สัจจะ
พระราชสุทธิญาณมงคล
P9005
สัจจะตัวเดียวนี้
มีอภินิหารทั้งทาน ศีล ภาวนา สัจจะตัวเดียวมีอภินิหารมาก อภินิหารแผลงฤทธิ์ได้ด้วย
อยู่ยงคงกระพันเสียด้วย แล้วสามารถจะทำงานสำเร็จทั้งคดีโลกคดีธรรม
ตัวอย่างว่าญาติโยมมีสัจจะไหม มีความจริงในชีวิตไหม
ถ้าไม่มีขอให้สร้างเสียแต่บัดนี้ ไม่ใช่มานั่งหลับหูหลับตาเลย
ข้าพเจ้าจะเดินจงกรม
ข้าพเจ้าจะนั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง
ไม่ถึง ๑ ชั่วโมงข้าพเจ้าจะไม่เลิก วันนี้ข้าพเจ้าตั้งใจจะตักน้ำซัก ๒ หาบ
ต้องตักให้เต็ม ๒ หาบ ถึงจะมีสัจจะ
คนชาวพุทธส่วนมากทำอะไรไม่ได้ผลเพราะเสียสัจจะ
สัจจะตัวเดียวเท่านั้น ไม่ต้องไปเอาตักบาตร ทำบุญให้ทานมากมายหรอก
ญาติโยมก็ไม่เข้าใจทำบุญเสียอีก มีอะไรทำบุญหมด แต่โยมไม่เข้าใจตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าแบ่งปันใช่ไหมเล่า แบ่งปัน แบ่งสันปันส่วน โยมแปลว่าอย่างไร
แบ่งสรรปันส่วนนี่ บางทีโยมผู้เฒ่าผู้แก่จะว่า หนูมีนาเอามาให้ยายนี่
ยายจะทำบุญให้หมด หมดเลยนะ อย่างนี้เรียกว่าแบ่งสรรปันส่วนเรอะ
ไม่ใช่ พระพุทธเจ้ามีแต่ให้แต่ไม่รับ ไม่รับตรงข้อไหน โยมรู้ไหม
เดี๋ยวโยมจงฟังต่อไป พระพุทธเจ้าไม่รับอะไร แต่อย่างอื่นรับนะ
ไม่รับอยู่ข้อเดียวคืออะไร ญาติโยมฟังต่อไป
อาตมาเคยเห็นมาหลายคนแล้ว
ตั้งใจว่าข้าพเจ้าจะเดินจงกรม ๑ ชั่วโมง นั่งภาวนา ๑ ชั่วโมง พอนั่งไปได้สัก ๔๐
นาที ก็ว่าสายหน่อยค่อยนั่งต่อไป หลายคนบางทีนั่งไปก็ว่านอนก่อนเถอะ
หรือให้เด็กมันหลับก่อนค่อยปฏิบัติต่อเถอะ อย่างนี้ไม่ได้อะไรเลยนะ ไม่ได้จริง ๆ
ด้วย เพราะเสียสัจจะ สัจจะลบหมดเลย ไม่ต้องไปสร้างที่ไหนแล้ว
แล้วไม่ต้องสร้างบารมีต่อไป ทานก็ไม่มี ศีลก็ไม่เกิด นี่ธรรมะก็ไม่เกิดด้วย
ปัญญาบารมีจะเกิดได้อย่างไร เพราะขาดสัจจะ เดี๋ยวนี้ขาดตัวนี้
ไต้องไปเอาอะไรอย่างอื่นหรอก สัจจะไม่มีเลย คนที่มีสัจจะนี่ปืนยิงไม่ออก
ระเบิดก็ไม่ระเบิดเสียด้วย นี่ ตัวสัจจะ สำคัญมาก
ถ้ามีหัวใจมีสัจจะเป็นทุนหลัก
โยมที่จะทำให้สำเร็จมีทุนหลักไหม ถ้ามีทุนหลัก มีคนมาร่วม มาร่วมแล้วมีคนอุปถัมภ์ด้วย
ทุนหลักตัวเดียวคือซื่อสัตย์สุจริต มีสัจจะไม่โกหกตัวเอง แล้วไม่หลอกตัวเอง
ไม่ต้องจำต้องกล่าวว่าจะไปหลอกคนอื่นเขา
ที่เราไปหลอกคนอื่นนี่เท่ากับว่าเราหลอกตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลอกมาเป็นคนเก๊มานานมาก
ญาติโยมโปรดทราบเถิดว่า หัวใจของเราคือสัจจะ มรรคสัจจะ สัจจะในองค์มรรค ถ้าเราไม่มีสัจจะ
มรรคไม่เกิด ไม่เกิดแน่ จะนั่งวิปัสสนา มรรคไม่เกิดแน่
อาตมาเคยเดินธุดงค์กับหลวงพ่อดำในป่า
ก็ต้องใช้สัจจะอีก หลวงพ่อดำอายุกี่ร้อยปีนะ อาตมาก็เคยเดินธุดงค์ไปกับท่านในป่า
อาตมายังไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อแล้ว ท่านบอกว่า คุณเป็นคนจริงหรือเปล่า เราก็ยังไม่รู้ความหมาย
ก็ตอบท่านว่าไม่ทราบ ท่านจึงบอกว่า จำไว้ถ้ามีสัจจะเป็นคนจริง
ถ้าไม่มีสัจจะจะใช้อะไรได้เลย ทุกอย่างเสียหมดแล้ว ไม่ต้องอธิษฐานอะไรไม่ขึ้นจริง
ๆ ท่านว่าอย่างนี้
นี่โยมคงเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อดำ
ท่านไม่ได้ชื่อดำหรอกนะ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร แต่อาตมาเรียกท่านอย่างนั้นเอง
ไม่ทราบว่าอายุกี่ร้อยปี แล้วยังอยู่ด้วยนะ มีสัจจะก็จะเห็นนะ
ไม่มีสัจจะก็จะไปไม่ถึง องค์นี้หรือ อาตมาจะไม่ขอกล่าวต่อไป
ไปพบสัจจะเป็นมรรคสัจจ์
แปลเสียให้สั้น ๆ ในหลักวิชาการนี่มันไม่เหมือนกับวิธีปฏิบัติ
วิชาการกับภาควิธีปฏิบัติมันต่างกัน คำว่า มรรคสัจจ์ มีสัจจะเกิดมรรค
ใช้อย่างนี้ทับศัพท์เลย คนไหนไม่มีสัจจะจะเกิดมรรคไม่ได้ มรรคมรรคาไม่ได้
ต้องมีมรรค ๘ ในทฤษฎี แต่โยมขาดสัจจะก็มีมัก ๒ มักเกิดเลย โยมรู้ไหมว่า มัก ๒ มัก
คืออะไร คือมักง่าย กับมักได้
แน่นอน
คนไม่มีมรรคสัจจ์ คนนั้นมี ๒ มัก โยมไปสังเกตดู คนไหนทำอะไรง่าย ๆ ส่งเดชไป
ก็มักจะมักได้เสียด้วย เอาแต่ได้แต่ไม่ยอมเสีย แต่พอหันมุมกลับ คนไหนเสียสละได้
เสียสละเพื่อได้ ได้อะไร ได้บุญ ได้คุณประโยชน์ นี่ถึงอย่างงี้นา เห็นแก่ได้เลย ๒
มักนั้นแทนจำไว้
มรรคสัจจ์
คือสัจจะเป็นมรรค ถ้าคนไหนไม่มีสัจจะ ไม่มีความจริงแล้ว ไม่ได้มรรค ไม่ได้ผล
ไม่ได้นิพพาน ไม่ต้องไปหานะ จะเห็นผลไปเรื่อย ๆ โยมนั่งเป็นยังไง สบายมากเลย
นั่งถึงหนึ่งชั่วโมงไหม ฉันก็ตั้งสัจจะทุก ๑ ชั่วโมง เวลาจะเลิกไม่ถึงทุกที
นี่ไม่มีสัจจะ จะตายก็ให้มันตายซิ เลือดเนื้อจะเหือดแห้งไป ข้าพเจ้าขอยอมตาย
เอาปณิธานของพระพุทธเจ้ามาใช้สิ
วิธีปฏิบัติเบื้องต้นนี้โยมโปรดทราบ
โยมเคยคิดหรือไม่ ๑ นาทีหายใจเข้าไปกี่ครั้ง ๑๘ ครั้ง นอนหลับเหลือ ๑๕ ครั้ง
คนที่นอนปลุกตื่นยาก ๑๓ ครั้ง คนที่มีสมาธิเหลือ ๑๐ ครั้ง และจะลดลงเรื่อย เหลือ ๘
เหลือ ๔ เหลือ ๒ เหลือ ๑ แล้วเข้าสู่เอกัคคตา แล้วเข้าสู่นิโรธสมาบัติไปตามลำดับ
พระบางองค์ท่านพูดว่าอย่างโน้นอย่างนี้
ถามซิว่าท่านปฏิบัติได้ไหม ทำไม่ได้หรอก อาตมาพูดชั้นต่ำ ๆ ที่อาตมาทำได้จึงพูด
สูง ๆ ทำไม่ได้ ข้อปฏิบัติสูง ๆ ที่นำมาพูด เช่นเรื่องนิพพานนี่ อาตมาไม่ถึง
ถึงแล้วจะบอกให้ ตอนนี้ไปไม่ถึง ยังเป็นพระอรเหอยู่นี่ เหไปช่วยเหลือเขาทางนั้น
เหไปช่วยเหลือเขาทางนี้
เดี๋ยวนี้เข้าไปหาพระอรหันต์กันมาก
สร้างวัดสร้างวาอย่างกับปราสาทราชวัง พระประเภทนี้อยู่ในป่าเยอะ โยมอยากไปจะพาไป
ประเภทสงบจะอยู่ในอรัญราวป่ามากมายจริง ๆ พูดแต่ละคำ แหม
มันซึ้งเข้าไปถึงหัวใจจริง ๆ พระพวกนี้ทั้งแหลมทั้งคม พูดจาสั้น ๆ คมคาย คมติดสัน
พูดแต่ละคำน่าคิดเอาประดิษฐ์สร้างสรรค์ พระประเภทนี้อยู่ในป่าจริง ๆ พูดจาคมคาย
สั้น ๆ นี่อย่าลืม เช่นหลวงพ่อดำ อาตมาตั้งชื่อท่านเอาเอง
ที่เขาลงหนังสืออาจจะไม่ใช่องค์นั้น หรืออาจใช่ก็ได้ แต่ทำไมมีอายุยาวนานนัก
มันเรื่องแปลก บางครั้งก็เจอที่กรุงเทพฯ บางครั้งก็เจอที่ภาคเหนือ
บางที่เจอที่พม่า พระประเภทนี้บางทีนึกเข้า จิตถึงก็เจอ
เพราะฉะนั้นเรื่องลมหายใจ
เรื่องการนับลมนี่ อาตมาจับจุดได้ที่ประเทศจีน
นี่ได้แล้วมาลองโทรจิตให้เป็นตัวหนังสือ สามารถออกไปติดตรงโน้นได้
นี่เรื่องลมหายใจ สอนลูกสอนหลานได้เลย ไม่ต้องไปว่าพุทโธ สัมมาอะระหัง พองหนอ
ยุบหนอแต่ประการใด เพราะเป็นอานาปานสติเหมือนกันหมด แต่เราใส่อารมณ์กรรมฐานอย่างไร
โดยสมถะ หรือวิปัสสนา ขันธ์ ๕ รูปนามเป็นประการใด ของอาตมาพิสูจน์ได้แล้ว พิสูจน์อย่างนักศึกษา
เหมือนเราเป็นนายแพทย์ นี่เอาคนไข้มารักษาถึงจะรู้ ถึงจะเชี่ยวชาญในประสบการณ์เกี่ยวกับวิชาแพทย์
มาจากคนไขดังนี้
ทีนี้มีเด็กชั้นประถมศึกษาที่เรียนหนังสือไม่เก่ง
นี่วิธีสอนสำหรับลูกหลานนะ ไม่ใช่สอนญาติโยม โยมควรจะจำได้เป็นอันเดียวกันคือ
อารมณ์หายใจเข้าออกนี่เอง จะสังเกตได้มั๊ยว่า เมื่อมีโลภะ โลภะมันจะทำให้หายใจผิดปกติยาว
ๆ นะ โทสะนี่หายใจสั้น ๆ ลงไปแล้วกระตุกด้วยนะ กระตุกหนักเข้า ถ้าเลยกว่า ๕๐% ถึง
๖๐% เมื่อไหร่ ลงมือลงไม้เลย นี่โทสะ แล้วบางคนมีอำนาจโมหะ หายใจไม่เป็นปกติ
หายใจเฮือก ๆ นี่คนมีอำนาจโมหะ ไม่อยากมองหน้าใคร ไม่อยากฟังของใครด้วย
ไม่อยากเอาความคิดเห็นของคนอื่นเขา นี่โมหะชัดมาก มีโมโหโทโสเกิดขึ้นอย่างไร
ไม่ต้องไปเจริญกรรมฐานอย่างอื่นนะ ไม่เอาละ หายใจยาว ๆ อย่าไปนั่งคุยกับใคร
อย่าให้อารมณ์ออกไปข้างนอก อารมณ์คนเดียว หายใจยาว ๆ เถอะ
เดี๋ยวรู้เลยลูกกุญแจอยู่ไหน รู้ว่า เอ๊ เงินทองมันหายไปที่ใด บางทีเราเปลี่ยนที่
มันใจร้อนใจรนทุกประการ แล้วก็ทำให้หาของไม่เจอ ขอให้ไปนั่งเฉย ๆ ในห้องภาวนา
เพราะฉะนั้นตามที่ราชการนี่ ห้องอธิบดี ห้องรัฐมนตรี เขาจึงให้อยู่คนเดียว
อาตมาเคยไปเมืองจีน
ไปพบดอกเตอร์คนหนึ่งที่ปักกิ่ง ดอกเตอร์คนนี้เก่งมากจริง ๆ อาตมาไปกับพวกคนฮ่องกง
ไปกันหลายคน มีผู้ชายคนหนึ่งไปโกหกดอกเตอร์
ดอกเตอร์จับชีพจรแล้วถามว่าคุณมีภรรยาแล้วหรือยัง ตาคนนี้บอกว่ายังโสด
ยังไม่มีครอบครัว แต่ดอกเตอร์คนนี้บอกโกหก คุณมีเมีย ๓ คน มีลูก ๕ คน เป็นผู้ชาย ๒
ผู้หญิง ๓ ถูกไหม นี่ตกใจเลย อะไรที่บอกโยม โยมเป็นผู้บอก จิตมันบอกนะ จับลมหายใจนี่
ดังนั้นความลับไม่มีในโลก โกหกไม่ได้
ถ้าลมหายใจเราละเอียด
สมาธิเราละเอียด หน้ามันก็จะบอกอีก การเดินก็บอกด้วย นี่มีประโยชน์มาก
ญาติโยมทำให้ได้แค่นี้ ทำสมาธิกันนี่ไม่ต้องไปนิพพานกันหรอก นิพพานนี่ตายนอกบ่วงไม่ห่วงใคร
ดับสนิทไม่ติดเชื้อขึ้นมา นิพพานแล้วจะเอายังไงกัน อาตมาว่ามีอะไรพิสูจน์ได้ไหม
ทำได้อะไรบ้างจากลมหายใจนี้ พองหนอยุบหนอนี่ลมหายใจ พุทหายใจเข้า โธหายใจออก
ก็ลมหายใจ อานาปานสติ นี่สะดวกไหม
---------- จบ
----------