แรงจิตอธิษฐานและอภินิหารข้ามโลก

สมปอง เบรย์

จากหนังสือ กฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติเล่มที่ ๑๑

พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

R11005

       ดิฉัน นางสมปอง เบรย์ อยู่บ้านเลขที่ 601 Dandy Lood Rd. Yorktown Virginia 32692 U.S.A.  ดิฉันเดินทางไปอยู่อเมริกาในปี ๒๕๓๑ ด้วยความตั้งใจที่จะไปศึกษาต่อ โดยมีพี่สาวคนโตที่อาศัยอยู่ก่อนแล้วได้ขอวีซ่าให้ แต่เดิมอยู่เมืองไทยเป็นครูสอนวิชาพระพุทธศาสนาระดับชัน ม.ปลาย และความตั้งใจที่จะไปเรียนต่อก็เพื่อจะได้นำความรู้ความสามารถมาพัฒนาชุมชนและประเทศชาติบ้านเมืองของเราให้เจริญรุ่งเรือง ในช่วงระยะสองปีแรกที่ไปอยู่ใหม่ ๆ ดิฉันต้องประสบกับปัญหาหลาย ๆ ด้าน เพราะความเป็นอยู่แตกต่างจากทางบ้านเมืองเรามาก ช่วงเวลากลางวันเป็นเรียน กลางคืนทำงานและไหนจะมีปัญหาด้านภาษา จะเป็นเพราะบุญบันดาลก็ว่าได้ จึงทำให้ดิฉันได้พบกับคู่ครองที่ดี หลังจากที่เรียนรู้กันไม่นานก็แต่งงานกันมีบุตรชาย ๑ คน อายุ ๔ ขวบครึ่ง สามีชาวอเมริกันเป็นคนใจดี และใจบุญ มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี ต่อมาไม่นานจึงขอให้สามีเดินเรื่องไปรับลูกชายคนโต (ลูกกับสามีเก่า) ไปอยู่ด้วย ทุกอย่างก็เรียบร้อย ครอบครัวเรามีความสุขและอบอุ่นมาก

            ตลอดชีวิตการแต่งงานสามีไม่ให้ทำงาน ให้อยู่กับบ้านเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก และดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน และดิฉันเองก็ทำหน้าที่แม่บ้านโดยสมบูรณ์ อยู่มาวันหนึ่งประมาณปลายเดือนธันวาคม ๒๕๓๘ พี่ ๆ เพื่อน ๆ หลายคนโทรศัพท์มาปรึกษา ขอคำแนะนำเรื่องการจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือวัด เพราะเขาบริเวณชุมชนที่พวกเราอยู่ไม่มีวัดเลย และถ้าจะไปทำบุญแต่ละครั้งก็ต้องเดินทางไกลถึง วอชิงตัน ดี.ซี. คือต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ ๓ – ๔ ชั่วโมง ถ้ารวมเวลาทั้งไปและกลับแล้วประมาณ ๗ – ๘ ชั่วโมง และดิฉันเองก็คิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็จะเป็นการดี ใจก็ชอบเป็นทุนอยู่แล้วจึงตกลงรับปากทันที ซึ่งตอนแรกเรามีสมาชิกไม่มากนัก ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเพราะถือว่าเป็นงานใหญ่คงจะเป็นไปไม่ได้ หรืออาจจะเป็นไปได้ยาก พวกเราจึงได้รวมตัวกันในกลุ่มย่อย ๆ พร้อมทั้งจัดประชุมและแต่งตั้งคณะกรรมการชั่วคราวกันขึ้น โดยมีกรรมการและสมาชิกรวมทั้งหมดไม่กี่คน ดิฉันเองได้รับตำแหน่งหน้าที่เป็นเลขาของกลุ่ม เพราะเพื่อน ๆ พี่เห็นว่ามีความรู้ความสามารถในด้านนี้ พอเลิกประชุมกลับถึงบ้านจึงได้เล่าให้สามีฟังและขอคำแนะนำปรึกษา เพราะงานที่คิดจะทำนี้เป็นงานใหญ่และละเอียดอ่อน เมื่อสามีได้ฟังก็เข้าใจไม่ขัดข้องและเห็นใจ ดิฉันดีใจหลังจากที่สามีอนุญาตและสนับสนุน จึงโทรศัพท์ไปขอพรจากแม่ที่เมืองไทย พอท่านทราบท่านก็ร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ สองสามวันต่อมาดิฉันจึงได้ปรึกษาคณะกลุ่มของเราเพื่อจัดการประชุมใหญ่ ประกาศให้ประชาชนทั่วทุกเมืองในชุมชนให้รับทราบถึงจุดประสงค์ ในฐานะที่เป็นเลขาของกลุ่มดิฉันจึงใช้สติปัญญา และความรู้ความสามารถที่เคยมีมาอย่างเต็มความสามารถ ทุก ๆ คนเห็นผลงานในการตั้งใจจริงจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาและเชื่อถือ

            ในการจัดการประชุมใหญ่ครั้งแรก มีผู้คนสนใจเข้าร่วมประชุมด้วยจำนวนมากมายเกินคาด และเราก็ได้สมาชิกเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่การดำเนินงานของเราก็เป็นไปได้ด้วยความยากลำบาก เพราะประชาชนชาวไทยและชาวพุทธไปอยู่ท่านโน้นนาน ๆ ส่วนมากก็จะอ่อนโอนไปตามสภาพแวดล้อม และอารยธรรมของทางอเมริกัน ซึ่งตัวดิฉันเองก็ตระหนักในใจอยู่เสมอว่า เมื่อตั้งใจที่จะดำเนินงานที่กระทำอยู่นี้แล้ว จะต้องให้สำเร็จตามเป้าหมายที่ได้วางร่วมกันเอาไว้ เพื่อประโยชน์สุขแก่ส่วนรวม อันจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองแก่ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ พร้อมกับจะก่อให้เกิดประโยชน์อันใหญ่หลวงตามมาในหลาย ๆ ด้าน และยังคิดอีกด้วยว่าถ้าสำเร็จแล้ว ยังจะส่งผลในการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เกิดสายสัมพันธ์ระหว่างคนไทยที่อยู่ต่างแดนต่อคนไทยในประทศไทยของเราอีกด้วย ด้วยความคิดนี้จึงทำให้ดิฉันภูมิใจ และปลื้มปีติ จึงยอมอุทิศชีวิตและเวลา พร้อมทั้งอดทน อดกลั้น และเสียสละด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ซึ่งดิฉันเองก็จัดแบ่งเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนแก่ครอบครัว สามีก็ดีใจหายเพราะเข้าใจและให้ความช่วยเหลือ จึงนับว่าเป็นบุญของดิฉัน

            ต่อมากลุ่มคณะกรรมการของเราจึงได้ยื่นขอจดทะเบียนเป็นองค์กรการกุศลโดยไม่แสวงหาผลกำไรให้ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองและก็ได้จัดงานเพื่อหาเงินไว้เป็นกองทุนสร้างสำนักสงฆ์หรือวัดหลายครั้ง

            ได้เงินจำนวนหนึ่งฝากไว้ในธนาคาร ซึ่งพวกเราก็จะจัดงานหาเงินสมทบทุนไปเรื่อย ๆ จนกว่าความพร้อมจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันพวกเราก็ได้เข้ากราบนมัสการขอคำแนะนำจาก พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ ชีวานนฺโท เจ้าอาวาสวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็ได้รับความเมตตา อนุเคราะห์จากท่านหลวงพ่ออย่างดียิ่ง ซึ่งพวกเราก็ได้ยึดถือ และนำมาปฏิบัติโดยรอบคอบ และไม่ประมาท จนเกิดความเจริญก้าวหน้ามาเรื่อย ๆ ดิฉันได้จัดทำข่าวสารบอกบุญส่งข่าวประชาสัมพันธ์ไปทั่วเมืองทั้งประชาชนชาวไทยและชาวพุทธหลาย ๆ ชาติรับทราบ พร้อมทั้งส่งมาทางเมืองไทยและไปต่างประเทศให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือและให้ความสนับสนุน ข่าวสารนั้นได้ออกเป็นรายเดือนโดยที่ดิฉันเป็นผู้เขียนเอง พร้อมทั้งยอมใช้บ้านของตัวเองเป็นสำนักงานชั่วคราวติดต่อสื่อสาร ขณะนี้ก็เป็นเวลา ๑ ปีเต็ม

            ตั้งแต่ดิฉันได้ตั้งใจอุทิศชีวิตให้กับงานนี้ เหตุการณ์แปลก ๆ ในหลายรูปแบบก็เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ต้องอาศัยความหนักแน่น อดทน อดกลั้นและเสียสละสูงมาก จึงสวดมนต์ ภาวนา ทำสมาธิ และแผ่เมตตาเพิ่มมาขึ้นพร้อมทั่งนุ่งห่มชุดขาวทุกครั้งที่ปฏิบัติ จะเป็นเพราะแรงจิตอธิษฐานและอานิสงส์ในการปฏิบัตินี้เอง จึงทำให้การดำเนินงานของดิฉันเจริญก้าวหน้าได้ด้วยดี

            อยู่มาวันหนึ่ง วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๘ หลังจากที่สวดมนต์ ภาวนา ทำสมาธิ แผ่เมตตาเสร็จ ได้จุดธูป ๓ ดอกไปปักกลางแจ้งที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พร้อมทั้งกล่าวคำอธิษฐานว่า “สาธุ ข้าพเจ้านางสมปอง เบรย์ ตัวแทนของกลุ่มจะร่วมกันประกอบคุณงามความดี คืออยากให้มีสถานที่พึ่งทางใจและศูนย์รวมความสามัคคีในการที่จะกระทำความดีร่วมกัน ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทังหลายทั่วสากลโลก และขอเชิญเทพยดาทั้งหลายที่มีจริงถึงสิบชั้นฟ้า สิบห้าชั้นดิน ผู้มีพระคุณ ญาติกา ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ อีกทั้งพระอริยสงฆ์เจ้าทุก ๆ พระองค์ ให้มาร่วมอนุโมทนา ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์นี้ ขอให้คำอธิษฐานของข้าพเจ้าจงประสบผลสำเร็จเทอญ” หลังจากที่ดิฉันกล่าวคำอธิษฐานจบก็ยืนมองและจ้องดูควันธูปที่ลอยกระจายไปทั่วทุกทิศ ด้วยความดีใจและปลื้มปีติ และมีความรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก ขณะที่จ้องดูควันธูปลอยไปทั่วทุกทิศ ในก็ภาวนาอธิษฐานว่า เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้อาราธนามานี้ได้กลิ่นธูปแล้ว ขอให้มาช่วยด้วยเทอญ พอธูปดับจางหายไป ดิฉันก็เดินเข้าบ้าน และเปลี่ยนชุดห่มขาวออกทำงานบ้านด้วยความสุขใจ ตกเย็นดิฉันคิดอย่างไรก็ไม่ทราบ จึงโทรศัพท์ไปคุยกับคุณไกรสร และคุณสุภาพ ประธีบณรงค์ สองสามีภรรยาคู่นี้เป็นกรรมการในกลุ่มของเราด้วย ดิฉันเองก็รักและเคารพทั้งสองมาก ขณะที่โทรไปทั้งคู่อยู่บ้านพอดี ก็ทักทายกันและดิฉันจึงได้เอ่ยขอยืมหนังสือธรรมะ เพราะชอบมากก็ได้ตั้งใจ พร้อมกับรับปากว่าจะนำไปให้ในวันที่จะพบกันที่ประชุมในอีก ๓ วันข้างหน้า และในวันประชุม คุณไกรสรและคุณสุภาพได้นำหนังสือธรรมะมาให้หนึ่งถุง พอเปิดดูก็เห็นหนังสือธรรมะและตลับเทปธรรมะมากมาย ดิฉันดีใจมากจึงกล่าวขอบคุณไป และรับปากว่าอ่านจบทุกเล่มแล้วจะนำส่งกลับคืนให้ พอกลับถึงบ้านลืมทิ้งไว้ในรถ คืนนั้นหลังจากสวดมนต์ ทำสมาธิ แผ่เมตตาเสร็จ นึกขึ้นได้ก็ออกไปเอาขณะนั้นประมาณ ๖ ทุ่ม สามีและลูก ๆ หลับหมดแล้ว ดิฉันได้นำถุงหนังสือธรรมเข้าไปในห้องนอน แล้วค่อย ๆ เปิดดู เพราะเกรงสามีจะตื่น เปิดไฟหัวเตียงหรี่เบา ๆ พออ่านได้ พอเปิดถุงดูก็เห็นหนังสือธรรมะหลายเล่ม และตลับเทปธรรมะหลายตลับ เป็นตลับเทปธรรมะของ หลวงพ่อจรัญ รวมอยู่ด้วย ๒ – ๓ ตลับ เลือกไปดูหน้าปกไป ตาก็ไปสะดุดเข้ากับหนังสือกฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๖ กับเล่ม ๘ จึงได้หยิบเล่ม ๘ ขึ้นมาอ่านก่อน ก่อนอ่านก็เปิดสำรวจดูหนังสือให้ทั่วทั้งเล่ม เพราะไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงเริ่มอ่านสดุดีกถา ภาคธรรมบรรยาย – ธรรมปฏิบัติ และวกกลับมาอ่านกฎแห่งกรรม ๒ – ๓ เรื่อง จึงหยุดพักไว้เพราะดึกมากแล้ว อ่านไปก็เกิดความศรัทธาขึ้นในใจ จึงได้วางหนังสือกฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติของหลวงพ่อจรัญลงบนหัวเตียงพร้อมกับกราบลง ๓ ครั้ง ตาก็จ้องดูรูปภาพของท่านบนหน้าปกแล้วตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีจากท่านพร้อมกับนึกในใจว่า ถ้าท่านมีเมตตาธรรมสูงดังที่ได้รู้และอ่านจากหนังสือนี้ ก็ขอให้ท่านมาแสดงอภินิหารให้เห็นด้วยเถิด จากนั้นก็ม่อยหลับไป

            ในคืนต่อ ๆ มาจะอ่านหนังสือหลังจากสวดมนต์ ทำสมาธิ แผ่เมตตาเสร็จแล้วทุกครั้ง พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐาน ขอบารมีให้หลวงพ่อช่วยแผ่เมตตาให้งานที่กำลังดำเนินอยู่สำเร็จ

            ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ดิฉันในฐานะตัวแทนของกลุ่มได้นำต้นผ้าป่าไปสมทบกับองค์กฐินที่วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งแต่แรกก็คิดว่าจะรวบรวมเงินที่ได้จากซองกฐิน วัดไทย ดี.ซี. ที่ไปแจกญาติโยมและได้กลับคืน ส่งกลับไปยังวัดทางไปรษณีย์ จึงโทรศัพท์ไปปรึกษากับพระมหาทวีพงษ์ ท่านแนะนำ ให้นำไปด้วยตนเองจะได้มีโอกาสพบปะผู้คนมากมายด้วย ดิฉันจึงรีบโทร.ชวนเพื่อน ๆ ให้ไปด้วยกันหลายคน ต่างก็รับปากแต่พอถึงวันเดินทางกลับมีกันแค่ ๓ คน

            ก่อนเดินทางออกจากบ้านประมาณ ๖ โมงเช้า ดิฉันได้จุดธูป ๓ ดอกนำไปปักที่สนามหน้าบ้าน และตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีให้หลวงพ่อจรัญช่วยส่งคนดี มีคุณธรรมสูงมาช่วยดิฉันด้วยอีกทางหนึ่ง พอธูปดับและควันธูปลอยจางหายไป ดิฉันจึงขับรถออกจากบ้านไปรับเพื่อน ๆ ผู้ที่ร่วมทางไปด้วยวันนั้น คือคุณแม่สะอาด สรรพอาสา คุณปริญญา สราย พอถึงวัดพวกเราได้มอบต้นผ้าป่าให้เจ้าหน้าที่รับไปและตัวดิฉันกับเพื่อนเข้าไปกราบพระประธาน พระพุทธมงคล ที่ศักดิ์สิทธิ์มากของวัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และก็หันไปกราบท่านเจ้าอาวาสพร้อมคณะสงฆ์ พอเสร็จพิธีทางศาสนา พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ ชีวานนฺโท ได้เทศน์อบรมและประกาศให้ญาติโยมและแขกเหรื่อจำนวนมากมายได้ทราบถึงจุดประสงค์ของงาน พร้อมทั้งได้จัดงานต้อนรับ และงานคล้ายวันเกิดให้แก่ อาจารย์สมพร เทพสิทธา รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ท่านหลวงพ่อได้ประกาศเกียรติประวัติและคุณงามความดีของ อาจารย์สมพร พอดิฉันได้ยินจึงดีใจเป็นที่สุด เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะโชคดีได้พบกับผู้ใหญ่ดังที่ตัวเองเคยอธิษฐานไว้ ตาก็มองไปที่พระประธานพระพุทธมงคลพร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานให้ท่านช่วย พร้อมกับระลึกถึงหลวงพ่อจรัญ ขอบารมีจากท่านและก็ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจะใช่อาจารย์สมพรหรือเปล่าหนอ ที่หลวงพ่อจรัญจะส่งมาช่วยพวกเรา คิดไปตาก็มองดูผู้คนที่เข้าไปกราบอวยพรอาจารย์สมพร  ดิฉันและเพื่อน ๆ เข้าไปกราบท่านเป็นคนสุดท้ายพร้อมกับได้เรียนให้ท่านทราบถึงการที่จะจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือวัด และขอความเมตตาและความช่วยเหลือจากท่าน พอท่านทราบก็รับปากว่าจะให้ความสนับสนุนและช่วยเหลือ ท่านได้ให้นามบัตรแก่ดิฉัน ให้ติดต่อท่านและขอให้เขียนโครงการจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือวัดให้ท่านด้วย ๑ ชุด

            ในวันต่อมา ดิฉันไดโทรไปหาอาจารย์สมพรอีกครั้ง ขณะที่ท่านยังพักอยู่ที่วอชิงตัน ดี.ซี. อาจารย์ได้เชิญดิฉันให้ไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับคณะของท่านพร้อมกับนำโครงการไปให้ท่านด้วย ดิฉันดีใจมากจึงตอบรับทันที ใจก็นึกถึงแต่หลวงพ่อจรัญ ขอบารมีให้ช่วยอยู่ตลอดเวลา ดิฉันก็รีบโทรไปหาคุณชัชพงษ์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์สมพรอยู่ในขณะนั้น และคุณชัชพงษ์ได้นัดวันเวลาให้ดิฉันทราบว่า ๑ ทุ่มตรงที่ Mariott Hotel (Arlington) เมื่อพบกันแล้วจึงจะไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารจีน ดิฉันรีบโทร.ไปชวนพี่สมรัตน์ พี่พิกุล คิทฮิทสัน พี่ลำภา เบคเดอร์ ให้ไปเป็นเพื่อน แต่พอมาคิดดูอีกครั้งว่าการเดินทางนั้นเป็นเวลากลางคืน การเดินทางของพวกเราคงจะไม่ปลอดภัยแน่เพราะมีแต่ผู้หญิง และทางไกลด้วย พวกเรายังไม่เคยไปมาก่อน ต้องใช้เวลาในการขับรถประมาณ ๓ – ๔ ช.ม. สามีแนะนำให้โทรไปชวนหลานชายไปเป็นเพื่อนเพราะคุณเคยเส้นทาง หลานก็แบ่งรับแบ่งสู้ บอกว่าจะให้คำตอบหลังจากเลิกงานแล้ว ดิฉันก็ไม่สบายใจ จึงรีบโทรไปปรึกษา พระมหาถนัด อิทธิเสน วัดไทยกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ท่านก็จะช่วยหาคนนำทางให้แต่ก็ไม่พบใคร แต่ก็กำชับว่าให้ไปพบ อาจารย์สมพรให้ได้ เพราะจะได้พูดคุยเรื่องโครงการกับผู้ใหญ่ ความสำเร็จก็จะได้เร็วขึ้น ดิฉันโทรกลับไปหาหลานชายอีกครั้งหนึ่ง ขอร้องให้ไปเป็นเพื่อและก็สำเร็จ ในที่สุดก็ตกลงกันว่าจะออกเดินทางในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้นเพื่อให้ทัน ๑ ทุ่มตามนัด

            อันที่จริง อาจารย์สมพรเองได้เดินทางไปประชุมที่นิวยอร์กและจะกลับให้ท่าน ๑ ทุ่มตรงตามที่นัดหมายไว้เช่นกัน รุ่งขึ้นเป็นวันเดินทาง รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะสภาพอากาศแย่มาก ๆ ทั้งฝนทั้งลมแรง และมิหนำซ้ำระหว่างทางยังมี Snow ลงอีกด้วย ดิฉันเป็นกังวลไปต่าง ๆ นา ๆ สถานที่ที่จะไปพบท่านก็เป็นเมืองใหญ่ และกลัวหลงทาง ก่อนจะเดินทางออกจากบ้าน ดิฉันได้สวดมนต์และเอาจิตระลึกถึงหลวงพ่อจรัญให้ท่านช่วยแผ่เมตตาปกป้องคุ้มครองให้พวกเราเดินทางไปกลับด้วยความปลอดภัย พวกเราเริ่มเดินทางออกจากยอร์กทาวน์ประมาณเกือบ ๕ โมงเย็น เพราะกะจะให้ถึงที่นัดหมายให้ทันเวลาหรือช้าก็อาจเป็นบ้างเล็กน้อย และในวันนี้เองเหตุการณ์ที่แปลกมากได้เกิดขึ้น ขณะที่ขับรถไประหว่างทางก็ต้องเผชิญกับ Snow ลงหนัก พอไปถึงสถานที่นัดพบแทนที่จะแวะเข้าไป แต่พวกเรากลับผ่านเลยเข้าไปในเขตใจกลางเมืองวอชิงตัน ดี.ซี. เหมือนกับมีอะไรมาบังตา คือถ้าขับหลงเข้าไปในเมืองใหญ่จะหาทางกลับออกมาได้ยาก เพราะเส้นทางจราจรสับสนมาก ยิ่งเป็นเวลากลางคืนถนนหนทางที่มองเห็นป้ายไม่ถนัดเพราะความมืดปกคลุม และขณะที่พวกเรากำลังหลงทางขับรถวกไป-วนมาอยู่ในใจกลางเมือง ดี.ซี. ประมาณ ๒ ชั่วโมง ดิฉันจึงนั่งหลับตาอยู่ข้างหลานซึ่งเป็นผู้ขับ และตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงหลวงพ่อจรัญให้ท่านช่วยขอให้ได้พบกับอาจารย์สมพรดังที่ตั้งใจเอาไว้และขอให้สำเร็จ ดิฉันตัดสินใจบอกให้หลานจอดรถเพื่อสอบถามหนทาง เมื่อได้รับคำแนะนำพวกเราจึงขับย้อนกลับมาสถานที่นัดหมายได้ถูกต้อง ไปถึง Marriott Hotel (Arlington) ประมาณ ๑๐.๐๐ น. (สี่ทุ่ม) คือเสียเวลาช้าไป ๒ ชั่วโมง ดิฉันและพี่ ๆ คิดว่าอาจารย์สมพรกับคณะคงจะรอนานและกลับไปแล้ว พวกเราทุกคนต่างก็กระวนกระวาย หิวก็หิว โชคดีที่พี่พิกุลและพี่ลำภาได้มีขนมและอาหารติดรถไปด้วย แต่เหมือนกับปาฏิหาริย์ พอจอดรถดิฉันรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะสอบถามพนักงานโดยทุกคนนั่งรออยู่ในรถ ดิฉันเดินเข้าไปยังไม่ทันที่จะสอบถาม ก็ได้ยินเสียงประตูเปิดจึงมองกลับไป ปรากฏว่าเป็นคณะของอาจารย์สมพรกำลังเดินตรงมาหาดิฉัน พวกเราต่างก็ดีใจ พี่ชัชพงษ์ กำลังเดินตรงมาหาดิฉัน พวกเราต่างก็ดีใจ พี่ชัชพงษ์และพี่ศิริอร จึงนำทางเราไปยังร้านอาหารจีน ซึ่งอาจารย์สมพรรออยู่แล้ว ซึ่งท่านเองก็เพิ่งจะกลับมาจากการประชุมที่นิวยอร์กเช่นกัน ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ขบวนรถไปที่ท่านนั่งมาก็เสียเวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงเช่นกัน ซึ่งท่านเองก็เป็นห่วงและกังวลกลัวว่าพวกดิฉันจะมาไม่พบแล้วก็จะพากันกลับไป แต่บังเอิญโชคดีที่การหลงทางของดิฉัน ๒ ชั่วโมงก็เหมือนกับเป็นการรอเวลาของขบวนรถไปที่อาจารย์สมพร มาจากนิวยอร์กที่คลาดเคลื่อนช้าไป ๒ ชั่วโมงเช่นกัน เป็นอันว่าเราไปเจอกันตามที่นัดหมายในเวลาเดียวกันคือ ๑๐.๐๐ น. (สี่ทุ่ม)

            สรุปแล้วอาหารเย็นมื้อนั้นเราทานกันดึกมาก ทุกคนต่างดีใจ ดิฉันเองดีใจมากกว่าใคร ๆ จนทานข้าวไม่ได้ และในคืนนั้นดิฉันก็ได้ยื่นโครงการการจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือวัดให้อาจารย์สมพร พร้อมทั้งเรียนให้ท่านได้ทราบว่าดิฉันดำเนินงานนั้นสำเร็จดังตั้งใจแล้ว จะบินไปกราบหลวงพ่อจรัญ พออาจารย์สมพรได้ยินจึงถามขึ้นทันที่ว่าหลวงพ่อจรัญไหน ดิฉันตอบว่า หลวงพ่อจรัญวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี อาจารย์สมพรดีใจมากเพราะท่านก็เป็นลูกศิษย์ที่สนิทคนหนึ่งของหลวงพ่อจรัญ พร้อมกับได้เล่าถึงความมีเมตตาธรรมสูงของท่านให้ดิฉันฟังและรับปากด้วยว่ากลับไปเมืองไทยจะนำเรื่องนี้เข้ากราบเรียนหลวงพ่อจรัญเช่นกัน พอได้เวลาอันสมควร ดิฉันและพี่ ๆ จึงได้ขอตัวกลับ และทุกคนก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ

            สรุปเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่ได้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันคือ

๑.                 ตั้งแต่ได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติ และทราบถึงความมีเมตตาธรรมสูงของท่านหลวงพ่อจรัญ ดิฉันได้ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีท่าน ให้ท่านช่วยส่งคนดีมีคุณธรรมสูงมาช่วยก็ได้สมดังปรารถนา ทำให้ดิฉันได้มีโอกาสพบอาจารย์สมพร เทพสิทธา รองประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ทราบมาก่อนเลยว่าท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญคนหนึ่ง และอาจารย์สมพรรับปากว่าจะให้ความสนับสนุนและช่วยเหลือในโครงการจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือวัด

๒.                ในวันเดินทางที่จะนำโครงการการจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือวัดไปยื่นให้อาจารย์สมพร ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นคือทั้งลม ทั้งฝน และ Snow ลงหนักระหว่างทาง ขับหลงทางอยู่ ๒ ช.ม. ด้วยแรงอธิษฐานระลึกถึงหลวงพ่อ จรัญให้ช่วยก็สามารถได้พบอาจารย์สมพรกับคณะในที่สุด และอาจารย์สมพรเองท่านก็ติดขัดและช้าไป ๒ ช.ม. เช่นกันเพราะขบวนรถไฟที่ท่านนั่งกลับจากนิวยอร์กคลาดเคลื่อน นี่ก็เป็นเพราะว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ถ่วงเวลาให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสพบกันซึ่งเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริง ๆ

ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพบและไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหลวงพ่อจรัญมาก่อนเลย      เพียงแต่เห็นรูปภาพท่านและได้ทราบจาก

หนังสือ กฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติ ว่าท่านมีเมตตาสูงมาก จึงตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีจากท่านก็ได้สำเร็จดังอธิษฐานและตั้งใจ และเชื่อแล้วว่าท่านมีเมตตาธรรมสูงมากจริง ๆ แม้เพียงตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีจากท่านไม่ว่าจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า ท่านก็สามารถช่วยแผ่เมตตาถึงได้ด้วยความมีเมตตาธรรมสูงส่งนี้เอง ดิฉันได้โทรกราบนมัสการท่าน และพบว่าเป็นบุญที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านพร้อมกับขอมอบตัวเป็นลูกศิษย์ และได้ขอพรจากท่านให้การจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือวัดสำเร็จ ซึ่งดิฉันเองก็ตั้งปณิธานไว้ว่า จะสร้างสมความดีพร้อมกับอุทิศตนกับงานที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้เพื่อประโยชน์สุขแก่ส่วนรวม ชุมชน และประเทศชาติด้วยเจตนาบริสุทธิ์จวบจนชีวิตจะหาไม่

            ดิฉันตั้งใจว่าเมื่อสำนักสงฆ์หรือวัดสำเร็จเรียบร้อยแล้วจะบินมากราบ และเจริญวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวันกับหลวงพ่อ ดิฉันได้กราบเรียนให้ท่านทราบ ท่านได้กล่าวต้อนรับด้วยความยินดี และท่านยังให้พรดำฉันด้วยว่าให้การดำเนินงานสำเร็จ

            และดิฉันก็โชคดีที่ได้รับหนังสือบทสวดมนต์ของหลวงพ่อจากพระมหาถนัด อินทิเสน ซึ่งท่านได้มีโอกาสมากราบและเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อที่วัดอัมพวันเมื่อต้นปีที่แล้ว พร้อมกับได้นำหนังสือบทสวดมนต์จากหลวงพ่อไปแจกจ่ายญาติโยมทางอเมริกา ปกติดิฉันเองก็สวดมนต์ ภาวนา ทำสมาธิ เช้า – เย็น ทุกวัน และได้ปฏิบัติเพิ่มเติมตามบทสวดมนต์ของท่านหลวงพ่อ ทุกวันนี้มีแต่ความสุขความเจริญ ไม่ว่าจะติดต่อการงานในด้านใดก็ราบรื่น และหนังสือบทสวดมนต์ของหลวงพ่อที่ได้รับจากพระมหาถนัดจำนวนหนึ่ง ดิฉันได้ช่วยแจกจ่ายให้เพื่อนฝูงนำไปปฏิบัติ เพื่อจะได้เกิดความสุขความเจริญแก่ตน ครอบครัว และหมู่คณะต่อไป

            สุดท้ายนี้ดิฉันขออัญเชิญ อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยพร้อมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก และในวัดอัมพวัน จงอภิบาลท่านหลวงพ่อจรัญให้มีพลานามัยสมบูรณ์ มีอายุยืนยาว อยู่เป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทยและชาวพุทธ ที่อยู่ทั้งไกลและใกล้ได้พึ่งเมตตาบารมีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปชั่วกาลนาน

นางสมปอง เบรย์

Sompong Bray

601 Dandy Loop Rd.

Yorktown VA.23692

U.S.A.

 

-----------------