พ่อคนที่สอง
โดย ..นางกันต์เกตน์ สุวรรณรัตน์
R16014
ดิฉัน นางกันต์เกตน์ (นงลักษณ์) สุวรรณรัตน์ เป็นชาวอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยกำเนิด ปัจจุบันรับราชการตำแหน่งศึกษานิเทศก์ เทศบาลตำบลหัวหิน สามีรับราชการตำรวจตระเวนชายแดน ปัจจุบันยศ ร้อยตำรวจเอก มีบุตร ๓ คน เป็นชายทั้งหมด
ชีวิตดิฉัน ยังคงหลงระเริงในโลกียสุขอีกมากมายนัก ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ดิฉันมีความทุกข์มากกับบุตรชายคนเล็ก ชื่อ นายจักรกฤษฏิ์(พฤหัส) สุวรรณรัตน์ ปัจจุบันอายุ ๑๘ ปี เขาจะมีนิสัยต่างจากพี่ชาย ๒ คน มาก ชอบคบเพื่อนที่นำไปทางเสื่อม รักเพื่อนมาก เพื่อนยกพวกตีกันก็ร่วมด้วย ไปโรงเรียนทุกวัน แต่เข้าห้องเรียนบ้างไม่เข้าห้องเรียนบ้าง แล้วแต่เพื่อชักชวนไป สิ่งที่ดิฉันกลัวมากที่สุดก็คือ กลัวเขาเสพยาบ้า ดิฉันกลับจากทำงาน เวลา ๑๗.๐๐ น. จะได้พบหน้าลูก น้อยครั้งมาก เขาจะออกไปเที่ยวบ้านเพื่อนบ้าง ไปขับรถจักรยานยนต์ร่อนไปร่อนมาบ้าง กลับบ้านดึกดื่นค่อนคืนเป็นประจำ ดิฉันก็พยายามตามลูกว่าอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ดิฉันทุกข์หนักมาก สามีก็ชอบดื่มสุรา ถ้าดื่มสุราเข้าบ้านแล้วก็ขวางหูขวางตาไปหมด พาลด่า และก็จะทะเลาะกันเป็นประจำ แต่ความทุกข์เรื่องทะเลาะกับสามีก็ยังไม่เท่ากับความทุกข์ของลูกชายคนเล็ก ไปโรงเรียนครูฝ่ายปกครองก็เรียกผู้ปกครอง คือดิฉันไปพบเสมอ เล่าพฤติกรรมของลูกชายให้ฟัง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เป็นไปในด้านลบทั้งสิ้น ความทุกข์นี้ใหญ่หลวงนัก ดิฉันกลุ้มใจมาก ไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครดี
ดิฉัน ได้รู้จักหลวงพ่อจากหนังสือสวดมนตร์มานานแล้ว และได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อเท่าที่จะหาอ่านได้ ก็คิดว่าทำอย่างไรจะได้ไปกราบหลวงพ่อ เล่าความทุกข์ให้หลวงพ่อฟัง เพราะดิฉันเองก็ไม่ทราบจะไปปรึกษาใคร ครูที่โรงเรียนของลูกชายก็คอยแต่จะซ้ำเติม สามีก็เป็นที่พึ่งให้คำปรึกษาไม่ได้ บังเอิญดิฉันได้ไปซื้อโทรศัพท์มือถือที่ร้านโมบายเมท(ปัจจุบันหลวงพ่อเมตตาตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ร้านโชคดีวิริยะ) ให้ลูกชายคนโต ดิฉันไม่ทราบว่าเจ้าของร้านเป็นใครชื่ออะไร วันหนึ่ง เป็นเช้ามืดวันอาทิตย์ ดิฉันเปิดดูโทรทัศน์รายการธรรมะ ช่อง ๓ ได้พบเจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือและภรรยา ออกรายการธรรมะกับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ดิฉันจึงได้รู้ว่าเจ้าของร้านชื่อคุณถวัลย์ สมาบุตร และภรรยาชื่อคุณพานิช สมาบุตร เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ มานานแล้ว หลวงพ่อเมตตา ๒ สามีภรรยานี้มาก ดิฉันดีใจมาก คราวนี้ดิฉันจะมีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่อแล้วเพราะดิฉันจำได้ว่าทั้งสองคนนี้เป็นใครอยู่ที่ไหน ต่อจากนั้นดิฉันก็ได้ไปถามหาคุณพานิช สมาบุตร ถึงการเดินทางไปวัดอัมพวัน การไปเข้ากรรมฐานทำอย่างไร ทั้งคุณพานิช และคุณถวัลย์ ๒ สามีภรรยานี้ เป็นคนดีมาก นัดหมายให้ดิฉันไปเข้ากรรมฐานกับหลวงพ่อในเดือน กันยายน ๒๕๔๓ ๘ คืน ๙ วัน ครั้งแรกดิฉันยังลังเลไม่แน่ใจ เพราะเป็นห่วงลูกชายคนเล็กมาก เขาดื้อ ชอบตามเพื่อน ไม่อยู่บ้าน หากไม่มีใครตามหา ก็คงจะเตลิดไปกับเพื่อนๆ ก็ต้องขอขอบคุณ น้องอ้อ ลูกสาวคุณพานิช ซึ่งพูดให้สติดิฉันว่า ป้าลังเลใจ เพราะอะไร ลางานไม่ได้หรือ หรือห่วงลูก ถ้าป้าห่วงลูก ป้าต้องตัดใจเลย ถ้าเขาจะเลวไม่กลับบ้าน ป้าอยู่บ้านเขาก็จะเป็นเช่นนั้น ป้าไม่อยู่บ้านเขาก็ต้องเป็นเช่นนั้น ดิฉันจึงตัดสินใจลางานไปเข้ากรรมฐานกับคุณพานิช ที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี เป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นดิฉันก็ยังสวดมนตร์ พาหุงมหากา และอิติปิโส ๑๐๘ จบ แล้วทำกรรมฐานทุกวัน มากน้อยแล้วแต่โอกาสจะอำนวย แต่ลูกก็ยังเป็นเช่นเดิมอีก คุณพานิช ก็แนะนำให้ดิฉันเขียนจดหมายให้หลวงพ่อฟัง ถึงความทุกข์ที่ดิฉันมีกับลูก หลวงพ่อก็เมตตาตอบจดหมายดิฉันมา ๑ ฉบับ สอนให้ดิฉันมีสติ ทุกคนเกิดมาย่อมมีกรรมติดตัวมา ไม่ให้ยึดติดกับลูก ต่อมาทางโรงเรียนที่ลูกชายเรียนอยู่ ก็พยายามบีบที่จะให้ดิฉันย้ายลูกออกจากโรงเรียน ดิฉันได้เขียนจดหมายไปปรึกษาหลวงพ่ออีก ๑ ฉบับ หลวงพ่อก็เมตตาดิฉัน ตอบจดหมายดิฉัน แนะนำให้ตั้งใจปฏิบัติ หลังจากสวดมนตร์เจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ให้แผ่เมตตาแผ่ส่วนกุศลและกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรของลูกชายทุกวัน และให้แยกกลุ่มเพื่อนให้ย้ายลูกชายไปเรียนที่ต่างจังหวัดโดยให้ไปอาศัยอยู่กับญาติ ดิฉันได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อทุกประการ ต่อมาดิฉันได้รูปหลวงพ่อบานใหญ่ใส่กรอบบูชาไว้ ดิฉันได้นำรูปลูกชายคนเล็กติดไว้ข้างกรอบรูปหลวงพ่อ บอกกับหลวงพ่อว่า หลวงพ่อเจ้าขา ดิฉันฝากหลวงพ่อช่วยดูแลลูกชายด้วยเจ้าค่ะ เวลาลูกชายออกจากบ้านไปดึกดื่น เที่ยงคืน เขายังไม่เข้าบ้านดิฉันก็จะยกมือไหว้ที่รูปหลวงพ่อ บอกว่า หลวงพ่อเจ้าขา ลูกชายยังไม่กลับบ้านเลย ไม่ทราบไปทางไหน ลูกเป็นห่วง หลวงพ่อช่วยดลจิตดลใจให้ลูกชายกลับบ้านด้วยเถิด เวลาผ่านไป ไม่เกินชั่วโมง ลูกชายดิฉันก็จะกลับมาบ้าน และดิฉันได้ปฏิบัตินอกครู เช่นนี้อีกหลายครั้ง ลูกชายก็จะกลับมาทุกที ดิฉันได้ถามลูกชายว่า ใครไปตามลูกให้กลับบ้าน เขาตอบว่าไม่มีใครตาม แต่ใจมันอยากกลับก็กลับ
เดี๋ยวนี้ลูกชายของดิฉันดีขึ้นมาก ตั้งใจเรียนหนังสือ จากไม่เรียนเลย ๑ ปี ต้องมาเรียนซ้ำชั้นใหม่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ เทอมแรกที่ผ่านไป เขาสอบติด ๐ ตัวเดียว ดิฉันดีใจมาก ดีใจยิ่งกว่าคนที่เขาคุยว่าลูกเขาสอบได้ เกรด ๓ เกรด ๔ หลายเท่านัก และต้องขอบคุณน้องสาวและน้องเขยที่รับลูกชายดิฉันไปอุปการะอยู่ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
หมดปัญหากับเรื่องลูกแล้ว ดิฉันก็ยังมาพบกับปัญหาของสามีอีก สามีชอบดื่มสุรา พอเข้าบ้านก็พาลหาเรื่องด่า ดิฉันก็ต้องด่าตอบทุกครั้งไป จนกระทั่งดิฉันมาวัดอัมพวัน กับคุณพานิช อีก ๒-๓ ครั้ง หลวงพ่อก็จะสอนเรื่องสามีภรรยาทะเลากัน ไม่ดี บ้านนั้นอัปรีย์ ดิฉันก็จำที่หลวงพ่อสอน และนำมาปฏิบัติ สามีเมาสุรากลับมาก็ด่าว่าดิฉันและลูก ดิฉันก็อดใจไว้ไม่โต้ตอบ แล้วยกมือไหว้สามี บอกว่า ฉันขอบคุณคุณมากนะที่ฝึกให้ฉันรู้จักอดทน ไม่โต้ตอบเธอ ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้ ฉันจะไม่ยอมให้เธอมาชี้หน้าด่าฉันเช่นนี้หรอก แล้วดิฉันก็เข้านอน
กราบขอบพระคุณหลวงพ่อ ที่สอนให้ดิฉันรู้จักอดทน อดกลั้น ไม่โต้ตอบสามี ในที่สุดสามีก็เลิกด่า ปัจจุบันนี้ ดิฉันกับสามีเลิกทะเลากันแล้วและเป็นนิมิตหมายที่ดี ดิฉันกับสามี แต่งงานกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๘ เป็นเวลา ๒๖ ปี สามีไม่เคยนึกถึงภรรยาเลย ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด วันครบรอบแต่งงาน วันเงินเดือนออก เงินที่ภรรยาได้รับจะพอใช้หรือไม่ จะมีเงินพอที่จะส่งลูกเรียนหรือไม่ ค่าลงทะเบียนเรียนของลูกจะเอามาจากไหน ดิฉันก็อดทนส่งลูก ๒ คน โต จนจบปริญญาตรี และคนเล็ก(นายจักรกฤษฏิ์) กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ อยู่ที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แต่ปีนี้ วันรับเงินเดือน ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๔ สามีให้สร้อยทองดิฉัน ๑ บาท ดิฉันคิดว่าฝันไปหรือเปล่า แต่ดิฉันไม่ได้ฝันค่ะ มันเป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และลูกชายคนกลางที่ทำงาน บริษัทเอกชน ได้รับโบนัส ก็ได้ ส่งเงินโบนัสมาให้แม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีขึ้นเลยในชีวิตของดิฉันค่ะ
ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจากอานิสงส์ของการสวดมนตร์ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน และคำสอนของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ค่ะ ปัจจุบันท่านได้รับสมณศักดิ์ เป็น พระเทพสิงหบุราจารย์ พระคุณของท่านมีต่อดิฉันและครอบครัวเป็นล้านพ้น และดิฉันได้เลือกเส้นทางนี้เป็นทางเดินของดิฉันอย่างถูกต้องแล้วค่ะ ขอให้ผู้ที่อ่านเรื่องราวของดิฉันแล้ว ได้ตัดสินใจเข้ามาปฏิบัติกรรมฐาน สวดมนตร์พาหุงมหากา กันมากๆ นะคะ แล้วท่านจะได้พบของจริง ดังที่ดิฉันได้พบ โดยไม่ต้องไปทัวร์บุญที่ไหนเลยค่ะ
สุดท้ายนี้ลูก ต้องกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างหาที่สุดมิได้ค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
(นางกันต์เกตน์ สุวรรณรัตน์)
๓๒/๕๑ คลองชลประทาน
อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
โทรศัพท์ ๐๓๒๕๑๓๐๖๐