ผลบุญของพ่อแม่ถึงลูก
สุทิน
ธนุสุทธิยาภรณ์
R15018
ผมมีอายุ
๕๖ ปี ภรรยาผมชื่ออุบล มีบุตรชาย ๑ คน เป็นคนกลาง บุตรสาว ๔ คน ตัวผมเองเกิดในครอบครัวที่มีฐานะไม่ร่ำรวยนัก
ผมมีพี่น้องทั้งหมด ๘ คน ฉะนั้นคุณพ่อจึงเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีภาระหนักมาก
ท่านรักคุณแม่และลูก ๆ ทุกคน ท่านมีปณิธานแน่วแน่ที่จะให้ลูก ๆ ทุกคนมีการศึกษาดี
แม้บางครั้งจะหาเงินค่าเล่าเรียนไม่ค่อยทัน แต่ท่านก็ไม่ให้ลูก ๆ ออกจากโรงเรียน
และพยายามเคี่ยวเข็ญให้ลูก ๆ ตั้งใจเรียน
ตกเย็นคุณพ่อเลิกจากงานกลับถึงบ้านก็จะช่วยเหลืองานบ้านคุณแม่ตลอดจนช่วยพับซองจดหมายเป็นรายได้เสริมให้ครอบครัว
และฝึกให้ลูก ๆ ทุกคนช่วยกันทำ เมื่อยามที่ลูกเจ็บป่วย
ท่านทั้งสองจะคอยเช็ดตัวเฝ้าไข้เราตลอดทั้งคืน
คุณพ่อท่านเป็นตัวอย่างของความกตัญญู โดยทุก ๆ เดือนท่านจะต้องเจียดเงินส่วนหนึ่งส่งไปให้ปู่ย่าตาทวดยังประเทศจีน
ความที่คุณพ่อตรากตรำงานหนักมาก เมื่อผมอายุ ๑๘ ปี
ท่านก็มีอันจากเราไปโดยไม่มีวันกลับ นับตั้งแต่ท่านเริ่มป่วย
ผมก็ออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว
พร้อมทั้งต้องส่งน้องอีกสามคนเรียน เงินเดือนทุกบาททุกสตางค์ผมให้คุณแม่หมด
เพราะทางบริษัทมีอาหารให้ ๓ มื้อ แม้รายได้ในครอบครัวเราจะน้อยนิดแต่คุณแม่ท่านมีกำลังใจที่ดีมาก
และคอยอบรมสั่งสอนเป็นกำลังใจให้ลูก ๆ ทุกคน ท่านอดเพื่อให้ลูก ๆ
ทุกคนอิ่มก่อนท่านจึงทาน ท่านมักจะสอนลูก ๆ เสมอว่า
เรามีน้อยก็ใช้ตามน้อย
อย่าไปสร้างหนี้ หรือกินก่อนจ่ายทีหลัง
ลูก
ๆ ทุกคนก็ช่วยกันจุนเจือครอบครัว
จนกระทั่งน้องสาวคนเล็กจบคณะบัญชีจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดของคุณพ่อคุณแม่
พวกเราพี่น้องทุกคนจะช่วยกันจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ท่าน
เมื่อยามที่ท่านเจ็บไข้ได้ป่วย
พวกเราทุกคนก็ช่วยกันดูแลท่านเช่นที่ท่านดูแลเรามาตลอด
ตัวผมเองไม่เคยทำให้ท่าเสียใจ เสียน้ำตาแต่อย่างใด
ผมได้รับความรักความอบอุ่นจากท่าน และผมก็ได้นำไปปฏิบัติต่อบุตรธิดาของผมเช่นกัน
ผมได้เริ่มทำงานครั้งแรกที่บริษัทลูกกวาดแห่งหนึ่งในตำแหน่งเด็กรับใช้
และด้วยความที่ผมเป็นคนขยัน ประกอบกับมีอัธยาศัยที่ดี
ทำให้ผมได้เลื่อนตำแหน่งต่อเนื่องมาตลอด จนได้เป็นพนักงานขายในเขต กทม.
และเมื่อได้ออกตลาดต่อมาไม่นานก็ได้พบคุณอุบล ซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท
ก็เกิดชอบพอกันและได้ติดต่อคบหากันมาตลอด และเห็นว่าคุณอุบลเป็นคนค้าขายเก่ง
ตื่นแต่เช้า เป็นคนสู้งาน จนวันหนึ่งคุณแม่ของผมได้เอ่ยปากว่า น่าจะหาคู่ครองได้แล้ว
ผมจึงได้ตัดสินใจแต่งงานกับคุณอุบล เมื่อผมอายุได้ ๒๙ ปี ระยะแรกของการแต่งงาน
ผมยังต้องอาศัยบ้านพี่ชายอยู่โดยแบ่งส่วนหนึ่งให้เป็นห้องหอ
หลังจากแต่งงานแล้ว
ผมยังคงทำหน้าที่บริษัทเดิม จนถึงปีที่ ๑๓
ผมจึงคิดว่าลำพังรายได้จากเงินเดือนคงไม่สามารถนำพาครอบครัวไปได้
จึงได้ตัดสินใจลาออกจากงาน เพื่อมาประกอบกิจการส่วนตัว
ถึงแม้ตัวผมเองจะไม่มีความรู้ แต่มีประสบการณ์และคำสอนของเจ้านายเก่าให้ขยัน อดทน
และประหยัด ผมจึงได้มุ่งมั่นต่อสู้โดยเปิดโรงงานผลิตลูกกวาดขึ้น กิจการก็ดำเนินด้วยดีมาตลอด
จนถึงปี ๒๕๓๘ ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจกำลังเฟื่อง ผมได้ขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น
โดยเริ่มจากการซื้อที่ดินและเครื่องจักร โดนเน้นการขยายตลอดต่างประเทศ ตลาดภายในประเทศไม่ค่อยได้ให้ความสนใจนัก
จนในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ซึ่งมีการลดค่าเงินบาท สภาพทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็ประสบปัญหา
การส่งออกเริ่มหยุดชะงัก ตลาดในประเทศแต่เดิมไม่ค่อยได้ให้ความสนใจมากนัก
ทั้งกำลังซื้อก็ตกลงไปถึง ๕๐% ทำให้รายได้หดหายไปมาก
ขณะเดียวกันก็ต้องรับผิดชอบภาระหนี้สินของธนาคารที่ได้กู้ยืมมาเพื่อขยายการลงทุน
ทำให้รายได้ไม่พอที่จะชำระหนี้ธนาคาร จึงทำให้ผมทุกข์มาก
แต่ด้วยอานิสงส์ผลบุญของผมและภรรยาที่ได้เคยเข้าปฏิบัติกรรมฐาน
ตลอดจนได้นำกลับไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่องที่บ้าน ตั้งแต่สวดมนต์ภาวนา เดินจงกรม
และนั่งสมาธิ ทำให้เราสองคนมีสติและค่อยลำดับการแก้ปัญหาต่าง ๆ
จนคลี่คลายด้วยดีจนถึงทุกวันนี้
ในอดีตผมเป็นชาวพุทธที่รู้แต่ทำบุญตามวัดต่าง
ๆ ตลอดจนการเช่าวัตถุมงคลต่าง ๆ โดยเชื่อว่าหลวงพ่อองค์นี้ห้อยแล้วทำให้เกิดเมตตามหานิยม
องค์นี้คงกระพัน มีโชคมีลาภ ปลดหนี้ได้ เป็นต้น จนเมื่อปี ๒๕๓๙
ผมได้ซื้อหนังสือมือสองมาเล่มหนึ่งในราคา ๑๐ บาท ชื่อหนังสือเรื่อง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
เมื่ออ่านจบแล้วจึงได้ทราบว่า ที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
มีพระอริยะเจ้ารูปหนึ่งคือ พระราชสุทธิญาณมงคล หรือหลวงพ่อจรัญ
พระผู้ซึ่งเปี่ยมพร้อมไปด้วยเมตตาธรรม
ที่เทศน์โปรดญาติโยมอยู่ทุกวันโดยไม่มีวันหยุดหรือพักผ่อน โดยเทศน์ในเรื่องกฎแห่งกรรม
ซึ่งท่านได้ประสบเองอย่างสาหัสสากรรจ์จนเกือบถึงแก่ชีวิต
ครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสมานมัสการท่าน
ผมได้รับฟังธรรมะจากท่านจนซึ้งใจถึงกับน้ำตาคลอ คือท่านได้เทศน์ว่า
พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก
และเป็นครูคนแรกของลูกที่ชุบเลี้ยงเรามาด้วย เรือน ๓ น้ำ ๔ คือ
เรือนครรภ์เรือนตักที่แม่อุ้มใส่ตัว และเรือนที่อยู่อาศัย ซึ่งพ่อแม่ทำไว้ให้
ส่วนน้ำ ๔ คือน้ำนม น้ำจากคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านให้พร
น้ำพักน้ำแรงที่เลี้ยงอุ้มชูเรา และน้ำใจที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้ วันเกิดของลูก
คือวันตายของแม่ ฉะนั้นวันเกิดของเราพาเพื่อนไปเลี้ยงเหล้า
จดจำไว้เลยว่าอายุจะสั้น ก่อนจะไปเลี้ยงเพื่อนขอให้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ให้อิ่มก่อน
ซื้อเสื้อผ้าส่วย ๆ ให้ท่านแล้วกราบเท้าท่าน ขอพรจากท่านแล้วจะได้เจริญร่ำรวยแน่ ๆ
ผมได้บทสวดมนต์เล่มเล็กจากหลวงพ่อให้ไปสวดบทพุทธคุณ
ธรรมคุณ สังฆคุณ บทพาหุงมหากา และบทพุทธคุณเท่าอายุแล้วเพิ่มต่ออีก ๑ จบ
และแผ่เมตตาให้คุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตาทวด ญาติผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณ และเจ้ากรรมนายเวร
ทุก ๆ ชาติ แล้วอะไร ๆ จะดีขึ้น
การแผ่เมตตานั้น
ผมเชื่อมาก เพราะมีอยู่วันหนึ่งของเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เวลา ๑.๕๕ น. ผมหลับไปแล้ว
เทพหรือเจ้าบ้านเจ้าเรือนมากระซิบบอกว่า หลวงพ่อจรัญท่านแผ่เมตตามาให้
ผมตื่นขึ้นมาพนมมือรับ ขนลุกซ่าไปตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า เป็นสิ่งที่แปลกมาก
ผมพาครอบครัวไปวัดฟังธรรมะเดือนละประมาณ ๒ ครั้ง และปฏิบัติธรรมทุกวัน จนลูกผม ๓
คนสนใจและได้ขอไปปฏิบัติกรรมฐาน ๗ วัน หลังจากนั้นก็รู้ว่าการเรียนของลูกชายผมดีขึ้น
มีสมาธิดีขึ้นมาก คือก่อนหน้านี้ลูกชายผมเรียนมัธยมศึกษาปีที่ ๑ และปีที่ ๒
ต้องซ่อมหลายวิชา พอขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ และพอมัธยมศึกษาปีที่ ๕
ได้ลองสอบเทียบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ดู และสอบผ่าน จึงได้ลองสอบเอ็นทรานซ์ดู
ปรากฏว่าสอบได้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ ส่วนลูกสาวคนที่ ๒
ก็เหมือนกัน สอบเทียบมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ได้ และสอบเข้าได้ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
คณะศิลป์ภาษา
ส่วนลูกสาวคนโตจบปริญญาตรี
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะเศรษฐศาสตร์ ก็เรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ (MBA)
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทางมหาวิทยาลัยได้แจ้งให้ไปรายงานตัวลงทะเบียนภายในกลางเดือนธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๔๓ แต่ยังไม่สามารถจัดห้องพักให้ได้ จนกว่าจะถึงต้นเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ผมและภรรยามีความเป็นห่วงและกังวลมาก เพราะไม่มีเพื่อนและญาติอยู่ที่อเมริกาเลย
จึงปรึกษาว่าเราอาจจะต้องเดินทางไปส่งลูกสาวด้วย
แต่ด้วยอานิสงส์ผลบุญที่ได้ทำตามคำแนะนำของหลวงพ่อ ให้สวดมนต์แล้วแผ่เมตตาให้ลูก ๆ
ได้พบคนดีมีเมตตา และได้ผู้อุปถัมภ์ห้องพักอาศัยชั่วคราว จนกว่าจะได้ห้องพักจากทางมหาวิทยาลัย
ก่อนลูกสาวจะเดินทางก็ได้พาไปกราบขอพรจากหลวงพ่อ ท่านก็กรุณาให้พร และบอกว่า
ไม่ต้องห่วงลูกสาวมาก เดี๋ยวก็ดีเอง จากนั้นไม่กี่วันก็ได้พบกับคุณมาลี ปาละวงศ์
ซึ่งครอบครัวของเราทั้งสองสนิทสนมกันมาก รักกันเหมือนญาติพี่น้อง
และมักจะไปกราบนมัสการท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญด้วยกันเป็นประจำ
ภรรยาผมได้ไปปรับทุกข์เรื่องนี้กับคุณมาลี และก็ได้คำตอบที่ชื่นใจ และทำให้หมดห่วง
ปรากฏว่าคุณมาลีมีเพื่อนซึ่งส่งลูกชายชื่อเอก เรียนจบคณะวิศวกรรมศาสตร์
จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเดินทางไปทำปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา
และเป็นเมืองเดียวกันกับที่ลูกสาวผมจะไป คุณเอกเป็นเด็กที่มีน้ำใจมาก
เมื่อได้ทราบข่าว ก็อาสามารับลูกสาวผมถึงสนามบิน
พร้อมกับให้ที่พักจนกว่าทางมหาวิทยาลัยจะมีห้องพักว่าง อานิสงส์ที่ผมและภรรยาสวดมนต์
ทำกรรมฐาน และแผ่เมตตาให้ลูก หรือว่าเป็นผลบุญของลูกสาว
นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
สุดท้ายนี้ผมขอให้ชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ
อย่าเป็นแต่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น หันหน้าเข้าวัด เพื่อศึกษาธรรมะ ฟังเทศน์บ้าง
หรือหาหนังสือของหลวงพ่อจรัญที่ลูกศิษยืของท่านหลาย ๆ คน
รวบรวมเรียบเรียงคำสั่งสอนและคติพจน์ของหลวงพ่อที่สอนสั่งอยู่ทุกวัน
มาจัดเป็นเล่มถวายหลวงพ่อ เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และอาจาริยบูชา
ที่ท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อมีอายุครบ ๗๒ ปี
เพื่อแจกจ่ายแก่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า ตามคำสอนของหลวงพ่อที่ว่า พระพุทธศาสนามีแต่ให้กับช่วยเหลือ
โดยไม่หวังผลตอบแทนใดใดทั้งสิ้น หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์
พระเดชพระคุณหลวงพ่อที่จะปลุกคนให้ตื่น เสกคนให้ทำงาน เกิดปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิตได้
เพื่อความสุขของครอบครัวทุกชั้น