ยืนหนอ

พระเทพสิงหบุราจารย์

P16015

 

ยืนหนอนี้ อาตมาได้มาจากขอนแก่น  หลวงพ่อดำ ชื่ออะไรก็ไม่ทราบ  เจอท่านที่น้ำพอง   อยู่ที่ป่าไทรย้อย  เดี๋ยวนี้น้ำท่วมหมดแล้ว  อาตมาไปเจอจึงได้เดินธุดงค์ไปกับท่าน ท่านให้ปริศนาธรรมไว้ว่า อยากเรียนรู้ถามหญิงคันหูก  อยากทำถูกถามเด็กเลี้ยงควาย คนสามบ้านเดินทางเดียวอย่าเหยียบรอยกัน ฯ  เอามาให้ได้  แล้วท่านบอกว่า เกสา  โลมา  นะขา  ทันตา  ตะโจ  ตะโจ  ทันตา  นะขา  โลมา  เกสา   อาตมา มานึกดูว่าตัวเองไม่ได้ทำมา  ๑๐ ปี  พอไปเจริญสติปัฏฐาน จึงร้อง อ๋อ จะเอาวิชานี้ให้ได้  ยืน ๕  ครั้ง  ทบทวนชีวิตให้ได้    มีตั้งแต่กำเหนิด เกิดมาจากมารดาแล้ว  คือ  เกสา  โลมา นะขา ทันตา ตะโจ   เกสา คือ ผม    โลมา คือ ขน   นะขา คือ เล็บ   ทันตา คือ ฟัน  ตะโจ  คือ หนัง  ของทั้ง    อย่าง นี้มีมาตั้งแต่กำเหนิด เกิดมาจากท้องมารดา  แล้วเอามาพิจารณา   

วิชาการ  กับ ปฏิบัติ มันคนละอย่างกัน  ไม่เช่นนั้น  ไปเรียนแพทย์มา แล้วไม่ต้องรักษาใคร ไปเปิดคลีนิคเลย  ใช้ได้หรือประสบการณ์น้อยไป  ต้องให้คนไข้เป็นครู  รักษามานานจนมีชื่อเสียง  ถึงจะไปเปิดคลีนิคได้ 

หลวงพ่อดำ บอกว่า  ถ้าเธอคิดได้ ให้ไปเจอเราที่เขาภูคา  จังหวัดน่าน  อยู่บนเขา  อาตมาก็คิดได้เป็นเวลา ๑๐ ปี พอดี   ยืนหนอ    ครั้ง  เราคิดได้ออกหมด  เดินทางเดียวอย่าเหยียบรอยกันก็คือ  ยืน….หนอ  (หมุนเท้าขวา ๔๕ องศา)  มันจะเหยียบรอยกันหรือ  มาคนละครึ่งทาง   ยืนนี่ หมุน ขวาก่อน  แล้ว ซ้ายค่อยมา  แล้วให้พร้อมๆ กัน  อย่าเหยียบรอยกัน  หมายความว่า เดินอย่าไปเหยียบรอยกัน  ขึ้น-ลง คนละทาง  ขวา-ซ้าย,  ขวา-ซ้าย  เท่านี้เอง 

พออายุ  ๔๕  อาตมาก็เดินธุดงค์ไปเจอท่านที่เขาภูคา  ท่านพาอาตมาเดินลัดเขา ตัดลำเนาไพร    เดือน   แล้วอาตมาก็ได้ไปไหว้พระมัณฑะเล แล้วอธิษฐานว่า “ถ้าข้าพเจ้ามีบุญวาสนา  ขอนิมนต์พระจากมัณฑะเล มาสู่ประเทศไทยให้จงได้”   ตอนนี้พระจากมัณฑะเลมาแล้ว หลังวันนั้นมาเป็นเวลา  ๔๐ ปี พอดี  ถ้าคนไม่มีบุญวาสนา  ไม่มีทุนอยู่ในใจ  จะไปอธิษฐานอะไรก็ไม่ได้ผล  จำไว้มีแต่บุญ  ทุนไม่มี  ได้ทุนกำไรไม่ได้  จะไม่ได้อะไรเลย 

ยืนหนอ    ครั้ง  เบื้องต่ำตั้งแต่ปลายผมลงมาถึงปลายเท้า   เบื้องบนตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมา  ยืนหนอ ๕ ครั้ง  แล้ว  หลับตา  ตั้งตรง     เอาจิตปักไว้ที่กระหม่อม  เอาสติตามดังนี้  ยืน……..(ถึงสะดือ) หนอ…..(ถึงปลายเท้า)  หลับตาอย่าลืมตา  นึกมะโนภาพ  เอาจิตมอง  ไม่ใช่มองเห็นด้วยสายตา  ยืน……(จากปลายเท้าถึงสะดือ  หยุด) แล้วก็หนอ…….ถึงปลายผม  คนละครึ่ง  พอทำได้แล้ว   ภาวนา ยืน….หนอ  จากปลายผม ถึงปลายเท้า ได้ทันที  ไม่ต้องไปหยุดที่สะดือ แล้ว  คล่องแคล่วว่องไว  ถูกต้อง เป็นธรรม  ถ้าคนที่ซื่อๆ  บื้อๆ  พอไปนั่งกัมมัฏฐานแล้ว  จะฉลาดขึ้น  จะทำอะไร  รวดเร็ว  ว่องไว  ถูกต้อง เป็นธรรม  บางคน ซื่อบื้อ  ไปนั่งกัมมัฏฐานแล้ว ยิ่งซื่อบื้อใหญ่ เพาะโง่  นั่งผิด   ถ้าทำถูกต้อง ทำอะไรจะคล่องแคล่ว ว่องไว  ขึ้นกว่าเดิม  จะไม่ขี้เกียจ  ทำอะไรเสร็จรวดเร็ว  เรียบร้อย มีสติสัมปชัญญะ ไม่ใช่นั่งกัมมัฏฐานแล้ว ถึงญาณโน้น  ไปเห็นพระอินทร์  แล้วพระอินทร์บอกว่าเธอทำได้ดีมาก  โปรดระวังมันจะเพี้ยนไป  ขาดสติแท้ๆ ขาดสติจะเพี้ยนทันที  บางคนไปเจอพระพุทธเจ้า  พระพุทธเจ้าถามว่า ทำนาดีไหม  ค้าขายดีไหม  คนแบบนี้มาที่วัดเยอะเลย  เขียนมาเล่าให้ฟัง ๑๐ หน้ากระดาษ  เอาอะไรมา มันนอกเรื่องกัมมัฏฐาน ถามต้องถามในเรื่อง  ลิเกต้องตลกในเรื่อง  อย่าตลกนอกเรื่อง มันจะเปลืองเวลา 

ยืนหนอ    ครั้ง  ถ้าเป็นเด็กบอกให้ยืน…. แล้วเด็ก หายใจช้าไม่ได้  จะหายใจเร็ว  แล้วคนหายใจช้าไม่ได้  หายใจเร็ว  จะใจร้อน  ตั้งแต่เล็กๆ  จะติด  ก็จะหายใจเร็ว  เอาดีไม่ได้คนหายใจเร็ว  ปัญญาไม่เกิด    พอ    ครั้งแล้ว  คนที่ทำได้แล้ว ไม่ต้องหยุดอยู่ที่สะดือ  ไปได้เลย  เสร็จแล้ว ลืมตาดูที่เท้า  ต้องการเอาสติจับอยู่ที่เท้า  ไม่ให้มองไปที่อื่น  

ยืนหนอ ต้องหลับตา ทบทวนชีวิตของเรา  ทบทวนช้าๆ  อย่าทำเร็ว  ยืน….หนอ  อย่าไปดูลมหายใจ  สติทบทวนจะทำให้เรารู้เหตุการณ์ในชีวิตได้  อ่านตัวออก บอกได้ใช้เป็นแน่ 

จิตเกิดทางไหน  เกิดทาง อายตนะ  ตา  หู  จมูก  ลิ้น  กาย  ใจ  เรื่องเงาะป่าไม่ใช่เรื่องเหลวไหล   เงาะป่า  ปากไม่พูด  จิตไม่คิด  จึงเป็นสมาธิภาวนา  คือมีตัวปัญญา   ทำไมต้องสวมเงาะ มันเป็นปริศนาธรรม  เงาะป่าเดินไปตั้งหลายเมือง  ไปเจอรจนาเข้า  รจนาเข้ากัมมัฏฐาน  เห็นหนอ  ยืนหนอ    ครั้ง  ต้องเสี่ยงพวงมาลัยคนนี้แน่  ข้างในไม่ใช่เป็นทองคำ  ข้างในเป็นตัวปัญญา  มีวิชาความรู้  รจนาจึงเสี่ยงพวงมาลัยให้  เพราะรจนาเขามีหลัก    ประการ   รูปสวย  รวยทรัพย์  นับวิชา  มีมารยาท  เป็นชาติผู้ดี  มีศีลธรรม  ทวารทั้ง    มันโง่  หูก็โง่ มีสติหรือเปล่าฟังอะไรก็ไม่ใช้ปัญญา  ดุลพินิจพิจารณาแต่ประการใด  ฟังส่งเดชไปแล้วเอามาคลี่คลายในชีวิต  ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด  เสียหายมาก  เรามองคนด้วยปัญญาจะไม่เสียหาย  มองคนดีหมด เพราะคนเรามีของดีกันทุกคน  แล้วก็มีของชั่ว  คนเรามีทั้งดีทั้งชั่ว  แต่คนที่มีปัญญา จะมองคนที่มีแต่ปัญญา  ความชั่วของเขาอย่าไปรู้ของเขา  เห็นด้วยปัญญา  เนื้อคู่ของคนเรานี้ไม่ต้องไปหาหมอดู บุพเพสันนิวาส ลูกเรามีบุญวาสนาต้องได้คนดีหมด ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะฉะนั้นการเดินมีประโยชน์อย่างนี้

การยืนหนอ ห้าครั้ง  พยายามเอาจิตและสติอยู่ด้วยกัน  พออยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ตัวตนให้เราเห็น  มันยากตรงนี้คือมันไม่มีตัวตน  ไม่เหมือนวัตถุที่มองเห็นด้วยสายตา  มันเป็นอารมณ์  อารมณ์ดีหรือไม่ดี  ใครจะไปรู้ได้  แล้วก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรกับเรา   ถ้าเราได้กัมมัฏฐานชั้นสูงแล้ว จะรู้ว่าเขาคิดอะไรกับเรา  โดยเฉพาะคนเรานี้สร้างความดีไม่เหมือนกัน

บางคนใกล้เกลือกินด่าง  ให้ปฏิบัติกัมมัฏฐานไม่เอา  นิสัยไม่ชอบ  แล้วจะตายไปกี่ชาติเล่าจึงจะมาปฏิบัติกัมมัฏฐาน  คนเราทุกคนต้องมีความอดทนจึงจะได้ของดี   ของดีนั้นจะได้มาก็ด้วยความอดทน  อดกลั้น  อดออม  ความดีเมื่อเข้าไปอยู่ตรงไหนมันก็ดีตรงนั้น มันคือความสงบนั่นเอง  ความสงบจิตระงับใจ  พยายามกำหนดยืนหนอ ห้าครั้งให้ได้  พอได้แล้วจะรู้สึกตัวเบาไปหมด  ทำอะไรคล่องแคล่วไปหมด  และจะรู้เหตุการณ์ของคนอื่นได้   พอเห็นก็จะรู้ทันทีเลยว่าคนนี้มีนิสัยเป็นอย่างไร   จะคบค้าสมาคม เข้าหุ้นกับเขาได้หรือไม่  มันจะบอกได้และไม่มีผิดเพี้ยน 

 

การกลับ

กลับหนอ กลับหนอ    คู่  พอคล่องแล้วก็เป็น ๘ คู่  จากหยาบมาละเอียด  คนเราพอมีสติดี ันจะคล่องแคล่วไปเอง  คนที่ทำอะไรยืดยาด ชักช้า  หรือทำอะไรผิดพลาดบ่อย  พอมาทำกัมมัฏฐานก็จะคล่องแคล่วกว่าเก่า  ทำอะไรผิดพลาดน้อยลงไป  และทำอะไรก็จะรู้เลยว่าผิดหรือถูก  และจะขยันขึ้นไม่ขี้เกียจเลย  ถ้าคนที่มีสมาธิดี  สติดี ฝึกไว้จนมั่นคง เก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ พอมีทุกข์มันจะออกมาแก้  ถ้าไม่มีทุกข์มันก็จะเฉย  ไม่ได้หมายความว่า คนอื่นมาบอก  คนเรามีทุกข์กันคนละอย่าง  ทำเองต้องแก้เอง 

ถ้าท่านคิดอะไรไม่ออก  ไม่ต้องปรึกษาใคร ให้ปรึกษาพิเภก  เพราะพิเภกเป็นสติ ลิงชื่อองคตเป็น จิต  ในเรื่องรามเกียรติ์ องคตต้องไปหลอกลวง ฤาษี ให้เอาหัวใจของทศกัณฐ์ มาให้ได้  และจะฆ่าอินทรชิต ต้องใช้องคตไปหลอกลวงพระพรหมไปเอาพานมาให้ได้    พระรามแผลงศรไป ถูกอินทรชิตตาย  ต้องเอาพานรอง  ไม่เช่นนั้นหัวตกลงพื้นไฟจะไหม้โลก 

จิตนี้มันคดได้  ถ้าจิตคดเมื่อไร เป็นอันธพาลเลย   สุครีพ เป็นลิงแดง โมโหแล้วหน้าแดง  ลิงขาว  ลิงดำ  มาหักต้นน้อยหน่าของพระฤาษี  พอฤาษีมาถามว่าทำไมมาหักน้อยหน่า  ลิงดำ ก็กล่าวหา ลิงขาว  ลิงขาว ก็กล่าวหาลิงดำ  พระฤาษีก็สอน ลิงดำมีจิตดำ ชอบหาเรื่อง  ลิงขาว มีจิตใจสะอาด  ตัวลิง เปรียบเสมือน จิต  มีขาวกับดำ  พระฤาษี ก็บอกให้ลิงดำ ทำจิตให้ขาว  อย่าให้ดำต่อไป  พอฤาษีสอนเสร็จแล้ว  ก็เปล่งวาจา ให้ลิงขาวไปทิศบูรพา สสน

 ให้ลิงดำไปทางตะวันตก 

หมายความว่า  ลิงดำ  คือ จิตดำ  ใจดำอำมหิต โหดร้าย  ฆ่าสัตว์ตัวเป็นให้จำตาย    ลิงขาวก็คือ  จิตที่ใสสะอาด  มันจะรบกับลิงดำ  พิเภก ตัว สติ  เวลามีศึกยักษ์ยกมา  พระรามจะต้องถามตัวสติ   ตัวสติก็บอกให้หนุมานออกไปต่อกร