บารมีหลวงพ่อ

 

ไพจิตร ม้าประเสริฐ

R14002

       

                ดิฉัน ได้มีโอกาสมากราบหลวงพ่อจรัญเมื่อประมาณ ๗ ปีที่แล้ว ด้วยแรงดลใจจากหนังสือกฎแห่งกรรม ซึ่งมีพี่สาวที่ทำงานอยู่กรมทางหลวง นำมาให้อ่าน ดิฉันจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อท่านมากขึ้น ดิฉันขอให้พี่สาวช่วยสอบถามผู้ที่รู้ว่า “วัดป่ามะม่วง และ หลวงพ่อองค์นี้มีจริงหรือไม่” อยากจะหาโอกาสไปกราบท่าน ดิฉันได้ทราบว่า หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เมืองสิงห์บุรี เป็นองค์เดียวกับหลวงพ่อวัดป่ามะม่วง ดิฉันเกิดความปีติยินดีมาก คิดว่าต้องไปกราบท่านให้ได้ ประกอบกับช่วงนั้น ลูกสาวคนโตของดิฉันจะไปศึกษาปริญญาโทต่อที่ประเทศอังกฤษ ดิฉันได้ถือโอกาสนี้ขอร้องให้สามีช่วยขับรถไปที่วัด เนื่องจากสามีเป็นคนไม่ชอบเข้าวัด และไม่เลื่อมใสหลวงพ่อองค์ใดเลย แต่ก็น่าแปลกใจที่ยอมพาไปกราบท่าน ตอนที่ไปกราบท่านครั้งแรก ดิฉันเห็นท่านเหลือบมอง แต่พอเรียนถามอะไร ถ่านก็ตอบแบบดุ ๆ (ด้วยความรู้สึกในตอนนั้น) ตอนแรกก็เกิดท้อใจว่าเราตั้งใจมากราบท่าน และ อยากให้ท่านเมตตา อาจเป็นบุญของดิฉันและครอบครัวที่จะได้ท่านเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า จึงเหมือนมีแรงบันดาลใจ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์บอกว่า ต้องพยายามไปกราบท่านอีกให้ได้

 

            จากนั้นดิฉันได้มีโอกาสไปกราบท่านอีก ๒ ครั้ง พอดีมีเพื่อนโทรมาชวนให้ไปปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ที่วัดอัมพวัน ๓ วัน ตอนแรกดิฉันอยากจะบอกยกเลิกกับเพื่อน แต่ก็แปลก เหมือนมีบางสิ่งเตือนว่า “อย่านะ ต้องไปปฏิบัติให้ได้” ก็เลยตัดสินใจไป

                                                                                                                                                           

            นับจากวันที่ไปปฏิบัติกรรมฐาน ดิฉันคิดว่าต้องพยายามไปกราบให้ท่านเมตตาให้ได้ พอไปถึงวัด คนทางวัดบอกว่าท่านอยู่ที่กุฏิ ดิฉันก็พาลูก ๆ ขึ้นไปกราบท่าน ส่วนสามีเป็นคนเฉย ๆ ไม่ค่อยสนใจ จึงนั่งคอยอยู่ด้านนอก วันนั้นหลวงพ่อท่านต้องขึ้นไปอบรมเด็กที่ศาลาใหญ่ ประกอบกับมีญาติโยมไปรอทราบท่านเป็นจำนวนมาก ท่านจึงเลี่ยงเดินลงทางด้านประตูหลัง เดินอ้อมไปทางด้านหน้ากุฏิ คนข้างนอกก็ก้มลงกราบท่าน รวมทั้งสามีดิฉันด้วย พอขึ้นรถจะกลับบ้าน สามีบอกดิฉันและลูกว่า “รู้ไหม ตอนหลวงพ่อเดินผ่านด้านหน้ากุฏิ ท่านเดินมาจับมือรับไหว้ และ พูดอะไรด้วย แต่ฟังไม่ถนัด” ทำให้สามีดิฉันเกิดความปีติเป็นอย่างมาก

 

            พอดิฉันและลูกสาวทั้งสอง ได้ฟังก็รู้สึกใจไม่ดี เหมือนมีลางสังหรณ์ว่า การที่หลวงพ่อท่านจับมือครั้งนี้ อาจไม่ใช่เรื่องดี เพราะเท่าที่อ่านหนังสือกฎแห่งกรรมมา ทราบว่าบุคคลที่หลวงพ่อท่านทัก บางทีเป็นการที่หลวงพ่อท่านแผ่เมตตา ให้ผู้มีเคราะห์กรรม ดิฉันจึงบอกสามีว่า “บางทีท่านอาจแผ่เมตตาให้พ่อ อาจจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ท่านอาจจะเห็นอะไร ต้องระวังไว้บ้างนะ”

         

            หลังจากนั้นไม่นาน เคราะห์กรรมก็เกิดขึ้นในครอบครัวของดิฉัน ปรกติสามีจะเป็นคนดี ไม่เที่ยว ไม่เล่นการพนัน ไม่ดื่ม เพื่อน ๆ คนรอบข้าง และ ญาติชมอยู่เสมอ แต่คงเป็นกรรมของสามีดิฉัน วันหนึ่งก็อ่านหนังสือพิมพ์เจอเพื่อนหญิงสมัยเรียนมัธยมปลาย ที่เคยเรียนอยู่ต่างจังหวัดด้วยกันว่า เพื่อนหญิงคนนี้เป็นคนเก่ง มีชื่อเสียงด้านการโรงแรม อยู่จังหวัดชายทะเลภาคตะวันออก ประจวบกับช่วงนั้นดิฉันมีเหตุต้องไปลอยอังคารพี่ชายที่จังหวัดนั้นพอดี สามีก็ชวนลูกสาวกับดิฉันออกไปหาเพื่อนหญิงคนนั้น รับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมของเธอ ดิฉันก็ไม่คิดอะไรมาก เห็นว่าเป็นเพื่อนนักเรียนธรรมดาที่เคยเรียนด้วยกัน จากวันนั้นสามีก็เริ่มติดต่อโทรศัพท์หาผู้หญิงคนนี้ โดยทางครอบครัวก็รับทราบ ดิฉันกับลูกสาวก็สังหรณ์ใจว่าอาจมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา เนื่องมาจากผู้หญิงคนนี้

 

            เนื่องจากลูกสาวคนโตมีโครงการจะไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ผู้หญิงคนนี้คงยังติดต่อกับสามีดิฉัน และเสนอสามีฉันว่า เธอมีเพื่อนทำงานแนะแนวเรื่องการศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จึงนัดสามีดิฉันให้พาลูกสาวไปสอบถามเรื่องเรียนต่อกับเพื่อนของเธอ พอเสร็จธุระ สามีก็พาลูกมาส่งบ้านพร้อมผู้หญิงคนนี้ และขอไปรับประทานอาหารเย็นต่อกับผู้หญิงคนนี้ และ เพื่อน ๆ ของเธอ ลูกสาวดิฉันมักเป็นคนมีลางสังหรณ์ที่แม่น บอกกับดิฉันว่า “ผู้หญิงคนนี้ มีอะไรแปลก ๆ อาจมาทำลายครอบครัวเรา คงไม่ใช่เพื่อนนักเรียนธรรมดากับพ่อ” ดิฉันก็ยังไม่วิตกอะไรมาก คิดว่าสามีคบหากับผู้หญิงคนนี้ก็เปิดเผยให้ครอบครัวรับทราบ

 

            หลังจากวันนั้น สามีดิฉันก็เกิดอาการซึมเศร้า เริ่มนอกใจไม่สนใจทำงาน ดิฉันต้องรับผิดชอบธุรกิจที่ทำอยู่คนเดียว มีปัญหาทะเลาะระหองระแหงกันตลอด บางครั้งดิฉันก็คิดถึงขนาดจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง อาจเป็นเพราะดิฉันก็เป็นคนเจ้าอารมณ์ โมโหง่าย เนื่องจากเป็นลูกสาวคนเดียวในจำนวนพี่น้อง คุณพ่อคุณแม่ท่านจึงตามใจ บางครั้งก็คิดประชดชีวิตตัวเอง แต่ก็หักห้ามใจไว้

 

            วันหนึ่งดิฉันพยายามชวนสามีให้พาดิฉันและลูกไปหาหลวงพ่อจรัญอีกครั้ง และ ได้กราบเล่าเรื่องความเป็นมาของปัญหาครอบครัวให้ท่านฟัง ท่านซักถามเรื่องราวกับดิฉันและลูก ลูกสาวคนโตเสียใจเรื่องพ่อมาก น้ำตาไหลเต็มหน้า ซึ่งถือว่าเป็นบุญของลูก ท่านเมตตารับลูกสาว ๒ คนให้เป็นลูกท่าน ดิฉันเกิดความปีติมาก ท่านเตือนดิฉันว่า “ทำอะไรให้ใจเย็น ๆ มันเป็นเวรกรรม ความจริงสามีเป็นคนดี” ดิฉันไม่คิดมาก่อนว่าหลวงพ่อจะเมตตาเราขนาดนี้ จึงคิดว่าเพราะความตั้งใจแน่วแน่ของดิฉัน ที่จะมากราบท่านจนท่านเมตตา และ อาจาเป็นเพราะท่านต้องการลองใจเราก่อนก็เป็นได้ว่า มีความอดทน ตั้งใจ เลื่อมใสศรัทธาท่านแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันได้เตือนเพื่อน ๆ และคนรู้จักหลายคนที่เคยมากราบท่านแล้วว่า ท่านดูจากความตั้งใจและศรัทธาของคนมา ไม่ได้เลือกที่จะคุย หรือ เมตตาเฉพาะแต่คนมีเงิน เพราะตัวดิฉันเองก็ไม่เคยทำบุญ ถวายเงินท่านมากมาย ท่านยังเมตตาขนาดนี้ ถ้าใครมีทุกข์ก็จะตักเตือน แผ่เมตตา และ ให้หลักธรรมไปปฏิบัติ เพื่อจะได้ยอมรับกับกรรมที่ทำมา

 

            ดิฉันเองได้พยายามชวนลูกและสามีไปวัดเป็นประจำ จนตอนหลังสามีไปติดพันกับผู้หญิงคนนี้มาก ไม่ยอมพาไปและทิ้งครอบครัวไปเกือบ ๒ ปี ลูกสาวคนโตก็ไปเรียนต่อแล้ว ช่วยนี้ดิฉันก็พาลูกสาวคนเล็กไปกราบท่านเสมอ จนครั้งหนึ่งท่านพูดว่า “มันเป็นเวรกรรมนะ อย่าไปทำอะไรเค้านะ เค้าไม่ได้โดนอาคมใครหรอก ถ้าเค้าไม่เป็นอย่างนี้เค้าต้องตายรู้ไหม” “จากเป็นยังดีกว่าตาย ปล่อยเขาไปสักพัก หมดเวรก็จะกลับมาเอง ให้อดทน พยายามปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรของเขา” อีกทั้งท่านยังให้กำลังใจให้กลับไปประกอบธุรกิจเองให้ได้

 

            ดิฉันนึกย้อนเหตุการณ์ดู รู้สึกว่าหลวงพ่อมีญาณวิเศษ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ เพราะวันนั้นเพื่อนดิฉันได้พาไปหาหมอไสยศาสตร์ ที่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นมีอันเป็นไปก่อนที่จะเดินทางไปหาท่านที่สิงห์บุรี ดิฉันคิดถึงคำสอนของหลวงพ่อที่สอนไว้ เลยไม่คิดจะทำพิธี เพราะไม่อยากจองเวรกรรมกันต่อไป ท่านก็ได้ทักเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไปกราบท่าน ทำให้ดิฉันและลูกศรัทธาท่านมากขึ้นอีก

 

            ดิฉันคิดว่า ทำธุรกิจคนเดียวไม่ไหว ลูกคนเล็กยังเรียนปริญญาตรีอยู่ จึงไปเรียนถามท่านว่าจะให้ลูกคนโตกลับมาช่วยงาน ท่านเตือนว่ายังไงก็ต้องส่งให้เรียนให้จบโท ท่านไม่ให้กลับ ให้ดิฉันอดทนทำธุรกิจต่อไปซึ่งท่านว่าทำได้ ท่านถามลูกสาวคนเล็กว่า จะเรียนโทต่อไหม ลูกตอบว่า “จะเรียนเจ้าค่ะ” ท่านยิ้ม ๆ แล้วบอกว่า เรานะจะเรียนก็ได้ แต่ให้เรียนในเมืองไทย ไม่ต้องไปนอก ลูกสาวยังตอบกลับไปว่า “หนูอยากไปเมืองนอกเหมือนพี่” หลวงพ่อท่านเลยว่า “เอ็งอยากไปก็ตามใจ” แล้วไม่ว่าอะไรต่อ

 

            ต่อมาดิฉันและลูกจึงตีความออกว่า ท่านพูดไว้เป็นนัยนั้นเป็นความจริง อีกปีกว่า ๆ ต่อมา ช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ค่าเงินบาทอ่อนตัวมาก ช่วง ไอ เอม เอฟ คนเรียกลูกหลานที่อยู่เมืองนอกกลับมากันมาก ประกอบกับปัญหาครอบครัวยังไม่คลี่คลาย ทำให้ลูกคนเล็กไม่ได้ไปต่อโทที่เมืองนอก

 

            ตอนมีเรื่องใหม่ ๆ เคยกราบเรียนถามท่านว่า สามีจะหายไหมคะ ท่านว่าหายแต่อีก ๓ ปีกว่า ๆ ในใจก็คิดว่านี่ก็เกือบ ๒ ปีแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น ช่วงนั้นนึกในใจอยากจะทำไม่ดีหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็แปลกเหมือนท่านรู้ พอเจอท่านก็จะตักเตือนอยู่ตลอดว่า ขอให้ขายดี ๆ นะ ขายได้หมดทุกอย่าง แต่ตัวต้องเก็บไว้ ซึ่งท่านก็ให้กำลังใจตลอดมา

 

            ปี ๔๐ ท่านก็บอกลูกว่า ให้ไปเรียกพอกลับบ้านได้แล้ว ลูกคนเล็กเรียนจบจะรับปริญญา สามีจะมางานรับปริญญาลูก จะกลับมาอยู่บ้าน พร้อมทั้งลูกคนโตก็จบโท กลับมาอยู่บ้านพร้อมกันอีกครั้ง แต่เวรกรรมยังไม่หมด สามีกลับมาบ้านแต่ก็ยังปฏิบัติตัวแปลกแยก และอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ทำให้เกือบจะเลิกกันอีก แต่คงเป็นเพราะเมตตาที่หลวงพ่อแผ่ให้ และการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้ดิฉันเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผลมากขึ้น คิดก่อนทำ และอดทนจนเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านไปด้วยดี อีกราว ๒ ปีต่อมา สามีจึงกลับมาเป็นปกติ ทำให้ครอบครัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งรวมเวลาที่มีเรื่องเกิดขึ้นมาก็ประมาณ ๕ ปี

 

            ดิฉันอยากฝากเรื่องราวของครอบครัวดิฉันไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า การครองเรือนนั้น ผู้หญิงเรา      ต้องอดทน และ ให้อภัยซึ่งกันและกัน อย่าถือทิฐิเอาชนะกัน ไม่ประชดชีวิตด้วยการมีสามีใหม่ ฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะทำให้ต้องจองเวรกรรมกันต่อไปอีก ควรนึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ท่าน และการทำวิปัสสนากรรมฐาน ก็เป็นเพื่อทางใจยามทุกข์ได้มาก จะผ่อนหนักให้เป็นเบาลงได้ อย่ายึดอบายมุขเป็นที่พึ่งยามทุกข์ ขอให้ตั้งใจสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา และ อิติปิโสเกินอายุหนึ่งจบ และ ปฏิบัติธรรม

 

            ดิฉันขอกราบระลึกถึงพระคุณในความเมตตาของหลวงพ่อ ที่ท่านมีต่อครอบครัวของดิฉัน ทำให้ดิฉันสามารถดำรงตนอยู่ในศีลในธรรมได้ จนครอบครัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

 

            ขอให้หลวงพ่อท่านมี อายุ วรรณะ สุขะ พละ อยู่เป็นร่มโพธิ์ของศาสนิกชนทั่วไปอีกนานเทอญ...