รอดตาย...เพราะได้เป็นลูกหลวงพ่อ
ธีรพงษ์ ธรมธัช
ขวัญ เป็นคำเรียกขานที่คุณพ่อ คุณแม่
ญาติพี่น้องและคนทั่วไปใช้เรียกผม หมายความว่าเป็น ขวัญใจ
ของคุณแม่ (คุณแม่สุมาลี ผ่องประพันธ์) และคุณพ่อ (คุณพ่อ สุรศักดิ์ ธรมธัช)
เพราะว่าท่านทั้งสองแต่งงานอยู่กันกันมานานถึง ๙ ปี
ผมจึงได้เกิดมาเป็นสมาชิกในครอบครัว เมื่อตอนผมเกิดใหม่ ๆ ผมเป็นคนอ่อนแอและขี้โรคมาก
คุณแม่เล่าให้ฟังว่า ผมเกิดมาได้ ๗ วัน ก็ป่วย..หายใจหอบ ตอนแรกหมอบอกว่าเป็นโรคปอด
แต่ผลวินิจฉัยท้ายสุด สรุปว่าเป็นโรคหัวใจรั่ว
คุณแม่ต้องนำผมไปรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเปาโลฯ นานนับเดือน
ที่โรงพยาบาล
ผมต้องเข้า-ออก ระหว่างห้องพักกับห้อง ไอ.ซี.ยู. ตลอด คุณแม่บอกว่าช่วยนั้นอาการของผมเป็นตายเท่ากัน
ลำตัวผมเขียวคล้ำไปหมด ผมต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา
คุณแม่คุณพ่อเกือบจะสิ้นหวังในการมีชีวิตรอดของผม แต่แล้วด้วยเดชะบุญ...คุณป้าสุกัญญา
ลิขิต ซึ่งเป็นเพื่อนคุณแม่และเป็นผู้มีบุญคุณต่อชีวิตผม ได้แนะนำคุณแม่ว่า มีหลวงพ่อองค์หนึ่งที่จังหวัดสิงห์บุรี
เก่งมาก ๆ เลย ควรยกผมให้เป็นลูกหลวงพ่อซะ จะได้มีชีวิตรอด
..ตอนแรกคุณแม่ไม่ค่อยเชื่อ เนื่องจากคุณแม่ไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา
เพราะคุณแม่เป็นอิสลามมิกชน แต่คุณป้าสุกัญญาก็บอกคุณแม่อย่างมั่นอกมั่นใจว่า น้องขวัญหายแน่
ถ้ายกให้เป็นลูกหลวงพ่อ คุณแม่เริ่มสับสนและลังเลใจ
แต่ในที่สุดเมื่อคุณแม่ คุณพ่อ และคุณป้าสุกัญญาได้ลงความเห็นว่า
ชีวิตของผมใกล้ความตายทุกขณะ..ท่ามกลางสายระโยงระยางของเครื่องช่วยหายใจเช่นนี้
ทำไมไม่ลองทำดู เพราะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร
ในที่สุด..คุณแม่กับคุณป้าสุกัญญาก็พากันไปวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
เพื่อพบหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ) และเล่าเรื่องของผมให้ท่านฟังพร้อมทั้งขอร้องวิงวอนให้ท่านช่วยชีวิตผมและรับผมเป็นลูก
(โดยท่านเป็นพ่อทูนหัว) หลวงพ่อไม่ยอมรับปาก..แต่บอกว่าอีก ๒-๓ วัน
ให้คุณแม่ไปฟังข่าวที่วัดดอนเมือง เพราะท่านจะไปเทศน์ที่นั่น
พร้อมกันนั้นท่านก็ขอที่อยู่ของครอบครัวเราเอาไว้
สามวันถัดมา...คุณแม่กับคุณป้าสุกัญญาได้ไปพบหลวงพ่อที่วัดดอนเมือง
คุณแม่บอกว่า ..คุณแม่ก้มกราบหลวงพ่อด้วยความหวังซึ่งเป็นทางสุดท้ายที่คุณแม่มีอยู่
..หลวงพ่อท่านบอกคุณแม่ว่า ไม่ต้องกลัว หลวงพ่อช่วยได้
โดยท่านบอกว่าท่านแผ่เมตตาให้แล้ว หลังจากนั้น..อาการของผมก็ดีขึ้น
และในที่สุดก็กลับบ้านได้
เมื่อผมอายุได้
๔ ขวบ อาการลิ้นหัวใจรั่วยังมีอยู่ คุณแม่กับคุณป้าสุกัญญาได้ไปพบหลวงพ่ออีกครั้ง
เพื่อถามว่าจะทำอย่างไรดีกับกรณีของผม หลวงพ่อบอกว่า ให้หมอผ่าตัดรักษาลิ้นหัวใจไปเลย
ไม่ต้องกลัว ไม่มีอันตรายา ลูกขวัญจะหายดีและแข็งแรง
คุณพ่อคุณแม่จึงพาผมเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดรักษาลิ้นหัวใจ ด้วยความเชื่อมั่นว่าคำบอกกล่าวของหลวงพ่อต้องเป็นจริง
..ด้วยเดชะบารมีของหลวงพ่อที่คุ้มครองผม ทำให้การผ่าตัดเป็นไปด้วยความราบรื่น
พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลแค่ ๒ วัน ผมก็สามารถกลับบ้านกับคุณแม่คุณพ่อได้
หลังจากนั้นอาการของผมก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และสุขภาพแข็งแรงมาจนถึงปัจจุบันนี้
พอผมอายุได้
๑๓ ย่าง ๑๔ ขวบ หลวงพ่อก็บอกคุณพ่อคุณแม่ของผมว่าให้ผมบวชเณร
ในโครงการสามเณรใจเพชร ของสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งเป็นการบวชเณรภาคฤดูร้อน คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าผมเริ่มจะย่างเข้าสู่วัยรุ่น
ควรจะได้เรียนรู้หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
เพื่อจะได้เป็นคนดีของครอบครัวและของสังคมต่อไปในภายหน้า ซึ่งผมก็ไม่ขัดข้อง
ผมบวชและจำพรรษาอยู่วัดอัมพวันเป็นเวลา ๑ เดือน โดยมีหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคลเป็นพระอุปัชฌาย์
ผมได้รับความเมตตาอย่างสูงจากหลวงพ่อ..ตลอดระยะเวลาที่ผมจำพรรษาอยู่ที่วัดอัมพวันนั้น
ทุกวันนี้ครอบครัวของเราพากันไปกราบนมัสการหลวงพ่อที่วัดอัมพวันเป็นประจำทุกเดือน
ผมถือว่าผมเป็นคนที่โชคดีอย่างมหาศาสที่มีพ่อทูนหัว..คือหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล
ผมกับคุณพ่อจะสวดมนต์บทพระพุทธคุณ ตามที่หลวงพ่อสอนไว้เป็นประจำ
ส่วนคุณแม่จะนั่งสมาธิ ยุบหนอ-พองหนอ และระลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อทุกวัน
คุณแม่เองยังต้องปฏิบัติภารกิจเยี่ยงอิสลามมิกชนตามปกติ
..แต่ด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี
..และผมรอดตายมาได้เพราะเป็นลูกของหลวงพ่อ จึงทำให้คุณแม่มั่นใจในการทำความดี
และเชื่อว่าการนั่งสมาธิและแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นเรื่องที่ดี
ที่ควรทำอย่างยิ่ง
ปัจจุบันผมอายุ
๑๖ ปีแล้วครับ เรียนอยู่ ปวช. ปีที่ ๑ สาขาช่างก่อสร้าง ที่วิทยาลัยเทคนิคอยุธยา
ผลการเรียนของผมอยู่ในเกณฑ์ดี และครอบครัวของเราก็อยู่ในฐานะที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะเราทุกคนโชคดีที่ได้พบหลวงพ่อ
ส่วนผมเองรอดตายมาได้เพราะได้เป็นลูกหลวงพ่อครับ..