หัวใจไม่ยอมแพ้

 

R16003

            ผมนายบุญเลิศ  โกสุมา อายุ  ๔๒  ปี  เกิดที่  อำเภอ เดิมบางนางบวช  จังหวัดสุพรรณบุรี  ครอบครัวมีอาชีพทำนา  ผมเป็นบุตรคนที่    ของครอบครัว  การศึกษาจบปริญญาตรี จาก วิทยาลัยครูจันทรเกษม  เมื่อจบจากวิทยาลัยครู  ได้ไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนอยู่ที่  สาธิต วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา  อยู่ประมาณ    ปี  แล้วจึงออกมาประกอบอาชีพส่วนตัว  โดยกลับมาทำนาที่บ้าน  และเปิดทำฟาร์มเลี้ยงไก่  แต่ก็ไม่ประสพความสำเร็จ  เพราะราคาขายไม่แน่นอน  จึงหันกลับมาทำนาเพียงอย่างเดียว ช่วงนี้เองที่ทำให้ชีวิตเริ่มพลิกผัน  จากการที่  ภรรยาขอแยกทางพร้อมกับพาลูกสาวไปด้วย  ทำให้ผมต้องอยู่ตัวคนเดียว  จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น

            วันนั้นเป็นวันที่  ๒๓  พฤศจิกายน  ๒๕๓๑  ผมได้ไปตัดไม้ไว้ทำฟืนเผาถ่าน  พร้อมเพื่อนบ้านอีกประมาณ    คน  ต้นที่ผมตัดเป็นต้นที่มีความสูงไล่เลี่ยกับสายไฟฟ้าแรงสูง  แต่ก็อยู่ห่างจากสายไฟประมาณ    วาได้  ผมจึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา  แต่อุบัติเหตุก็คือ อุบัติเหตุ มันเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด  ขณะที่ผมตัดกิ่งไม้อยู่นั้น  กิ่งได้ขาดออกจากลำต้นแล้ว แต่เปลือกของไม้กลับไม่ขาด  มันจึงลอกออกมาเป็นทางยาว  พอดีกับมีกระแสลมมาพัดกิ่งที่ผมตัดปลิวไปพาดกับสายไฟเข้า  กระแสไฟฟ้าวิ่งสู่ตัวผมทันที  ทันทีที่กระแสไฟฟ้าช๊อต  ผมตัดสินใจโดดลงจากต้นไม้ด้วยความสูงประมาณ  ๑๐  เมตร  นาทีแรกที่ตกถึงพื้นความรู้สึกก็คือ  ชาไปหมด  และปวดหลังบริเวณเอว  เพื่อนบ้านที่ไปด้วยกันก็ตกตะลึงยืนแข็งทื่อกันไปหมด  ผมต้องเรียกให้เขาช่วยอีก  จึงได้พากันไปส่ง โรงพยาบาลเดิมบางนางบวช  หมอได้เอกซเรย์แล้วบอกว่า หลังหักห้ามเคลื่อนไหว  แต่โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลระดับอำเภอ  ซึ่งไม่มีหมอกระดูก  จึงส่งผมไปที่ โรงพยาบาลอินทร์บุรี  จังหวัดสิงห์บุรี  ซึ่งเขาบอกว่ามีหมอรักษากระดูก ที่เก่งประจำอยู่  แต่ขณะที่ผมไปถึงนั้น  ปรากฏว่าหมอคนที่เราต้องการไปรักษาด้วยนั้น  ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นในวันนั้นพอดี  จึงไม่มีหมอเฉพาะทางรักษา  จึงได้ถามพยาบาลว่า  มีหมอกระดูกที่ไหนอีกบ้าง  พยาบาลก็ตอบว่า  มีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดลพบุรี  ผมไม่ขอเอ่ยชื่อโรงพยาบาลนี้  เพราะจะมีความเสียหายในบรรทัดต่อไป

            เมื่อไปถึง โรงพยาบาล  ก็เข้าทำการรักษา  แต่ขณะที่นอนอยู่ใน โรงพยาบาลนั้น ไม่ได้มีการทำการรักษาแต่อย่างใด  มีเฉพาะยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวดให้เท่านั้น  นอนอยู่ประมาณ    วัน  แผลตามขาและก้นก็เริ่มเน่าและมีกลิ่นเหม็น ออกมาเหมือนซากศพ  จนถึงเวลาประมาณ    ทุ่ม  หมอได้เรียกแม่เข้าไปบอกว่า  คนไข้จะตายภายใน    ชั่วโมง  ให้รีบไปผ่าตัดที่ โรงพยาบาลลพบุรี  แล้วผู้ช่วยก็เข็นรถที่ผมนอนมาไว้ที่หน้าตึก  โดยไม่มีการดูแลว่าผมจะไปถึง โรงพยาบาลลพบุรีได้อย่างไร  จนกระทั่งมีพลทหาร    คน  เดินมาถามแม่และไปเหมารถที่มาส่งคนไข้มาให้  ไปส่ง โรงพยาบาลลพบุรี  เมื่อถึง โรงพยาบาลลพบุรี  ก็ไม่มีคนมาดูแล บังเอิญ  ผู้อำนวยการ ของโรงพยาบาล ได้ออกมาพบ  และถามไถ่อาการ  เมื่อทราบท่านก็ได้โทรศัพท์  ไปต่อว่า โรงพยาบาล โหดนั้น  และทำการรับผมเข้ารักษา  แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น  แม่จึงพากลับบ้านมารักษาทางแผนโบราณต่อ  ผมเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองเดินไม่ได้แน่นอน  จิตใจก็เคว้งคว้าง  ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว  แผลตามร่างกายก็อักเสบ  น้ำเหลืองก็ไหล

            ปีแรก            ผมช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  ก็มีพ่อแม่และน้องคอยเช็ดทำความสะอาดจับพลิก ซ้าย พลิกขวาอยู่

            ปีสอง            จึงเริ่มหัดนั่งเอง  และเริ่มถัดไปมา  พอถัดก้นก็เป็นแผล เปลี่ยนจากถัดเป็นคลาน  เข่าและเท้าก็เป็นแผลแต่ก็ต้องทนอยู่ในสภาพเช่นนี้ อยู่อีกเป็นเวลา    ปี

            ปีที่ ๗            เริ่มพบธรรมะจากหลวงพ่อจรัญ  โดยการเปิดวิทยุฟัง  หลวงพ่อได้กล่าวถึง  อานิสงส์ของการสวดมนตร์  ว่ามีคนพิการได้สวดมนตร์ก็อยู่ประมาณ ๒  ปี  เขาจึงเดินได้  ผมฟังคำสอนธรรมะจากหลวงพ่อ  ผมจึงเกิดศรัทธา  และเขียนจดหมายไปหาหลวงพ่อ เล่าอาการให้หลวงพ่อฟัง  หลวงพ่อก็ได้ส่งหนังสือสวดมนตร์มาให้ผมก็ตั้งหน้า ตั้งตาสวด  เช้า – เย็น  ด้วยอานิสงส์การสวดมนตร์อีก    เดือนต่อมาผมได้รับการผ่าตัดจาก โรงพยาบาลศิริราช  จนแผลหาย  อาการเริ่มดีขึ้น  ผมเริ่มคิดจะช่วยเหลือตัวเอง  และทำงานให้เหมือคนปกติทั่วไป  ผมจึงคิดจะทำรถนอน  เพื่อจะได้เคลื่อนย้ายตัวเองได้  และไม่เกิดแผลกดทับ (และนี่สัจจะธรรมหลวงพ่อที่ว่า  มีสติแล้วปัญญาจะเกิด)  ผมเริ่มใช้ใบเลื่อยเล็กๆ  นอนตัดเหล็กจากรถสามล้อนั่ง  ผมเลื่อยอยู่  ๑๕  วัน  และเริ่มประกอบอีก ๑๕ วัน จึงสำเร็จ

            เมื่อผมเคลื่อนย้ายตัวเองได้  ผมก็เริ่มช่วยเหลือตัวเองไม่ว่าจะซักผ้า หรือ การทิ้งของเสีย  เมื่อช่วยเหลือตัวเองได้ จึงเริ่มทำเพื่อคนอื่นบ้าง  โดยการเริ่มเพาะชำกล้าไม้  เช่น ฟักทอง  พริก  มะเขือ ฯลฯ  แจกเพื่อนบ้าน จากการเพาะชำ ผมเริ่มปลูกข่า  กระชาย เป็นงานอย่างละ    งาน  แล้วจึงเริ่มมาขายพันธุ์พืช  ปักชำลำใย  เมื่อทำสำเร็จผมจึงชักชวนพ่อให้เลิกทำนาหันมาทำไร่นาสวนผสม ปลูกลำใยนอกฤดู  ส้มโอไม่มีเมล็ด พืชผักอายุสั้นแซม  จากพื้นนา ก็กลายมาเป็นร่องสวน  จากปีแรกที่ทำ  ๑๐ ไร่ พอเข้าปีที่ ๒  ก็ขยายเป็น  ๒๐ ไร่

บุญเลิศ  โกสุมา  “ เกษตรกรนอนทำ “

            ต่อมาคุณดวงดาว  รัตนะ  ที่เคยมาเยี่ยมได้เขียนจดหมายไปหา  ไอทีวี  บังเอิญอีกเหมือนกันที่เพื่อนบ้านข้างๆ  ก็เขียนไป  จดหมายสองฉบับจากต่างภาค  เป็นเรื่องของคนๆ เดียวกัน  จึงได้รับการพิจารณา ไอทีวี ให้ได้ออกรายการหัวใจไม่ยอมแพ้  ๑๑  ตุลาคม  ๒๕๔๓  เป็นวันออกอากาศ ได้รับฉายาว่าเกษตรกรนอนทำ  คงเป็นด้วยอานิสงส์ของการสวดมนตร์ภาวนาของผม ทำให้ผมได้พบผู้อุปการะขึ้นมา  บางท่านก็ช่วยซื้อพันธุ์ไม้  แต่มีอยู่    ท่านที่ผมจะลืมเสียมิได้ คือ  คุณอุ๊ (วิลาวรรณ  ระวังนาม)  เจ้าของกิจการวุ้นคุณอุ๊ จังหวัดนครปฐม  ท่านได้กรุณานำผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสุขภาพ  มาให้ผมได้ใช้รักษาตัว  คิดเป็นเงินประมาณ    หมื่นบาท

            ท่านต่อมาคือ  ประธานบริษัทรอยัล  เรนโบว์  เอง  คุณเพชรพูนภรณ์  วงศานิตย์  ได้กรุณานำซาวน่าโดมมาให้ผมได้ใช้อีก  นอกจาก อานิสงส์ ของการสวดมนตร์ของหลวงพ่อจรัญแล้ว  ประสิทธิภาพของ ซาวน่าโดมก็ทำให้ผมดีวันดีคืน  จนสามารถลุกนั่งอย่างคล่องแคล่ว  และเริ่มที่จะก้าวขาเดินต่อไปได้

            ขณะที่ผมเขียนเรื่องอยู่นี้  ผมก็ยังเดินไม่ได้ด้วยตัวเอง  ยังต้องใช้วอล์คเกอร์ช่วยอยู่  แต่หัวใจขอผมยังไม่ยอมแพ้  ผมพร้อมจะก้าวต่อไป  ทุกวันถ้าไม่เพลียจนเกินไปผมจะสวดมนตร์ทั้งเช้า  และก่อนนอน  เพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง  และถ้าใครมีปัญหามา  ผมก็จะให้กำลังใจ  ให้สู้ชีวิตและแนะนำให้สวดมนตร์ขอพรจากหลวงพ่อ

            ผมรอดพ้นจากการคิดฆ่าตัวตาย  จากความท้อแท้มาได้  เพราะบารมีของหลวงพ่อ  ผมขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อ  ขอให้หลวงพ่อมีสุขภาพแข็งแรงอยู่เป็นร่มโพธิ์  ร่มโทรของทุกคนตลอดไป

 

 

 

 

กฎแห่งกรรม

     กฎแห่งกรรมฝืนได้ไฉนเล่า

     แหละคนเราเลือกเกิดได้ไฉนหนอ

     ความต้องการความอยากได้  ไฉนพอ

     ความทดท้อสำเร็จได้ไฉนกัน

พิการเพียงร่างกายอย่าอายแอบ

แสดงแบบเยี่ยงอย่างคนสร้างสรรค์

การพิกลพิการบ้างก็ช่างมัน

เพียงใจนั้นงดงามด้วยความดี

     อย่าได้ทุกข์ อย่าได้ท้อจงต่อสู้

     พิสูจน์ตนให้โลกดูให้รู้ค่า

     ตราบยังมีดวงจิตชีวิตชีวา

     ก็ยังมีมรรคาก้าวหน้าไกล

ไม่มีแขนไม่เป็นไรให้ใช้ขา

ไม่มีตาใช้สัมผัสถนัดได้

ไม่มีขาจงใช้แขนทดแทนไป

เพียงมีใจมุ่งมั่นเท่านั้นพอ

 

 

ชีวิตต้องสู้

เกิดมามีชีวิต  คิดต่อสู้

จงมองดูโลกกว้างอย่างสดใส

อุปสรรคมีมาฝ่าฟันไป

สุขทุกข์ได้ผ่านพบประสบการณ์

     ชีพยังอยู่คู่ดินอย่าสิ้นหวัง

     เพิ่มพลังสร้างแรงแห่งสังขาร

     อยู่รื่นรมย์โลกวิไลไม่วายปราณ

     คิดสุขสันต์วันใหม่ดังใจปอง

มีปัญหามากน้อยไว้คอยแก้

อย่าท้อแท้ชีวิตจิตเศร้าหมอง

หากยังเฝ้าโศกาน้ำตานอง

ใครจะร้องกับเราก็เปล่าเลย

     ความผิดหวังครั้งนี้ ซิให้รู้

     ถือเป็นครูทดสอบตอบเฉลย

     อย่าให้มีครั้งใหม่มาก่ายเกย

     แหงนหน้าเงยมองฟ้าอย่างท้าทาย

ถ้าเราล่มจมดินคนผินหนี

หาสู้มีความหวังยังไม่สาย

หากปรารมภ์ปมด้อยคอยอยากตาย

คงมิวายเขาหมิ่นสิ้นศักดิ์คน

     ชัยชนะเรืองรองมองข้างหน้า

     สร้างคุณค่าทำใจให้เข้มข้น

     แล้ววางแผนกำหนดและอดทน

     จะข้ามพ้นอุปสรรคสู่หลักชัย

 

 

แด่คนพิการทุกคน

ความพิการคับแค้นทุกข์แสนเข็ญ

ใครอยากเป็นเห็นที่ไม่ดีแน่

ชีวิตคนผันผวนมากปรวนแปร

หนีเกิดแก่เจ็บตายใครหนีพ้น

     อันตรายมีมากมายยากสังเกต

     อุบัติเหตุเกิดได้ในทุกหน

     ทั้งไม่เลือกเพศวัยใครมีจน

     ถือเป็นผลกรรมเก่าเข้าตามทัน

อย่าสิ้นหวังหรือท้อจงต่อสู้

ถึงจะอยู่ที่ใดไม่ต้องหวั่น

ทรนงเชิดหน้ามุ่งฝ่าฟัน

เพียงใช้ความเชื่อมั่นเป็นบันได

     คนพิการหาใช่ไร้ชีวิต

     ยังมีสิทธิ์ที่จะก้าวหน้าได้

     พิการร่างอย่าพาลพิการใจ

     เพราะใครใครจะหยามหลู่คอยดูแคลน

การประชดพาใจให้ตกต่ำ

ยึดทางธรรมเป็นหลักใจหนักแน่น

ใจสงบย่อมดับความคับแค้น

เข้าถึงแก่นหลักธรรมนำสุขครอง

 

 

บุญเลิศ   โกสุมา

๑๒๖/  หมู่ ๕  ตำบล ทุ่งคลี

อำเภอเดิมบางนางบวช

จังหวัดสุพรรณบุรี  ๗๒๑๒๐

โทรศัพท์  -๑๗๙๕–๘๕๕๐