ผมต้องกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณเจ้า
พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน
จ.สิงห์บุรี
ที่ท่านได้ใช้พลังจิตแผ่เมตตาข้ามประเทศช่วยชีวิตผม เมื่อวันที่ ๑๖ - ๒๐ พฤษภาคม
๒๕๔๒ (๑๙๙๙) ที่โรงพยาบาล
ในประเทศสหรัฐอเมริกา (FAIRFAX
HOSPITAL, ANNADELE, VIRGINEA USA.) และกรุณาอนุญาตให้ผมได้เขียนเรื่องจากประสบการณ์ลงหนังสือกฎแห่งกรรม
ผมถือโอกาสเล่าความเป็นมา
เมื่อได้มาพบหลวงพ่อ ทั้งๆที่ผมอยู่ประจำที่กรุงวอขิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา
มาร่วม ๓๔ ปี ของสมัครเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเมื่อไร
ผมได้พบหลวงพ่อครั้งแรกเมื่อวันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ (๑๙๙๘) เกิดความศรัทธาเลื่อมใสทันที
เพราะอะไรทุกๆอย่างก็ต้องมีทั้งเหตุและผล ที่ผมจะเรียนให้ท่านทราบ
ปัจจุบันผมทำงานอยู่ที่
WORLD BANK (ธนาคารโลก) กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และได้เป็นข้าราชการบำนาญ
และได้เคยมาปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ที่สำนักงานผู้ดูแลนักเรียนไทย - สถานทูตไทย
ณ กรุงวอชิงตัน ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาร่วม ๓๔ ปี ชีวิตผมต้องทำงานด้วย
และเรียนด้วยคู่กันเสมอ จึงไม่ต้องรบกวนทุนทางบ้าน
ผมและพี่ๆน้องๆทุกคนยึดหลัก
ความกตัญญูต่อคุณบิดา มารดา ครูบาอาจารย์ และผู้มีพระคุณเป็นหลัก
ด้วยเหตุผลอันนี้จึงทำให้ผมมีความเจริญในความเป็นอยู่ดี
ซึ่งตรงกับหลวงพ่อที่พร่ำสอนญาติโยมเสมอว่า ต้องรู้คุณบิดาคุณมารดา
ทำความดีเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่ทำความดี พอทานจากไป
ถึงทำกงเต๊ก เอาตึกหรือรถยนต์กระดาษไปเผาให้ ท่านก็ไม่ได้รับหรอก (กฎแห่งกรรม
เล่ม ๕ หน้า ๑๘๓)
หลวงพ่อสอน
" สร้างคน - พัฒนาคน" ไม่ใช่หลงใหลในวัตถุ
และมีอีกหลายๆเรื่องที่ท่านสอนไว้ในหนังสือกฎแห่งกรรม ท่านทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยมาก
ทุ่มเททั้งกำลังกายและใจ เพื่อต้องการสร้างคนพัฒนาคน ให้ได้หลุดพ้นจากความทุกข์
สอนให้รู้กฎแห่งกรรม และแก้ไขปัญหาชีวิต ด้วยเหตุผลหลายๆประการ
เมื่อผมได้พบหลวงพ่อครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๘ พ.ย. ๒๕๔๑
ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสทันที ในจิตคิดเสมอว่ามีเงินเท่าไรอยากทำบุญกับท่านเลย ผมมา CLICK
(สัมผัส) กับความจริงใจและคำสอนของท่านมาก
ทำไมผมต้องมาสนใจสมาธิ
เพราะเมื่อปี ๒๕๓๓ (๑๙๙๐) ผมเป็นโรคความดันสูง
แพทย์อเมริกันให้ผมทานยาลดความดัน พอรู้ว่าเป็นโรคความดัน ซึ่งผมถูกขู่ว่า
ถ้าไม่ทานยาอาจเป็นโรคหัวใจวาย อัมพาต เบาหวาน และโรคอื่นอีกจิปาถะ
ยิ่งกลัวความดันก็ยิ่งสูง และจำเป็นต้องทานยาลดความดันวันละเม็ด
ผลที่เกิดขึ้นต้องเข้าห้องน้ำปัสสาวะอยู่บ่อยครั้ง
บังเอิญผมเลี้ยงสุนัขพันธ์ปักกิ่งชื่อ แบนดิท สีน้ำตาลแก่สวยน่ารัก
เวลาพาออกไปทำธุระ มันจะต้องยิงกระต่ายทุกๆที่ๆไปไม่ยอมหยุด เอ๊ะผมเกิดเอะใจขึ้นมา
เรากินยาความดันต่อไปต้องเข้าห้องน้ำเรื่อยไปไม่ยอมหยุด เหมือนเจ้า แบนดิท แน่ ชักไม่ค่อยงาม เสียบุคลิก โชคดีเมื่อปี ๒๕๓๔
ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมธนาคารโลกครั้งแรก ณ
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ใกล้โรงงานยาสูบ
มีชาวต่างประเทศเข้าร่วมประชุม
๑๑๕ ประเทศ ซึ่งผมได้มีโอกาสมาร่วมประชุมที่เมืองไทยด้วย และดีใจที่ได้พบอดีตท่านทูตอานันท์ ปันยารชุน
ที่เคยพบท่านขณะประจำอยู่ที่กรุงวอชิตัน
ท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศไทย
เราก็โชคดีที่มีนายกรัฐมนตรี
ที่ชาวต่างประเทศยกย่องมาก
ท่านได้กล่าวปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษ
ทำให้ฝรั่งยกนิ้วว้าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีที่เก่งยอดเยี่ยมมาก
ผมได้มีโอกาสพบนายแพทย์ไทยที่มาบริการที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายแพทย์ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคหัวใจ และจบมาจากประเทศอังกฤษ
เสียดายที่ผมจำชื่อท่านไม่ได้ ท่านได้มาวัดความดันผม แล้วบอกว่า พี่ต้องออกกำลังกาย
และนั่งสมาธิไม่ต้องทานยาลดความดันก็ได้
ผมแปลกใจว่าหมอไทยก็ไปเรียนต่างประเทศตำราแพทย์อันเดียวกัน แต่หมอฝรั่งให้ทานยาลดความดัน หมอไทยว่าไม่ต้อง ผมตัดสินใจเชื่อหมอไทยเลิกกินยาลดความดันทันที
ไม่เช่นนั้นต้องเข้าห้องน้ำบ่อยเหมือนเจ้าสุนัขของผม
ด้วยเหตุผลอั้นนี้ผมจึงเริ่มสนใจเรื่องสมาธิช่วงมาประชุมไม่มีโอกาสไปไหนนัก ผมได้ซื้อตำราฝึกสมาธิ พุทโธ มาอ่านและฝึกปฏิบัติเอง
บางครั้งมีโอกาสพบพระสงฆ์ที่มาประชุมคณะสงฆ์ที่ประเทศสหรัฐ และผ่านมาทางกรุงวอชิงตัน ก็ได้คำแนะนำต่างๆ กัน แล้วแต่จริตของแต่ละองค์
ขอวกกลับไปยังช้างธนาคารโลกที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ก่อนประชุมใหญ่ไม่กี่วันที่หอประชุม
มีพนักงานนำช้างตัวใหญ่
ซึ่งสวยสง่างาม
ประดับด้วยดอกกล้วยไม่สีขาว
ประมาณหมื่นดอก และมีพิธีจุดธูป
หลังจากนั้นแขกที่มาประชุมร้อยกว่าประเทศก็มามุงถ่ายรูปกันอย่างคับคั่ง ดูแล้วน่าปลื้มใจมาก เท่าที่ทราบช้างตัวนี้มาจากโรงแรมดุสิต
ไม่เพียงแต่ช้างสวยเท่านั้นรัฐบาลได้คัดเลือกนักศึกษาที่น่าตาดีๆ สวยๆ ที่พูดภาษาอังกฤษได้มาต้อนรับ และคอยบริการที่หอประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อีกด้วย
ผมเพิ่งมาทราบภายหลังว่าช้างธนาคารโลกได้มาอยู่ที่วัดอัมพวัน เมื่อครั้งแรกที่ผมได้มาพบหลวงพ่อ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๑
ท่านได้เล่าประวัติความเป็นมาของช้างธนาคารโลกเป็นที่น่าสนใจมาก สรุป ๒
ปีให้หลัง ผมได้พบช้างธนาคารโลกอีกครั้งที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
ผมตั้งใจอยากเรียนสมาธิกับพระเกจิดังๆ ที่เมืองไทย
แต่ว่าโอกาสมีน้อย
เพราะส่วนใหญ่ผมอยู่ที่ประเทศสหรัฐ
เท่าที่ทราบว่าวัดไหนมีพระดังๆ
ก็มีคนแห่กันไปมากโอกาสที่จะเข้าหาพระดังๆ ก็คงลำบาก เพราะเวลาที่จะลาหยุดมาเมืองไทย
ก็ต้องดูจังหวะเรื่องงานที่ทำอีกด้วยผมเคยจุดธูปอธิษฐานขอให้ได้เจอพระที่ปฏิบัติกรรมฐานเก่งๆ จะได้มีโอกาสไปขอศึกษา และเรียนกับท่าน
เมื่อประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.๒๕๔๐
ผมได้แวะที่ลอสแองเจลิส
แคลิเฟอเนียร์
ได้พบแพทย์หญิงผู้หนึ่งบอกผมว่า
เคยไปนั่งสมาธิกับหลวงพ่อจรัญ
ท่านมีญาณสมาธิเก่งมากวัดนี้ผีดุ
พวกที่ไปนั่งส่วนมากมักจะเจอเสมอ
พอพูดถึงเรื่องผีผมก็ลืมถามว่าวัดอะไร คือยังสนใจอยู่อย่างเดียวว่า หลวงพ่อมีญาณสมาธิดี
ราวกลางปี พ.ศ.๒๕๔๐
มีเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ขอใช้ชื่อสมมุติว่า คุณติ๋ม ซึ่งเคยรู้จักกันมาร่วม ๑๐ ปี ก็หายไปเพราะทราบว่ากลับมาอยู่เมืองไทย ผมจำได้ว่าเจอคุณติ๋มทีไร เธอมักจะมีปัญหาร้อยแปดพันเก้า คือมีแต่เรื่องทุกข์น่าสงสาร อยู่ดีๆ ก็โทรมาหาซึ่งเสียงแจ๋วสดใสมาก
บอกว่าตอนนี้เพิ่งกลับมาอยู่ที่อเมริกาอีก เพราะลูกสาวจะจบปริญญาโท คุณติ๋มบอกว่าช่วงหนึ่งมีความทุกข์มาก
และเพื่อนพาไปนั่งสมาธิวัดหลวงพ่อจรัญ ผมถามที่ไหน
คุณติ๋มบอกว่าสิงห์บุรี
นั่งแล้วตอนนี้สบายมาก ไม่มีทุกข์เลย สรุปว่าไม่ได้เจอกันอีก
ผมก็ลืมขอเบอร์โทรของคุณติ๋มไว้ และมาคิดดู วัดหลวงพ่อจรัญคือวัดอะไร ในจิตก็คิดไปว่าไปเมืองไทยคราวหน้าต้องหาโอกาสไปกราบท่านให้ได้ที่สิงห์บุรี
ปี พ.ศ.๒๕๔๑
ประมาณกลางเดือน พฤศจิกายน
๒๕๔๑
ผมได้กลับมาเยี่ยมญาติที่เมืองไทย และวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๑
น้องเขยและน้องสาวตั้งใจจะพาผมไปจังหวัดพิษณุโลก
เราออกเดินทางตอนเช้ามุ่งตรงไปจังหวัดพิษณุโลก บังเอิญต้องผ่านจังหวัดสิงห์บุรี ผมถามน้องทั้งสองว่า สิงห์บุรีมีหลวงพ่อจรัญ ได้ข่าวว่าท่านเป็นพระกรรมฐานมีญาณสูงมาก แต่ได้ข่าวว่าวัดนี้ผีดุ เราควรไปกราบไหว้ท่าน และทำบุญเสร็จก็รีบไปจังหวัดพิษณุโลก
น้องทั้งสองก็เห็นด้วยว่าเราควรจะแวะหาท่าน น้องเขยเคยเป็นปลัดอำเภอทางภาคเหนือมาก่อน บอกว่าสงสัยวัดอัมพวัน เคยผ่านเส้นทางนี้แต่ไม่เคยแวะเข้าไป และอยู่ไม่ไกลจากที่เรากำลังขับอยู่ สรุปช่วยกันมองป้ายชื่อวัดอัมพวัน ขับรถต่ออีกประมาณ ๑๐ นาที ก็เห็นป้ายวัด และไปถึงวัดเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า
พอเดินไปที่กุฏิหลวงพ่อ
เราได้พบผู้หญิงคนหนึ่ง
หน้าตายิ้มแย้มดี
ดูว่าเป็นคนใจดีมีอัธยาศัยดี
ถามผมว่ามาหาใคร
ผมบอกว่าจะมาขอกราบหลวงพ่อแล้วก็จะเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลกต่อ ผู้หญิงคนนี้ถามผมว่าคุณชื่ออะไร
มาจากไหน ผมก็แนะนำตัวและให้นามบัตร
และก็ทราบชื่อผู้หญิงคนที่ทักผมชื่อ
พี่เสนอ ตันศิริ พี่เสนอบอกว่า หลวงพ่อไม่ค่อยว่าง ต้องเจิมรถ และต้องขึ้นศาลาฉันเพล แล้วพี่เสนอก็รับไปเรียนหลวงพ่อให้ทราบ
สักครู่หนึ่งหลวงพ่อเดินออกมาด้วยความรีบ เพราะงานท่านมีมากดูท่านกำลังเร่งรีบกับเวลา แต่ท่านก็ยังมีเมตตาบอกกับผมว่า
ให้ขึ้นไปบนศาลาฉันเพล
และชวนให้ทานข้าวก่อน ปกติ
ผมไม่ค่อยชอบทานข้าวตามวัด
นอกจากนำอาหารมาถวายเองแล้วก็เป็นลูกศิษย์ต่อ
ก็ตกลงรับคำเชิญจากหลวงพ่อสักครู่หนึ่งเราทั้งสามก็ขึ้นไปบนศาลาดังกล่าว คนนั่งเต็มไปหมด เจ้าภาพมาทำบุญวันเกิด ผมมองไปเห็นว่าที่ใกล้เสามีที่ว่าง
ไม่มีใครนั่งเพราะอยู่ด้านหลังไม่เห็นหลวงพ่อ ผมและน้องสาวก็ย่องขึ้นไปนั่ง ระหว่างที่ท่านฉันเพล ท่านบอกว่าวันนี้ มี ดร.วิเชียร
มาจากธนาคารโลก และท่านหันมาทางผม
ผมกับน้องสาวยังแปลกใจว่าท่านเห็นเราได้อย่างไร ท่านก็เล่าถึงประวัติของช้างธนาคารโลก มาอยู่วัดนี้ได้อย่างไร ท่านเล่าได้อย่างละเอียด
พอฉันเพลเสร็จ
เจ้าภาพก็ได้ทำบุญ
ผมเลยถือโอกาสถวายปัจจัยกับท่าน
ท่านถามได้งาช้างหรือเปล่าตอนที่มาประชุมธนาคารโลก ผมตอบว่าไม่ได้ เขาคงกันให้ญาติๆ ของเขา แต่ผมได้เหรียญในหลวงครับ บังเอิญผมสวมแหวนซึ่งเป็นรูปช้างสามเศียร หลวงพ่อท่านขอชม ผมเลยโชคดี ขอให้ท่านช่วยเสริมบารมีที่แหวน
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้วเราก็ไปที่กุฏิท่านท่านเทศน์ให้ฟัง
ยิ่งฟังยิ่งเกิดศรัทธาหลวงพ่อเป็นอย่างมาก ตามที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว สรุปถึงวัดท่านประมาณ
๑๐ โมงเช้า กว่าจะออกจากวัดของท่านประมาณ ๕ โมงเย็น และก็ได้ลาท่านเดินทางต่อไปยังจังหวัดพิษณุโลก
ก่อนกลับได้ซื้อเทป
และหนังสือกฎแห่งกรรม
ผมได้อ่านบนเครื่องบินตอนขากลับมายังวอชิงตัน ยิ่งอ่านยิ่งซาบซึ้งเพราะเป็นหนังสือที่เขียนได้ดี อ่านง่าย เข้าใจง่าย
และก็เป็นเรื่องจริงที่หลวงพ่อ
และลูกศิษย์
เขียนตามประสบการณ์มีทั้งหลักฐาน
เหตุและผล พยานตัวบุคคล ซึ่งนับว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่า
และประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับการดำรงชีวิตโดยไม่ประมาท ผมได้บอกเพื่อนๆ หลายคนว่า
ไปเมืองไทยคราวนี้โชคดีได้ไปกราบหลวงพ่อจรัญ ที่วัดอัมพวัน ระบุชื่อวัดชัดเลยครับ ที่จังหวัดสิงห์บุรี
ท่านเป็นพระที่มีแนวคิดทันสมัย
ท่านสร้างคน พัฒนาคน ไม่ใช่หลงในวัตถุ ผมมาเข้าใจคำสอนของท่านเมื่อตอนที่ผมป่วยเป็นลำไส้บิด เข้าโรงพยาบาล นายแพทย์เตรียมผ่าตัด เราจำเป็นต้องเอาพระที่แขวนคอออก ตอนนั้นเลยเข้าใจดีว่าพระที่แขวนคอนั้นไม่ได้อยู่กับเราแล้ว
เราต้องนิมนต์ท่านมาคุ้มครองที่จิตของเรา เพราะโรงพยาบาลที่ไหนก็มีคนตายทั้งนั้น วิญญาณอะไรต่ออะไรก็คงจะมีมาก
ตอนนี้เลยทราบว่าจิตสมาธิสำคัญมากหลวงพ่อท่านถึงสร้างคน พัฒนาคน ด้วยการฝึกจิต และสมาธิ
เมื่อถึงอเมริกาประมาณ
วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑
ได้โทรศัพท์ถึงหลวงพ่อ และขอ
กราบนมัสการท่านขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน และได้เรียนท่านว่าปีหน้ากลับมาเมืองไทยจะมาขอนั่งสมาธิกับท่าน
และดีใจโทรบอกน้องสาวว่าปีหน้าจะชวนน้องไปนั่งสมาธิกับท่านด้วย
เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คือประมาณวันที่
๑๒ หรือ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒
ผมคิดถึงหลวงพ่อ
ผมก็ได้โทรมาคุยกับพี่เสนอ
ตันศิริ พี่เสนอ จำเสียงผมได้ และบอกกับผมว่า
หลวงพ่อบ่นคิดถึง
และได้โอนสายโทรศัพท์ให้ผมได้คุยกับหลวงพ่อ ซึ่งหลวงพ่อได้บอกว่า อาตมาคิดถึงผม
และผมก็ได้โทรมาหาท่านจริงๆ ท่านสั่งผมให้หมั่นสวดมนต์
สวดบทพาหุง มหากา และพุทธคุณ(อิติปิโส) เกินกว่าอายุหนึ่งจบ คือถ้าอายุ ๖๐ ก็ให้สวด ๖๑
จบ และท่านได้ให้พรผมให้มีอายุยืนนาน สุขภาพดี
ผมซาบซึ้งในความกรุณาของท่านมาก
หลังจากว่างสายโทรศัพท์
จิตใต้สำนึกเกิดคิดไปว่า
เราต้องมีอะไรหรือเล่า
จากการสังเกตที่จากการอ่านหนังสือกฎแห่งกรรม จำได้ตอนหนึ่งว่า ถ้าหลวงพ่อคิดถึงใครส่วนมากต้องมีปัญหา เช่นตอนที่ท่านไปประเทศจีน
คิดเป็นห่วงลูกศิษย์ที่เมืองไทย
ทานก็กำหนดรู้หนอ ปรากฏว่าบ้านลูกศิษย์ที่ท่านกำลังคิดถึงเกิดไฟไหม้จริงๆ ผมคิดว่าท่านต้องรู้อะไรแต่ไม่ได้บอกผม
คงกลัวว่าผมใจไม่ดีแน่ๆ
ผมรีบโทรไปหาน้องสาว และเล่าให้น้องฟัง น้องก็ปลอบใจผม ผมรีบสวดมนต์ทันที ตาที่หลวงพ่อท่านสั่งไว้
พอวันอาทิตย์ที่
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมามีอาการอยากเข้าห้องน้ำแต่ก็ไม่ยอมถ่ายอุจจาระ เจ็บเสียดเป็นระยะ ทำให้ไม่อยากทานอะไร บังเอิญคุณพีระพล มาโทรชวนผมไปตีกอล์ฟ ลงสนามใหญ่ ผมเพิ่งจะหัดเล่นกอล์ฟ ก็บอกตกลงทันที ๘
โมงตรง คุณพีระพล ก็มาถึงบ้าน ผมชักไม่อยากไป
เพราะอาการผิดปกติเริ่มเป็นมากขึ้น
ในเมื่อรับปากแล้วก็ต้องไป พอเล่นไปได้แค่หลุมที่ ๑๓ ผมต้องขอตัวหยุดเล่น
เพราะอยากเข้าห้องน้ำมาก
นั่งอยู่ที่ห้องน้ำประมาณครั่งชั่วโมงก็ไม่สามารถถ่ายอุจจาระออกมาได้ นั่งรอจนเพื่อนเล่นจบ ๑๘ หลุมก็ประมาณบ่าย
๓ โมง ก่อนถึงบ้านแวะซื้อยาสวน และสวนได้นิดเดียวก็เกิดปวดท้องมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเมื่อเย็นก็ทานข้าวไม่ได้ ดื่มแต่น้ำ พอประมาณ ๒ ทุ่ม ก็ให้เพื่อนพาเข้าโรงพยาบาล แฟรแฟ็ก (FAIRFAX HOSPITAL) รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ ๔ ไมล์
ผมก็เขียนชื่อที่แผนกฉุกเฉิน วันนี้มีคนไข้มานั่งรอกันมาก พอประมาณตี ๒
เขาก็เรียกตัวถามอาการ
และบอกให้รออีก
เพราะได้ข่าวว่ามีรถชนกันคนบาดเจ็บอาการสาหัสหลายคน พอตี ๕
หมอก็ให้น้ำเกลือเจาะเลือดไปตรวจ และเอ็นทรานซ์ และบอกว่าลำไส้บิด
จะลองใส่หลอดเสียบเข้าทางจมูก
และถ้าลำไส้ไม่กลับคืนยังบิดอยู่ก็ต้องผ่าตัด ผมอาการทั้งหิว และเพลียมาก
รุ่งเช้าวันที่
๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒
ผมรีบโทรศัพท์หาหลวงพ่อด่วนทันที
หลวงพ่อบอกว่า อาตมาจะแฟ่เมตตาให้ ไม่โดนผ่าตัดหรอก พอวันที่
๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒
หมอให้ไปเอ็นทรานซ์
อีกลำไส้ก็ยังบิดอยู่
หมอฝึกนักเรียนหลายคนมาดูอาการ
และบอกว่าต้องผ่าตัด
ผมชักใจเสีย
หลวงพ่อว่าไม่ต้องผ่าตัด
ผมรีบภาวนานึกถึงหลวงพ่อขอให้ช่วยอย่าให้ผ่าตัด สักครู่หนึ่งหมอผ่าตัด ชื่อ
DR.WILLIAM SLID (ดร.วิลเลี่ยม สลิด) มาดูอาการ
บอกว่าพรุ่งนี้ถ้ายังไม่หายเองก็คงต้องผ่าตัด วันพุธที่
๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ตอนเช้าผมถ่ายได้และเป็นสีดำ
พยาบาลคิดว่าเป็นโรคกระเพาะแน่ ก็เอาไปตรวจปรากฏว่าไม่เป็นโรคกระเพาะ
วันที่ ๒๐
พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒
หมอก็บอกว่าให้ทานซุปกับ JELLO อ่อนๆ และดึงสายที่จมูกออก กับสายน้ำเกลือออก ลองดูอาการ จนเห็นปลอดภัย
พอบ่าย ๓ โมง ก็ให้ออกจากโรงพยาบาล
ก่อนออกจากโรงพยาบาลหมอบอกว่าลำไส้บิดอาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไรก็ได้ และแนะนำให้ผมไปหา หมอประเภท GASTROENTEROLOGY (หมอเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร) สรุปผมได้ไปหาหมอ MICHAEL M.PHILLIPS (ดร.ไมเคิล เอ็ม ฟิลลิป) เมื่อวันที่
๒๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๒ และถูกส่งไปตรวจที่ WASHINGTON RADIOLOGY (ศูนย์ตรวจ วอชิงตัน
เรดิโอโลยี) ๒ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ไปตรวจ VPPER
G.I. WITH SMALL PODER (การตรวจด้วยวิธีการกลืนแป้งเพื่อดูช่วงท้องส่วนบน ซึ่งประกอบด้วยกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก) เมื่อวันที่
๒๗ พฤษภาคม และครั้งที่ ๒
เมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๒ ตรวจ ABDOMEN/PELVISOR PELVIS CT.SCAN(การตรวจหน้าท้องด้วยเครื่อง
ซี.ที.สแกน) ผลออกมาโชคดีไม่เป็นมะเร็ง หรือเนื้องอก
แต่หมอฟิลลิป
บอกว่าลำไส้เล็กเหลือ ๕ เซนติเมตร ต้องผ่าตัด
วันที่ ๙
มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๒ หมอฟิลลิป ได้โทรติดต่อหมอผ่าตัดชื่อ หมอเซด บอกอาการและนัดผ่าตัดให้ หมอเซด บอกว่าเขาเป็นหมอผ่าตัดยินดีอยู่แล้ว
แต่เท่าที่ทราบลำไส้บิดเกิดจากการผ่าตัดไส้ติ่งเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๓๙
และที่รอยต่อเกิด ADHESION(พังผืด) ถ้าอาการยังดีก็รอไปก่อน เพราะถ้าผ่าตัดแล้ว
รอยต่อใหม่อาจจะเกิดอาการนี้อีกก็ได้ หมอเซด
บอกเรามีประวัติไว้ ถ้าเรามีอะไรก็โทรมา ถ้ามีปัญหาอีกก็จะผ่าตัดเลย
ผมยอมรับว่า
พลังจิตแผ่เมตตาของหลวงพ่อข้ามประเทศช่วยผมไม่ต้องผ่าตัดจริง อย่างอภินิหาร ทั้งๆ ที่หมอฟิลลิป
ให้ผ่าตัด และหมอที่อเมริกาชอบผ่าตัดอยู่ด้วย
ความตั้งใจที่จะไปนั่งสมาธิกับหลวงพ่อเมื่อปีที่แล้วก็เป็นความจริง พอลาพักร้อนได้อย่างกะทันหัน
น้องสาวและน้องเขยได้พาผมมานั่งสมาธิที่วัดอัมพวัน เป็นจำนวน ๓ วัน ตั้งแต่วันที่ ๑๘๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ ถึงผมจะมีเวลาน้อยในกานั่งสมาธิแค่ ๓ วัน ด้วยความเมตตาของหลวงพ่อ ท่านกรุณาให้อาจารย์ซูง้อ ซึ่งเป็นชาวสิงคโปร์ เป็นผู้ฝึกสอนสมาธิ
สติปัฏฐาน ๔ และเดินจงกรม พองหนอ-ยุบหนอ อาจารย์ซูง้อ
มีความรู้
หลักการสอนและปฏิบัติดีมาก
สงสัยซักถามได้
และเป็นชาวต่างชาติ
ยังสามารถพูดภาษาไทย และภาษาอังกฤษได้อีก พวกผมโชคดีได้ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติควบคู่กันไป
และขั้นตอนในการจะนำไปปฏิบัติได้ถูกต้องต่อไป อย่างคุ้มค่า สมความตั้งใจไว้ว่า
จะต้องบินจากสหรัฐเพื่อมาเรียนสมาธิกับหลวงพ่อ
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๒
ผมมาถึงวัดประมาณร่วมบ่าย ๒ โมง
พอเดินมากว่าจะถึงกุฏิหลวงพ่อ
พี่เสนอ ตันศิริ ได้ออกมารอผมและบอกว่า
หลวงพ่อยอกว่ามาถึงแล้วกำลังจอดรถอยู่ ทั้งๆ
ที่ท่านนั่งสนทนากับญาติโยมที่กุฏิท่าน ทำไมท่านทราบว่าเรามาถึง และคุณสนุน มาจากนิวยอร์ค
ก็มาเล่าให้ผมฟังเช่นเดียวกันกับพี่เสนอเล่าทุกประการ ผมเลยบอกคุณสนุนว่า หลวงพ่อมีญาณสูง และมีหูทิพย์
ลองสังเกตดู พวกที่ขอบกระซิบท่านรู้หมด ผมได้ถือพาน และดอกไม้ไปกราบท่าน ท่านได้เทศน์ให้ญาติโยมฟังว่า ท่านบอกว่า ผมหมดอายุตอนเข้าโรงพยาบาล
เมื่อวันที่ ๑๖๒๐ พฤษภาคม ๒๕๔๒ ด้วยโรคลำไส้บิด ท่านได้ส่งพลังจิตแผ่เมตตาข้ามประเทศช่วยชีวิตผม จากวัดอัมพวัน
ถึงอเมริกา
เร็วกว่าส่งดาวเทียม
และท่านเตือนญาติโยมว่าต้องสะสมบุญ
เหมือนรถยนต์ถ้าแบตเตอรี่หมดก็ขับต่อไปไม่ได้ ถ้าแบตเตอรี่หมดท่านช่วยไม่ได้ ต้องหมั่นสร้างบุญเหมือนชาร์ท
แบตเตอรี่ให้เต็มหม้อไว้
ผมก็เลยทราบว่าไม่ใช่ท่านเมตตาส่งพลังจิตช่วยไม่ให้โดนผ่าตัดเท่านั้น ท่านยังส่งพลังแผ่เมตตาข้ามประเทศช่วยชีวิตผมอีกด้วย
จากศิษย์ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ดร.วิเชียร วงศ์ชัยพฤกษ์
๙๔๐๖ COLONADE DR.
VIENNA ,
VA.๒๒๑๘๑
U.S.A.