ของดีที่วัดอัมพวัน

 

พลตรี ดร.วิสาร ชนะรัตน์

R10013

 

            กระผมมีความสุขใจมาก ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ในโครงการปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช ทรงครองราชย์ครบ ๕๐ ปี ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ณ วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ ๒๔ – ๒๘ มิถุนายน ๒๕๓๙ ซึ่งพวกเราได้รับความเมตตาจากท่านผู้บังคับบัญชา ท่านปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกไพบูลย์ เอมพันธุ์ เดินทางไปเป็นประธานในพิธี รวมทั้งศรีภรรยาของท่านคือ คุณหญิงวาณี เอมพันธุ์ และหัวหน้าส่วนราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นับเป็นนิมิตหมายที่ดียิ่งในการใช้หลักธรรมของพระพุทธศาสนา พัฒนาจิตใจของกำลังพลในกองทัพ ให้เป็นข้าราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม และจริยธรรม นำของดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งอยู่คู่โลกมาแต่บุราณกาล ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อราชกิจราชการ และต่อประชาชนของประเทศในที่สุด ให้สมกับที่ทั่วโลกเขายกย่องว่าประเทศไทยมีพระเจ้าแผ่นดินที่ดีที่สุดในโลก และเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่ดีมาก เป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ที่จะต้องขวนขวายนำศาสนามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน บ้านเมืองของเราจะได้สุขสงบร่มเย็นและเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

          พวกเราได้รับความสะดวกสบายมากในระหว่างการอบรมปฏิบัติธรรม สถานที่พัก อาหาร ศาลาปฏิบัติธรรม บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมเหมาะสมมาก จำนวนผู้ปฏิบัติธรรมโดยรวมไม่ต่ำกว่าพันคน แต่ไม่มีความสับสนวุ่นวายเลย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานประสานคล้องจอง หลวงพ่อเป็นนักบริหารที่ดีมาก ทุกคนปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ สถานที่ปฏิบัติธรรม ณ วัดอัมพวันนี้สมควรยึดถือเป็นมาตรฐานระดับโลกได้ กระผมใช้เวลาศึกษาและฝึกอบรมในต่างประเทศรวมแล้ว ๑๑ ปี ตั้งแต่ปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก และกำลังเรียนเสนาธิการสหรัฐฯ ขอเอาเกียรตินี้ยืนยันคำกล่าวนี้

          หลวงพ่อได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยมิเห็นแก่เหน็ดเหนื่อยในการปลุกคนให้ตื่น ในการสร้างคนให้เป็นคนดี ให้มีสติอยู่กับจิต และฝึกฝนต่อไปจนกระทั่งสามารถมีสตินำจิต รู้จักอ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น เห็นตัวตาย ทั้งนี้เพื่อที่จะได้คลายทิฐิ ดำริชอบ ประกอบกุศล และได้ผลงานที่ดีเป็นหลักฐานสำคัญ จำนวนข้าราชการทุกหมู่เหล่า พี่น้องประชาชน และพระภิกษุสามเณร หมุนเวียนเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน มีจำนวนเรือนแสนต่อปี เมตตาธรรมของหลวงพ่อสูงยิ่งนัก รายละเอียดของการปฏิบัติและคำสอนรวมทั้งประสบการณ์ในแง่มุ่มต่าง ๆ หลวงพ่อได้รวบรวมไว้ในหนังสือ “พุทโธโลยี” ซึ่งจัดพิมพ์ให้หนังสือระดับมาตรฐาน โดยสำนักพิมพ์ธุรกิจก้าวหน้า ในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช เนื่องในมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี สมควรที่จะมีไว้เป็นแนวทางดำเนินชีวิตและแก้ปัญหาชีวิตต่อไป

          กระผมได้เข้าปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ตั้งแต่สมัยครองยศพันเอกในกองทัพบก ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก เมื่อประมาณ ๗ ปีที่แล้ว โดยเข้าร่วมในโครงการที่กองทัพบกโดยกรมยุทธศึกษาทหารบกจัดกำลังพลมาปฏิบัติธรรมในครั้งนั้นใช้เวลา ๗ วันได้ผลดีมาก จากสิ่งที่ผุดขึ้นมาทางมโนทวารขณะปฏิบัติธรรม ทำให้กระผมรู้ผิดชอบชั่วดี ไม่สามารถที่จะฆ่าสัตว์ได้อีกอย่างเด็ดขาด รวมทั้งศีลข้ออื่น ๆ ใน ๕ ข้อ ก็เคร่งครัดถือเป็นปกติของชีวิตขึ้นเรื่อย ๆ จนเว้นการดื่มเครื่องดองของเมาได้เด็ดขาดในที่สุด ซึ่งเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ ตัวสติและตัวปัญญาจะบอกจิตในสถานการณ์ต่าง ๆ เอง ว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเหมาะสม สิ่งที่นักปฏิบัติธรรมเพียรพยายามฝึกฝนจะผุดออกมาใช้เป็นผลโดยอัตโนมัติในขณะนั้น ๆ ในวินาทีที่ปัญหาจะเกิด เราจะเอาตัวรอดได้ ผลที่ได้จากการฝึกฝนปฏิบัติธรรมกรรมฐาน จะทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมทำอะไรก็เหมาะเจาะหมดจด มีน้ำใสใจจริงสวยสดงดงาม ถูกต้องและพอดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ คือ เทวดา

          ภรรยาของกระผมคือ อาจารย์วิจิตรวงศ์ ชนะรัตน์ ซึ่งทำงานในบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตำแหน่งผู้บริหารโครงการทุนการศึกษา สำนักประธาน ได้สนใจอ่านหนังสือที่หลวงพ่อแจกให้เมื่อจบการฝึกอบรมจำนวนหลายเล่ม เพื่อเป็นแนวทางนำมาฝึกต่อที่บ้าน หลังจากเธอได้อ่านแล้วก็สนใจให้กระผมพาเธอและลูกทุกคนรวมทั้ง “คุณย่า” คือคุณแม่ของกระผมมาพบหลวงพ่อ หลวงพ่อเรียก “ซูง้อ” มานำไปปฏิบัติธรรม พวกเราทั้งครอบครัวจึงมีโอกาสได้พบแสงสว่าง นำหลักการและวิธีการของท่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน ได้รับผลดีในชีวิตกันถ้วนทั่วทุกคน ครอบครัวมีความสุข มีความก้าวหน้าในชีวิตราชการและบริษัท ลูก ๆ ได้รับการศึกษาดีตามที่เขาตั้งใจไว้ ลูกสาวคนโตเป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลูกชายคนกลางเป็นนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ กำลังจะพยายามสอบชิงทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศซึ่งส่งให้เรียนฟรีถึงระดับปริญญาโท ในสาขาที่ตนถนัดและกองทัพต้องการ ส่วนลูกสาวคนเล็กก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ตนต้องการสมใจ คุณย่าซึ่งเคยป่วยเป็นโรคเบาหวานขึ้นรุนแรงเป็นอัมพฤกษ์ไปครึ่งซีกแล้ว ก็กลับหายเป็นปกติเดินเหินได้คล่องแคล่วแข็งแรงดี ขณะนี้อายุ ๗๕ ปีแล้ว บอกลูกหลานว่า แม่มีความสุขมาก มีบุญที่มีลูกหลานดีทุกคน

          ทั้งหมดนี้กระผมและภรรยายืนยันว่า ได้มาจากการปฏิบัติธรรม ซึ่งท้ายสุดจะช่วยส่งผลให้เกิดผลงานที่ดีแน่นอน เพื่อนหลายคนสงสัยว่ากระผมเป็นดอกเตอร์ทางวิศวกรรมศาสตร์ ไม่น่าเชื่อว่าสนใจเรื่องนี้ กระผมตอบว่า “เพื่อนเอ๋ย เราจบดอกเตอร์จากสหรัฐมาก็จริง เรากลับค้นพบว่าความรู้ที่มีนั้นเป็นความรู้ภายนอก แต่เรื่องจิตของเราเองเรามีความรู้น้อยเหลือเกิน เราต้องการจะรู้เรื่องจิตให้ละเอียดลึกซึ้ง และหลังจากการมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันแล้ว จึงรู้ว่ากระบวนการพัฒนาจิตนั้นก็เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง โดยใช้ร่างกายและจิตใจของมนุษย์คนนั้น ๆ เป็นห้องทดลอง มิใช่เป็นกระบวนการทางไสยศาสตร์แต่อย่างใด ถ้าจิตของเราพัฒนาถึงระดับนี้ ผลจะออกมาอย่างนี้ ๆ แน่นอน ที่สำคัญจะต้องหาอาจารย์ที่รู้จริง และเริ่มทดลองทางเคมี ถ้าไม่มีครูดีหรือไม่รู้จริง หรือทดลองเล่น ๆ ทำบ้างหยุดบ้าง ผลมันก็ไม่ออกเหมือนกัน หรืออาจเป็นอันตรายได้”

          ก่อนที่จะจบเรื่องนี้ อยากบอกเพื่อน ๆ ผู้ร่วมปฏิบัติธรรมและผู้อ่านทุกท่านให้ทราบว่า วัดอัมพวันของหลวงพ่อมีของดีหลายอย่าง อยากจะเล่าเรื่องที่กระผมมีประสบการณ์ ก็คือ แม้แต่เรานอนหลับแล้วฝันยังมีผู้หวังดีที่คอยห่วงใย มาเคาะประตูปลุกให้เราตื่นเพื่อหยุดฝันได้ ดังนั้นผู้เข้าวัดอัมพวันทุกท่านหมดกังวลได้เลยนะครับ ท่านจะได้รับการดูแลอย่างดีในทุกเรื่อง และจะได้ของดีกลับออกไปสร้างความสุขความเจริญให้แก่ตัวเอง แก่ลูกหลาน ผู้ใกล้ชิดทุกคนแน่นอนครับ สำคัญท่านอย่าหยุด ท่านจะต้องนำเอาวิธีการที่ได้รับมาปฏิบัติต่อที่บ้าน พัฒนาจิตของท่านให้มีคุณสมบัติดีขึ้นเรื่อย ๆ ผลดีจะออกมาเองตามหลักวิทยาศาสตร์ ดังที่หลวงพ่อใช้คำว่า “พุทโธโลยี” ครับ

 

---------- จบ ----------