ฉันได้รู้จักหลวงพ่อจรัญและวัดอัมพวันในปี ๒๕๓๗ โดยการอ่านหนังสือกฎแห่งกรรมธรรมปฏิบัติ
ฉันชอบทำบุญไปวัด ปฏิบัติกรรมฐานเสมอ
ชีวิตในครอบครัวไม่มีปัญหา สามีเป็นคนดี รับผิดชอบครอบครัว
รับราชการยศร้อยตำรวจเอกอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งในตอนนี้ ได้เกษียณแล้ว ลูกหญิงชายสองคนเรียนเก่ง ลูกสาวคนโตสอบชิงทุนไปเรียนปริญญาเอกที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ตัวฉันเองเป็นคนขี้โรค ที่หนักมากคือ โรคปวดหัวเป็นประจำ
เวลาปวดขึ้นมาจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หมดสติ และถ้าอากาศเปลี่ยน จะหายใจไม่สะดวก ทรมานมาก
ไปหาหมอฉีดยาทุกวัน
หมดวินิจฉัยฉันเป็นทุกโรค
เช่นภูมิแพ้บ้าง ไมเกรนบ้าง
ดีเพรสชั่นบ้าง เขาก็จะสั่งยาไปตามอาการ ซึ่งมีส่วนผสมของยานอนหลับเป็นส่วนใหญ่
ทำให้ง่วงเหงาหาวนอน เดินเซเหมือนคนเมา อาการป่วยหายชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อหมดฤทธิ์ยาก็จะเป็นอีก
จะมีวันที่สบายดีเพียงไม่กี่วัน
อยู่มาวันหนึ่ง
ไปเที่ยวทะเลและเล่นน้ำตากแดดพอสมควร กลับถึงบ้านรู้สึกเจ็บคอ เสมหะมีเลือดปนเล็กน้อย
คิดว่าเป็นหลอดลมอักเสบธรรมดา
หมดชี้แจงว่าต้องมีการตัดเนื้อเยื่อปอดพิสูจน์ ด้วยความกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง ฉันจึงหนีไปรักษาด้วยยาไทยที่วัดหัวหิน แต่อาการไม่ดีขึ้น นอนฝันไปคล้ายๆ
เทวดามาบอกว่ารักษาอย่างนี้ไม่มีทางหายต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล จึงมีความรู้สึกว่าสมควรกลับ ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล หมอคนแรกที่ตรวจวินิจฉัยว่าฉันเป็นมะเร็งที่ปอด ได้ส่งตัวต่อแต่หมดผ่าตัด ก่อนผ่าตัด ได้ทำอุลตราซาวด์
เห็นเป็นเงาที่ขั้วปอด
ทำให้หมอคนที่สองมีความเห็นว่าคงไม่ใช่มะเร็ง เพราะถ้าเป็นมะเร็งคงอยู่ได้ไม่ถึงห้าปี น่าจะเป็นลักษณะการระคายของเนื้อเยื่อ
ทีบี มากกว่า เมื่อตัดชิ้นเนื้อพิสูจน์
ผลพบว่าไม่ใช่มะเร็ง
หมอจึงรักษาทาง ทีบี กินยาและฉีดยาทุกเจ็ดวัน ตรวจผลการรักษาด้วยการฉายรังสีเอกซเรย์ทุกอาทิตย์ อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ ใช้เวลารักษาอยู่ถึงหนึ่งปี
ครึ่งจึงหาย
ขอระลึกถึงบุญคุณของหมออรรณพ
แห่งโรงพยาบาลตำรวจ
ผู้ให้การรักษาไว้ ณ ที่นี้ด้วย
หลังจากหายครั้งนั้น
ฉันได้ปฏิบัติธรรมมากขึ้นที่วัดหลายแห่ง ทั้งใกล้ และไกลบ้าน และถือศีลห้าเป็นอาจินต์ แต่ไม่ค่อยเข้าใจในการปฏิบัติเท่าใดนัก เพราะไม่มีผู้ใดสอน ให้นั่งสมาธิ ก็นั่งจามๆ เขาไป
ไม่รู้จักวิธีนั่งที่ถูกต้อง
เมื่อลูกสาวไปเรียนต่อเมืองนอกได้ห้าเดือน คุณแม่ผู้ชรามากแล้วก็เสีย พอดีได้อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม
ธรรมปฏิบัติของหลวงพ่อจรัญว่า
การปฏิบัติกรรมฐานนั้น
สามารถส่งผลบุญให้แก่ลูกสาวที่ไปเรียนเมืองนอก และคุณแม่ผู้ล่วงลับได้
แม้แต่เปรตซึ่งบุญอื่นส่งถึงยาก
ยังสามารถรับบุญจากพระกรรมฐานทำให้ฉันยากปฏิบัติมาก
จึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้ไปเรียนการทำกรรมฐานกับหลวงพ่อ โดยไร้อุปสรรคใดๆ ก็พอดีมีน้องชายของคนชอบพอมาบวชที่วัดอัมพวัน จึงขอมากับเขาด้วย
ได้เข้าลงทะเบียนปฏิบัติครั้งแรกเป็นเวลาสามวัน และรับกรรมฐานจากหลวงพ่อ โดยอยู่ใต้การสั่งสอนชี้แนะอย่างใกล้ชิดของ แม่ชีซูง้อ ฉันก็รู้โดยปัจจัตตังว่า ใช่แล้ว
นี้คือวิธีปฏิบัติที่ฉันต้องการและแสวงหามานาน เหมือนกับที่เราสวดทุกวันว่า นัตถิเมสะระณัง อัญญัง
พุทโธเมสะระณังวะรัง
ธัมโมเมสะระณังวะรัง
นัตถิเมสะระณัง อัญญัง
สังโฆเมสะระณังวะรัง สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี พระธรรมเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี
พระสงฆ์เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า พระสงฆ์คือหลวงพ่อจรัญ เป็นผู้นำคำสอนนี้มาสอนพวกเราให้รู้ตาม
ฉันปฏิบัติอยู่สามวันก็ลากลับเพราะเวลาน้อย และตั้งใจจะมาปฏิบัติอีกอย่างแน่นอน หลวงพ่อให้โอวาทวันลากลับว่า รับกรรมฐานจากท่านไปแล้ว
อย่านำไปทิ้งขว้าง ปฏิบัติให้เป็นประจำจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ปัญหาของเรา เราต้องแก้เอง ไม่ใช่ให้คนอื่นแก้ไขให้
หลังจากนั้นฉันก็มาปฏิบัติที่วัดอัมพวันอีกปีละสองถึงสามครั้ง
และได้ปฏิบัติที่บ้านเป็นประจำเกือบทุกวัน
สำหรับอาการปวดศีรษะของฉัน
ยาแก้ปวดหนึ่งเม็ดสามารถทุเลาอาการปวดไปได้หลายวัน
แต่หลังจากนั้นความปวดจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจนต้องกินยาทุกวัน อาการปวดศีรษะก็ไม่หาย
เพียงแต่บรรเทาลงคิดว่าเราต้องเป็นโรคเวรกรรมเก่าแน่ๆ
เพราะตรวจอย่างไรก็ไม่พบความผิดปกติ ทางร่างกาย
ฉันตัดสินใจเลิกกินยาแก้ปวดที่ฉันต้องอาศัยมันมาตลอดชีวิตเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๑
ตั้งใจปฏิบัติกรรมฐานแบบตายเป็นตายอย่างที่หลวงพ่อสอน ในความกรุณาของอาจารย์พันทิพย์
คอยแนะนำวิธีปฏิบัติให้ได้เห็นพองหนอ ยุบหนอ
ใหม่ๆ ก่อนจะหมดเวลาเสียงกริ่งดัง เจ็บปวดแทบขาดใจจนน้ำตาไหลเป็นเม็ดๆ เรียกให้หลวงพ่อช่วยตลอดเวลา
ตอนลากลับหลวงพ่อให้โอวาทว่า ท่านตื่นขึ้นมาทำวัตรตอนตีสี่
ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ช่วยขรม
นึกว่าเปรตที่ไหนมาร้องให้ช่วย
ที่แท้ก็พวกกรรมฐานนั่นเอง (คงไม่ใช่เราคนเดียวแน่ๆ) หลวงพ่อว่า ใช้ได้ที่ไหน
ใครจะช่วยได้ต้องช่วยตัวเอง
เวลาเจ็บก็กำหนดไป
กำหนดแล้วหายไหม
ตอบว่าไม่หายแต่ให้รู้ว่า เจ็บ-หนอ มีมากน้อยเพียงไร แล้วหายใจลึกๆ กำหนดไปเรื่อยๆ จะลืมความเจ็บปวดไปเอง หลวงพ่อเคยอบรมเสมอว่า ยากแท้แต่ไม่เคย ถ้าเคยทำแล้วจะง่าย เมื่อก่อนหลวงพ่อเคยให้โอวาทว่า ท่านจะให้เพชรทองตอนกลับบ้าน
เราก็ไม่เข้าใจที่ท่านพูด เดี๋ยวนี้เข้าใจแล้วว่ากรรมฐานที่ท่านประสิทธิ์
ประสาทให้มา
มีค่ายิ่งกว่าเพชรทองเสียอีก
ถึงมีเงินก็ไม่สามารถหาซื้อได้
ฉันตั้งใจปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
โดยความศรัทธาและเชื่อมั่น
อาการปวดหัว หรือโรคเวรโรคกรรม ของฉันที่วิชาการแพทย์สมัยใหม่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด ก็ค่อยๆ บรรเทาลงอย่างน่ามหัศจรรย์ ยาแก้ปวดศีรษะประจำตัว
ฉันก็แจกจ่ายแก่ผู้อื่นจนหมด
ฉันเพิ่มเวลาการปฏิบัติและเดินเป็นอย่างละ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเคยคิดท้อแท้นิดๆ ว่าคนอื่นเขาปฏิบัติกันเพียงเจ็ดวัน ก็เห็นกฎแห่งกรรมแล้ว
เราตั้งใจ ปฏิบัติมาโดยตลอด รู้สึกว่ายังไปไม่ถึงไหน ไม่เคยมีนิมิตอะไรเลย
อาจจะเป็นเพราะชาติที่แล้วเราคงไม่เคยปฏิบัติมาแน่ แต่ก็ช่างเถิด ที่หายจากโรคปวดหัว
และอยู่อย่างมีความสุขเช่นนี้
ก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ที่ฉันเขียนมานี้
เพื่อจะยืนยันให้ญาติธรรมทุกคนรู้ว่า กรรมฐานนี้สามารถช่วยจากมืดให้เป็นสว่างได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เวลามาปฏิบัติ ขอให้ปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ใช่มาจิ้มๆ จ้ำๆ
อย่างหลวงพ่อท่านเคยว่า
ก็จะได้รับผลสำเร็จทุกประการ
ในวาระครบหกรอบวันเกิดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนี้ ลูกขอร้อยเรียงความเป็นจริงจากใจ เพื่อกราบถวายหลวงพ่อ ผู้มีความเมตตาต่อสัตว์โลก ด้วยเดชะแห่งพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ขอจงขจัดอุปัทวันตราย
และโรคาพาธทั้งหลายที่จะมาแผ้วพานพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้สูญหายไปโดยพลัน มีแต่ความสุขกายสบายใจ และอยู่โปรดสัตว์โลกไปอีกนานๆ จนกว่าจะถึงเวลาอันเกษมเทอญ
๑๐๙/๑๘๘ หมู่ ๔ ตำบลบางรักพัฒนา