สวดมนต์เป็นนิจ  อธิษฐานจิตเป็นประจำ

โดย.....อาภาภัทร   จันทรอักษร

R16002

 

            ดิฉันนางอาภาภัทร   จันทรอักษร  สกุลดิม บุนนาค  คุณแม่ชื่อ  นางเทียมใจ(เอช) บุนนาค  มีบุตร    คน  คือ  ดิฉันและพี่สาว  รองศาสตราจารย์ เสาวภาค   ธาระวานิช  ดิฉันมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน  นานแล้วค่ะ  ส่วนใหญ่จะมาคนเดียว  ถือกระเป๋าเสื้อผ้า    ใบ  และถุงใส่น้ำยาล้างส้วม    ถุง  เป็นประจำ  ทุกครั้ง  ที่มาหลังปฏิบัติธรรม  และรับประทานอาหารแล้ว  ดิฉันจะถูพื้น  ล้างส้วมที่ศาลาปฏิบัติธรรมนั้นทุกครั้ง  ตั้งแต่สามียังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยจนปัจจุบันนี้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด  เวลาปฏิบัติธรรมไม่ได้พูดกับใคร ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมและชำระจิตใจตนเอง และไม่ได้บอกใครว่าดิฉันเป็นภรรยาผู้ว่าฯ  ขณะที่ดิฉันเทน้ำยาล้างส้วมดิฉันได้ตั้งจิตว่าขอให้ จิตดิฉันสะอาดดุจน้ำยาไปล้างสิ่งสกปรกของส้วม  ซึ่งแต่ก่อนนี้ดิฉันจะเป็นคนรังเกียจส้วมมาก  เหมือนบุญส่ง  ดิฉันไปที่ใดก็ตามจะพบแต่ส้วมที่สะอาดสะอ้านทุกครั้ง

            ประสบการณ์ตรงที่ดิฉันได้รับจากหลวงพ่อ  คือ  ดิฉันมีที่ดินมรดก  ซึ่งไม่ค่อยได้ไปดูเลย  อยู่ที่บางแค  กรุงเทพมหานคร พอไปดูอีกที  ที่ดินคนอื่นปิดล้อมหมดไม่มีทางออก  เพราะเจ้าของที่เดิม เป็นชาวนาซื้อที่ปิดหมด  มีทางเดียวคือต้องใช้  เฮลิคอปเตอร์ ลง ถ้าจะไปปลูกบ้านอยู่  เห็นที่ดินแล้วกลุ้มใจมาก  ไปขอร้องให้เจ้าของที่เดิมซื้อเขาก็กดราคา  ดิฉันนึกโกรธ จึงตั้งราคาไว้ว่า  ราคาที่ๆ นี่  ราคานี้  ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ขาย  พูดไปอย่างนั้นเอง  แล้วก็มาถือศีลปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน  ในใจก็ยังนึกเรื่องที่ดิน  เราไม่มีทางออกเลย  จะซื้อทางออกทำถนนเขาก็โก่งราคามากเกินไป  วันนั้น  หลวงพ่อออกมาเทศน์  สักครู่ท่านชี้มาทางดิฉัน  ซึ่งจิตใจยังไม่สงบเรื่องที่ดินในใจคิดว่าจะนำโฉนดใส่พานกราบ   หลวงพ่อพูดว่าบางคนจะขายที่ก็ขายไม่ได้ทำไม่ไม่สวดพระพุทธคุณ  พาหุงมหากา  สวดซิจะได้ขายได้  ดิฉันสะดุ้ง ทำไมหลวงพ่อพูดตรงกับใจที่กำลังคิดพอดี  เมื่อปฏิบัติธรรมครบแล้ว  ดิฉันก็กลับมาสวดให้มากกว่าเดิม เช้า-เย็น  ใช้วิธีนับลูกประคำ  และเมื่อสวดเสร็จก็จะหันหน้ามาทางวัดกราบหลวงพ่อจรัญทุกครั้งให้ท่านมีสุขภาพดี  ประมาณเดือนเศษ  ดิฉันยังใส่บาตรและสวดมนต์สม่ำเสมอ  วันหนึ่งพี่สาวก็บอกให้ไปรับโทรศัพท์แล้วถามว่าใครโทรมารู้ไหม  เจ้าของที่นาติดกับเราที่เขาโก่งราคาทางออก  ขอซื้อที่ดินน้องตามราคาที่น้องให้ไว้  ดิฉันไม่เชื่อหู  เมื่อไปรับโทรศัพท์และตกลงซื้อขายเลย  ดิฉันได้นำเงินนั้นมาถวายวัดอัมพวันจำนวนหนึ่ง  และได้นำไปทำมูลนิธิให้คุณแม่  ซึ่งเสียชีวิตไปนานแล้ว  ดิฉันยังปฏิบัติตนตามคำสั่งสอนของคุณแม่ ทุกอย่างมาจนทุกวันนี้ให้รู้จักกตัญญู  อ่อนน้อมถ่อมตนไม่อยากมี  อยากได้ของคนอื่น  ให้พอใจในสิ่งที่ตนมี  ให้เป็นผู้ให้  อย่าเป็นผู้รับฝ่ายเดียว  พูดก็พูดให้เพราะมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่  และคนทั่วไป  ถ้าทำงานราชการอย่าเบียดบังทรัพย์สินของหลวงเด็ดขาด  อย่าพูดโกหก  ให้มีเมตตากับคนทั่วไป  ให้เคารพมารดาสามีดุจแม่ของตัวเอง  ไม่ให้ดูถูกคน  ยังมีอีกมากมายที่คุณแม่พร่ำสั่งสอนตั้งแต่เด็กถึงแม้ดิฉันจะแต่งงานแล้ว  ก็ยังสอนจนทุกคำฝังอยู่ในสมองไม่เคยลืม  ดิฉันเป็นครูที่ โรงเรียนเซนต์จอห์น  ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร  มา  ๒๑  ปี  และลาออกเมื่อปี  ๒๕๓๗  เพื่อติดตามสามีเนื่องจากมารดาเสียชีวิตและดิฉันเองก็ไม่มีบุตร สามีขอร้องให้มาอยู่ต่างจังหวัดที่เขารับราชการอยู่

            ปัจจุบันดิฉันเป็นนายกเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง  และผู้พิพากษาสมทบจังหวัดนราธิวาส

 

ด้วยความเคารพอย่างสูง

 

 


( อาภาภัทร   จันทรอักษร )

จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง

อำเภอเมือง  ตรัง  ๙๒๐๐๐