ธรรมนำชีวิต

พระราชสุทธิญาณมงคล

บรรยายที่โรงพยาบาลวชิรปราการ

๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๓

P15007

 

       ขอเจริญพรท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์วิโรจน์ กาญจนปัญจพล คุณจรูญ คุณรุจา อาตมารู้สึกซึ้งใจและดีใจ ที่ได้มีโอกาสมาโรงพยาบาลวชิรปราการในวันนี้ ได้มาพบกับบรรดาญาติพี่น้องพวกเราทุกคนที่มีจิตเป็นกุศล ร่วมกันสร้างโรงพยาบาลวชิรปราการ

       วันนี้อาตมามาด้วยเมตตา ไม่รักกันอาตมาไม่มาหรอกนะ เพราะขณะนี้มีคนไปที่วัด ๗๐๐ คน พระ ๑๒๕ รูปจากอุดร หนองคาย เชียงราย แม่ฮ่องสอน ปัตตานี สงขลา นครศรีธรรมราช ตามปกติที่วัดต้องรับแขกตลอดเวลาอยู่แล้ว ทั้งก่อนเพล บ่าย ตอนเย็น แล้วยังกลางคืนอีก เขามีทุกข์มา ไม่ช่วยได้อย่างไร ขอเจริญพร อาตมาดีใจที่เขามาหาเรา ดีว่าเราไปหาเขา ให้จำไว้ว่ามันเป็นบุญ เขามาหาเราเขาจะรู้จักหัวนอนปลายเท้าเรา เราไปหาเขา เขาไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเรา คำพูดไม่ศักดิ์สิทธิ์ เขามาเราคำเราพูดถึงจะศักดิ์สิทธิ์

       บางคนรู้ไปแต่ไม่รู้มา รู้กินแต่ไม่รู้ทำ พูดอย่างนี้มีคนไม่รู้เยอะเอาใกล้ตัวไว้ก่อน

       รู้กินไม่รู้ทำ เช่น พระนั้นฉันอย่างเดียว เพราะมีผู้ทำถวาย ไม่ต้องทำเอง จึงไม่รู้ว่าเขาแกงอย่างไร เหนื่อยยากไหม

       รู้ไป ไม่รู้มา ภาษาง่าย ๆ เราไปบ้านเขา เขาต้อนรับดี พอเขามาบ้านเราทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หันหลังให้เขาเลย อย่างนี้ไม่ถูก อาตมาไปต่างประเทศมาแล้ว ทั้งยุโรป เอเชีย อเมริกา เขาให้การต้อนรับเราอย่างดี เอื้ออาทร เราก็ซึ้งในน้ำใจ เมื่อสองวันมานี่ชาวนิวซีแลนด์มาที่วัด ๒๕ คน เราก็ต้องต้อนรับอย่างดี จัดอาหารให้อย่างดี จะไม่สนใจ ไม่เหลียวแลไม่ได้

       สมัยอาตมาเป็นเด็ก ก็ได้รับการสั่งสอนให้ต้อนรับแขก คอยช่วยเหลือดูแล ยกน้ำมาเลี้ยง ยกเชี่ยนหมากมาให้ ถึงเวลากินข้าวก็ยกสำรับข้าวมาเลี้ยงแขก แล้วก็ต้องหลบออกไป จะมานั่งดูแขกไม่ได้

       ขอฝากพี่น้องไว้ทุกคนว่า มีลูกก็ต้องอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี ให้การศึกษา เกิดมาทั้งทีเอาดีไม่ได้เกิดมาทำไม นกไม่มีขน คนไม่มีความรู้ บินไม่ได้ ไปไม่รอด ถ้ามีลูกหลายคนก็ขอบิณฑบาตให้เป็นหมอสักคนได้ไหม เพื่อจะได้คอยช่วยเพื่อมนุษย์ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ

       สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียนสำเร็จถึง ๑๘ ศาสตร์ วิชาแรก คือวิชารบ วิชาดนตรี ดีดสี ตี เป่า วิชาเศรษฐกิจ วิชาราชบุรุษ การปกครองรัฐศาสตร์เรียนหมด แต่ไม่พบวิธีแก้ปัญหาชีวิตแต่ประการใด ทรงออกบรรพชาถึง ๖ ปี ทดลองหมดทั้งอดอาหารจนเหลือแต่กระดูก ก็ยังไม่สงบ เหาะได้ก็ยังหนีกรรมไม่พ้น นี่เป็นกฎแห่งกรรม

       ขอประทานโทษ คุณหมอ ยาเหมือนกันแท้ ๆ หมอคนหนึ่งให้กินไม่หาย แต่หมออีกคนหนึ่งให้กินยาอย่างเดียวกันนั้นหายได้ แล้วแต่ศรัทธากันนะ อันนี้เป็นกฎแห่งกรรมเหมือนกัน ถ้าศรัทธาเลื่อมใส แค่น้ำถ้วยเดียวเป็นยาก็ยังหายได้ เพราะกำลังใจสำคัญ คุณหมอจำไว้ กำลังใจนี่สำคัญมาก อาตมาเคยสังเกตหมอที่ไปเยี่ยมคนไข้กำลังจะตาย หมอพยายามให้ยายังไงก็ไม่หาย หมอที่เขาศรัทธาไปเมืองนอกเพิ่งกลับมา ถามคนไข้แค่คำสองคำว่า “คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ” เท่านั้น โอ้โห! คนไข้ลุกนั่งคุยกับหมอได้เลย นี่เป็นเพราะเขามีศรัทธาต่อหมอ หมอคนนี้มีเมตตา หมอใหม่ให้ยาถูกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ใช้ยาเดียวกันกับที่หมอเก่ารักษาแต่ไม่หาย

       มีเรื่องจริงที่สิงห์บุรีนี่เอง ตั้งแต่สมัยนายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ เป็นผู้อำนวยการ อาจเป็นเพราะศรัทธาของการเป็นหมอ ความรักใคร่ทำให้มีกำลังใจ ตรงนี้ขอฝากไว้ อย่าให้กำลังใจตก คนไข้คนเหมอเจอหมอไม่ถูกกัน หมอมาปั๊บชักไปเลย แต่พอไปเจอนางพยาบาล พอเห็นนางพยาบาลยิ้ม หายเลย ยังไม่ทันกินยา นางพยาบาลยิ้มให้ โรคหายเลย ไม่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ถามหมอว่าตาคนนี้เป็นโรคอะไร หมอบอกว่าเป็นโรคกำลังใจ

       จะอธิบายเรื่องไข้กำลังใจ มีโยมคนหนึ่ง ชอบเล่นการพนัน ไก่ชน เคยเห็นไหม ชอบกินเหล้า บ้านนี้ไม่มีเขย ไม่มีสะใภ้ ภรรยายื่นโนตีสให้สามี “นี่ตาลุง ถ้าแกไม่เลิกเล่นไก่ ดื่มเหล้า แกกับฉันเลิกกัน ฉันจะอยู่กับลูกสาว” สามีตกลง หนักเข้าก็ไม่เลิกเล่นไก่ ภรรยาก็เลยไปอยู่กับลูกสาว ภรรยาไม่อยู่ด้วย ๓ ปี แกไม่สบาย เป็นโรคกำลังใจ ไปอยู่โรงพยาบาลหมอสมหมายสิงห์บุรี ไม่กินข้าว เหลือแต่กระดูกแล้ว ถามหมอ “ตาคนนี้เป็นอะไร” หมอสมหมายบอกว่า “ผมตรวจดูหมดแล้วไม่เห็นเป็นอะไร หัวใจก็ดี เลือดก็ดี” เอ ทำไมแกถึงไม่กินข้าว ข้าวปลาไม่กินจะต้องตายนะเนี่ย อาตมาก็ไปเยี่ยม ถามว่า “ลุง สวดมนต์ได้ไหม” “สวดได้ ผมบวชตั้ง ๕ พรรษา สวดเป็น” เอาสวดเลย อิติปิโส ภควา สวดไปสวดมาแกเผลอ อรหังสัมมา แล้วแกก็เงียบ แล้วแกก็รำพึง “แม่เอ๋ย แม่คุณ ตั้งแต่เราป่วยไม่เคยมาเยี่ยม” แล้วก็สวดต่อ “อิติปิโส ภควา อรหังสัมมา...” อาตมาก็ไปบ้านเมียตาลุงคนนี้ เพราะอาตมาเคยฝากลูกเขาเรียนหนังสือ จนเป็นถึงด็อกเตอร์ เขาต้องเชื่อเรา บอกเมียตาลุงว่าอาตมามาวันนี้ขอร้องได้ไหม “ไปเยี่ยมสามีโยมที่โรงพยาบาลหน่อย...” “โอย ไม่ได้ ให้มันตายไปเลย เกลียดที่สุด” “เกลียดเรื่องอะไร” “มันเล่นไก่ แล้วกินเหล้า ฉันบอกแล้ว ถ้าไม่เลิก ก็เลิกกัน” “ไปเยี่ยมหน่อยเถอะ” “ให้ฉันไปเยี่ยมอะไร” “ไปช่วยเช็ดตัวหน่อย” “โอโห ฉันทำไม่ได้หรอก ฝืนใจไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้เป็นโขน จะได้สวมหน้าโขนได้ ไม่ได้” “ต้องได้ซิ” ในที่สุด แกเชื่อเรา อาจเป็นเพราะเกรงใจ

       พอไปถึงโรงพยาบาล ก็เห็นนอนเฉย ๆ พอเห็นภรรยาไปเท่านั้น ก็ร้อง โอ๊ย ๆ จะตายขึ้นมา แล้วภรรยาก็ฝืนเช็ดตัวให้ ภรรยาก็บอกกับสามีว่า “นี่ตาลุงเอ๋ย ที่ไม่ได้มาเยี่ยมนี่ก็เพราะไม่มีเวลา” ฝืนใจทำ ไม่ได้ทำด้วยศรัทธา จับตรงไหน โอย ไปหมดเลย เวลาเมียไม่มา ไม่อือเลย พอเมียมา โอยเลยนะ พอเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ลุกขึ้นนั่ง ภรรยาก็ถามว่า “เป็นอย่างไรคะ” สามีก็ต่อว่า “ไม่ได้มาเยี่ยมเลย ฉันคิดถึงอยู่ทุกวันเลยนะ โอย...” “ทานโจ๊กไหม จะได้ไปซื้อมา” “โอย...ไม่ได้ทานมานานแล้ว ถ้าได้สักหน่อยก็คงจะดี” พอเมียไปซื้อมาก็ทานหมดชามเลย ไม่ช้าไม่นาน ๓ วันหาย กลับบ้านได้ ทานโจ๊ก ทานข้าวได้ ต่อมาได้ความว่า เลิกเล่นไก่ เลิกกินเหล้าแล้ว กำลังใจสำคัญมาก ต้องใช้จิตวิทยา จิตวิทยานี่คือยาที่ยอด คือสติตัวเดียวเท่านั้น ให้สติปัญญาเขา ยิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งใจสนทนา เจราจาไพเราะ สงเคราะห์เอื้อเฟื้อ ขาดเหลือดูแลแขก นี่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

       ขอเจริญพร ต่อไปว่า แก้ปัญหาชีวิตทำอย่างไร เราอย่าไปให้คนอื่นมาแก้ปัญหาของเรา คนนานาชนิด มีทุกข์คนละอย่าง ที่นั่งอยู่นี่ก็มีทุกข์กันคนละอย่าง และมีความสุขคนละอย่าง แล้วเราจะไปแก้ปัญหาชีวิตให้เขาได้อย่างไร ต่างคนต่างแก้กันนะ เรานี่ทำงานร่วมกัน ทานข้าวร่วมกันได้ รักจะทานกันอย่างไร เค็ม จืด หวาน ต่างคนต่างเติมกันซิ งานเราก็ยังทำร่วมกันได้ ถ้ามีปัญญา ถ้ามีสติ สามารถร่วมกันแก้ปัญหาได้ ถ้าปัญญาไม่มี มีแต่จิตใจอกุศล ทำงานร่วมกันไม่ได้แน่ ทุกศาสนาก็ทำงานร่วมกันได้ มีจิตเป็นกุศลไหม มีสติปัญญาหรือเปล่า ถ้าไม่มี ทำงานร่วมกันไม่ได้ ต่างคนต่างคิด ถือเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ เอาแต่ใจตัวทำงานร่วมกันไม่ได้ผลเลยนะ ไปไม่รอด แก้ปัญหาชีวิตยังไม่ได้ โดยเฉพาะหนุ่มสาวรุ่นใหม่สมัยนี้ ไปไม่รอด เพราะเอาแต่ใจตัวเอง ฝืนใจไม่ได้ สร้างหลักฐานไม่ได้แน่นอน

       สาวไทยตามโรงงานอุตสาหกรรม ไปไหนเอาแต่ใจตัวเอง ดีไม่ได้ เสียผู้เสียคน แล้วสร้างหลักฐานไม่ได้ด้วย คนจีนมาจากเมืองจีน เสื่อผืนหมอนลูก ทำไมรวย เขาใช้อะไรหรือ เขาใช้ความอดทนและฝืนใจ อดทนตากแดดตากฝน คนจีนทนได้ คนไทยไม่ทนเลย เตือนหน่อยโกรธเลย คนไหนถ้าผู้ใหญ่ตักเตือนโกรธ เจ๊งเลย ไม่ได้ดี คนจีนนี่ อามาคิดได้เมื่อตอนอาตมาเป็นเด็กเกเรที่สุด ขอประทานโทษ เมื่อตอนสมัยนั้นด่าโคตรพ่อโคตรแม่เจ๊ก คนจีนว่าอย่างไร ไอ้ตี๋มึงด่ากู “ไอ้เจ๊ก” ฝันหน้ามึงต้องเรียกกูว่า “เตี่ย” นะ ข้อสอง “มึงด่าโคตรพ่อโคตรแม่กูนะ ไม่เป็นไร กูไม่โกรธมึง แต่กูจะเอาสตางค์มึงให้ได้” ก็ขอฝากทุกคนนะ ใครด่าอย่าโกรธ ถ้าโกรธขายไม่ได้ ไม่มีใครซื้อ ยกตัวอย่างคนไทยกำลังทานข้าว มีคนมาซื้อของด่าเลย กูกำลังกินข้าว มาซื้ออะไรตอนนี้เล่า นี่พูดอย่างนี้ ได้ยินเอง คนจีนทำอย่างไร อาตมาไปซื้อของ เขากำลังทานข้าวต้ม รีบเรียกให้นั่งเลย แล้วชวนทานข้าวต้ม แล้วเราจะไปทานได้อย่างไร ข้าวต้มไม่มีแล้ว แต่เขาเรียกโดยอัธยาศัย ก็ขอเจริญพร เขาค้าขายกันอย่างนี้ ถ้าโกรธแล้วขายไม่ได้ คนจีนเขาบอกว่า ถ้าคนไม่เข้าร้านให้เรียกเข้า ชวนกินน้ำชา เดี๋ยวก็ต้องซื้อของ ใครเข้าร้านต้องซื้อของแน่

       อาตมาเคยเข้าบางร้าน ร้านมีมีนางกวัก ๔ องค์ แล้วมีลูกสาวรูปร่างสวย ถาม “หนูยาสีฟันคอลเกตมีบ้างไหม” ลูกสาวตอบว่า “ดูเอาซิคะ อยู่ในตู้นั้น” น่าซื้อไหมนี่ ร้านนี้มีนางกวัก ก็เลยบูชานางกวักทุกวัน เลยติดนางกวักเลย หน้างอเป็นมือนางกวัก แต่นางกวักของพระพุทธเจ้าสวย ไม่ต้องเอามาบูชา เอาไว้ในตัวเลย นางกวักของเรา คือ ยิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งใจสนทนา เจราจาไพเราะ สงเคราะห์เอื้อเฟื้อ ขาดเหลือคอยดูแลแขก

 

พระพุทธเจ้าสอนอะไร

๑.   สอนธรรมะ คือให้เข้าใจธรรมขาติ ต้นไม้ที่เราปลูกเจริญเติบโต มันออกดอกมีดอกมีผลแล้วก็ร่วงโรยไป เปรียบได้กับคนที่เจริญวัย จากปฐมวัย มัชฌิมวัย สู่ปัจฉิมวัย เมื่ออยู่ในปฐมวัย พ่อแม่ ต้องให้ลูกเรียนหนังสือ ต้องสร้างความดีไว้กับลูก ทำถูกไว้กับหลาน รักลูกให้ถูกวิธี ทำความดีให้ลูกดู แต่รุ่นใหม่นี่เขา ไม่ตีลูกด้วยไม้เรียว ต้องตีด้วยแบบอย่าง เหมือนเขาทำหม้อ ต้องตีให้ได้รูปทรง ถ้าเมตตาเจือโทสะแล้วลูกเอาดีไม่ได้ ต้องวัดอารมณ์ วัดจิตก่อน อย่าให้อารมณ์เสีย

๒.   สอนให้มีเหตุมีผล ชีวิตมีค่าเวลามีประโยชน์ ทำอะไรให้มีกาลเวลา รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ ไม่เห็นแก่พวกพ้อง ไม่เป็นคนไร้สาระ

๓.   สอนให้เข้าใจกฎแห่งกรรม เข้าใจเรื่องบาปบุญคุณโทษ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

๔.   สอนให้ฝืนใจ ไม่ทำอะไรตามใจตนเอง ฝืนใจ คือ อดทน

ความอดทนเป็นสมบัติของนักต่อสู้ ความรู้เป็นสมบัติของนักปราชญ์ ความสามารถเป็นของนักประกอบกิจ ความสามารถทุกชนิดเป็นสมบัติของผู้ดี

ความดีเป็นศัตรูของชีวิต ความดีต้องมีอุปสรรค อย่างคุณหมอที่ผ่านมาถึงขั้นนี้เป็นเพราะความดีแท้ ๆ ไม่ใช่ความชั่วนะ ใครมาด่าว่าเราช่างมัน เราอย่าไปต่อสู้เลย อย่าต่อสู้ด้วยการด่าตอบ เขาร้ายมาอย่าร้ายตอบ เขาไม่ดีมาเราเอาความดีไปแก้ไข คนตระหนี่ก็ให้ของที่ต้องใจ คนพูดเหลวไหล เอาความจริงใจไปสนทนา อย่าเอาเหลวไหลไปสนทนากับมัน เสียเครดิตหมด อย่าไปเห็นแก่คนแบบนั้นแบบนี้เลย จะเสียหาย

ขอฝากไว้กับคุณโยมทุก ๆ ท่าน คนเรานี่สุขไม่เหมือนกัน ทุกข์ไม่เหมือนกัน แก้ไขเหมือนกันทุก ๆ คนไม่ได้ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม อย่าไปขัดคอเขา ต้องฝืนใจต้องอดทน เราอยู่กับคนมากต้องอดทนมาก อยู่กับคนต้องอดทนตลอดไป ถ้าเราอยู่คนเดียวก็ไม่ต้องอดทน เพราะไม่มีใครขัดคอ ใครจะพูดอย่างไรก็ช่าง วันไหนมีคนด่าคนว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ล้วนแต่ได้กำไร คนเรานี่มีปัญหามาก คนแปลว่าปัญหา คนสร้างแต่ปัญหาให้เรา เราเป็นผู้จัดการผู้บริหารต้องอดทนมาก เมื่ออยู่กับคนมากก็ต้องอดทนมากแน่นอน

ขอเจริญพรว่าเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมมีความแตกต่างกัน ไม้ไผ่ต่างปล้อง พี่น้องต่างใจ บ้านเดียวกันไม่เหมือนกัน แต่เราควรสร้างความดีร่วมกัน มีสติปัญญาสวดมนต์ไหว้พระ เจริญพระกรรมฐาน จะเหมือนกันได้ และวิสัยทัศน์จะเหมือนกัน จะได้มีสติปัญญาเหมือนกัน จะมีเมตตาเหมือนกัน อารีอารอบเหมือนกัน และจะช่วยกันดีด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีเมตตา มีธรรมะแล้วจะช่วยกันตลอดรายการ พี่ช่วยน้อง น้องช่วยพี่ สร้างความดีให้พ่อแม่ตลอดไป ถ้าเราอยู่โรงพยาบาล หรือจะอยู่ในรูปบริษัทใดก็ตาม เราทำงานด้วยความตั้งใจ มีความสามัคคีรับรองไปรอดแน่

โรงพยาบาลเรานี้ต้องช่วยเหลือกัน หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกัน ประเสริฐที่สุด หนักนิดเบาหน่อยไม่ให้อภัยกันเลย เราจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร เดี๋ยวเราก็ตายจากกันแล้ว ให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าได้แหนงแคลงใจกัน รับรองไปรอด อยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข พระพุทธเจ้าทรงสอนให้รักกันเหมือนพี่น้องกัน รักเหมือนญาติ

ถ้าเราไม่รักกันจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร เป็นพี่น้องกันยังรักกันไม่ได้ พี่น้องยังโกงกัน จะไปกันรอดหรือ อาตมาจึงพูดว่า ความดีเป็นศัตรูของชีวิต เงินทองเป็นอสรพิษ ไม่ใช่ของเราอย่าเอามา เอามาแล้วเป็นงูเห่า กัดแหลกลาญ ฆ่ารันฟันแทงกัน นี่แหละสัตว์โลกเป็นเช่นนี้ ขาดธรรมะเป็นอย่างนี้ มีแต่อคติกัน ไม่รักกันเลย ไม่มีเมตตาต่อกัน ไม่มีสงสารกัน เราจะต้องตายจากกันไปแล้วไม่วันใดก็วันหนึ่ง จะรบราฆ่าฟันกันไปถึงไหน มีทิฐิกันไปไม่มีโอกาสดีได้ พระพุทธเจ้าของเราทรงสร้างปัญญาในตัว แต่นักปราชญ์ของโลกสร้างปัญญานอกตัว จึงช่วยตัวเองไม่ได้ พระพุทธเจ้าของเราทรงมีปัญญาในตัว สอนให้เราทุกคนสร้างปัญญาในตัวของเราให้ได้ ปัญญาคือความรอบรู้ รู้จริงทุกสิ่งในตัวเอง จะเป็นชายก็จริง หญิงก็แท้ เป็นคนแก่ที่น่าบูชา รู้จริงอย่างนี้ ปัญญาในตัวช่วยตัวเองได้ ช่วยลูกช่วยหลานได้ ปัญญานอกตัวช่วยใครไม่ได้เลย แต่ตอนนี้เราไปหาปัญญานอกตัวกัน จึงละเลยกันไปหลายอย่าง ทั้งไม่มีมารยาท ขาดการเคารพผู้ใหญ่ ไม่มีระเบียบวินัย วัฒนธรรมของชาติหมดไปอย่างน่าใจหาย

ศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง เรารู้แล้วหนูนี่จะได้ดีเพราะมีทุกข์ อยู่นอกคุกไม่ได้ดี ไปได้ดีในคุก ถ้าพูดอย่างนี้โยมจะเข้าใจอาตมาผิด มันเป็นกฎแห่งกรรม ต้องติดคุก ติดคุกได้ดี ได้ดีอย่างไร เป็นผู้หญิงด้วย ติดปั๊บ สอบนักธรรม ตรี โท เอกได้ ติดคุกแถมได้ปริญญาในคุก ถ้าไม่ติดคุกมันจะได้หรือ อยู่นอกคุกไม่ตั้งใจเรียน พอเข้าคุกขยันเรียน เหตุการณ์บังคับ บังคับให้ได้ดี ถ้าไม่ติดคุกไม่ได้ดี แล้วไปได้ตำราทำเทียน ทำดอกไม้อะไรต่ออะไรมา รวมทั้งได้ปริญญาด้วย เรียนในคุก และยังได้กรรมฐานอีกด้วย ขณะนี้ออกมาจากเรือนจำแล้ว ได้อภัยโทษ กลับไปตั้งตัวช่วยพ่อแม่ทำเทียน ทำดอกไม้ ได้ตำรามาจากเรือนจำ ขายดิบขายดี แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ติดคุกไม่เสียหาย เหตุการณ์ทำให้ไปได้ของดีในชีวิตจากคุก แต่บางคนไม่ติดคุกยังไม่ได้ดีเลย

ดังนั้นจึงขอสรุปความให้ญาติโยมฟังไว้ว่า การปฏิบัติธรรม ธรรมะ ๔ ประการ ต้องฝืนใจ ถ้าคนไหนไม่ฝืนใจปล่อยไปตามอารมณ์ไม่มีธรรมะเลย ธรรมะตัวนี้ไม่ใช่ความสบาย จะต้องฝืนใจตลอด เพราะคนเรานั้นชอบสบาย กินสบาย นอนสบาย ไม่เอางานเอาการ คนสร้างความดีต้องทนความยากลำบาก ถ้าลงทุนความลำบากไม่ได้ก็ดีไม่ได้ คนสร้างความชั่วชอบลงทุนความสบาย กินสบาย นอนสบาย ไม่เอางานเอาการ กำลังชั่วโดยไม่รู้ตัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยากมาก ความดีที่จะได้ไม่ใช่ของง่าย คนเราที่มีปัญญานั้น อ่านหนังสือไม่ต้องมีตัว ถ้าเรามีสติปัญญาสวดมนต์ มันจะออกมาในสมอง คุณหมอไม่เคยคิด จะได้คิด ไม่เคยมีสติ จะมีสติ ไม่เคยมีปัญญามาก่อน จะมีปัญญา ไม่ใช่เรียนหนังสือเป็นปัญญา เรียนหนังสือแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ ต้องใช้โอกาสที่จะมีสติที่จะคิดหาเหตุผลของตนเอง ปัญญาถึงจะเกิด ปัญญาคือตัวกลาง รอบรู้กองสังขาร อ่านตัวออก บอกตัวได้ แล้วจะได้ใช้ตัวเป็น จะได้เห็นตัวตาย จะได้คลายทิฐิ จะได้ดำริชอบ จะได้ประกอบกุศล จะได้ผลอนันต์ เป็นหลักฐานสำคัญ

อีกประการหนึ่งจะเรียนให้ทราบ คนหมดอายุแล้วต่ออายุได้ นี่จะถึงวันตายของอาตมาแล้ว ๑๔ ตุลาคม เราต่ออายุมาได้ตั้ง ๒๒ ปีแล้ว รถชนคอหักตาย ตกเหวตาย แต่ทำไมไม่ตาย ขอฝากพี่น้องทุก ๆ คน ต่ออายุได้ เวลาวันเกิดของโยมนะ จะเป็นโยมหญิงโยมชาย โยมผู้น้อย โยมผู้ใหญ่ก็ตาม ถ้าถึงวันเกิดขอร้องให้สวดมนต์แผ่เมตตา ตักบาตรหน้าบ้าน ไม่ต้องทำอะไรมาก อย่าเลี้ยงเหล้า อย่าดื่มสุรายาเมาในวันเกิด แล้วถ้ามีพ่อมีแม่ เลี้ยงพ่อแม่ให้อิ่มเลย วันเกิดของเราคือวันตายของแม่ ถ้าทำได้ ก็สวดมนต์นั่งกรรมฐานในวันเกิด จะเลี้ยงเพื่อนก็เลี้ยงในภายหลัง รับรองไปรอด อายุก็ยืน ถ้าคนไหนวันเกิดเลี้ยงเหล้า แล้วก็ไม่ไปเลี้ยงพ่อแม่ ไปเลี้ยงเพื่อน รับรองหารได้เลย เอา ๒ หารอายุ ต้องตายอายุไม่ยืน

อาตมานี่อายุมาถึงป่านนี้แล้ว ย่าง ๗๒ ปี ขอประทานโทษแม่ของอาตมายังอยู่เลย อายุ ๑๐๐ ปีแล้วนะ นี่ส่วนนี้ได้แล้ อายุยืน อายุร้อย เข้าห้องน้ำห้องท่าได้สบาย ถามเรื่องอะไรตอบได้หมด ถามอะไรตอบทันที คนที่อายุ ๑๐๐ ปี อย่างแม่อาตมานี้ อาตมาสังเกตตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก แม่ไม่เคยอารมณ์เสีย แม่ไม่เคยด่าใคร ลูกจะยังไงก็ไม่เคยบ่น ลูกเลยอายุยืน ถ้าคนไหนโมโหเก่ง ระงับความโกรธไม่ได้อายุจะสั้น อย่าไปโกรธใคร อย่าไปเกลียดใครไว้ในใจ อย่าอารมณ์ค้าง โกรธหนอที่ลิ้นปี่นี่ ถ้าโกรธนะ ก็ยืนหายใจยาว ๆ ตั้งแต่จมูกถึงสะดือ ตั้งสติไว้ หายโกรธทันที อย่าเอาความโกรธไว้ เช้าถ้าคุณหมออารมณ์ค้าง คุณหมอจะทำงานเสีย จะคิดอะไรก็คิดไม่ออก

เราเป็นครูบาอาจารย์ ถ้าอารมณ์ค้างจะสอนไม่ได้ดีเลย ลีลาในการสอนจะหมดไป จะสอนนักศึกษาไม่เข้าใจ ถ้าเราอารมณ์ดีจะมีแต่ปัญญา สอนอย่างไรเขาก็เข้าใจ เพราะพูดขณะอารมณ์ดี อารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างไร อารมณ์ดีเป็นอย่างไรเรารู้กันทุกคน คนเคยใจดีจะเป็นคนใจดำ ใจสูงก็หลายเป็นคนใจต่ำ ใจงามก็กลายเป็นคนใจโลเล คนมีเสน่ห์ก็หลายเป็นคนน่าชัง คนพูดน่าฟังก็กลายเป็นคนพูดไม่เข้าหูคน

ขอเจริญพร ถ้าเรามีสติปัญญานะ จะคิดถึงความดีซึ่งกันและกัน จะไม่โกรธกันแน่นอน คนที่จะมีบุญวาสนา จะเป็นผู้มีธรรมะเหล่านี้

๑.  จะต้องมีกตัญญูกตเวที

๒.  สุภาพอ่อนโยน อ่อนน้อม เรียบร้อย

๓.  เป็นผู้เสียสละได้ง่าย

๔.  เป็นผู้ซื่อสัตย์สุจริตเป็นนิจ ขยัน ประหยัดให้มั่นหันหลังให้อบาย

 

ทั้ง ๔ ประการนี้ชัดเจน กตัญญูกตเวทีแน่นอน กตัญญูยังไม่พอ เป็นคนที่อ่อนโยน อ่อนน้อม อ่อนหวาน แล้วเป็นคนซื่อสัตย์ และเป็นคนเสียสละ นี่คือผู้ปฏิบัติกรรมฐาน...