มหาสมบัติ

พระราชสุทธิญาณมงคล

P9007

 

          ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้นับเป็นวันธรรมสวนะ เป็นวันพระกลางเดือน ๕ เข้ามาสู่หลักเกณฑ์ของมหาสงกรานต์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๕ แล้ว

          ท่านทั้งหลายพร้อมใจกันมามากหน้าหลายตา เพราะมันเป็นวันเทศกาล วันหยุด จุดมุ่งหมายของท่านที่มากันทั้งหญิงและชายนั้น ต้องการสร้างบุญ สร้างกุศลในวันมหาสงกรานต์ เพื่อต้องการมาหา มหาสมบัติ

            ในวันสงกรานต์ ก็ต้องสร้างมหาสมบัติ ชีวิตท่านจะสำราญรมย์ชมสมบัติในโภคะ อันเป็นคุณสมบัติของท่านเองที่เรียกว่า รดน้ำดำหัว เป็นต้น

          ท่านทั้งหลายมากันหลายนัยยะ มากันหลายเหตุผล มาต่างเวรต่างกรรม ต่างนิสัยปัจจัยกน เป็นร้อยเป็นพันก็ว่าได้แต่ เราเข้าถึงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จะกระตือรือร้น ในการสร้างความดี จุดมุ่งหมายอันนั้นของท่านจะเหมือนกันหมด

            ท่านจะไม่มีความรังเกียจ ไม่มีการผูกพยาบาทฆาตพยาเวรต่อท่านผู้ใด จะไม่มีอาฆาตเคียดแค้น จะไม่มีอิจฉาริษยาต่อท่านผู้ใด ชีวิตท่านก็แจ่มใส เพราะเข้าไปเป็นโภคะ แปลว่าท่านได้ มหาสมบัติประจำชีวิต แล้ว ท่านจะรู้คุณค่าของวันมหาสงกรานต์

          เขาเหล่านั้นไม่ว่างงาน มีงานทำอยู่ทุกวัน งานก็เร่งรัดรัดตัวของเขา ถ้าเป็นครูอาจารย์ก็ยังไม่ปิดโรงเรียน ถ้าเป็นข้าราชการก็ยังไม่ได้หยุด ยังไม่ได้จังหวะสักทีหนึ่ง แต่ระยะนี้ว่าง ราชการหยุดหลายวัน รัฐวิสาหกิจเขาก็หยุดให้คนงานมันก็หยุดพร้อมกันอย่างนี้ แต่วัดอัมพวันไม่ว่าง แต่แน่นศาลา แน่นที่พัก โยมมาด้วยความว่าง ไม่ได้มาด้วยความว้าเหว่

          ท่านทั้งหลาย เราต้องการดี มีที่พึ่งด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีท่านผู้ใดไม่ต้องการที่พึ่ง จะเป็นกุลบุตร ธิดา ลูกหลาน ก็ตาม ก็หาที่พึ่ง เขาคลอดมาจากแม่ เขาก็เอาแม่เป็นที่พึ่ง เอาพ่อเป็นที่พึ่ง เวลาพ่อแม่ไปไหนเขาก็ร้องไห้ตาม เขาจะอยู่คนเดียวไม่ได้ อย่าไปว่าลูกหลานแต่ประการใด

          อาตมาตอนเป็นเด็กจำตัวเองได้ พ่อแม่ไปไหนจะร้องไห้ตาม แม่ก็ข้ามฟากไปแล้ว เราก็ร้องไห้อยู่ฟากนี้ จะโดดน้ำไปก็ยังเด็กเล็กนัก ได้แก่ตัวเอง พอพ่อแม่กลับมาถึงบ้านเราก็ดีใจ แม่ก็ซื้อขนมมาฝาก เมื่อเป็นเด็กคิดได้อย่างนั้น

          อาตมาคิดได้มานานแล้ว ว่าทำไมมากันเยอะ มาหาที่พึ่ง เวลาว่างช่วงจังหวะดีแล้วก็มาหาโภคสมบัติ มาหาทรัพย์อันประเสริฐใส่ใจ หาที่พึ่งทางใจ จะได้ร่ำรวยสวยดีในวันมหาสงกรานต์ เรียกว่าวันมหาสมบัติ อาตมาจะขอชี้แจงแสดงในวันพระนี้สัก ๒ ข้อ ข้อ ๑ มหาสมบัติ ข้อ ๒ มหาสงกรานต์

          หมายเหตุท้าย เราก็ต้องกระตือรือร้นในตัวเอง สตาร์ทจิตให้เข้มแข็ง ให้อดทน ถึงจะได้ มหาสมบัติ ซึ่งก็คือ

๑.     ทรัพย์

๒.    ชื่อเสียง

๓.    ความรัก

ทุกคนต้องการ ไม่มีใครเลยที่ไม่ต้องการ

โยมมาแล้วก็ให้อภัยด้วย ที่มันไม่พอก็ยัดเยียดกันไปก่อน เราต่างคนต่างมาแสวงหาของดี โปรดตั้งใจรับฟังโอวาทคติธรรม วันมหาสมบัติ วันมหาสงกรานต์ สืบต่อไป

ขอให้ตั้งใจ ปลูกฝังตั้งศรัทธา กระตือรือร้นจิต ให้มีสติรับฟังธรรมะ ศรัทธาฟัง จดหัวข้อไว้ในใจ ปฏิบัติทันที อย่ารอรีแต่ประการใด

เรามาแสวงหาของดี ต้องการให้มีมหาสมบัติ มีกุศล ต้องการให้โภคะเนืองนอง มากมายก่ายกอง เป็นของตนต่อไป คือทรัพย์ภายนอก

ถ้าเรามานั่งปฏิบัติ มีทรัพย์ภายในดีแล้ว ทรัพย์ภายนอกมันก็มาเอง จิตนี้มันเป็นแร่ ถ้าโยมทำจิตดี มีสติดีมันเป็นแร่ดึงดูด

ถ้าจิตโยมดี ปากก็ดีด้วย พูดได้เงินได้ทอง ถ้าจิตเลว พูดเสียเงิน เดือนร้อนตน เดือดร้อนเพื่อนฝูง ถ้าจิตโยมดีมีปัญญา มีกรรมฐาน ตั้งสติไว้ทุกอิริยาบถ ปากก็เป็นเงินเป็นทอง จะออกมาอย่างนี้ชัดเจน

ถ้าจิตดี หูโยมก็ดีด้วย มีสติอยู่ที่หู มีทรัพย์อยู่ที่หู ฟังแต่ของดี ไม่ไปฟังของชั่วของใครอีกต่อไปให้เสียสมอง

คนที่จิตดีมีกรรมฐาน มีสติสัมปชัญญะ ควบคุมได้เมื่อใด หูโยมจะมีทรัพย์ หูโยมจะมีศีล สติก็ตั้งอยู่ที่หู เดี๋ยวเขาพูดว่าร้ายนินทา ใส่ร้ายป้ายสี ก็ช่างเขาปะไร เดี๋ยวมันก็กลับไปหาเขาเอง

ขอเจริญพรตอนนี้ว่า วัวควายของใครก็เข้าคอกของเขาไป มันไม่มาเข้าคอกเราหรอก เพราะเราไม่ได้เลี้ยงมัน เราไม่มีวัว ไม่มีควาย ใครเลี้ยงก็เข้าคอกของเขาไป คือหูมีทรัพย์ ไม่ต้องไปฟัง ฟังแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์

ถ้าจิตดี มีปัญญา กำหนด คิดหนอ คิดหนอ รู้หนอ รู้หนอ รู้ไว้เสมอ รู้ปัจจุบัน เข้าใจปัจจุบัน ตาก็มีศีล ตาก็มีทรัพย์ เห็นหนอ อ๋อ คนนี้นิสัยไม่ดี เราก็ทิ้งไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อย่าไปเอาของเขามาใสใจเราทำไม นิสัยไม่ดีก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา

เห็นหนอ... คนนี้มาทำไม ท่าทางเหมือนนักเลงโต แววตาไม่มีเลย เห็นหนอ... หัวขาดไปอีกแล้ว ไม่มีหัว คำนวณได้เลยต้องตายภายใน ๗ วัน ถ้าพิจารณาเห็นต่อไปอีก ไม่มีหัว รับรองตายไม่เกิน ๓ ชั่วโมง ตายยังไง รถชนตาย อุบัติเหตุตายไม่ผิดเลย ตรงนี้นะตาท่านมีทรัพย์ ดูเป็นบางคนดูไม่เป็น ฟังไม่เป็น พูดไม่เป็น แถมคิดไม่เป็นอีก คนชั่วชอบคิดของชั่ว คนดีมีปัญญา จะคิดแต่เรื่องเรืองเวทย์วิทยา จะคิดแต่วิชาการ จะคิดแต่หลักฐาน คิดแต่สิ่งที่มีประโยชน์เท่านั้น ตรงนี้ขอเน้นฝากพวกคณะกรรมฐาน ไม่ใช่มาคุยกันนะ มาสร้างความดีให้จิต

จิตโยมดี มีสติกรรมฐานต้องการตรงนั้น ไม่ใช่ไปสวรรค์ ไปนิพพาน ญาณโน้นขึ้น ไปอธิบายกันน้ำท่วมทุ่ง แต่ตั้งสติไว้ก็ยังทำไม่ได้ แค่ ๕ นาที ก็ไม่สามารถจะควบคุมจิตไว้ได้เลย โยมจะมีทรัพย์ตรงไหน จะมีสมบัติตรงไหน เสียคุณสมบัติ เสียมารยาท จิตใจไม่มีกุศล ทำอะไรก็ไม่ได้ผล ดังที่ชี้แจงแสดงมา

แปลว่าตาโยมคนนั้นไม่มีทรัพย์ ตาไม่มีศีล ขาดสติในการดู ขาดรู้ในสัมปชัญญะ และขาดปัญญาในแววตา ดูคนไม่เป็น คนนี้แต่งตัวปอน ๆ มา แต่เขาเป็นใหญ่เป็นโต แต่งตัวสวยเหมือนเทวดาเหมือนนางฟ้า เห็นหนอเข้าไป เป็นคนเลวจิตใจเป็นเดรัจฉาน ตรงนี้น่ะน่าจะได้สำหรับทำกรรมฐานเบื้องต้น

ไม่ใช่มานั่ง ฉันญาณขึ้นแล้ว เดินระยะ ๖ เลย ญาณขึ้น แต่ตรงนี้ทำไม่ได้ สอบตกตั้งแต่ชั้นประถมจะให้ขึ้นชั้นมัธยมได้หรือ มีมากในวัดนี้

ขอฝากญาติโยมไว้ ความสำเร็จมันอยู่ที่จิตใจ ถ้าจิตใจโยมไม่ดี ไม่มีพลัง ความสำเร็จจะไม่มี มีแต่ความล้มเหลว มีแต่ความหายนะ ตรงนี้ขอเน้น

ไม่ใช่มาแล้วถือเนื้อถือตัว ว่าข้าเป็นคุณหญิงคุณนาย ข้าเป็นอธิบดี ข้าเป็นอะไรก็ว่ากันไป มันไม่ได้เป็นอะไรหรอก ก็เป็นมนุษย์สมบัติ เอาแค่นี้ก่อน ไม่ต้องเอาหน้าที่มาพูดกัน ไม่ต้องเอาตำแหน่งมาพูดกันตอนนั่งกรรมฐาน ต้องละหมดแล้ว ต้องปลดออกไปก่อน เรามานี่ ต้องละทิฏฐิมานะแล้ว ต้องตัดปลิโพธกังวลทางบ้านมาแล้ว ถึงจะได้ผล

ต้องถอดเครื่องทรงออก ข้าพเจ้าเป็นชั้นพิเศษ ซี.๘ ซี.๙ ถ้าจิตใจยังเป็น ซี.๘ ซี.๙ ปฏิบัติกรรมฐานไม่ได้หรอก เราเป็นดอกเตอร์ เป็นนักวิชาการ จะปฏิบัติกรรมฐานไม่ได้เลยนะ พอนั่งหลับตาก็จะคิดถึงวิชาการ คิดถึงเครื่องต้นเครื่องทรง ท่านจะไม่ได้อะไรนะ ขอฝากท่านไว้ ทำได้ขั้นต้น ๆ นี่ท่านจะได้ผล

การพัฒนาจิต ทำให้มีทาน ศีล และภาวนา มีทาน เมตตา ถ้าจิตท่านดี ท่านจะบริจาคทานเอง

 

---------- จบ ----------