ทางไทยทีวีสีช่อง ๓
ความเชื่อ : ศรัทธา หรือ งมงาย
๑. รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์
๒. พี่เดียร์ นางสาว ธรธิรา กุลชล
๓. ใบเตย ด.ญ.สุธาสินี อนรรฆมาศ
๔. หนูมายด์ ด.ญ.พีราภรณ์ เทพวิวัฒน์
น้องมายด์ ต่อไปก็ไปฟังหลวงปู่จรัญ พระราชสุทธิญาณมงคล เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ได้เลย
หนูใบเตย วันนี้เป็นเรื่องแรงศรัทธา
ทำให้เกิดความเชื่อ
หรือเรื่องงมงายกันคะ
น้องมายด์ กราบนมัสการหลวงปู่ หลวงปู่ขาเด็กๆ ส่วนใหญ่ที่เข้ามาที่วัด
ควรจะเชื่อ หรือศรัทธาเรื่องใด คะ
หลวงพ่อ เด็กๆ เข้ามาในวัด
จะตอบให้คุณหนูเข้าใจสั้นๆ ต้องปลูกฝังตั้งศรัทธาให้เชื่อมั่น ต่อคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพระศรีรัตนตรัยยึดมั่นในตัวเอง ให้มั่นคง ด้วยศรัทธาและความเชื่อของตัวเอง พระรัตนตรัยคืออะไร
คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต้องเชื่อมั่นตรงนี้ก่อน และต้องเชื่อมั่นเอาพระรัตนตรัย รัตนะแปลว่าแก้วสามประการ รัตนะแปลว่าแก้ว ไตรแปลว่า สาม มีพระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์ ต้องเชื่อมั่นตรงนี้ก่อน ถ้าใครไปเข้าวัดวาอาราม จะเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องนี้ เข้าวัดไม่เกิดประโยชน์เลยนะคะ เพราะเข้าวัดไปเจอวัตถุ มีโบสถ์ มีศาลา มีกุฏิ ทั้งนั้น แต่หารู้ไม่ว่าวัดคืออะไร วัดตัว วัดกาย
วัดวาจา วัดใจ ข้อต่อไป พระพุทธเจ้าคือ ใคร ต้องรู้จักคำว่า พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าคือผู้ที่เสียสละ สอนประชาชนให้พ้นทุกข์
คือพระพุทธเจ้าท่านมีปัญญาในตัว
เรียกว่าคุณค่าของพระพุทธเจัามีอยู่ ๓ ประการ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ
น้องมายด์ หลวงปู่ขา ถ้าเกิดเรานี่นะคะ เชื่อและศรัทธาสิ่งใดมากๆ นะคะ จะทำให้เกิดความงมงานหรือเปล่าคะ
หลวงพ่อ เชื่อต้องมีเหตุผล เชื่อโดยงมงายเยอะแยะ ไปเชื่อ บนกับผี ตีกับพระ ใช้ได้เหรอ ไม่ได้เชื่องมงาย
เชื่อต้องมีเหตุผล
เชื่อคุณพระศรีรัตนตรัย
อย่างนี้จึงจะมีเหตุผล
เชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง อย่างประเสริฐ เป็นของจริงอย่างประเสริฐ และเราเอาของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ เนี่ยของจริง คนที่งมงาย เชื่อไม่มีเหตุผล
เชื่อของไม่จริง เชื่อของที่หลอกลวง ใครบอกอะไรก็เชื่อ ไม่มีเหตุผล งมงาย เชื่อง่าย
จึงสอนยาก เชื่อยาก จึงสอนง่าย
หนูใบเตย กราบนมัสการคะหลวงตา วันนี้ใบเตยมีข้อสงสัยเหลือเกินว่า การบนบานศาลกล่าว
ในสิ่งที่ตนเองขอเนี่ย
เป็นความเชื่อหรือเรื่องงมงานกันคะ
หลวงปู่ ดีมาก หนู มาถามหลวงตาวันนี้ ว่าบนบานศาลกล่าว บนกับผี ตีกับพระ
เป็นความจริงหรือไม่
แล้วงมงานหรือเปล่า
จะเล่าเป็น ๒ ประเด็น
ประเด็นแรก
คนหาที่พึ่งไม่ได้
จะไปว่าเขาก็ไม่ได้
เมื่อสมัยพระพุทธกาลนานมาแล้วนั้น
ก็ขอพูดให้ฟัง
ว่าพระพุทธเจ้ายังไม่ตรัสรู้
คนก็ไปหาผี เจ้าเข้าทรง ก็ยังมีความดีอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ยังไม่พบความจริง แล้ว นุชนาถสุชาดา เอาข้าวมธุปายาส ไปบนกับเทวดา ถวายเทวดาทุกครั้ง เพื่อขอศีลขอพร ให้เทวดาให้พรและช่วยเหลือ มีมาก่อนพุทธกาลแล้ว แต่ยังไม่ทราบความจริง บางคนก็หาที่พึ่งทางใจไม่ได้ มันทุกข์ใจเหลือเกิน ก็ไปหาหมอดูบ้าง ไปบนบาน ศาลกล่าวบ้าง ไปเจอศาลเจ้าพ่อ ก็บนขอให้สอบได้ที่หนึ่ง ขอให้สอบไล่ได้
บางคนก็เข้ามาในประเทศไทยเยอะแยะ
ไปบนอะไรรู้ไหม
ที่กรุงเทพฯ
นี่เขาบนอะไรกัน ศาลพระพรหม
ไงละ พระพรหมก็มีคนมาไหว้ ข้อเท็จจริง ได้อยู่ข้อเดียว
คือ กำลังใจ คิดว่า
มั่นใจว่า พระพรหมช่วยเราได้แน่
นอน คิดว่าอย่างนั้น
แต่โดยวิธีปฏิบัติแล้วช่วยไม่ได้หรอก ถ้าเราจะบนว่าขอให้สอบได้ที่หนึ่ง ขอให้เอ็นทรานซ์
แต่เราก็ไปเที่ยวไม่ได้ดูหนังสือเลย
ขี้เกียจที่สุด
ไหนเลยพระพรหมจะช่วยได้ ใครจะช่วยเราได้ นอกเหนือจากตัวเราเอง นะคุณหนู ถึงจะช่วยตัวเองได้ โดยวิธีปฏิบัติแล้วคนยุคใหม่สมัยนี้ ขอเจริญพรให้คุณหนูทราบ จริงไม่ชอบ ไปชอบทีไม่จริง
ไอ้ได้ไม่ ไปเอาไม่ได้ ส่วนไม่ได้เอาไว้ก่อน ส่วนได้เอาก่อนได้ไหม เพราะฉะนั้น การบนบานศาลกล่าว ขอสรุป ไม่สามารถจะช่วยตัวเองได้ ถ้าเราไปบนแล้วไปไม่ต้องไปดูหนังเสือ
แต่ข้อเท็จจริง คือตัวเรานั่นเอง
ต้องช่วยตัวเองให้ได
อยากจะเรียนให้ถึง
ดอกเตอร์
ต้องพยายามดูหนังสือ
อย่างนอนตื่นสาย อย่างหน่ายหากิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าไปนั่งคอยวาสนา นอนนานก็งานน้อย กินบ่อย เงินหมด มีเงินหน้าสด หมดเงินหน้า แห้ง ไร้น้ำใจ เพราะฉะนั้นสรุปใจความให้เห็นชัด ของนั้นก็ไม่สมควร
จะว่างมงาย
ก็ไม่ใช่แล้ว
แต่มันไม่เป็นการถูกต้อง
หนูใบเตย กราบขอพระคุณหลวงตามากคะ
ที่ได้ให้ข้อแนะนำเกี่ยวกับความเชื่อ
แตกต่างอย่างไร กับความงมงานนะคะ
และสำหรับเพื่อนๆ อย่างลืม
นะคะ ว่าพึงตนเองประการดีที่สุด
พี่เดียร์ กราบนมัสการคะ
หลวงตา พูดถึงความเชื่อและความงมงาย
นะคะ เดียร์อยากจะถามว่า คนเราเนี่ย เวลาท้อถอย ท้อแท้ นะคะ
ก็ไปตามวัดต่างๆ
ไปหาพระให้ช่วยสะเดาะเคราะห์
บ้าง ไปรดน้ำมนต์บ้าง หรือบางทีก็ไปต่อดวงชะตาชีวิต เพราะเชื่อว่าจะทำให้ตนเองมีอายุยืนยาวไปได้อีก ไม่ทราบว่า ทำแบบนี้มีผลจริงเท็จ แค่ใด
คะหลวงตา
หลวงพ่อ เจริญพร
หนู ถามดี มีประโยชน์มาก คนเราส่วนมากเป็นเช่นนั้น เขาไม่มีที่พึ่งทางใจ
ก็ไปหาพระสงฆ์ องค์เจ้ามั่งไปหาหมอดู บ้าง
ต่อดวงชะตาบ้าง
ก็คิดว่าทำได้ ไปต่อได้ ไม่ได้เลยหนู และก็จิตหดหู่ท้อถอย พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น สอนให้สร้างกำลังใจ กำลังกายให้เข้มแข็ง กำลังใจให้อดทน ต่อสู้อย่าท้อถอย สร้างกำลังจิตของเราให้มั่นคง ถาวรอดทนต่อสู้ต่อไป
เพราะฉะนั้นมีภาษิตอันหนึ่งของพระพุทธเจ้า
อดทนเป็นสมบัติของ นักต่อสู้
ความรู้เป็นสมบัติของนักปราชญ์
ความสามารถเป็นสมบัติของนักประกอบกิจ ความมีระเบียบทุกชนิดเป็นสมบัติของผู้ดี ต้องอดทนอย่าท้อถอย ต้องปลูกฝังตั้งศรัทธาให้เชื่อมั่น ในตัวเองเสมอ ถ้าหากท้อถอยหดหู่เหี่ยวแห้ แล้งน้ำใจใครเขาจะช่วยเราได้ ไปให้พระต่อดวงชะตาก็เป็นไปไม่ได้ ไปให้สะเดาะเคราะห์
ให้หมดเคราะห์
ก็เป็นไปไม่ได้
คนที่สะเดาะเคราะห์ก็คือตัวเราเอง
อะไรละคุณหนูจะรู้เท่าตัวเราเอง
ว่าเราดีหรือชั่ว เรามันท้อถอยตรงไหนเราจะได้แก้ตรงนั้น เข้าใจไหมหนู ขาดต้องเติม
เกินต้องตัด เพื่อประหยัดเวลาด้วย
ถ้าหากเกิดท้อถอยต้องตั้งมั่น
ด้วยศรัทธา
ด้วยความเชื่อ ด้วยใช้พละ ๕
ประการ คือ
๑. ตั้งความเชื่อปลุกให้มั่นคงขึ้นมา ปลุกตัวเองให้ตื่น เสกตัวเองให้เป็นงาน คือ
ตัวเองต้องช่วยตัวเอง อัตตาหิ
อัตโนนาโถ ด้วยศรัทธา ด้วยพละ ๕ ประการ มีวิริยะ มีศรัทธา และ
ต้องมีวิริยะ แปลว่าอุตสาหะ
ดำเนินงานอย่าทิ้งงานในหน้าที่
ต้องมีสมาธิจับงานอย่างทิ้งงาน
ขยันตรงนั้น และตั้งสติไว้
ระลึกอยู่เสมอ
ว่าอย่าให้งานเสีย
งานเดินเงินตาม ประการที่ ๕
คือ อะไร ตัวปัญญา
สร้างขึ้นมาจะเป็นคนไม่ท้อถอย
จะเป็นคนไม่อ่อนปลวกเปียก แต่ประการใด ถ้าหนูหมดกำลังใจแล้ว เหมือน หม้อแบตเตอรี่หมดไฟ
ไม่ต้องทำอะไร
ท้อถอยงานก็ไม่สำเร็จ
ทั้งทางโลกทางธรรม
หมดโอกาสที่จะดีได้
ต้องต่อสู้ต่อไป อย่างนี้ถึงจะถูกต้อง สะเดาะเคราะห์เสริมดวง ตามหลักพระพุทธศาสนาไม่ได้บอก
ให้สร้างตัวเองถ้ารู้ว่าเคราะห์ไม่ดี รู้อย่างไรว่าเคราะห์ไม่ดี เพราะเราเศร้าหมองใจเสมอ ใจไม่สบาย ทำใจให้เป็นปรกติ บำเพ็ญศีล ซะ
ศีลแปลว่า ปรกติ มีสติสัมปชัญญะ
ยึดมั่นอยู่ในงานและหน้าที่คือสมาธิ
แก้ไขด้วยปัญญาของตัวเราเอง
เพราะตัวเองมีปัญญาในตัวแล้ว
ทำไมไปใช้ปัญญานอกตัว
แล้วก็ไปหลงงมงาย
ไปเชื่อที่โน่น
ไปเชื่อที่นี่
ที่ไหนสะเดาะเคราะห์ได้ที่นี่สะเดาะเคราะห์ได้
ไม่อย่างนั้นคนเราไม่ต้องสร้างความดี
สะเดาะกันใหม่
รู้สึกว่าตัวเองเคราะห์หามยามร้าย
เราก็สร้างความดีเพิ่มขึ้น
ไปชาร์ทไฟเข้าหม้อแบตเตอรี่ เจริญกรรมฐาน เจริญสมาธิภาวนา ให้จิตใจมั่นคงตลอดไป เราจะได้มีชีวิตที่เข้มแข็ง จะได้ต่อสู้กับงานต่อไป อดทนต่อไปจึงจะถูกต้อง อย่างนั้นไม่ถูกเลย
เดี๋ยวนี้มีกันเยอะพากันไปเป็นรถบัสเลยไปสะเดาะเคราะห์ ไปให้พระรดน้ำมนต์บ้าง
เป่าหัวบ้าง
เชื่อไหมเราเคยเป่าหัวเราเคยโง่มาแล้ว เดี๋ยวนี้ไม่โง่แล้วแน่นอน
พี่เดียร์ บางคนนะคะหลวงตาไปสะเดาะเคราะห์แล้ว กลับมาก็ยังคงขับรถเร็วอยู่อีก ก็ไม่ได้ต่อชีวิตเลยนะ คะ
หลวงพ่อ จำไว้เลยสะเดาะเคราะห์อะไร กัน เคราะห์หามยามร้ายไปสวมเคราะห์
ไม่ได้ไปสะเดาะเคราะห์
คนเคราะห์ร้ายคืออะไร
คือคนขาดสติ
คนมีสติดีเขาไม่เคราะห์ร้ายหรอก เขาขับรถก็พยายามอย่าประมาท ขับรถอย่าไว อย่าเร็ว ใจเร็วด่วนได้
ช้าก็ช้า จะได้พร้าสองเล่มงาม
ช้าเพื่อไวเสียเพื่อได้
ต้องมีสติสัมปชัญญะ
ต้องช่วยตัวเองตลอด
ต้องอย่าเชื่องมงาย
เดี๋ยวนี้พากันแห่กันไป พอได้ข่าวว่าที่ไหนเขาสะเดาะเคราะห์ได้
ก็พากันแห่กันไป รดน้ำมนต์บ้าง สะเดาะเคราะห์บ้าง แต่ตามหลักพระพุทธเจ้าแล้วไม่ใช่ ไม่ได้สอนเลยแต่ทำไมถึงได้ไปทำกันตามวัดวาอาราม ไปเสริมดวง ดวงไม่ดีไปเสริมให้ดวงดี ไม่จริง จำไว้ ชีวิตคือความสับสน สายชีวิตคือสายคด
สายคดคือสายชีวิต
ชีวิตคดขึ้นๆ ลง ๆ
คือสวรรค์ลิขิต
เราขีดตัวให้ต่ำเอง เหมือนพระอาทิตย์พระจันทร์ พลัดกันลงพลัดกันขึ้น เดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวก็วัน ชีวิตคนคือสับสน
ดังนั้นจะไปสับสนต่ออีกหรือ
จะไปให้เขาหลอกอีกเหรอ
ขอเจริญพรอย่างนี้
สงสัยอะไรถามต่อไป
พี่เดียร์ เดียร์
คงหมดข้อสงสัยแล้ว ละคะ
ระหว่างความเชื่อและความงมงายนะคะ
เพราะได้รับความกระจ่างแจ้งจากหลวงตาแล้ว
และให้ทราบอย่างเข้าใจถ่องแท้แล้ว
กราบขอบพระคุณหลวงตานะคะ
ท่านผู้ชมคะ
ความเชื่อและความงมงายนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครเลย ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองและความอดทนคะ ตัวเรานั้นเป็นสำคัญ
ดร.ฉัตรสุมาลย์ ท่านผู้ชมคะ
วันนี้เราพูดถึงเรื่องความเชื่อ
ความศรัทธาความงมงาย
เมื่อประมาณ ๒๐ ปี ที่ผ่านมา
มีฝรั่งคนหนึ่งมาเมืองไทย แล้วก็กลับไปเขียนหนังสือ
ว่าจริงๆ แล้ว ที่เรียกว่า พุทธศาสนาแบบไทยนั้น ไม่ใช่พุทธศาสนาเลย เป็นความเชื่อเรื่องผี
เป็นความเชื่อถือเรื่องความงมงานเสียมากมาย คนไทยช่วงนั้น ไม่พอใจอย่างมากเลย แต่ปัจจุบันนี้ ในเชิงวิชาการเรายอมรับกันว่า สิ่งที่เรียกว่า พุทธศาสนาในประเทศไทย ที่คนไทยนับถือนั้น
มีความเป็นพุทธน้อยเหลือเกิน
แต่มีความเชื่อพื้นบ้าน
ความเชื่อไสยศาสตร์อยู่ ซะมากมาย
วันนี้ในฐานะ
ที่เราโชคดีเหลือเกินที่เราได้มายังวัดอัมพวัน กราบนมัสการ
หลวงพ่อคะ
ถามว่า เราจะมีมาตรการอย่างไร
ในการตัดสินว่า เวลาที่เราเข้าวัด ที่พระองค์นี้สอน
เป็นสิ่งที่เชื่อได้หรือเชื่อไม่ได้
เรามีมาตรการอย่างไร คะ
หลวงพ่อ ขอเจริญพร
ดีมาก ยกตัวอย่างให้เห็น
สมมุติว่า ทุกวัดสอนธรรมะ เขาก็มีโรงเรียนบาลีกัน และก็สอนปฏิบัติกัน
มากมายหลากหลายกันด้วยความดีทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่จะปะปนที่ไม่ดี สอนดีทั้งหมด
เท่าที่สังเกตมา
วัดห้าหมื่นวัดก็สอนดีทั้งนั้น
แต่โดยวิธีดำเนินการสอน
แตกต่างกันมากเหลือเกิน
สอนอย่างหนึ่ง
และบางแห่งก็ว่ากันด้วย
เท่าที่อาตมาได้ยินมา วัดนี้ว่าวัดโน้น วัดโน้นสอนไม่ดี ก็ว่ากันไป แต่การที่จะตัดสินใจนั้น ไม่ยาก ดูพระคุณเจ้าที่สอนนั้น มีหลักสอนอยู่สามประการ ปริยัติศาสนา ปฏิบัติศาสนา
ปฏิเวธศาสนา
ปริยัติศาสนาคือ
อะไร เรียนวิชา ภาคทฤษฎี คือ
คันถะธุระ
ปฏิบัติศาสนา ก็คือเรียนวิปัสสนาธุระ ธุระหน้าที่ของพุทธศาสนามี ๒ ธุระ
ปฏิเวธธรรม ปฏิเวธศาสนา คืออานิสงส์
แต่การสอนนี่เหมือนกันไม่ได้ตามหลักนโยบาย แต่จุดมุ่งหมายเดียวกัน จุดมุ่งหมายไป มนุษย์สมบัติ
สวรรค์สมบัติ
นิพพานสมบัติ
เหมือนกันทั่วไป
แต่นโยบายบางองค์ ยกตัวอย่าง
บางทีพระบวช
ไม่ทันศึกษาเล่าเรียน
ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนที่ไหนเลย
เข้าถ้ำเข้าเหวไปเดินธุดงค์
อยู่ปริวาสกรรม แล้วมาตั้งตัวเป็นอาจารย์สอน สอนผิดๆ ก็มีมากหลายหลายในประเทศไทย ไปเรียนถามท่าน ท่านได้นักธรรมเอกไหม เปล่า ไม่ได้เลย
แล้วออกป่าออกโรงไปหาพระอาจารย์
ในดงในป่า
แล้วก็ไปนั่งกรรมฐาน
แล้วมาสอนผิดๆ ถูก ๆ
สอนให้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
สอนให้รู้จักอย่างโน้นอย่างนี้
แต่มันก็ไม่ได้ถูกต้องเพราะท่านไม่ได้นักธรรมเลย มีอีกอย่างบางองค์ก็ได้นักธรรมแล้ว ได้เป็นมหาเปรียญแล้วด้วย แต่ท่านไม่ได้ปฏิบัติ
ไม่เคยปฏิบัติกรรมฐานมาแต่กาลก่อน
ท่านก็สอนในรูปแบบของวิชาการ
แล้วสอนให้เขาปฏิบัติกัน
บางทีผิดถูก ท่านก็รู้ในหลักสูตรของปริยัติธรรม แต่โดยวิธีปฏิบัติท่านอาจไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นการสอนจึงเหมือนกันไม่ได้ ถ้าหากเอาปริยัติก่อน ปริยัติศาสนาต้องเรียนก่อน
มีความรู้มีความเข้าใจสันทัดในวิชาการ
แล้วไปปฏิบัติการด้วย
ปฏิบัติกรรมฐานเรียกว่าปฏิบัติศาสนา
ได้จัดเจนและชัดเจน
แล้วจะเกิดปฏิเวธ
มีเหตุผล สอนนั้น จะต้องถูกต้องแน่ แต่บางแห่งเสียใจด้วย
มีเจ้าคณะอำเภออยู่วัดหนึ่งแต่อย่าออกชื่อ ฝรั่งมาบวช
ฝรั่งบวชแล้วก็อยากจะเจริญกรรมฐาน
ท่านสอนไม่ได้
จะให้ฝรั่งเรียนบาลี ก่อน ฝรั่งบอกเรียนแล้ว เขาอยู่ต่างประเทศ เป็นชาวอเมริกัน เขามาทางมาเลเซีย เขาบอกเสียใจ ที่ตั้งใจมาบวชที่ประเทศไทย ต้องการมาเรียนพระกรรมฐาน ต้องการจะเรียนภาคปฏิบัติเท่านั้น เพราะ
ภาคทฤษฎีวิชาการเขาเรียนมาแล้ว
จบแล้วเป็นดอกเตอร์ด้วย
แต่แล้วเสียใจ
พระสงฆ์องค์นั้น เป็นเจ้าคณะอำเภอด้วย เป็นเปรียญ ๗ ประโยค แต่สอนไม่ได้ อับอายขายหน้าฝรั่งมาก
เพราะฉะนั้นขอเจริญพร ให้ได้ทราบ ว่าสอนไม่เหมือนกัน และผิดถูกไม่เหมือนกัน
เพราะบางทีเรียนปริยัติเก่งแต่ไม่ปฏิบัติ เรียนปฏิบัติแต่ไม่เรียนปริยัติ สอนผิดอีก
ดร.ฉัตรสุมาลย์ สมมุติว่าลูกเป็นชาวบ้าน
ไม่ได้รู้ธรรมะลึกซึ้งนัก
ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าพระองค์นี้
เอ๊ะสอนไม่ได้เรื่อง ชาวบ้านก็ไม่ได้รู้มากไปกว่าพระเลย
หลวงพ่อ คืออย่างนี้ เป็นความจริงที่คุณโยมเข้าใจ
บางทีชาวบ้านชาวพุทธไม่ได้เรียนอะไรเลย รู้อย่างเดียวพระท่านบอกทำบุญ สังฆทาน
จะได้ไปถึงพระพุทธเจ้า
ทำบุญจะได้ไปสวรรค์
ทำบุญจะได้ไปนิพพาน แล้วชาวบ้านไม่รู้ก็ทำบุญตะพึด ให้สร้างโบสถ์ ให้สร้างศาลา จะไปสวรรค์นิพพาน เป็นไปไม่ได้เลย น่าเสียดายนะ
ดร.ฉัตรสุมาลย์ ท่านผู้ชมคะ ในบารมี ๑๐ ทัส นี่นะคะ
ถ้าเราจะเห็นพระเจ้า ๑๐ ชาติ นะคะ
สอนให้มีปัญญา
สอนให้มีทาน
สอนให้มีเนกขัมมะ
สอนให้มีบารมีหลายๆ อย่าง
แต่เมืองไทยก็เน้นแต่เรื่องทำบุญ
เท่านั้น มาตรการ
สำหรับส่วนตัวที่ดิฉัน ใช้ เข้าไปหาพระองค์ไหน เข้าไปหาหลวงพ่อองค์ไหน
ที่เราจะเชื่อในคำสอนของท่านได้
ดูง่ายนิดเดียว คะ พระองค์นั้นสอนเพื่อละวางกิเลส หรือเปล่า พระองค์นั้น นำการปฏิบัติเพื่อสู่การละกิเลสหรือเปล่า อันนี้เป็นเบื้องต้น ที่เราจะใช้เป็นมาตรการาในการที่เราจะคัดสรรผู้ที่
จะช่วยให้เราทำบุญทำกุศลได้ถูกต้อง
และก็ไม่ไปสู่การงมงาย