้จำทำให้จริง ต้องท่องไว้เลย
ข้อสาม มั่นจดมั่นจำ มั่นจำมั่นจด จึงได้งามจึงได้งดคุณหนูจงได้จำเป็นตำรา ได้ดีแน่ ความดีมันมีมากเหลือเกิน
ก็ขอฝากคุณหนูไว้เลย
รุ่นคุณหนูนี้นะ
ต้องสร้างมหานิยมให้มากที่สุด
คืออะไร มหานิยมอยู่ที่ไหน อยู่ที่วิชาความรู้ มหานิยมอยู่ที่ไหน
อยู่ที่เรียนหนังสือเก่ง เร่งก้าวหน้า กล้าประหยัด ไม่ขัดพวกพรรค รักษาความสะอาด ฉลาดรอบคอบ ชอบระวัง ตั้งใจตรง ทรงศีลธรรม นำทางถูก
ปลูกสิติ ดำหริชอบ
วิชาความรู้สำคัญมาก
เป็นมหานิยม
ถ้าคุณหนูไม่สนใจเรียนเลย
ไม่สนใจสวดมนต์ไหว้พระ
ไม่สนใจอ่อนน้อมถ่อมตน ปากหวานตัวอ่อนมือเป็นหงอน วิชาไม่รู้ ไม่ตั้งใจเรียนอะไรเลย
มั่วแต่เที่ยวเตร่ เสสรวล
เฮฮา ดังที่กล่าวแล้ว
ใครจะนิยมไหม ที่หนูตั้งใจเรียนเก่ง
เร่งก้าวหน้า
ตั้งใจเล่าเรียนหาวิชาความรู้ใส่ตัวแล้ว นั้นย่อมเป็นมหานิยม
๒ ประการ มีความรู้ต้องคู่กับความดี จะได้มีปัญญา จะไดแก้ปัญหาได้ เพราะฉะนั้นขอย้อนถามหนู มหานิยมอยู่ที่ไหน
หนูใบเตย มหานิยมอยู่ที่ ความรู้
หลวงพ่อ ตั้งใจเรียน สนใจเรียน หาวิชาความรู้ใส่ตน
มีคนนิยมชมชอบ
และหนูต้องหาเสน่ห์ด้วย
กำลังเป็นรุ่น ๆ รุ่นเรียน
รุ่นรู้ รุ่นครูตัวเอง
และเป็นผู้นำตัวเอง สอนตัวเองอย่างนี้จึงจะถูกต้อง โดยมีคุณธรรมเป็นเสน่ห์ ๑
ช่วยตัวเองได้ ๒ ต้องพึงตัวเองให้ได้ ๓ ต้องสอนตัวเองได้ หนูอยากดีเด่น ต้องช่วยสังคมได้ ช่วยส่วนรวมได้ ช่วยโรงเรียนได้ ช่วยครูบาอาจารย์ได้ และสิ่งไหนเป็นส่วนรวม ก็น่าจะช่วย เนี่ยตรงนี้ หนูจำไว้เลย มหานิยมรุ่นหนูนี่ คือ ขยันมั่นเพียรเรียนหนังสือ เรียนให้รู้ดูให้จำทำให้จริง จะได้เอกไปบอกเพื่อนฝูงด้วยนะ ความรู้จะได้ไปช่วยงาน ฐานะหนูจะดี หนูจะมีปัญญา
จะได้เป็น ดอกเตอร์
ในวันหน้า
ต่อไปวิชาความรู้มีทรัพย์
มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นักแสน
ตกถิ่นฐานคงไม่แคลน
ถึงคับแค้น ก็พยายามประทังตน
มีจรรยามารยาท
องค์อาจเถิดประเสริฐผล
ถ้าขาดวิชาความรู้แล้ว
รุ่นหนู นี่ อย่างเช่น
นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้
บินไปไหนไม่ได้ จำไว้เลย จึงจะบินไปได้ตามความสามารถ ตามสมควร สร้าง รุ่นหนูต้องสร้างอย่างนี้ อย่าไปสร้างอย่างอื่น ย่าไปเที่ยว ณ หนูนะ
มั่นสวดมนต์ไหว้พระ
แล้วก็ทำบุญตักบาตร
หนูจะเป็นคนดีในสังคม
มีทั้งความรู้คู่กับ ความดี มีทั้งเสน่ห์มหานิยม เสน่ห์ก็มีคะ ณ ธรนะ อยู่ในจิตใจของหนูอดทนต่อสู้ พากเพียร เรียกหนังสือต่อไป
และอย่าตามใจตัวไม่ได้
รุ่นนี้อย่าตามใจตัว
จะเสียคน ขอฝากไว้เลย
นะ หนูตามใจตัวน่าเกลียด
หนูไปเจอรุ่นเดียวกันตามใจตัวน่าเกลียด ผู้ชายน่ากลัวเพราะไม่รู้จักเกรงใจคน อย่าสนใจซะ อันธพาล ขอฝากคุณหนูไว้ ณ
บัดนี้ ขอเจริญพร
หนูใบเตย เพื่อนๆ คะ อย่าลืมนะคะ ตามที่หลวงตาได้บอกกับเพื่อนๆ เอาไว้ ว่ารุ่นเราต้องใฝ่รู้
ใฝ่เรียน
และต้องเรียนหนังสือ
ให้มากๆ นะคะ
ดร.ฉัตรสุมาลย์ ท่านผู้ชมคะ หลวงพ่อท่านได้เขียนหนังสือ เล่มนี้คะ
พุทโธโลยี
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
วันนี้จะมาขอกราบหลวงพ่อนะคะ ว่า พุทโธโลยี หลวงพ่อหมายความว่าอย่างไร แล้วเราจะนำพุทโธโลยี มาใช้ในชีวิตประจำวัน
ของเราได้อย่างไรบ้าง
หลวงพ่อ ขอเจริญพร ไม่มีใครพูดถึงเรื่องพุทโธโลยี
แต่ประการใด
เข้าใจว่าเป็นของใหม่
ข้อเท็จจริงเป็นของเก่า ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าเรียนพุทโธโลยี อันนี้ ตามหลักพระพุทธศาสนาเรียกว่า แก้ปัญหาชีวิต แก้ปัญหาทุกข์ แก้ปัญหาทุกวิถีทาง จะเป็นปัญหาอะไรก็ตาม
ควรจะสรุปว่าเป็นพุทโธโลยี
ต้องเรียกว่าพุทโธโลยีด้วย
ก็จะขออธิบายว่า พุทโธ
แปลว่า ตื่น ไม่ประมาท ถ้าใครตื่นอยู่เสมอ จะไม่ประมาทแสงสว่างเกิดขึ้น จะไม่มีปัญหาเลย ไม่มีพุทโธ โลยี แปลว่าอะไร สิ่งที่มีประโยชน์ ในปัจจุบัน เรียกว่า
โลยี แก้ปัญหาชีวิต
เรียกว่าพุทโธโลยี คู่กับอะไรหรือ คู่กับ เทคโนโลยี
คำว่าเทคโนโลยีถ้าตอบตามหลักพระพุทธศาสนา เรียกว่า คันถะธุระ การเรียนวิชาการภาคทฤษฎี วิปัสสนาธุระ ก็เรียกว่า พุทโธโลยี
แก้ปัญหาชีวิต เลยสรุปให้มันสั้น ให้มันทันสมัยยุคใหม่สมัยนี้ เท่าที่เขาศึกษากันมามาก อะไรก็เทคโนโลยี อะไรก็โลกาภิวัฒน์ โลกเจริญ แต่จิตใจมันเสื่อม ความรู้อย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ มันเป็นเทคโนโลยี ไป แต่จะแก้ปัญหาได้ ต้องเอาเทคโนโลยี
เอามาประยุคเป็นข้อปฏิบัติ
ตามวิชาการ
และปฏิบัติการตามหนทางมรรคมันคา จะเปรียบเทียบอันหนึ่ง เทคโนโลยี
เหมือนแผนที่
เทคโนโลยีเหมือนมรรคมันคา แต่เราไม่เดินตามถนน
เราไม่เดินตามแผนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างไร จึงต้องมีพุทโธโลยี แปลว่าภาคปฏิบัติ การ หรือเรียกว่า
พฤตินัย ยกตัวอย่างให้เห็น ขันติ ความอดทน แต่มาพูดว่าขันติความอดทน แต่ไม่รู้อดทนอย่างไร แต่เวลาถึงหนักไม่เอา เบาไม่สู้ ไหนเลยจะอดทนได้
แล้วจะเรียกว่าพุทโธโลยี ได้อย่างไร
ฉะนั้นโลกเจริญเราต้องเดินไปตาม
สรุป ให้เข้าใจ
มีความรู้ต้องคู่กับความดี
ความรู้ดี แต่ความดีหามีไม่ เหมือนมีบ้านสวยไม่มีบันไดขึ้น บันไดต้องช่วยให้ขึ้นบ้านสวยได้ เหมือนเราต้องมีเครื่องช่วย
ดร.ฉัตรสุมาลย์ ความรู้อื่น
ๆ หรือเทคโนโลยี
อะไรที่มันลงท้ายด้วย โลยีๆ มันแปลว่าวิทยา
ความรู้สิ่งอื่นอันนอกเหนือจากตัวเรา แต่พุทโธโลยี คือ ความรู้ที่ว่าด้วยความตื่นแห่งตน ทีนี้ หลวงพ่อจะอธิบายให้เราฟัง
ว่าทำอย่างไรเราจึงจะมีความรู้
จะตื่นในตัวตน
หลวงพ่อ คนเราที่จะตื่นได้ ต้องรู้แจ้งเห็นจริง ต้องรู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ชัดเจน หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะพูดให้สั้น จะไม่พูดถึงวิปัสสนา หรือสมถะ กัมมัฏฐาน
แต่ประการใด จะพูด
ข้อเดียว คือหลัก ไตรสิกขา ๓ คือ
ศีล สมาธิ ปัญญา นี่แก้ปัญหาได้แน่นอน
แต่ทำไมไม่สนใจทำ แล้วศีล
สมาธิ ปัญญา สรุป เหลือ ๒ ได้แก่ สติ
สัมปชัญญะ สติสัมปชัญญะ
สรุปเหลือ ๑ คือความไม่ประมาท เป็นพุทโธโลยี สติสัมปชัญญะ
คืออะไร เสียงหนอ เสียงเข้ามาทางหู ตั้งสติไว้ ควบคุมไว้
นี่พุทโธโลยีชัดๆ
เขาด่า
เขาว่าอย่างไรก็ตาม
มีสติสัมปชัญญะอย่างเดียว
เสียงนั้นจะกลับไปหาเขาเอง
อย่าไปอัดเสียงมา
เรียกว่าพุทโธโลยี
แก่นแท้ที่ภาคปฏิบัติ
แก้ปัญหาได้แน่ เขาด่าเขาว่า
เขาจะนินทา สรรเสริญ
อย่างไรก็ตาม ไม่สนใจ
เพราะเสียงกับหูเป็นคนละอัน
อย่าเอามาบวกกัน เพราะถ้าเราเอาผสมกันกันแล้ว จะไปทะเลาะกับเขา ต้องแบ่งแยกออกไป
ดร.ฉัตรสุมาลย์ แต่ขบวนการมันเร็ว
เหลือเกินหลวงพ่อ พอมีเสียงปับ
แล้วด่า แล้วโกรธไปแล้ว
หลวงพ่อ โกรธไปแล้ว กำหนดรู้หนอ ถ้าหากเขาด่าปับ มันไม่ทันโกรธแล้ว เรากำหนดโกรธที่ไหน รู้ไหม ที่ลิ้นปี่
หายใจยาวๆ คนหายใจสั้น
นี่มันโกรธ ถ้าหายใจยาวๆ โกรธจะลดน้อยทัน ที แล้วจากคนใจร้อน จะเป็นคนใจเย็น นี่แก้ปัญหาได้ปัจจุบัน ตาก็เช่นเดียวกัน เห็นหนอ ขอเจริญพร อย่าไปเห็นกิเลสเขา ต้องตั้งสติสัมปชัญญะ นี่พุทโธโลยี ถ้าเราไม่ขาดสติจะไปเห็นกิเลสเขา เกิดไปรักเขา
เกิดมีกามคุณ เกิดไปชอบเขาใช้ไม่ได้
ต้องเห็นด้วยปัญญา ฟังด้วยปัญญา ถ้าเห็นด้วยปัญญาแล้วจะไม่มีปัญหาเลย จะมองคนในแง่ดีหมด ถ้าเห็นด้วยกิเลสจะมองคนในแง่ร้าย แน่นอน ถ้ามองด้วยกิเลสจะเห็นกิเลส จะรักเขาด้วยกามคุณ หรือจะเกลียดเขาด้วยเห็นไม่เข้าใจ เกิดขึ้นแก่ตัวเรา เพราะเราไร้ปัญญา ถ้าเรามีปัญญาดีแล้ว จะเห็นคนดีหมด ถ้าเราเป็นคนไม่ดี ขาดสติปัญญา ขาดพุทโธโลยี
จะมองคนในแง่ร้ายหมด
ตรงนี้เรื่องสำคัญมาก
แล้วก็เป็นทุกข์
ขอเจริญพรอย่างนี้สั้นๆ ปฏิบัติตรงนี้
ดร.ฉัตรสุมาลย์ ท่านผู้ชมคะ วันนี้เสียงกับหู เป็นคนละอันกัน ถ้าเราแยกตรงนี้ ได้เมื่อไร จิตของเราจะตื่น นี่คือการใช้พุทโธโลยี ในชีวิตจริงๆ ของเรา ทำตัวเราเองให้ตื่น ทำตัวเราเองให้เท่าทัน กับอารมณ์
ที่เข้ามากระทบจิตของเรา นะคะ
เสียงกับหูคนละอันกันนะคะ