เมตตาบารมีของหลวงพ่อ

 

ปิยมน (พวงนัดดา) รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

R14004

       

        “ปัญหา ที่เกิดขึ้นจากกรรม โยมทำใจให้สงบ ปล่อยวาง อย่าเครียด และ อย่าคิดมาก และ ทุกครั้งก่อนปฏิบัติธรรม ด้วยการสวดมนต์ และ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน โยมต้องสำรวมจิตใจ ให้สงบอย่างแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน ปล่อยวางจิตให้บริสุทธิ์ ว่างเปล่า ไม่มีกิเลสใด ๆ ไม่มีความอยาก ไม่มีความหลัง ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ให้อภัย ไม่อาฆาตพยาบาทผู้ใด ปฏิบัติได้ดังนี้เป็นประจำอย่างจริงจังทุกวัน และ สม่ำเสมอ ปัญหาต่าง ๆ จะหมดไป หลวงพ่อจะแผ่เมตตาให้ด้วย”

 

            ยามใดที่ดิฉันมีปัญหา มีอุปสรรคในการทำงาน และ การดำรงชีวิตประจำวัน ดิฉันจะระลึกถึงหลวงพ่อ ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อ ด้วยความเคารพและเชื่อมั่น ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ก็จะคลี่คลายไปด้วยดี ดังที่ดิฉันจะขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิฉันดังนี้

 

            ชีวิตในวัยเด็กของดิฉัน จะพบแต่ความสุข เพราะเกิดในครอบครัวที่มีหลานคนแรก บิดามารดาและญาติพี่น้องทุกคนให้ความเมตตารักใคร่ดิฉัน ปู่ย่าตายายของดิฉันเป็นผู้ที่มีใจบุญใจกุศล จะพาดิฉันใส่บาตรทำบุญโดยตลอด ดิฉันได้รู้จักวัดอัมพวันเป็นพิเศษ ก็คงจะเป็นเพราะคุณตาคุณยาย (คุณตามานิต คุณตาเอื้อ คุณยายชลอ บัวสรวง) เป็นผู้ที่เคารพนับถือหลวงพ่อมาก ก็จะพาดิฉันมาทำบุญที่วัด เมื่อมีงานการทำบุญบ้าน ก็จะได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อเป็นผู้ประกอบพิธีเสมอมา ในความเป็นเด็ก ความหมายในการทำบุญของดิฉัน ก็คือ การที่เห็นผู้ใหญ่และทุกคนในบ้านจะวุ่นวายหาข้าวปลาอาหาร และ สิ่งที่ดีที่สุดไปถวายพระ ไปฟังพระเจริญพุทธมนต์ ต้องยกมือไหว้พระด้วยอาการสำรวม และ มีอาหารอร่อยรับประทานค่อนข้างจะพิเศษ ในวันนั้นทุกคนที่ไปทำบุญก็จะบอกว่าได้บุญ ดิฉันก็ไม่ทราบว่า บุญคืออะไร แต่จะรู้แต่เพียงว่า วันนั้นทุกคนจะพูดคุยแต่สิ่งที่ดี จะพูดถึงที่ได้ไปทำบุญ ได้พบใครบ้าง หลวงพ่อพูดว่าอย่างไร สอนว่าอย่างไร เป็นต้น

 

            เมื่อผ่านพ้นวัยเด็กเข้าสู่วัยเรียน ดิฉันได้ศึกษาเล่าเรียนเป็นปกติ ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลายที่จังหวัดสิงห์บุรี แต่เมื่อได้เข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ชีวิตความเป็นอยู่ก็เปลี่ยนแปลงไป จากเด็กที่เคยอยู่ชนบทมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ คุณพ่อคุณแม่เป็นข้าราชการ ต้องย้ายไปอยู่จังหวัดทางภาคเหนือ ไม่สามารถอยู่ใกล้ชิดดูแลเป็นเพื่อนดิฉันในกรุงเทพฯ ได้ ช่วยเวลานี้ดิฉันห่างการทำบุญ ไม่ได้เข้าวัดทำบุญเหมือนเมื่อครั้งอยู่ที่สิงห์บุรี ดิฉันมีสังคมใหม่ เพื่อใหม่ในกรุงเทพฯ ดิฉันได้พบการแก่งแย่งชิงดี การช่วงชิงโอกาส ความเห็นแก่ตัวของมวลมนุษย์มากขึ้น การให้ การเสียสละ ความเห็นอกเห็นใจกัน หาได้น้อยมาก ดิฉันได้เรียนรู้ทางวิชาการจากมหาวิทยาลัย และ ความเป็นคนที่จะต้องต่อสู้เพื่อเป้าหมายในชีวิตนอกมหาวิทยาลัย ในช่วงนี้ ดิฉันค่อนข้างจะโชคดีที่สามารถเรียนจนจบเป็นบัณฑิตได้ ดิฉันได้สมัครเข้าทำงานหลายแห่งด้วยความสามารถของตนเอง แม้กระทั่งหน่วยงานปัจจุบันที่ทำอยู่เป็นรัฐวิสาหกิจ ที่ดำเนินงานในประเทศและต่างประเทศ เมื่อดิฉันได้ทำงานเป็นหลักแหล่งแน่นอน และคิดว่าตนเองพอใจขั้นหนึ่งแล้วก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ความวุ่นวายในใจ ดิฉันเคร่งเครียดในการทำงานมาก วิตกทุกข์ร้อนว่าทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร จะมีข้อผิดพลาด ยิ่งเกรงว่าจะผิดก็ยิ่งผิด เมื่อทำงานผิดเพียงครั้งเดียว ซึ่งในสายตาของคนอื่นก็จะบอกว่านิดเดียว ส่วนตัวดิฉันก็จะวิตกทุกข์ร้อนใจ ไม่เป็นสุขเลย การทำงานในหน้าที่ของดิฉัน และ ทุก ๆ คน ในส่วนนี้จะต้องมีส่วนผิดพลาดน้อยที่สุด เมื่อทำงานได้สักระยะเวลาหนึ่ง บริษัทก็จะให้พนักงานได้เข้าอบรมเพิ่มเติมความรู้ ความสามารถในหน้าที่การงานด้วย เมื่ออบรมเสร็จก็จะมีการประเมินผล ดิฉันเตรียมตัวมากก็ยิ่งเครียดมาก ดิฉันได้ปรารภกับคุณพ่อคุณแม่ว่า จิตใจดิฉันว้าวุ่น ไม่สุขสบายเหมือนเมื่อครั้งเป็นเด็ก ๆ เลย ดิฉันต้องการหาความสงบ ต้องการอยู่วัดให้รู้แล้วรู้รอดไป ภาพความสงบสุขจากการทำบุญกับปู่ย่าตายายที่วัด จะเป็นภาพนิมิตให้เสมอ คุณพ่อคุณแม่ได้แนะนำปลุกปลอบดิฉันให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง อย่าอ่อนแอ งานใดที่ลูกทำ ลูกต้องมีความเชื่อมั่น มานะพยายาม กิจการนั้นก็จะสำเร็จ ดิฉันพยายามคิดและทำตามคำแนะนำของท่านแล้วก็ไม่สำเร็จ ใจยังว้าวุ่นตลอดมา ดิฉันได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรมของหลวงพ่อ ดิฉันจึงตัดสินใจโทรศัพท์มาบอกคุณแม่ ดิฉันได้ลาหยุดพักร้อน ๕ วัน จะมาถือศีลปฏิบัติที่วัดอัมพวัน คุณแม่ให้ความเห็นเป็นเชิงห้ามด้วยความเป็นห่วงว่า จะมาอยู่คนเดียวได้อย่างไร ดิฉันได้ขอร้องให้คุณแม่อนุญาต คุณแม่อนุญาตด้วยความไม่เต็มใจ เพราะยังไม่เข้าใจ ตลอดเวลา ๕ วัน ที่วัดอัมพวัน ดิฉันได้พบ ได้รู้สึกสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต ความเมตตาคำสั่งสอนจากหลวงพ่อ และ เจ้าหน้าที่ทุก ๆ คน ช่วยให้ดิฉันได้สติ รู้จักตัวเอง รู้จักหนทางทำให้เกิดปัญญา ได้รู้จักบาปบุญ มีโอกาสสวดมนต์แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้บุพการี และ สัตว์โลกทั้งหลาย ดิฉันมีความสุขมาก ดิฉันกลับมาทำงานอย่างเป็นสุข สามารถสอบผ่านการอบรม ได้ผลที่น่าพอใจ ดิฉันได้เล่าประสบการณ์ความสงบแห่งจิตใจให้เพื่อน ๆ ที่ทำงานด้วยกันฟัง ยามมีเวลาว่าง ดิฉันจะมานั่งวิปัสสนากรรมฐาน ๒ วันบ้าง ๓ วันบ้าง บางครั้งก็ชวนเพื่อน ๆ และญาติพี่น้องมาปฏิบัติธรรมด้วย คุณพ่อคุณแม่ของดิฉันก็ยินดี และ อนุโมทนาด้วย

 

            ดิฉันได้มีโอกาสฟังคำสั่งสอนจากหลวงพ่อด้วยตนเองหลายครั้ง ดิฉันเกิดความเชื่อมั่นว่า หลวงพ่อท่านสามารถหยั่งรู้ถึงจิตใจของผู้คนที่เข้าฟังคำสอนของท่าน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับดิฉันเอง หลวงพ่อจะทักถามว่า พ่อแม่หายเป็นห่วงแล้วหรือยัง การดื้อที่จะทำความดีไม่เป็นไรนะ ตั้งสติให้ดี สวดอิติปิโส จะมีแต่คนดีเข้ามาหาเรา มาเป็นมิตร ตัวดิฉันเองเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับตัวเองคราใด ก็จะตั้งสติ นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อ สวดมนต์ขอเมตตาบารมีจากหลวงพ่อ ก็จะพบทางสว่างทุกครั้งไป ดิฉันภูมิใจที่บอกใคร ๆ ว่า ดิฉันเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ ดิฉันได้อ่านหนังสือธรรมของหลวงพ่อทุกเล่ม ได้เห็นการปฏิบัติตนอุทิศเพื่อความสุขของเพื่อนมนุษย์ทั้งส่วนรวม และ รายบุคคลด้วยความศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง

 

            บ่ายวันหนึ่ง ดิฉันได้ชวนแม่และป้า (อาจารย์จินตนา บัวสรวง) ไปนมัสการหลวงพ่อ เมื่อไปถึงที่วัดก็พบว่าหลวงพ่อกำลังเทศน์โปรดนักศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมากบนศาลา ดิฉันไปทีหลังจึงนั่งใกล้บันไดทางขึ้นศาลา หลวงพ่อไม่เห็นดิฉัน แปลกมากที่วันนั้นหลวงพ่อเทศน์ เรื่องการปฏิบัติตนในครอบครัว เรื่องแม่สามีกับลูกสะใภ้ สามีภรรยา เมื่อเทศน์จบ ผู้คนก็ไปกราบลาหลวงพ่อ หลวงพ่อหันมาเห็นดิฉัน ท่านบอกว่าปลายปีนี้อย่าเพิ่งแต่งงานเลยนะ (ธันวาคม ๒๕๔๑) บ้านเมืองกำลังยุ่ง ๆ ปีใหม่แล้วค่อยพูดกัน ดิฉัน แม่ และ ป้ามองหน้ากันเพราะเรา ๓ คน กำลังจะไปกราบนมัสการนิมนต์หลวงพ่อ เรื่องงานแต่งงานของดิฉัน ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๘ ธันวาคม อันเป็นวันเกิดของดิฉันก็เป็นอันเลิกล้มไป หลวงพ่อต้องมีโทรจิตหยั่งรู้ว่าดิฉันจะมาหาด้วยเรื่องอะไร หลวงพ่อเคยบอกว่า เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วก็จะพบแต่สิ่งที่ดี เป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับดิฉัน ดิฉันได้ปฏิบัติงานดี ได้ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานดี บุคคลที่เข้ามารู้จักส่วนใหญ่จะเป็นคนดี

 

            ดิฉันเป็นคนรักสัตว์ และ ชอบเลี้ยงสัตว์ เมื่อสัตว์เลี้ยงป่วย ดิฉันจะต้องพาไปหาสัตวแพทย์ทันที ดิฉันได้พบกับสัตวแพทย์ (หมอบอมบ์) ผู้อารีมีคุณธรรม เราคุยกันรู้เรื่อง ดิฉันแอบศึกษาและสังเกตนิสัยใจคอที่แท้จริงของเขา ดิฉันเคยเห็นเขาอุ้มแมวและสุนัข ที่คนนำมาปล่อยทิ้งตามวัด เขาจะฉีดยาให้สัตว์เหล่านั้น และ ฝากยารักษาไว้กับแม่ชีที่วัด ยามว่างเขาจะชวนดิฉันไปดูแลสัตว์ผู้น่าสงสารเหล่านั้น โดยมิได้หวังผลตอบแทน ดิฉันศึกษาและดูใจเขาเป็นเวลานาน จนดิฉันแน่ใจว่าเขามีจิตเมตตาจริง ๆ เขาให้เกียรติดิฉันได้มากราบเรียนคุณพ่อคุณแม่ของดิฉันให้รับทราบ และขอจัดพิธีการแต่งงานให้สมเกียรติกับที่ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณพ่อคุณแม่ พิธีการรดน้ำแต่งงานของเขาและดิฉัน ดิฉันขอให้หลวงพ่อเป็นผู้รดน้ำให้แต่เพียงผู้เดียว หลวงพ่อได้เมตตารดน้ำพระพุทธมนต์ให้และให้พรแก่เรา หลวงพ่อมอบพระพุทธรูปบูชาให้เรา ๑ องค์ นับเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของเราอย่างที่สุด จากนั้นได้มีการจัดเลี้ยงที่หอประชุมกองทัพอากาศ โดยมีญาติผู้ใหญ่ แขกผู้มีเกียรติ ผู้บังคับบัญชา และมิตรสหายของทั้ง ๒ ฝ่าย มาร่วมแสดงความยินดีให้กับเราทั้ง ๒ ด้วยไมตรีจิตที่น่าปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเสร็จจากงานเลี้ยงฉลอง เราทั้ง ๒ ได้เดินทางไปต่างประเทศ ดิฉันเพลินกับการทองเที่ยว และ ซื้อของฝากญาติพี่น้อง ในขณะที่ดิฉันหยิบเงินจ่ายให้กับพนักงานผู้ขาย ดิฉันก็ต้องตกใจเมื่อหากระเป๋าสตางค์ไม่พบ (เรื่องกระเป๋าสตางค์หาย เคยประสบกับดิฉันเมื่อครั้งอยู่ที่เมืองไทย ดิฉันเคยกราบเรียนหลวงพ่อ หลวงพ่อให้แผ่เมตตาให้กับคนเก็บ และสอนให้ดิฉันแบ่งเก็บเงินไว้กับตัวเองบ้าง อย่าใส่กระเป๋าอย่างเดียว) ดิฉันได้ปฏิบัติตาม ดิฉันยังมีเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้กับตัวเอง แต่ก็อดเสียดายกระเป๋าซึ่งมีบัตร เอกสาร และ เงินจำนวนหนึ่งไม่ได้ ดิฉันนึกถึงหลวงพ่อ จึงออกมานั่งสงบสติอารมณ์ สวดอิติปิโส ขอให้หลวงพ่อช่วย นั่งปลงและแผ่เมตตา นึกถึงรูปเล็ก ๆ ของหลวงพ่อที่อยู่ในกระเป๋า เหมือนปาฏิหาริย์ มีพนักงานทำความสะอาดเดินถือกระเป๋าสตางค์มายื่นให้ เขาบอกว่าเขาเห็นรูปสติ๊กเกอร์ของดิฉันในกระเป๋า เขาสงสารว่าเจ้าของกระเป๋าต้องเป็นคนดี นับถือพระเหมือนกับเขา ดิฉันได้ขอบพระคุณ และ ได้ขอชื่อที่อยู่เพื่อทำการขอบคุณเขาอย่างไปทางการต่อไป เขาเป็นคนดีมาก ไม่ยอมรับเงินรางวัลจากดิฉัน ซึ่งทำให้ดิฉันมีความมั่นใจว่า ยังมีคนดีอยู่ในโลกนี้อีกเหมือนกัน คนดีคนนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่ง ที่ดิฉันจะสวดมนต์แผ่เมตตาให้ และในการเดินทางกลับต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง เครื่องบินโดยสารที่ดิฉันโดยสารกลับนั้นมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ซึ่งดิฉันไม่ขอเล่ารายละเอียด พนักงานบนเครื่องบินเข้านั่งประจำที่ ดิฉันเข้าใจและมองสีหน้าของเขาออก ดิฉันและสามีจับมือกันสงบสติอารมณ์ ต่างสวดมนต์ภาวนาและนึกถึงบารมีหลวงพ่อ จนกระทั่งเครื่องบินลงจอด ณ สนามบินดอนเมืองอย่างปลอดภัย ดิฉันและพนักงานบนเครื่องบินต่างยิ้มให้กันด้วยความโล่งอกและยกมือให้กัน ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะไม่ทราบเหตุการณ์นี้ เป็นเพราะบ้างก็จะนอนหลับ บ้างก็คุยกัน อ่านหนังสือ ฯลฯ ความผิดปกติเหล่านี้ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสายการบินก็จะทราบดี ที่สนามบินคุณพ่อคุณแม่กรุณามารับเราทั้งสอง ดิฉันจึงเล่าให้ฟัง คุณแม่ปลอบว่า คนดี คนกตัญญู ลูกศิษย์หลวงพ่อต้องปลอดภัย

 

            สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตของดิฉัน มาจากอานิสงส์แห่งการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อให้ดิฉันหมั่นสวดมนต์และปฏิบัติธรรมให้ตลอด เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ปู่ย่าตายายเสมอ ดิฉันมีความสุขที่ได้เห็นคนรอบข้างของดิฉันทุกคนมีความสุข ดิฉันยังมีเรื่องราวของคนอื่น ๆ ที่เล่าให้ดิฉันฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา อันเนื่องจากบารมีของหลวงพ่อ ซึ่งบางคนก็มีโอกาสได้เขียน บางคนก็ยังไม่มีโอกาสได้เขียน

 

            ดิฉันไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นแค่นักเล่าเรื่องจริง เรื่องเล่าเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ดิฉันไม่สามารถบรรยายให้ผู้อ่านได้รับทราบความรู้สึก กตัญญู ระลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อที่มีเมตตากับดิฉันและครอบครัวอย่างมากมาย ดิฉันมีเรื่องทุกข์ร้อน มีปัญหา ดิฉันก็ขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยเสมอมา ดิฉันจะตอบแทนพระคุณของหลวงพ่อด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านตลอดไป....