ประตูมาร

 

พระเทพสิงหบุราจารย์

P16014

 

การปฏิบัติธรรมในสมัยก่อน อาตมาให้เก็บอารมณ์  นั่งในห้องของใครของมัน  แต่สมัยนั้นคนน้อย  อย่ามากก็ไม่เกิน ๓๐ คน  ห้องมันจำกัด  ที่เป็นห่วงเพราะว่า ผู้ปฏิบัติธรรม  ทำไม่ได้จังหวะ  สภาวะไม่เกิด  สภาวะเกิดนี้ ไม่ใช่หมายความว่าต้องไปเห็นนิมิต  ต้องการให้เห็นสภาวะในตนเอง  สภาพการเป็นอยู่ของชีวิตนี้เป็นอย่างไร  จะแก้ปัญหาตรงไหน คือจุดหมายอันนั้น  พระพุทธเจ้าสอนให้เราเกิดแผนที่เดินทาง  เดินทางโดยถูกต้อง  ท่านกล่าวไว้ชัดเจนแล้ว  อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ไม่แน่นอน  เมื่อสมัยก่อนคนเก่าๆ จะรู้  อาตมานั่ง    วัน  ไม่เคยฉันข้าว  ในโบสถ์เก่า  แต่เราไม่ได้ทำอย่างนั้นแล้ว  ก็เนื่องจากว่าเสียเวลาคนอื่นเขา  อย่างนั้นเรียกว่า “พลสมาบัติ” เราเข้าแล้วออก  ยกตัวอย่างให้เห็นว่าเราเข้าพลสมบัติ สัก ๑๐ ชั่วโมง  เหมือนนั่ง ๒ ชั่วโมง  อันนี้เราเป็นห่วงท่านทั้งหลายที่ทำกัมมัฏฐานไม่ได้ผล  มันไม่ใช่ของง่าย  ต้องมีการสอบอารมณ์ได้อะไรบ้าง  ได้ผลเป็นประการใด  ที่เดินธุดงค์ไป ลำบาก    วัน  ไม่ได้ฉันข้าวเลย  ฝนตกบนยอดเขาจะไปบิณฑบาตที่ไหน  ก็ต้องอดทนจึงจะอยู่ได้  เพราะว่าลมหายใจจะช้าแผ่วเบาเหมือนคนไม่หายใจ แล้วอยู่ได้เป็นวันๆ  ไม่มีอะไรเมื่อยปวด  ถ้าเรากินยานอนหลับ  หลับไปแล้ว แต่หลับไม่สนิท  มันคิดอะไรต่อมิอะไร  มันหลับเหมือนกัน  แต่หลับๆ  ตื่นๆ   พอตื่นขึ้นมาแล้วจะเพลียมาก  แต่ถ้าเราหลับในสมาธิของเรา  นั่งสมาธิของเราถูกจังหวะ จะโคน เราก็หายใจไปตามจังหวะ  อย่าขัดกับจังหวะ  จังหวะช้า  จังหวะไว  ไม่ใช่ของง่าย ที่เรามาทำกัมมัฏฐานนี้  ก็เพื่อรู้สภาวะของตนเอง  ไม่ใช่ไปเห็นนิมิต เรื่องนอกประเด็น 

พอทำหนักเข้าถึงสมาธิ  มันจะมีมารมาหลอกล่อให้เราเลิก  หรือมายุให้รำตำให้รั่ว เลิกเถอะ  มาทำทำไมไม่เกิดประโยชน์ เป็นจิตของเราเองที่คิด ไม่ใช่คนอื่นมาบอกเรา  ตัวมารในตัวเราเอง  มารไม่มีบารมีไม่เกิด  มันคอยจะยุแย่ให้เราเลิก  ถ้าเราทำเลยขั้นนั้นไปแล้ว  ไม่มีมาร  มีแต่ตั้งใจปั๊บ ได้ผลปุ๊บ ถ้าเราทำได้ สะสมมานานแล้ว  รับรองคิดอะไรจะออกไปเป็นช่อง  เหมือนเราเดินตามแผนที่  และถ้าเรามีลูกกี่คนจะรู้แผนที่ของลูกด้วย  ว่าลูกคนนี้เป็นอย่างไร  ทำกัมมัฏฐาน กลับไปพอลูกเกเร ก็ไปด่าไปว่าลูก นั่นเป็นมารอันหนึ่ง   อาตมาบอกกับพ่อแม่เขา  อย่าไปตีลูกไม่เสียแน่  เขาจะเชื่ออย่างไรก็ช่าง  พ่อแม่นั่งกัมมัฏฐาน พอทำกัมมัฏฐานเข้าขั้น  ๘๐ เปอร์เซ็นต์  ลูกกลับมาดีหมดเลย  เลยไปเข้าใจผิดคิดนั่งไม่ได้ผลทำให้ลูกเสียคน  บางคนนั่งรู้สึกเบื่อหน่ายมาก มารมาผจญให้เลิก  เพราะเราไร้บุญวาสนาจึงไม่สามารถเข้าขั้นนั้นได้   เขาเรียกว่า “ญาณหอบเสื่อ”  หอบเสื่อกลับบ้านทุกคน   หากข้ามขั้นนี้ได้  ไม่มีทางเบื่อมีแต่ทางขยัน คนที่มาปฏิบัติต้องผ่านประตูนี้ไปทั้งนั้น 

การเบื่อนี้เป็นมาร  เรานั่งสมาธิก็ผ่านประตูมาร  มารนี้เป็นมารกิเลส  มียักษ์เข้ามา จะให้เลิก  ท่านชนะด้วยชัยยะมงคลคาถา ก็คือสมาธินั่นแหละชนะมาร   พอชนะมารก็สะดุ้งขึ้นมา  ก็เลยเอาพระหัตถ์มาวางบนพระเพลา เรียกว่า ปางสะดุ้งมาร หรือ ปางมารวิชัย  เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าขั้นชนะมารแล้ว จะทำอะไรดีหมด  แต่เรายังไม่เข้าขั้น ถึงขั้นนั้นยังอยู่ขั้นต้น มันก็นึกเบื่อหน่ายอยากจะเลิก  ไม่อยากทำ  อยากจะเที่ยวไป เขาเรียกว่า  “ญาณเสีย”  รถเสียแล้ว มันเลี้ยวซ้ายไปเลย  ไม่ยอมเลี้ยวขวา  เพราะฉะนั้นน่าเป็นห่วง  การนั่งกัมมัฏฐานจะปล่อยไปตามเรื่องไม่ได้  บางคนมาเข้าห้องไปเลย ไม่ต้องมีครูอาจารย์  ส่งอาหารกัน แล้วปิดประตู  ทำอย่างนี้ไม่ได้หรอกนะ  อย่างที่เคยสอนมาต้องมาสอบอารมณ์  ทีละคน  บางทีถึงตีสาม  แค่ ๓๐ คนเท่านั้น  แต่ก็หมดรุ่นไปแล้ว  เช่น หมอชลอ  นั่งได้ถึง  ๘๔  ชั่วโมง   ก็ได้ตายไปแล้ว  พอนั่งถึง ๘๔ ชั่วโมงก็ปวดศรีษะเป็นกำลัง  เราก็บอกให้กำหนดนะ  คุณหมอก็กำหนด ปวดหนอๆ  กินยาก็ไม่หาย  อาตมาก็บอก  ตายให้ตายซิหมอ  แปลบขึ้นศรีษะแล้วก็หายเลย  พอหายก็ระลึกชาติได้ 

ในอดีตชาติหมอชลอเป็นลูกมอญที่ราชบุรี  แล้วก็หนีพ่อแม่ไปเที่ยวบ้านเพื่อนกับพี่ชาย  น้ำตกเขาเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี  เพื่อนชวนไปปล้นเขา แล้วพี่ชายฆ่าสามีตายคาบันได  ให้หมอชลอ ฆ่าภรรยากำลังอยู่ไฟ เพื่อนของพี่ชายบอกให้แทงลูกที่เกิดมาได้    วัน ตาย แล้วเอาดุ้นฟื้นที่เป็นไม้สะแกจุดไฟเผาบ้าน  หมอชลอ ระลึกชาติได้ตอนนั่งกัมมัฏฐาน แล้วก็ลืม  อาตมายังจดไว้ทุกวันนี้  ต่อมาหมอชลอ ไปค้าไม้ไผ่ไม้รวกที่จะต้องล่องแก่ง เลยถูกเขาฆ่าตายตรงนั้น  ตรงที่ไปฆ่าเขามา เขาเลยต้องฆ่าบ้าง  ฆ่าหมอชลอ ในน้ำเลย ต้องลอยน้ำขึ้น ฆ่าพี่หมอชลอคาบันใด  บ้านหลังนั้น อาตมานึกดูว่า หมอชลอ นี่ต้องตายโหงแน่  เพราะไปฆ่าเขามา  ภรรยาหมอชลอ คือ แม่ทองใบ ต้องตายด้วยเพราะหมอชลอไปฆ่าเมียเขาด้วย  แม่ทองใบไปทำไร่ ตัดไม้รวกล่องแก่ง จังหวัดกาญจนบุรี  ก็มีคนมาถามถึงชลอ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง  มาถามกันหลายคน  ก็พูดเสียจน แม่ทองใบเส้นประสาทแตก  เพราะนึกถึงความหลังที่ผ่านมา  แม่ทองใบเลือดออก ทางปาก ทางหู  ทางตา  ทั้งที่จะทำบุญให้หมอชลอ ในวันรุ่งขึ้นแล้ว กลับมาตายคาที่เลย นี่เป็นกฎแห่งกรรม 

เหมือนพระโมคคัลลา ก่อนไปนิพพาน ต้องให้เขาทุบก่อน โจรนั้นก็คือพ่อของเขา เมื่อชาติก่อน  ภรรยายุให้สามีไปทุบพ่อที่แก่แล้วตาก็ไม่เห็น  ทุบแล้ว พ่อเขาก็บอกว่า ฆ่าเราซะนะ เราแก่แล้ว อย่าฆ่าลูกเรา  ลูกเราไปปัสสาวะในป่านี้  อย่าฆ่าลูกเราเลย  เรารักลูกเรามาก เท่านี้ พระโมคคัลลาก็คิดหันมุมกลับได้ ขอขมาลาโทษแล้วเอาพ่อกลับบ้าน แต่พอไปถึงบ้านก็ถึงแก่ความตาย  ด้วยทนเจ็บปวดรวดร้าวไม่ได้  คือลูกนั่นเอง  ขออโหสิกรรม  ไม่เช่นนั้นไปนิพพานไม่ได้  ขนาดเหาะเหินเดินอากาศได้  พอโจรเข้ามาก็เข้าฌาณสมาบัติ  เพราะว่าสำเร็จหลายอย่าง ก็รู้เลยว่าโจรนั้นคือพ่อของเขาเมื่อชาติก่อน  แต่ก็นึกในใจว่าตนต้องถูกฆ่าตายจึงจะไปนิพพานได้  ถ้าไม่โดนฆ่าตายไปนิพพานไม่ได้  นิพพานแปลว่าสูญกิเลสหมด   เพราะเวรกรรมตามสนอง  พระโมคคัลลาสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วยังโดนฆ่าตาย  ถูกทุบกระดูกแตกหมดเลย  พระโมคคัลลาเลยสำรวมจิตต่อกระดูก  เขาเรียกว่า “โมคคัลลาต่อกระดูก”  คาถานี้มีไว้สำหรับต่อกระดูกคนได้ ต่อกระดูกเสร็จแล้ว  ภาพหนึ่งก็ให้โจรทุบไป  ภาพจริงก็ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า  ขอทูลลาเข้าสู่นิพพาน  พระพุทธเจ้ารู้ว่าเป็นเวรกรรม ก็ให้เข้าสู่นิพพาน

นับประสาอะไร  แค่พระโมคคัลลา พระพุทธเจ้ายังต้องมีเวรมีกรรมที่เสวยชาติเป็นโคบาล วัวจะไปกินน้ำสกปรก  โคบาลก็ตีวัวจะให้ไปกินน้ำหนองที่ใสๆ เท่านี้พระพุทธเจ้ายังต้องรับกรรม  ตอนเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว  จะเสวยน้ำเพราะหิวมาก  พระอานนท์บอกว่าน้ำนี้เสวยไม่ได้  น้ำสกปรกมากมีเยี่ยววัวเยี่ยวควาย  ต้องเดินไปอีก  พระพุทธเจ้าต้องคอแห้งเดินไป กว่าจะถึงหนองน้ำใหญ่มหึมา  ถึงจะเสวยน้ำได้  ฉันใดก็ฉันนั้นก็ต้องมีกรรมอย่างนี้  ฉะนั้นเราทำกัมมัฏฐานต้องพบกรรมแน่  ต้องทำให้เด็ดขาดอย่าทำเป็นญาณเบื่อหน่าย   อาตมาเข้าพลสมบัติมาหลายครั้งแล้ว  ไม่ใช่นิโรธ  ถ้านิโรธต้อง เจ็ดวันมันคนละอย่าง เราแค่พลสมาบัติเบื้องต้น  ก็ได้หลายชั่วโมง  แต่ก็อาจจะเข้าทีละ ๑๐ นาที  ๒๐  นาที ได้  คือรู้เรื่องแต่ข้างใน  ไม่รู้เรื่องข้างนอก  ถึงได้เป็นห่วงโยม สภาวะธรรมนี้สำคัญมาก  บางคนเบื่อหน่ายอยากจะเลิก ข้อเท็จจริงหัวเลี้ยวหัวต่อแล้วเลิก  เลยอดเลย ไม่ได้อะไรเลยต้องอดทนต่อไป  ตายให้มันตาย

อาตมาเป็นห่วงเรื่องสภาวะ  ขอให้ทำให้ได้สภาวะ เกิดขึ้น แล้วก็ตั้งอยู่  ดับไป  ถ้าใครทำได้ก็เข้าขั้น  มันไม่ยาก  แต่มันยากที่บุญวาสนาที่อาตมากล่าวไว้ เงินทองซื้อความดีไม่ได้  ซื้อความสำเร็จไม่ได้  แต่บุญกุศลที่เราทำนั้น สามารถได้ความดีในตัว  และได้ความสำเร็จในชีวิต  ถ้าเราขาดบุญวาสนาแล้ว ก็หมดทางที่จะดีได้  ถ้าทำได้ตั้งสติได้ การที่เราโกรธ และผูกพยาบาท มันจะค่อยๆ เบาบาง หายไปอย่างน่าอัศจรรย์  แล้วความดีจะมาแทนที่  ชีวิตนี้จะแจ่มใส  ทำให้เรานึกถึงบุญกุศลได้ง่าย  คนที่ไร้บุญกุศลนั้นจะคิดเรื่องนี้ไม่ออก บอกไม่ได้ใช้ไม่เป็นแน่นอน

การปวดเมื่อยนี่ก็เป็นกรรมอันหนึ่งเหมือนกัน  บางคนปวดแทบร้องไห้  เหมือนกระดูกจะแตก  เดี๋ยวจะรู้เลยว่าเราไปฆ่าสัตว์ตรงไหน  ไปทำสัตว์อะไรไว้บ้าง  หรือไปตีหลังสัตว์ให้หักไว้อย่างไร  เช่นนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นการปฏิบัติกัมมัฏฐาน จึงมีประโยชน์แก่ชีวิต  ใครทำใครได้  ใครไม่ทำก็ไม่ได้  เราจะไปบอกว่า เราไปแล้วได้ทั้งบ้าน ไม่ได้   ต้องต่างคนต่างกันทำ  สร้างความดีให้แก่ตนเอง ให้ได้  ถ้าเราเป็นพ่อแม่ก็พยายามแผ่เมตตา  ถ้าเป็นสายโลหิตอันเดียวกัน ก็จะถึงลูกถึงหลานได้