ปฏิบัติธรรมทำให้ครอบครัวมีสุข

โดย…..นางลัดดา   เสรีเจริญสถิตย์

R16006

            ดิฉัน  นางลัดดา  เสริเจริญสถิตย์  สามีชื่อ  นายชัยสิทธิ์  เสรีเจริญสถิตย์  มีอาชีพค้าขาย  มีบุตรชาย    คน

            ในระยะที่เศรษฐกิจกำลังดีอยู่นั้น  ดิฉันใช้ชีวิตอย่างประมาทใช้เงินซื้อความสุขให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยว  หรือ    ซื้อเครื่อง   เพชร   ทอง  จะหลงระเริงอยู่กับคำเยินยอ เวลาที่ใครเดือดร้อนเรื่องเงิน  เมื่อมาหาดิฉัน  จะไม่เคยผิดหวัง   ดิฉันไม่ชอบค้าขายเลย แต่ที่มีเงิน  เพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายบ้าน  ที่ดิน  และวัสดุก่อสร้าง

            เริ่มปี  ..๒๕๓๘   เศรษฐกิจเริ่มถดถอย  การเงินเริ่มฝืดเคือง  จนถึงวิกฤต  ในปี พ..๒๕๔๐  ดิฉัน เริ่มมีอาการเครียด  หงุดหงิด  ต้องกลับมาฝืนทำการค้าในบ้านใหม่อีกครั้งหนึ่ง  สงสัยดิฉันคงจะหน้างอ  การค้าจึงขายไม่ดี  สิ่งที่เคยได้ก็ไม่ได้  เคยไปเที่ยว ก็ไม่ได้ไป  เวลาเห็นใครไปเที่ยวก็คิดอิจฉาอย่างรุนแรง  ในที่สุด  ก็หาทางระบายกับคนในครอบครัว  จนลูกๆ  กลัวไม่กล้าเข้าหน้า  ไม่กล้าคุยหรือปรึกษาปัญหาตางๆ ด้วย  ครอบครัวก็เริ่มห่างเหินกันขึ้น  เป็นเช่นนี้อยู่ประมาณเกือบ    ปี  จนกระทั่งสามีได้มาพบ  คุณถวัลย์  และคุณพานิช  สมาบุตร  และได้เริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับวัดอัมพวัน  และเกี่ยวกับหลวงพ่อ  ซึ่งสามีได้สวดมนตร์  ตามแนวทางหลวงพ่ออยู่แล้ว   คือ    บทพาหุง มหากา  และอิติปิโสเท่าอายุ บวก ๑  จบ  พร้อมกันนั้นคุณพานิชได้ แนะนำให้อ่านหนังสือ กฎแห่งกรรม และมักกะลีผล  พร้อมทั้งให้ยืมไปอ่านที่บ้านเมื่ออ่านแล้ว ทำให้เกิดแนวความคิดที่จะมาปฏิบัติธรรมในทันที  จึงโทรไปปรึกษา คุณพานิช  ซึ่งคุณพานิชได้แนะนำให้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดเป็นเวลา    วัน  ซึ่งดิฉันคิดว่า เป็นเวลาที่ยาวนานเกินไป  เพราะห่วงลูก  และการค้า  พร้อมทั้งอ้างความไม่พร้อมต่างๆ นานา  จนคุณพานิชคงจะหมั่นไส้จนทนไม่ไหวจึงบอกว่า “คนที่คิดแบบนี้  คือคนโง่  เธอจะรอให้ลูกมีปัญหา หรือติดยาก่อนแล้วค่อยไปหรือ  ทำไมเธอถึงไม่ป้องกันไว้ก่อน  ถ้าเธอรอให้ลูกติดยาก่อนแล้วค่อยไป  จะทำให้หายยาก  แต่ถ้าไปก่อนที่ลูกจะมีปัญหา  ก็มีแต่จะทำลูกที่ดีอยู่แล้ว  ดียิ่งๆ  ขึ้นไปอีก  การค้าก็จะดีด้วย”   ทำให้ดิฉันคิดว่าคุณพานิช  คือใคร ทำไมถึงหวังดีกับเราขนาดนี้  จึงตัดสินใจมรปฏิบัติธรรมกับคุณพานิช  ในเดือน  กันยายน ๒๕๔๔  ซึ่งในขณะนั้น  ดิฉันไม่ได้คาดหวังผลใดๆ  ทั้งสิ้น

            หลังจากการปฏิบัติธรรมที่วัดเป็นเวลา    วัน  พร้อมทั้งนำกลับไปปฏิบัติที่บ้านอย่างต่อเนื่องมาน้อย  ตามแต่เวลาจะอำนวย  ปรากฏว่า  ผลที่ได้รับกลับมา  คือ  ความสุขในครอบครัวเป็นความสุขที่บริสุทธิ์  ไม่ต้องใช้เงินซื้อ  ความอิจฉา  ริษยาหายไป  (ไม่ทราบว่าตอนไหน)  การค้าดีขึ้นมาก  ครอบครัวของดิฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าก็พูดจาไพเราะเหลือเกิน  ดิฉันมีความสุขกับการค้าขายมาก

            แต่ปัญหายังไม่หมด  เมื่อสามีของดิฉันประสงค์จะมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน  ปรากฏว่า  พ่อกับแม่ของสามีไม่เห็นด้วย  เพราะต้องการให้ค้าขายอย่างเดียว  ท่านบอกว่าท่านทำบุญ  และสวดมนตร์  เผื่อทุกคนอยู่แล้ว  ทั้งดิฉันและสามีก็ได้พยายามอธิบายให้ท่านฟังท่านก็ไม่ยอมฟัง  ดิฉันจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษา คุณพานิช  คุณพานิช  แนะนำให้ดิฉันเงียบไปก่อนอย่าไปโต้ตอบ  ในขณะเดียวกัน  คุณพานิชก็นำเรื่องของพ่อสามีของดิฉันมาปรึกษาหลวงพ่อเช่นกัน  หลวงพ่อก็มีเมตตารับปากจะช่วยแผ่เมตตาช่วยอีกแรง  และได้ประกาศต่อหน้าคนจำนวนมากว่าจะช่วยให้ดิฉันค้าขายดี ซึ่งเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่เหลือเกิดสำหรับครอบครัวของดิฉัน  เมื่อสามีของดิฉันดื้อที่จะมาปฏิบัติธรรมด้วยความศรัทธาในหลวงพ่อ  พ่อของสามียิ่งโกรธหนัก  พอสามีออกจากบ้าน  ดิฉันก็ลงมาจากข้างบน  มากราบ  พ่อ และแม่ของสามี (ความดีนี้ต้องยกให้ กับคุณพานิช  เพราะเป็นผู้แนะนำ)  แม่ของสามีก็ให้พรตามปกติ  ส่วนพ่อของสามีนั้น น๊อตหลุดค่ะ  ยืนด่าดิฉันเป็นชั่วโมงเลย  หาว่าดิฉันงมงาย  ดิฉันก็ยืนฟังโดยไม่โต้ตอบ  พอด่าเสร็จพ่อสามีก็ออกจากบ้านไป  ปรากฏว่าวันนั้นดิฉันขายของดีมาก  จนกระทั่ง  ๒๑.๓๐  .  พ่อสามีกลับมาบ้านแล้วเดินมาถามดิฉันว่า  “ลูกดากินข้าวแล้วยังลูก”  ดิฉันรู้ในทันทีว่าพ่อสามีใจเย็น  และมีเมตตากับดิฉันแล้ว  หลังจากปิดร้านแล้ว  ดิฉันจึงมานั่งคุยกับพ่อสามีว่าที่ดิฉัน กราบพ่อ กับแม่  เพราะต้องการความเป็นมงคลชีวิต  อยากมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง และจะกราบพ่อกับแม่ทุกวันตลอดไป  พ่อสามีก็เป็นฝ่ายเงียบบ้าง  ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา  ดิฉันจะกราบพ่อกับแม่ของสามีทุกวัน  จนเริ่มเป็นความเคยชินของท่าน  พอท่านเห็นดิฉันในตอนเช้า  ท่านจะยืนรอดิฉันก่อน  โดยที่ท่านทั้งสองไม่รู้ตัว  แต่ดิฉันจะเป็นคอยสังเกตอยู่ตลอด  เพราะดิฉันไม่คิดจะหยุดเพียงแค่นี้  ดิฉันได้ค่อยๆ  นำคำสอนของหลวงพ่อไปซึมซับในความคิดของพ่อสามี  วันละนิด  วันละหน่อย  โดยมีคุณพานิช  คอยให้คำแนะนำ  และให้กำลังใจตลอด  โดยคอยบอกว่า  “เธอมีหลวงพ่อคอยแผ่เมตตาให้ไม่ต้องกลัว”  จนกระทั่งวันหนึ่ง  พ่อของสามีบอกว่า  จะไปกราบหลวงพ่อ  ทำให้ดิฉันดีใจที่สุด  ดีใจกว่าสมัยที่สามีซื้อแหวนเพชรให้อีก  เพราะดิฉันทราบว่า  หลวงพ่อจะสามารถพูด และอธิบายทุกอย่างให้พ่อสามีของดิฉันได้ดีที่สุด  ดิฉันรีบโทรหา คุณพานิชทันที  คุณพานิชก็ดีใจไปกับดิฉันด้วย  และจะเป็นคนพาพ่อสามีของดิฉันไปพบหลวงพ่อเอง

            หลังจากที่พบหลวงพ่อแล้วประมาณ    เดือน  พ่อของสามีได้บอกกับดิฉันว่า  ขอให้ช่วยสอนอ่านบทสวดมนตร์ให้หน่อย  เพราะท่านอ่านภาษาไทยไม่ค่อยออก  ดิฉันตะลึงเลยค่ะ  เพราะไม่คิดว่า  จะมีตรงนี้เกิดขึ้น  เป็นเพราะบารมีของหลวงพ่อโดยแท้  จากนั้นทุกเย็น  จะเห็นภาพหลานนั่งสอน  คุณปู่(พ่อของสามี)  สวดมนตร์ โดยพูดตาม  เป็นภาพที่ประทับใจ  แก่ดิฉัน  และสามียิ่งนัก

            เมื่อถึงวันสำคัญ  เช่น วันแม่  วันพ่อ  วันขึ้นปีใหม่  ดิฉัน และสามี  จะนำพาลูกๆ  ล้างเท้า  เช็ดเท้า  และกราบคุณปู่  คุณย่า  คุณตา  คุณยาย  เพื่อขอศีลขอพรค่ะ  ดิฉันมีความสุขแล้วค่ะ

            ทั้งหมดที่เล่ามานี้  เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในครอบครัวของดิฉันเอง  และเพราะอานิสงส์  ของการสวดพาหุงมหากา  การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน  และคำสั่งสอนของพระเดชพระคุณพระเทพสิงหบุราจารย์(จรัญ  ฐิตธมโม)  ที่ทำให้ดิฉันรอดพ้นจากวิกฤตที่ผ่านมาดังกล่าวไปได้

            สุดท้ายนี้  ลูกต้องขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างหาที่สุดมิได้เจ้าค่ะ

 

        ด้วยความเคารพอย่างสูง

 

 

     ( ลัดดา  เสรีเจริญสถิตย์ )

  ๖๐/  .เพชรเกษม

   อำเภอ หัวหิน  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

         โทรศัพท์