เสียงสติที่ได้จากการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
โดย
ธนสาร ไม้แก้ว
R14014
กระผมนายธนสาร
ไม้แก้ว
เป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของ หลวงพ่อจรัญ
วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุ
ด้วยการฝึกการเจริญสติวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อก่อนผมเองก็มีความสนใจในเรื่องของการฝึกปฏิบัติสมาธิมาเป็นเวลานานแต่ก็ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจัง
เพราะต้องคอยแสวงหาครูสอนแบบชาวบ้านทั่วไป จึงไม่มีแก่นสาร และไม่ทราบจุดหมายที่แท้จริงของการปฏิบัติ ผมเองเริ่มรู้จักวัดอัมพวัน
จากการอ่านหนังสือธรรมะผมอ่านอยู่หลายเล่ม
ตั้งแต่ มักลีผล, สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม, หนังสือกฎแห่งกรรม อ่านแล้วเห็นว่าดีก็ชวนคุณพ่อ (พลตรี ณพ ไม้แก้ว) มาอ่านด้วย
ต่อมาก็ได้มีโอกาสมาหาหลวงพ่อที่วัดอยู่หลายครั้งมากันทั้งครอบครัว ต่อมาในเดือน สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ผมก็เลยตัดสินใจมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน
กระผมมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
ตั้งแต่วันที่ ๒๐๒๙ สิงหาคม ๒๕๔๑
การมาปฏิบัติครั้งนั้นตั้งใจว่าจะมาสร้างกุศลให้กับตัวเอง และครอบครัว ในวันครบรอบวันเกิดในวันที่ ๒๗ สิงหาคม
ในขณะเดียวกันก็จะมาพิสูจน์อานิสงส์ต่างๆ
ที่เกิดจากการปฏิบัติที่หลวงพ่อจรัญ
ท่านได้สอนไว้ว่าเป็นจริงหรือไม่
เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติธรรมสำหรับตัวเอง และสำหรับคุณพ่อของกระผมที่จะมาปฏิบัติธรรมในโอกาสต่อไป
ผลจากการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังเป็นเวลา ๗ วัน ผมหมดความสงสัยในอานิสงส์ต่างๆ ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เพราะมีหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติสอนให้ผมรู้ว่า สิ่งที่หลวงพ่อจรัญท่านได้กล่าวไว้นั้น เป็นจริง และเราทุกคนที่จะต้องรู้ด้วยตัวของตัวเอง เท่านั้น ไม่มีใครมากำหนดหรือเนรมิตให้เป็นไปได้เลย หลังจากผมกลับจากการปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน
แล้ว ผมก็ได้นำพระกรรมฐานและสิ่งที่ผมได้เรียนรู้และศึกษามาจากวัดอัมพวัน
มาปฏิบัติต่อที่บ้านตลอดมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีอย่างสม่ำเสมอ และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับตัวผมเองในวันที่
๒๔ มีนาคม ๒๕๔๒ เวลา ๑๖.๒๗ น. ในระหว่างที่ผมเดินทางกลับจากต่างจังหวัดในวันนั้นผมจำได้ว่าผมกลับจากส่งน้ำดื่ม
(ผมทำกิจการน้ำดื่มบรรจุขวดครับ) ที่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
กำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร
ด้วยความเร็วสูงเนื่องจากมีงานคอยอยู่ที่กรุงเทพฯ พอขับรถมาถึงบริเวณทางโค้ง อำเภอนครชัยศรี มีเสียงกระซิบมาจากด้านหลังของกระจกรถที่ผมนำรูปของหลวงพ่อจรัญ ใบเล็กๆ ที่หลวงพ่อมอบให้ไว้ตอนไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน มาติดไว้ ว่า ยางจะระเบิดแล้ว ผมก็เอะใจชะลอความเร็วของรถลง
แล้วหยุดรถลงไปตรวจความเรียบร้อยของยางรถทั้ง ๔ เส้น
ก็อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยดี
ไม่บวม ไม่เสียรูป แต่อย่างใด ต่อจากนั้น
ก็ขับรถมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ
ด้วยความเร็ว ๑๑๐ กม./ชม. พอขับมาประมาณอีกสักประมาณ ๓๐ กม. เห็นจะได้ตอนนั้น ผมขับอยู่ในช่องจราจรขวาสุด
มาถึงจุดเกิดหตุพอดีตรงบริเวณทางโค้งก่อนถึงทางแยกเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ก็มีเสียงกระซิบจากรูปของหลวงพ่อจรัญด้านหลังกระจกดังขึ้นอีกว่า ยางจะระเบิดแล้วนะ เท่านั้นเอง ผมตัดสินใจแตะเบรคเบาๆ
หักเลี้ยวจากช่องจราจรขวามาช่องจราจรซ้ายทันที ทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเสียงระเบิดของยางด้านล้อหลังด้านขวาดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวพร้อมๆ
กับการเสียการทรงตัวของรถยนต์ ตัวรถพุ่งเอียงมาทางด้านซ้ายพร้อมจะลงข้างทาง
ซึ่งตรงหน้านั้นผมมองเห็นเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ซึ่งรถกำลังจะพุ่งไปหาห่างไปไม่เกิน ๑๔ เมตร
ในวินาทีนั้นผมตัดสินใจหักพวงมาลัยรถมาทางขวาเบาๆ พร้อมแตะเบรคทันทีเพื่อให้รถหมุนมาทางขวาเพื่อจะหลบการชนเสาไฟฟ้า
ในใจคิดว่าถ้ารถมันไม่เลี้ยวตามสั่งเราคงต้องตายแน่นอน
แต่ด้วยบุญกุศลที่ทำมารถสามารถเลี้ยวมาทางขวาแบบเสียการทรงตัวพร้อมกับเสียงดังสนั่นอีกครั้งจากการระเบิดของยางด้านล้อหลังซ้ายและวินาทีนั้นเองรถก็หมุนเป็นวงกลมเนื่องจากแรงเหวี่ยงและเหลือยางหน้าเพียง ๒
เส้นเท่านั้น
ผมได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมเหยียบเบรคจับพวงมาลัยประคับประคองรถสิ่งแรกที่พอใจคือรถมันพ้นเสาไฟฟ้าแต่สิ่งที่ ๒
ที่น่าคิดก็คือรถมันกำลังหมุนแบบเสียการทรงตัวอย่างแรงหลังจากพ้นจากเสาไฟฟ้าคือเกาะกลางถนนมันกำลังจะพุ่งข้ามเกาะไปชนกับรถคันอื่นเขาซะแล้ว
ผมตัดสินใจครั้งสุดท้ายเหยียบเบรคเต็มที่พร้อมๆ
กับหักพวงมาลัยมาทางสุดขวาเพื่อให้รถหมุนตัวและแล้วรถมันก็หมุนไปตามสั่ง
แล้วเริ่มช้าลงแล้วหยุดสนิทในทิศทางกลับหัวสวนทางกับรถที่วิ่งตามมา ทันทีที่รถจอดสนิทผมตั้งสตินิ่งเปิดไฟกระพริบทันทีตาจ้องมองไปทางโค้งว่าจะมีรถสิบล้อเลี้ยวโค้งมาชนรถผมหรือเปล่า
หลังจากแน่ใจว่าพอมีเวลาออกจากรถก็รีบวิ่งไปหยิบเศษวัสดุข้างทางมากั้นทางทำเครื่องหมายเตือนรถที่วิ่งตามกันมาทันที
โชคดีที่ไม่มีรถสวนมาในขณะนั้นผมจึงค่อยๆ
ขยับรถเข้าข้างทาง
ไม่กี่วินาทีหลังจากเอารถเข้าข้างทางแล้วทั้งรถสิบล้อรถเมล์
วิ่งมาเป็นหน้ากระดาน
ผมมองดูแล้วนึกถอนใจว่านี่ถ้าเราไม่มีกุศลผลบุญอยู่บ้างคงต้องเป็นผีหมดทุนตายเฝ้าถนนอย่างหลวงพ่อจรัญว่าเป็นแน่แท้ เอาละครับไม่ว่าเสียงเตือนทั้ง ๒ ครั้ง
๒ คราว จะมาจากไหน
แต่ผมเชื่อว่าเสียงที่ดังออกมาเตือนสติผมนั้นก็คืออานิสงส์จากการเจริญสติภาวนาตามแนวทางของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
อย่างแน่นอน สุดท้ายของบทความนี้ผมขอเชิญชวนทุกท่านที่เป็นชาวพุทธ
ให้หันมาสนใจในพุทธศาสนาในด้านของการเจริญสติภาวนาตามแนวทางที่ถูกต้องกันให้มากๆ
เพราะอานิสงส์ที่ได้นั้นมันมากมายเหลือที่จะกล่าว
ส่วนใครจะได้อย่างไรก็คงจะต้องเป็นเรื่องที่ต้องรู้กันเฉพาะตน อย่างน้อยถ้าทุกท่านที่ได้มาศึกษาปฏิบัติที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
ผมเชื่อแน่นอนว่าทุกท่านจะต้องเป็นคนพุทธโดยสมบูรณ์ ยิ่งขึ้นอย่างน้อยก็ สวดมนต์เป็นเจริญสติเป็น, การแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล ให้ บุคคลที่เราต้องการให้เขา ได้รับผลบุญจริงๆ นั้น เขาทำกันอย่างไร สุดท้ายนี้ผมขอกราบขอบพระคุณ หลวงพ่อจรัญ และคณะสงฆ์
ตลอดจนครู อาจารย์ ของวัดอัมพวันทุกท่านที่ได้อบรมสั่งสอนชี้แนะแนวทางปฏิบัติ
ที่ถูกต้องให้กับกระผมและครอบครัวทำให้ครอบครัวของผมพบแต่ความสุขความเจริญมาเป็นลำดับ
กระผมและครอบครัวจะขอยึดแนวทางการปฏิบัติธรรมของ หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
ไว้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตตลอดไป
๗๐๘ หมู่ ๗ หมู่บ้านเพชรเกษม ๑
แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม
กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๖๐