ธรรมคุ้มครองชีวิต

 

โดย  วิมล  ดุลยากร

R14015

 

เมื่อข้าพเจ้าเกิดมาจนกระทั่งจำความได้  ภาพที่ข้าพเจ้าเห็นจนชินตาจากการปฏิบัติของแม่คือการตักบาตรไหว้พระสวดมนต์ทุกวันมิได้ขาด  การปฏิบัติของท่านข้าพเจ้าจึงคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของแม่  ภาพนี้จึงเปรียบเสมือนคำสั่งสอนที่ไม่มีคำพูดหรือการสั่งการใดๆ จากแม่  แต่มันก็สามารถซึมลึกลงไปในจิตใจของข้าพเจ้าได้ตลอดเวลา  ข้าพเจ้าไม่ค่อยเห็นแม่โกรธ   แม่เป็นคนอารมณ์เย็นใจดีอยู่เสมอ  นี่คงเป็นอานิสงส์ของการทำบุญสวดมนต์ไหว้พระของแม่กระมัง

 

ภายหลังที่ข้าพเจ้าเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาและเข้าศึกษาต่อจนจบการศึกษาที่วิทยาลัยครูสวนดุสิต  หลังจากจบการศึกษาได้ทำงานเป็นครูโรงเรียนสมถวิล   พระโขนงเป็นเวลา  ๑ ปี  และได้เข้ารับราชการครูที่โรงเรียนอนุบาลลพบุรี    ปี  ข้าพเจ้าก็ต้องลาออกเพื่อมาบริหารงานโรงเรียน  “บรรจงรัตน์”  ที่แม่ได้จัดสร้างขึ้นให้  ครั้งแรกข้าพเจ้าหนักใจเหลือเกินว่าจะทำหน้าที่ที่แม่มอบหมาย  ให้ดูแลรับผิดชอบได้ดีหรือไม่เพราะตัวข้าพเจ้าเองมีประสบการณ์ในการทำงานน้อยมาก  แต่เมื่อภาพการทำงานในชีวิตประจำวันของแม่ปรากฏขึ้นในมโนภาพของข้าพเจ้าแล้ว  ทำให้ข้าพเจ้าเกิดกำลังใจทำหน้าที่ที่แม่มอบหมายให้โดยคิดว่าจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะจากการดำเนินชีวิตของพ่อและแม่นั้นสามารถนำมาเป็นคำสอนที่ดีให้แก่ข้าพเจ้าคือ  ความอดทน  อดกลั้น  และอดออม  ถึงแม้แม่จะมีบุตรถึง    คน  แต่ลูกทุกคนท่านก็เลี้ยงด้วยสองมือน้อยๆ อกอุ่นๆ  พร้อมหัวใจอันบริสุทธิ์ของท่านถึงแม้แม่จะเหนื่อยยากสักเพียงใด  ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินแม่ปริปากบ่นถึงความยาลำบากนั้นเลย ท่านประคบประหงมดูแลลูกทุกคนจนเติบใหญ่พร้อมทั้งให้การศึกษาสูงสุดเท่าที่ลูกทุกคนจะเรียนได้  ข้าพเจ้าจึงคิดว่าเกิดมาในชาตินี้ข้าพเจ้ามีบุญเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นลูกของแม่  แม่คือชีวิต  แม่คือกำลังใจ  แม่คือน้ำบ่อใหญ่ที่ทำให้ข้าพเจ้าแช่มชื่นกายใจตลอดเวลา

 

เมื่อข้าพเจ้าแต่งงานมีครอบครัว  หัวหน้าครอบครัวของข้าพเจ้าก็เป็นดีมีความขยันขันแข็งมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ  ท่านเป็นผู้เนรมิตให้โรงเรียนของข้าพเจ้าเกิดความสวยสดงดงามด้วยแมกไม้ต่างๆ  นานาพันธุ์  ซึ่งสามารถสร้างคุณค่าสทางธรรมชาติและสร้างสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนของข้าพเจ้าเลยทีเดียว  และที่สำคัญที่สุดคือท่านเป็นผู้คอยให้กำลังใจและเป็นผู้คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จของข้าพเจ้า   ข้าพเจ้าจึงคิดว่าในอดีตข้าพเจ้าคงทำความดีไว้ผลแห่งบุญและความดีนั้นจึงมาช่วยค้ำคูณให้ชีวิตของข้าพเจ้ามีแต่ความสุข  ด้วยเหตุนี้เองข้าพเจ้าจึงตั้งปณิธานไว้ว่าไม่ว่าจะเป็นงานบุญงานกุศลใดๆ  หากข้าพเจ้าไม่ติดภารกิจข้าพเจ้าจะไปร่วมงานนั้นๆ  ให้ได้โดยตลอดหากติดภารกิจที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ข้าพเจ้าจะฝากปัจจัยไปร่วมงานบุญนี้อย่างสม่ำเสมอ  ถึงแม้ข้าพเจ้าจะทราบว่าการฝากไปทำบุญนั้น บุญที่ได้รับจะไม่เต็มร้อยข้าพเจ้าก็ยังเต็มใจที่จะทำ  เพราะข้าพเจ้าคิดอยู่เสมอว่าการทำดี  คิดดี  อยู่ตลอดทุกเสี้ยววินาทีก็สามารถทำให้จิตใจของข้าพเจ้าดีได้ตลอดกาล ข้าพเจ้าจึงพยายามเก็บสะสมบุญไว้ทีละเล็กทีละน้อย   ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นบุญอันยิ่งใหญ่มหาศาลเหมือนบุญของแม่ที่ได้ปฏิบัติก็ตาม

 

ในส่วนของเรื่องบุญกุศลนี้ข้าพเจัามีความภูมิใจว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ข้าพเจ้ายังไม่เคยสัมผัสกับการฆ่าสัตว์เพื่อนำมาบริโภคเลย  ชีวิตของปลาตัวน้อยๆ หรือแม้กระทั่งเป็ดไก่ ข้าพเจ้ายังไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่าเขามีวิธีการฆ่ากันอย่างไร  นี่เองกระมังที่เขาว่าการไม่เบียดเบียนกันทำให้เกิดสุข ข้าพเจ้าไม่เคยเบียดเยียนสัตว์น้อยใหญ่  ชีวิตของข้าพเจ้าตั้งแต่เกิดมา ข้าพเจ้าจึงไม่เคยป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใดๆ  เลยนอกจากการคลอดบุตรทั้ง    คนของข้าพเจ้าเท่านั้น  ความจริงในข้อนี้ ข้าพเจ้าจึงมีความศรัทธา  และเชื่อมั่นในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า  การไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก  ข้าพเจ้าจะขอปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

 

จากการตั้งใจทำดีอย่างสม่ำเสมอของข้าพเจ้า จึงทำให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานที่ข้าพเจ้าบริหารอยู่คือ  โรงเรียนบรรจงรัตน์  หลักในการบริหารงานข้าพเจ้าคิดยอู่เสมอดว่าหากข้าพเจ้าให้ในสิ่งที่ดีๆ  กับเพื่อนร่วมงานแล้ว  ผลแห่งการให้นั้นก็จะกลับมาหาข้าพเจ้าเอง  ข้าพเจ้าต้องใช้ความอดทนอดกลั้นทำใจให้ได้กับเพื่อนร่วมงานทุกคน  เพราะข้าพเจ้าคิดว่ามนุษย์คือธรรมชาติอย่างหนึ่งในดีต้องมีเสีย  ในเสียเขาต้องมีดี  ข้าพเจ้าจึงพยายามมองแต่ในส่วนดีๆ ของเขา และพยายามหาวิธีการขจัดข้อเสียของเขาออกไปโดยไม่ให้เขารู้ตัว  เมื่อชีวิตของเพื่อนร่วมงานเขามีความสุข เขาก็จะมีความสุขสนุกกับการทำงาน  ซึ่งผลแห่งการมีความสุขกับการทำงานนี้มันจะส่งผลไปยังผลผลิตของข้าพเจ้าคือนักเรียน  ในส่วนนี้ข้าพเจ้ามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากที่สามารถสร้าง  ผลิตผลได้อย่างมีคุณภาพ  เพราะนักเรียนของข้าพเจ้ามีคุณภาพทางการศึกษาที่ดี  สามารถประสบความสำเร็จภายหลังจบการศึกษาจากโรงเรียนของข้าพเจ้าและไปประกอบอาชีพมีหน้าที่การงานที่มั่นคงในสถานที่ต่างๆ  ทั่วไป สำหรับตัวข้าพเจ้าเองไม่สามารถจำลูกศิษย์ของข้าพเจ้าได้ทั้งหมด   แต่เมื่อลูกศิษย์กลับมาแสดงมุทิตาจิตต่อข้าพเจ้าจึงทำให้ทราบได้ว่าศิษย์แต่ละรุ่นเป็นอะไรกันบ้าง  บางคนเป็นอัยการ  เป็นทหาร  เป็นตำรวจ  เป็นพ่อค้า  เป็นแพทย์  เป็นพยาบาล  เป็นนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ  สิ่งเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจเปรียบเสมือนยาชูกำลังที่ข้าพเจัาไม่ต้องรับประทานแต่สามารถทำให้  ร่างกายจิตใจของข้าพเจ้าแช่มชื่น จนสามารถปฏิบัติงานสั่งสอนลูกศิษย์รุ่นใหม่ๆ  ให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของประเทศชาติได้อีกต่อไป

 

สิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากที่สุดของข้าพเจ้าอีกอย่างหนึ่งคือ  การได้รับเมตตาจิตจากพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ)  แห่งวัดอัมพวัน  ข้าพเจ้าไม่เคยไปกราบนมัสการท่านเลย  เคยแต่ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านว่าเป็นพระสุปฏิปันโน  อยู่ที่จังหวัดสิงห์บุรี  มีครูท่านหนึ่งในโรงเรียนของข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อได้ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดของหลวงพ่อ  หลวงพ่อได้สอบถามถึงสถานที่ที่ครูของข้าพเจ้าทำงานอยู่  เขาได้ตอบหลวงพ่อว่าสอนอยู่ในโรงเรียนบรรจงรัตน์  หลวงพ่อฟังแล้วสงบนิ่งไปสักครู่หลวงพ่อจึงได้บอกกับครูท่านนั้นว่า  คราวหน้ามารับทุนจากหลวงพ่อ  หลวงพ่อให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่โรงเรียน  ๑๐,๐๐๐  บาท  เมื่อครูท่านดังกล่าวรับทุนจากหลวงพ่อท่านให้ข้าพเจ้าทำไม  ให้มาเพื่ออะไร   เมื่อได้รับคำชีแจงข้าพเจ้าจึงตั้งใจว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปจัดตั้งเป็นกองทุน  โดยขออนุญาต  พระเดชพระคุณหลวงพ่อตั้งชื่อกองทุนนี้ว่า  “กองทุนการศึกษาพระราชสุทธิญาณมงคล”  และหลังจากนั้น  ข้าพเจ้าก็ได้รับเมตตาจากท่านหลวงพ่อจรัญมาโดยตลอด  วันหนึ่งหลวงพ่อท่านมาทำกิจธุระที่จังหวัดลพบุรี   ท่านจึงถือโอกาสแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนโรงเรียนของข้าพเจ้า  หลวงพ่อท่านไม่เคยลืมขนบธรรมเนียมไทยเลย  ไปแวะเยี่ยมเยียนใครต้องมีของไปฝากบ้านเรือนนั้น  ข้าพเจ้าได้รับขนมเปี้ยะของฝากจากเมืองสิงห์บุรีถึง  ๑๐ อัน  จากหลวงพ่อ  ท่านบอกว่ากินแล้วดี  กินแล้วร่ำรวย  ข้าพเจ้าคิดว่าคำๆ นี้คงเป็นอุบายสอนใจอะไรข้าพเจ้าสักอย่างแน่นอน  ข้าพเจ้าจึงรู้สึกปลาบปลื้มใจในเมตตาจิตของหลวงพ่อเป็นอย่างมาก  ภายหลังที่ข้าพเจ้ากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ   และนิมนต์หลวงพ่อยังอาสนะที่จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว  หลวงพ่อท่านได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่าโรงเรียนสวย  สะอาด  เป็นระเบียบเรียบร้อยดี  มีอย่างหนึ่งที่หลวงพ่อจะมอบให้แก่ข้าพเจ้าคือ “ไม้มงคล”  ท่านได้บอกกับข้าพเจ้าว่าหากว่างเมื่อไรให้ไปรับไม้มงคลด้วยตนเอง  แล้วนำมาตอกลงบนพื้นที่ของโรงเรียนทั้ง    มุมด้วยตนเอง  ข้าพเจ้ารับคำพร้อมกราบนมัสการหลวงพ่อ  หลังจากนั้นหลวงพ่อจึงเดินทางกลับวัด  ข้าพเจ้า  แอบดีใจอยู่ลึกๆ  ว่าวันนี้หลวงพ่อมีเมตตาต่อข้าพเจ้า และโรงเรียนบรรจงรัตน์มากเหลือเกิน  นอกจากจะแวะมาเยี่ยมเยียนนำขนมมาฝากซึ่งข้าพเจ้าได้มอบให้บุคลากรทุกคนในโรงเรียนได้รับประทานอย่างทั่วถึง   พร้อมกันนี้ท่านยังจะกลับไปทำไม้มงคล  เพื่อให้เกิดสิริมงคลต่อข้าพเจ้าและโรงเรียนของข้าพเจ้าอีกด้วย  หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาข้าพเจ้าก็มีงานยุ่งต่อเนื่องกันมาโดยตลอดจนลืมการรับปากว่าจะไปรับไม้มงคลจากหลวงพ่อเสียสนิท  จนกระทั่งคุณครูที่เป็นศิษย์หลวงพ่อได้มาติงเตือนข้าพเจ้าก็ได้แต่ตอบไปว่ายังไม่ได้ไปรับเลย  ไม่ค่อยว่างตอนนั้นงานยุ่งมาก  ใจของข้าพเจ้าคิดอยู่กับตนเองอยู่เสมอว่าสิ่งที่เป็นมงคลจะไปรับเมื่อไรก็ต้องเกิดมงคลเสมอ  โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยฉงนใจอะไรเลยว่าสิ่งที่หลวงพ่อจะมอบให้แก่ข้าพเจ้านั้นจะสามารถเป็นเกราะป้องกันภัยให้แก่ข้าพเจ้าได้  เพราะข้าพเจ้าเองทราบมาจากผู้ที่เคารพรักว่าหลวงพ่อไม่เคยทำวัตถุมงคลนอกจากลูกศิษย์ขออนุญาตทำเพื่อเก็บไว้บูชาเท่านั้น  ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นเพราะว่าข้าพเจ้าไม่ค่อยเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมก็อาจเป็นได้  ข้าพเจ้าไม่เคยได้รับผลของอกุศลกรรม  ซึ่งผลนี้จะปรากฏกับมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา  เวียนว่าย ตาย  เกิด ในโลกมนุษย์นี้  ผลแห่งกรรมทุกคนจะต้องได้รับทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี  กล่าวคือ  หลังจากนั้นไม่นานนัก  คือวันที่  ๑๙  กุมภาพันธ์  ๒๕๓๕   ข้าพเจ้าต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ปลุกสามีว่าข้าพเจ้าไม่ไหวแล้วไม่รู้เป็นอะไรหายใจไม่ค่อยออกช่วยพาข้าพเจ้าไปโรงพยาบาลที  สามีได้ส่งข้าพเจ้าไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลพบุรี แต่แพทย์ไม่สามารถแก้ไขอาการป่วยของข้าพเจ้าในครั้งนี้ได้  คุณรำพึง   ศิริพานิชกร  ซึ่งข้าพเจ้าเคารพรักมากเทียบได้กับพี่สาวคนหนึ่งของข้าพเจ้าเลยก็ว่าได้  ท่านได้ปรึกษากับสามีของข้าพเจ้าเพื่อนำส่งข้าพเจ้าเข้าทำการรักษายังโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ  ซึ่งการเดินทางไปรักษาครั้งนี้ได้ต้องใช้รถของโรงพยาบาลส่งตัวข้าพเจ้า  ในขณะเดินทางข้าพเจ้ามีอาการอึดอัดหายใจไม่ค่อยออกข้าพเจ้าคิดในใจอยู่คนเดียวว่า  ข้าพเจ้าไปทำอะไรไว้กับใครหรือเปล่าหนอ  ซึ่งการเจ็บป่วยในครั้งนี้แทบเอาชีวิตไม่รอด  เป็นการป่วยหนักและสาหัสครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของข้าพเจ้าเลยก็ว่าได้  แพทย์บอกกับสามีและลูกๆ  ของข้าพเจ้าว่า   ข้าพเจ้าเป็นเนื้องอกบริเวณต่อมหมวกไต  ก้อนใหญ่มาก  ซึ่งโรคนี้พทย์บอกว่าคนไข้มีโอกาสที่จะเป็นเพียงหนึ่งในล้านคนเท่านั้น  ซึ่งหนึ่งในล้านคนนั้นบังเอิญเป็นข้าพเจ้าพอดี  แพทย์ต้องตัดสินใจผ่าตัดนำก้อนเนื้อนั้นออกจากต่อมหมวดไตของข้าพเจ้า  การผ่าตัดในครั้งนี้แพทย์ให้ความหวังกับข้าพเจ้า  ๕๐:๕๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น   สามีและลูกๆ  ของข้าพเจ้าว้าวุ่นใจเป็นอันมาก  เขาไม่เคยบอกข้าพเจ้าแต่ดูจากแววตาแล้ว  ข้าพเจ้าเข้าใจจิตใจของสามีและลูกๆ   ได้ทันทีว่าห่วงใยข้าพเจ้า  จำได้อย่างแม่นยำว่าก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้าห้องผ่าตัดนั้น   มีญาติพี่น้องบุคคลต่างๆ  หลายระดับมาเยี่ยมเยียนให้กำลังใจต่อข้าพเจ้ามากมาย  ข้าพเจ้าพยายามควบคุมสติยกมือไหว้ขอบคุณผู้มาเยี่ยมข้าพเจ้า  ข้าพเจ้ายังแอบเห็นน้ำตาของบางคนที่มาเยี่ยมข้าพเจ้าเลย  เขาคงเห็นใจข้าพเจ้าก็เป็นได้   เพราะในชีวิตเขาเหล่านั้นเคยเห็นแต่ข้าพเจ้ายิ้มแย้มแจ่มใสไม่เคยเห็นข้าพเจ้านอนเจ็บป่วยอย่างนี้  ข้าพเจ้ายังคิดอยู่ในใจว่าหากครั้งนี้ข้าพเจ้าเป็นอะไรก็ไม่เสียใจเลยเพราะจากผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำไว้ส่งผลให้ข้าพเจ้าเห็นน้ำใจของบุคคลต่างๆ  หลายระดับที่มาเยี่ยมข้าพเจ้ามิได้ขาด   หลังจากนั้นก็มีคุณครูมาบอกข้าพเจ้าว่าให้ตั้งใจภาวนาพุทโธในใจในให้ตลอด   หลวงพ่อจรัญจะแผ่เมตตาสมาธิจิตมาให้แก่ข้าพเจ้า  ข้าพเจาก็ปฏิบัติตามแต่ภาวนาได้ไม่กี่คำก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยาที่พยาบาลนำมาให้  และไม่รู้สึกตัวไปนานเท่าไรไม่ทราบได้  มารู้ตัวอีกครั้งเมื่ออาการเริ่มดีขึ้น  สามีและลูกๆ   คงตื้นตันใจที่ข้าพเจ้าปลอดภัยจากการผ่าตัดในครั้งนี้  ข้าพเจ้าไม่รู้เลยด้วยซ้ำไปว่าขณะที่ข้าพเจ้าเข้ารับการผ่าตัดนั้น   ท่านมีเมตตาแผ่สมาธิจิตมาให้แก่ข้าพเจ้าตลอดเวลาที่ทำการผ่าตัดส่วนแม่ของข้าพเจ้าท่านได้สวดมนต์   นั่งสมาธิร่วมกับครูที่โรงเรียนของข้าพเจ้า  จากผลของการปฏิบัติของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญรวมกับบุญของแม่ข้าพเจ้า คงเป็นอานิสงส์ให้ข้าพเจ้ารอดปลอดภัยมาได้เมื่อข้าพเจ้าหายดีข้าพเจ้าจึงได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าก่อนวันที่ข้าพเจ้าจะเข้าทำการผ่าตัดสามีของข้าพเจ้าได้ไปรับไม้มงคลจากหลวงพ่อนำมาตอกไว้ทั้ง    มุมของโรงเรียน  สามีของข้าพเจ้าต้องอดทนเป็นอย่างมากในช่วงที่ข้าพเจ้าป่วย ท่านต้องเดินทางไปกลับลพบุรีเกือบทุกวัน  เพราะใจหนึ่งท่านก็ห่วงข้าพเจ้าอีกใจหนึ่งท่านก็ห่วงงานของข้าพเจ้า ท่านคงว้าวุ่นใจมาก  แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยได้ยินคำบ่นหรือคำปรารภใดๆ  จากท่านเลย   ส่วนแม่ของข้าพเจ้าร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด   ทานไม่ได้กินไม่ได้นอนเพราะความเป็นห่วงข้าพเจ้า  แม่ท่านได้พูดกับครูที่โรงเรียนของข้าพเจ้าว่าหากสามารถแลกชีวิตกันได้แม่ของเจ็บป่วยหรือตายแทนลูกดีกว่า  แม่แก่แล้ว  ขอให้ลูกมีความสุขสบายไม่ต้องเจ็บป่วย  เมื่อแม่เห็นลูกเจ็บป่วยแล้วมันทรมานใจแม่ยิ่งกว่าแม่เจ็บป่วยเองเสียอีก

 

ข้าพเจ้าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า  คำว่า “กรรม”  นั้นเป็นคำกลาง  แบ่งได้ออกเป็นสองทางคือ  กรรมดี  กุศลกรรม  และ กรรมชั่ว  อกุศลกรรม   หากเราสะสมกรรมดีไว้มากๆ  เราก็จะพบแต่ความสุข   ชีวิตของข้าพเจ้าตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ข้าพเจ้าพบแต่ความสุขตลอดเรื่อยมาจนกระทั่งวันที่ข้าพเจ้าเจ็บป่วย   ข้าพเจ้าจึงคิดได้ว่าในอดีตชาติข้าพเจ้าคงไปเบียดเบียนทำร้ายสัตว์ไว้ครั้งใหญ่ จึงทำให้ข้าพเจ้าแทบเอาชีวิตไม่รอดกับการเจ็บป่วยในครั้งนี้  หากไม่ได้บารมีของหลวงพ่อจรัญแห่งวัดอัมพวัน บุญของแม่ที่แผ่ไพศาลมาถึงข้าพเจ้า รวมถึงบุญที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาโดยตลอดในปัจจุบัน  สามารถส่งผลให้ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อทำความดีต่อไปได้    ฉะนั้น  ชีวิตที่เหลือของข้าพเจ้าต่อไปนี้   ข้าพเจ้าจะสะสมบุญไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้   เพื่อบุญนั้นจะได้คุ้มครองชีวิตของข้าพเจ้าไปตลอดกาล  นี่เองกระมังที่ความดีสามารถคุ้มครองชีวิตให้เกิดความสุขได้  ดั่งคำที่ว่า  “ธรรมคุ้มครองชีวิต”

 

วิมล  ดุลยากร