การปฏิบัติธรรมช่วยการศึกษาได้

ปรียา เรืองทองดี

จากหนังสือ กฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติเล่มที่ ๑๑

พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

R11009

๒๓ ตุลาคม ๒๕๓๙

กราบนมัสการหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

            ดิฉัน น.ส. ปรียา เรืองทองดี จบการศึกษจาก ร.ร.สองพี่น้องวิทยา จ.สุพรรณบุรี และในปัจจุบันนี้กำลังศึกษาอยู่ที่ ม.ศิลปากร สาขาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ดิฉันเคยมาปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวันครั้งแรก เมื่อดิฉันกำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ร.ร.สองพี่น้องวิทยา จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งโตดิฉันไม่เคยรู้จักคำว่า กรรมฐาน และไม่เคยทราบว่ากรรมฐานเป็นอย่างไร เคยเห็นการเดินจงกรมทางทีวี แต่ก็เพียงแค่ได้เห็นไม่เคยคิดที่จะนำมาปฏิบัติ ดิฉันเริ่มรู้จักและทราบประวัติของ หลวงพ่อจรัญ จาก ท่านอาจารย์ไชยสิทธิ์ ไกรคุณาศัย  ผู้อำนวยการโรงเรียนสหวิทย์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเปิดสอนในระดับ ปวช. และ ปวส. ตอนนั้นดิฉันเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับชั้น ม.ต้น ท่านอาจารย์ไชยสิทธิ์มาแนะแนวการศึกษาต่อในระดับ ปวช. ดิฉันได้ไปเข้าร่วมฟังการบรรยายด้วย แต่ดิฉันก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่หัวข้อที่อาจารย์ไชยสิทธิ์มาแนะแนวนั้น ท่านได้เล่าเรื่องกฎแห่งกรรมและประวัติของหลวงพ่อ เมื่อดิฉันได้ฟังประวัติและกฎแห่งกรรมของหลวงพ่อ ดิฉันรู้สึกศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อมาก ทั้ง ๆ ที่ดิฉันไม่เคยพบและทราบประวัติหลวงพ่อมาก่อนเลย

            ตลอดระยะเวลาการบรรยายและการแนะแนว ดิฉันตั้งใจฟังตลอด ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของท่านอาจารย์อย่างยิ่ง ที่ทำให้ดิฉันได้รู้จักวัดอัมพวัน ตั้งใจว่าสักวันหนึ่งจะต้องสืบถามให้ได้ว่า วัดอัมพวันและหลวงพ่ออยู่ ณ ที่ใด ต่อจากนั้นประมาณ ๒ อาทิตย์ ดิฉันได้ทราบข่าวจากท่านอาจารย์แนะแนว คือ ท่านอาจารย์วารี คชศิลา ท่านได้มาชักชวนดิฉันและเพื่อน ๆ ให้ไปนั่งสมาธิปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี โดยการมาปฏิบัติกรรมฐานครั้งนี้ ได้รับความกรุณาจากคุณย่าของ นายเทอดศักดิ์ มั่นสวัสดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องของดิฉัน ท่านอาจารย์วารี คชศิลา บอกว่าจะรับสมัครสมาชิกเฉพาะนักเรียน ม.๔ – ม.๖ เท่านั้น ขณะนั้นดิฉันเพิ่งเข้าเรียนในชัน ม.๔ จึงได้มีโอกาสมาปฏิบัติกรรมฐานกับเขาด้วย ตอนแรกที่ตกลงใจมาปฏิบัติกรรมฐานนั้น ก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะเป็นวัดเดียวกับที่ท่านอาจารย์ไชยสิทธิ์ เล่าให้ฟัง แต่ตอนที่ดิฉันตัดสินใจมาก็มาตามเพื่อน สนุกตามเพื่อนเห็นเพื่อนมาก็อยากจะมาบ้าง เพราะท่านอาจารย์วารี คชศิลา ท่านบอกว่าตอนกลับจากวัดอัมพวัน ท่านจะพาไปเที่ยวกรุงเก่า (กรุงศรีอยุธยา) เพราะเป็นทางผ่านพอดี ซึ่งดิฉันไม่เคยเห็นกรุงศรีอยุธยาเลย ก็อยากจะมาเที่ยวด้วย

            เมื่อมาถึงวัดสิ่งแรกที่ดิฉันประทับใจมากก็คือบริเวณรอบ ๆ วัดอัมพวัน ซึ่งปกคลุมไปด้วยต้นไม้และพันธุ์ไม้นานาชนิด บริเวณวัดนั้นร่มรื่นมาก อากาศดี และที่ดิฉันประทับใจมาก ๆ ก็คือห้องน้ำ เพราะห้องน้ำที่วัดอัมพวันสะอาดมาก ๆ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดวัดของหลวงพ่อจึงมีห้องน้ำที่สะอาดมาก เมื่อได้ฟังหลวงพ่อเทศน์และจากคำบอกเล่าของผู้ที่มาปฏิบัติกรรมฐานจึงได้ทราบว่า การที่ห้องน้ำสะอาดก็เพราะหลวงพ่อได้บอกคาถาวิเศษให้กับสาธุชนว่า ถ้าอยากจะให้ลูกฉลาดและปัญญาดีจะต้องขยันขัดห้องน้ำ เมื่อดิฉันทราบดังนี้แล้ว เมื่อว่างจากการปฏิบัติกรรมฐานบนศาลา ดิฉันก็จะต้องรีบไปขัดห้องน้ำ เพราะอยากมีปัญญาดีกับเขาบ้าง และก็จะไปกวาดลานวัดกับเพื่อน ๆ ด้วยตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติกรรมฐาน ๕ วันนั้น

            ดิฉันรู้สึกว่าตนเองได้ทำความดีและรู้สึกว่าจิตใจดีขึ้นมาก ดังนั้นตั้งใจปฏิบัติอย่างเต็มที่ วันแรกที่ปฏิบัตินั้นดิฉันรู้สึกง่วงมาก ๆ และรู้สึกเหมือนตัวเองถูกบังคับ และรู้สึกปวดเมื่อยมาก เนื่องจากดิฉันไม่เคยปฏิบัติมาก่อน เมื่อนั่งกรรมฐานจึงง่วงและนั่งโยกไปโยกมา ตอนนั้นโชคดีที่ครูสอนกรรมฐานคือแม่ชีอาซูจัง ชาวสิงคโปร์ ท่านสอนดีมาก และการสวดมนต์ของแม่ชี ไพเราะจับใจมาก ๆ หลวงพ่อเล่าว่า เมื่อแม่ชีอาซูจังมาประเทศไทยใหม่ ๆ ท่านพูดภาษาไทยไม่ได้เลย แต่เมื่อท่านมาบวชชี ณ วัดอัมพวัน แม่ชีท่านสามารถปฏิบัติกรรมฐานได้ดี และพูดภาษาไทยได้ ดิฉันจึงคิดได้ว่าเราเป็นลูกของพระพุทธเจ้า นับถือพระพุทธศาสนาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ กลับสวดมนต์ไม่เป็น ดิฉันจึงตั้งใจว่า จะปฏิบัติกรรมฐานโดยการเดินจงกรม นั่งสมาธิ และคิดว่าจะนำมาปฏิบัติให้ต่อเนื่อง และก็เกิดผลดีมาก การเรียนของดิฉันดีขึ้นมาก

            เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ท่าน อาจารย์วารี คชศิลา ได้มาชวนดิฉันให้ไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวัน ซึ่งวันที่ออกเดินทางนั้นเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทางโรงเรียนของดิฉันจัดงานเลี้ยงให้กับนักเรียนได้สนุกสนานกัน แต่ดิฉันเลือกที่จะมาปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน นับว่าดิฉันและอาจารย์วารี คชศิลา โชคดีมากที่ได้ฟังเทศน์จากหลวงพ่อจรัญ และได้มีโอกาสปฏิบัติกรรมฐานกันอีก ดิฉันปฏิบัติได้ดี เมื่อมีอาการปวด ดิฉันก็ทำตามที่หลวงพ่อบอกให้กำหนดเวทนา และเมื่อได้ยินเสียงหรือเกิดอาการใด ๆ ก็กำหนดตาม ปรากฏว่าอาการปวดก็ทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์

            ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัตินั้น ดิฉันมีความสุขใจมาก มันเป็นความสุขใจและความอิ่มใจที่ตลอดชีวิต ดิฉันไม่เคยสัมผัสกับความสุขอย่างนี้เลย เป็นความสุขจากรสพระธรรม ไม่มียาพิษ ใสสะอาดและบริสุทธิ์ผุดผ่อง

            ตอนเช้าวันที่จะเดินทางกลับนั้น ดิฉันได้ไปกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดอัมพวัน ซึ่งก็มีพระบรมรูปของรัชกาลที่ ๕ ช้างต้นมงคลชัย พระภูมิเจ้าที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ได้อธิษฐานต่อสมเด็จพระพุฒาจารย์โต และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโมว่า ขอให้ดิฉันได้มีโอกาสมาปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวันแห่งนี้ทุก ๆ ปี และก็คงจะเป็นบุญวาสนาของดิฉันที่เคยสร้างมาแต่อดีตชาติ จึงส่งผลให้ดิฉันได้มีโอกาสมาปฏับัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวันทุก ๆ ปี จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะต้องเรียนหนังสือ แต่เมื่อปิดเทอมดิฉันจะต้องหาโอกาสมาปฏิบัติกรรมฐานเสมอ และทุก ๆ ครั้งที่ดิฉันตั้งใจจะมาวัดอัมพวันก็มิเคยมีอุปสรรคใด ๆ เลย คุณแม่ก็อนุญาตและอนุโมทนาบุญกับดิฉันด้วย

            แต่เมื่อดิฉันเรียนอยู่ชั้น ม.๖ นั้น ดิฉันก็เริ่มสับสนและกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะดิฉันกำลังจะจบการศึกษาอยู่แล้ว แต่ดิฉันก็ยังหาที่เรียนไม่ได้ ดิฉันสมัครสอบโควต้าและมีสิทธิ์สอบโควต้าแทบทุก ๆ มหาวิทยาลัยที่ส่งมายังโรงเรียนของดิฉัน เนื่องจากดิฉันมีเกรดเฉลี่ยที่ดีมาตลอด จึงมีสิทธิ์สอบ ดิฉันตั้งใจและอ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดิฉันหมดเงินค่าสมัครสอบค่ารถ และค่ากินไปเกือบหนึ่งหมื่นบาท เพราะสมัครสอบหลายแห่งมาก เพื่อน ๆ ของดิฉันซึ่งเรียนได้เกรดที่ค่อนข้างดีสอบได้ แต่ดิฉันก็ไม่มีที่ศึกษาต่อเลย ดิฉันจึงกลุ้มใจมาก จึงไปดูหมอดูพระใกล้บ้าน พระท่านก็บอกว่าจะสอบติดมหาวิทยาลัยได้ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ทำให้ดิฉันมีกำลังใจสู้ต่อ จึงตั้งใจและขยันอ่านหนังสือและนอนดึก ๆ อ่านหนังสือดึก ๆ อ่านหนังสืออย่างเดียวไปยอมไปเที่ยวไหนเลย ตั้งใจว่าจะต้องพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ และดิฉันก็สมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก ๒ – ๓ แห่ง แต่แล้วก็เป็นเช่นเดิม ดิฉันต้องนอนร้องไห้อีกตามเคย เพราะผลการสอบปรากฏว่าดิฉันสอบไม่ผ่านและแล้วก็เหลือเวลาอีก ๑ เดือนกว่า ๆ ก็จะถึงเวลาแห่งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ขณะนั้นดิฉันจบการศึกษาชั้น ม.๖ พอดี ดิฉันหดหู่ใจมาก เพราะกำลังใจทั้งหลายมันหมดไปแล้ว จึงคิดว่าถ้าพยายามแล้วสอบเข้าไม่ได้ก็จะเรียนที่วิทยาลัยครูแทน ดิฉันจึงไม่คิดจะสอบ Entrance แต่พอดีท่านอาจารย์ วารี คชศิลา ซึ่งเป็นผู้ที่มีพระคุณอย่างสูงต่อชีวิตของดิฉัน และให้การช่วยเหลือทั้งทางด้านการเงินและให้คำปรึกษาดุจมารดา ขณะที่ดิฉันกำลังสับสนอยู่นั้น ท่านอาจารย์วารี ก็เข้ามาปลอบและให้กำลังใจบอกให้ดิฉันสู้ ดิฉันจึงตัดสินใจเสี่ยงสมัครสอบ Entrance แล้วดิฉันก็ตั้งใจอ่านหนังสืออย่างหนักอีก แต่คราวนี้ไม่เคยคิดหวังเลยว่าจะสอบได้ แต่ก็พยายามอ่านหนังสือ และเมื่อเหลือเวลาอีกประมาณ ๑ อาทิตย์ก่อนสอบ ดิฉันก็ยิ่งกระวนกระวาย รู้สึกหงุดหงิดมาก จิตใจเป็นทุกข์ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด คิดแต่จะมาวัดอัมพวัน เมื่อมาบอกเรื่องนี้กับทางบ้าน พี่ ๆ เขาก็บอกว่าอย่าไปเลยเพราะเหลือเวลาไม่มากน่าจะอ่านหนังสือให้เต็มที่จะดีกว่า ดิฉันก็เลยบอกพี่สาวว่าอยากไปปฏิบัติกรรมฐานสัก ๗ วัน แล้วค่อยไปสอบ เพราะเหลือเวลาอีก ๘ วัน

            ดิฉันเดินทางมาวัดคนเดียว ก่อนเดินทางก็ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เดินทางปลอดภัย ดิฉันตั้งใจปฏิบัติอย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลา ๗ วัน และยึดหลักพระกรรมฐานที่กล่าวว่า กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรมาก และดิฉันยังตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบารมีของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโมว่า ถ้าดิฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้ จะขอมาปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวันทุก ๆ ปี อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง จนกระทั่งร่างกายและสังขารจะมาไม่ไหว และขอรับกรรมฐานมาปฏิบัติที่บ้านด้วย ดิฉันแผ่ส่วนกุศลให้กับบิดามารดา ครูบาอาจารย์ ญาติมิตร เจ้ากรรมนายเวร และอโหสิกรรมให้กับทุก ๆ คนที่เคยสร้างกรรมกันมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ

            เมื่อกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นจึงเดินทางไปสอบ Entrance โดยการสอบครั้งนี้ ทางกระทรวงศึกษาจัดให้มีการสอบที่ศูนย์ต่างจังหวัดด้วย โดยดิฉันได้ไปสอบที่ศูนย์สอบของมหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม และดิฉันได้พักกับเพื่อนอีก ๒ คน ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดิฉันรักและสนิทสนมมาก และระหว่างการสอบในตอนเช้ามืด วันแรกดิฉันก็ระลึกถึงหลวงพ่อจรัญ และปฏิบัติกรรมฐานโดยการเดินจงกรม นั่งสมาธิอย่างที่เคยปฏิบัติที่วัดอัมพวัน และเมื่อสอบเสร็จกลับมาพักที่หอพักของมหาวิทยาลัย ตอนกลางคืนดิฉันก็นั่งกรรมฐานเหมือนอย่างเดิม ตอนนั้นดิฉันพักที่ ม.ศิลปากร แต่ไปสอบที่โรงเรียนศรีวิชัยวิทยา จ.นครปฐม เมื่อดิฉันปฏิบัติกรรมฐานนั้น เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนของดิฉัน ที่สมัครสอบ Entrance ด้วยกัน เห็นดิฉันนั่งกรรมฐานเดินจงกรม ก็พากันหัวเราะ เขาคงคิดว่าดิฉันอาการหนักเป็นบ้ากระมัง จะสอบตอนเช้าอยู่แล้วแต่กลับมานั่งกรรมฐาน เขาคงจะไม่เชื่อและเห็นเป็นเรื่องตลก แต่ดิฉันก็ไม่สนใจ ทำเหมือนอย่างที่เคยกระทำ จนกระทั่งสอบ Entrance เสร็จสิ้น และก็ทำตลอดมาเหมือนเดิม เมื่อทำเสร็จแล้วรู้สึกสบายใจ จึงทำเรื่อย ๆ มา วันประกาศผลสอบดิฉันไม่กล้าที่จะไปดู ปรากฏว่าท่านอาจารย์วารี ได้โทรมาบอกดิฉันว่าสอบได้ติดคณะวิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร จ.นครปฐม ดิฉันดีใจมากจนน้ำตาไหล แทบจะไม่เชื่อหูตนเอง

            เมื่อรู้ว่าสอบได้แน่นอน ดิฉันตื่นเต้นมาก นอนไม่หลับนึกถึงแต่วัดอัมพวัน และหลวงพ่อจรัญที่ได้ชี้ทางสว่างแก่ดิฉัน ทำให้ดิฉันมีสติและมีสมาธิในการสอบ ปัจจุบันนี้ดิฉันได้เข้าเรียน เป็นนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ม.ศิลปากร สมดังความตั้งใจ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างนี้ ดิฉันต้องขอยกความดีนี้ให้แก่หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม และสุดท้ายนี้ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ไชยสิทธิ์ ไกรคุณาศัย ที่เป็นผู้แนะนำให้ดิฉันรู้จักวัดอัมพวัน และขอขอบพระคุณท่านอาจารย์วารี คชศิลา ที่เป็นผู้พาดิฉันมารู้จัก และพาดิฉันมาปฏิบัติกรรมฐาน และขอขอบพระคุณคุณย่าของนายเทอดศักดิ์ มั่นสวัสดิ์ ที่กรุณาบริจาคเงินเป็นค่ารถทั้งขาไปและขากลับ พาพวกเรามาปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

            และสุดท้ายนี้ ดิฉันขอให้สัจจะต่อหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ว่าดิฉันจะขอตั้งใจปฏิบัติกรรมฐาน สวดมนต์และจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับวัดอัมพวัน ขออำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและคุณพระศรีรัตนตรัย จงปกปักรักษาหลวงพ่ออันเป็นที่เคารพยิ่ง ให้มีพลานามัยที่แข็งแรง และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้ทุกข์ยากตลอดไปเทอญ

                                                                                    นมัสการมาด้วยความเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง

                                                                                                น.ส. ปรียา เรืองทองดี

 

------------------------