ผลกรรม
โดย นางปรียาภรณ์ ประภัศรานนท์
ข้าพเจ้าชื่อ นางปรียาภรณ์ ประภัศรานนท์ ปัจจุบันอายุ ๔๘
ปี มีบุตรชาย ๑ คน อายุ ๒๔
ปี กำลังศึกษาอยู่ สามีรับราชการ ข้าพเจ้าเป็นคนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ข้าพเจ้าได้เข้ามาปฏิบัติธรรมครั้งแรกเมื่อวันเข้าพรรษาปี
พ.ศ.๒๕๔๓ เป็นเวลาเพียง ๔ วัน
การมาปฏิบัติในครั้งนั้นข้าพเจ้าไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็มิได้ลดละความพยายาม ยังคงเวียนมาวัดอยู่หลายครั้ง
บางครั้งก็ชวนเพื่อนหรือญาติพี่น้องมาเพื่อฟังคำสั่งสอนของหลวงพ่อ และได้นำหนังสือไปสวดมนต์ บทพุทธคุณ ธรรมคุณ และอิติปิโส เกินอายุ ๑
จบ
เนื่องจากในช่วงนั้นข้าพเจ้ายังเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจอยู่จึงไม่ค่อยมีเวลาที่จะมาวัดเพื่อปฏิบัติได้บ่อยๆ
ปัจจุบันข้าพเจ้าได้ลาออกจากงานแล้วจึงมีเวลาที่จะปฏิบัติธรรมได้มากขึ้น นิสัยเดิมของข้าพเจ้าเป็นคนใจร้อน โกรธง่าย ไม่กลัวใคร ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ ชอบดื่มสุรา เที่ยวเตร่ และเล่นการพนัน ไม่เคยเข้าใจเรื่องเวรกรรม
ข้าพเจ้าได้เคยแต่งงานมาแล้ว ๑
ครั้ง มีบุตรชาย ๑
คน
สามีของข้าพเจ้าเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจเช่นเดียวกับข้าพเจ้า มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี เป็นคนรักครอบครัว
แม้ข้าพเจ้าทำผิดก็ให้อภัย
รู้จักประหยัด
เหมือนมีกรรมบังตา ข้าพเจ้ากลับไม่ชอบไม่ถูกใจ
มองว่าเค้าเป็นคนเห็นแก่ตัว
ข้าพเจ้าชอบออกไปเที่ยวกับเพื่อนและดื่มสุราเป็นประจำ
จนทำให้ข้าพเจ้าได้รู้จักกับสามีคนปัจจุบัน ซึ่งมีครอบครัวอยู่แล้ว ชอบดื่มสุรา เที่ยวเตร่ เล่นการพนัน และเจ้าชู้ แต่ข้าพเจ้ากลับมองว่าดี โดยมิได้เกรงกลัวต่อบาป
มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าได้มาวัดพร้อมกับพี่พาณิชย์ พี่พาณิชย์ ได้เรียนหลวงพ่อว่าสามีของข้าพเจ้า เจ้าชู้มีภรรยาน้อยควรจะทำอย่างไรดี หลวงพ่อท่านหันมาทางข้าพเจ้า
ชี้ใส่ข้าพเจ้า และกล่าวว่าก็เรามันไม่ดีเอง
ถึงได้ไปเลือกเค้ามา
ข้าพเจ้าก็รู้สึกเห็นจริงตามที่หลวงพ่อท่านกล่าว จึงตอบรับว่าเจ้าค่ะ จึงเริ่มได้คิดว่าการดื่มสุรานี้ และการทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด ตัดสินใจผิดๆ ขาดสติ โดยไม่คิดเกรงกลัวต่อบาป ไม่คิดว่าเวรกรรมมีจริง จนเมื่อได้มาปฏิบัติธรรม
และได้ฟังคำสั่งสอนของหลวงพ่อในวันพระบ้าง จากเทปที่หลวงพ่อเทศน์บ้าง และจากหนังสือกฎแห่งกรรม จึงทำให้เข้าใจ และรู้ถึงผลกรรมมากขึ้น เมื่อทำไปแล้วก็ไม่สามารถจะเรียกกลับคืนมาได้อีก คนเราเมื่อทำกรรมใดไว้ก็ย่อมต้องได้รับผลของกรรมนั้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ปัจจุบันทำให้ข้าพเจ้าเลิกดื่มสุรา และเลิกเล่นการพนันโดยเด็ดขาด
จากผลกรรมที่ทำมาก็ทำให้ข้าพเจ้ามีความทุกข์
จนทำให้ต้องหาทางดับทุกข์ที่เราเป็นผู้ก่อขึ้นเอง เมื่อมาอยู่กินกับสามีคนปัจจุบันได้ประมาณ ๘
ปี สามีก็เริ่มประพฤติตนแบบเดิมๆ อีก
ชอบออกเที่ยว
เล่นการพนัน พูดจาโกหก (ติดผู้หญิงใหม่ พร้อมกับติดยาบ้าควบคู่กัน) ไม่ค่อยกลับบ้าน โดยที่ก่อนหน้านี้ เมื่อมาอยู่ด้วยกันกับข้าพเจ้า
เค้าเริ่มรู้จักที่จะทำมาหากิน
ช่วยกันสร้างฐานะ
จนมีบ้านเป็นของตัวเอง ๑ หลัง มีรถยนต์ และมีที่ดินเพิ่มขึ้นถึงจะพอมีพอกิน ก็ดูจะมีความสุข เมื่อสามีไปมีผู้หญิงคนใหม่จนมีลูกด้วยกัน
ก็ยังไม่ยอมที่จะไปจากชีวิตของข้าพเจ้า ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าทุกข์ใจ มากขึ้น หาความสุขแทบไม่ได้ มีปากเสียงทะเลาะกันเป็นประจำ จึงพยายามที่จะหาทางดับทุกข์ จนมีโอกาสได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ทำให้จิตใจที่เคยร้อน ก็เย็นลงได้บ้าง
ถึงจะทำได้ไม่มากนักแต่ก็ยังดีกว่าก่อนที่จะมาปฏิบัติธรรม
ช่วงก่อนออกพรรษาปี ๒๕๔๓ สามีไม่เคยกลับมาบ้านเลยเนื่องจาก
ขณะนั้นก็ยังติดยาบ้าและไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ข้าพเจ้าก็คิดว่าคงจะจบกันได้แล้ว ไม่คิดที่จะอยากได้เค้าคืนมา
แต่ก็อดเป็นห่วงเรื่องที่เค้าติดยาบ้าและยังเลิกไม่ได้ เวลาที่ข้าพเจ้าขึ้นห้องพระเพื่อสวดมนต์ทุกวัน ก็จะขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และขอบารมีหลวงพ่อให้ช่วยแผ่เมตตาให้กับสามีของข้าพเจ้า
หากสิ่งที่ลูกได้ปฏิบัติมานี้เป็นสิ่งที่ดีก็ขอให้สามีเลิกยาเสพติดได้ด้วยเถิด
จนถึงวันออกพรรษาข้าพเจ้าก็ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน เป็นเวลา ๗
วัน
ก็ได้แผ่เมตตาให้กับสามี
และขอบารมีหลวงพ่ออีกเช่นเคย
เมื่อปฏิบัติครบ ๗ วัน
ข้าพเจ้าเดินทางกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้นสามีก็กลับเข้าบ้านเช่นกัน ก็เป็นเวลา ๑
เดือน พอดี ที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นหน้าเค้าเลย เหมือนปาฏิหาริย์
สามีมาบอกกับข้าพเจ้าว่าเลิกยาบ้าได้แล้ว ข้าพเจ้าทำท่าไม่เชื่อ เค้าบอกว่าเลิกได้จริงๆ ข้าพเจ้าถามว่าเลิกได้ตั้งแต่เมื่อไร เค้าก็พูดโกหกว่าเลิกได้นานแล้ว ข้าพเจ้า จึงพูดว่าเธอจะยอมรับความจริงไหมว่าเธอเพิ่งเลิกได้ก่อนหน้าที่จะมาพบกับฉันเพียง ๒-๓ วันนี้เอง เค้าก็ยอมรับว่าใช่
และเล่าถึงการที่เลิกได้ว่าช่วงที่ข้าพเจ้าไปวัดเค้าได้กลับมาบ้านแต่ไม่พบข้าพเจ้า เนื่องจากปกติคนเราถ้าติด(ยาบ้า) หากไม่ได้เสพก็จะรู้สึกปวดหัว และทุรนทุราย แต่นี่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อเสพแล้วกลับปวดหัวมาก เวลานอนเหมือนมีอะไรหนักๆ มาทับที่หน้าอก คล้ายมีสัญญาณมาเตือนว่า
ถ้าขืนเสพต่อไปไม่รอดแน่
จึงรีบกลับบ้านมาตามหาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงเชื่อว่าการปฏิบัติธรรมนั้น ช่วยให้คนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสามี หรือลูก เป็นคนดีได้ ปัจจุบันสามีเลิกยาบ้า
และลูกของข้าพเจ้าก็เชื่อฟังไม่ค่อยเถียงเหมือนแต่ก่อน
เรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนมานี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
ถึงแม้จะไม่ละเอียดเหมือนกับชีวิตจริง
แต่ใครที่อ่านแล้วต้องประสบกับเวรกรรมที่คล้ายคลึงกับข้าพเจ้าก็พอจะเป็นแนวทางให้ท่านได้นำไปปฏิบัติอย่าได้ท้อแท้กับชีวิต ตั้งใจปฏิบัติธรรม
และสวดมนต์ควบคู่กัน
ท่านต้องตั้งใจทำจริงๆ แล้วท่านจะได้พบกับสิ่งดีๆ ในชีวิตของท่าน ซึ่งท่านสามารถ จะรู้ได้ด้วยตนเอง สำหรับท่านปฏิบัติดีอยู่แล้ว หากท่านได้มาลองปฏิบัติธรรมดูท่านก็จะได้ดียิ่งขึ้นไปอีก จะได้ไม่เดินทางผิด การมีเงิน มีทอง มีทรัพย์สมบัติมากมาย นั่นเป็นเพียงความสุขทางกาย แต่ความสุขทางใจนั้นหาได้ยากมาก
ข้าพเจ้าเองก็ต้องขอขอบคุณสามีของข้าพเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าได้พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้รู้ถึงความทุกข์ รู้ถึงเวรกรรม ผลกรรมที่ได้กระทำมา
จึงทำให้ข้าพเจ้าได้มาพบกับ(หลวงพ่อจรัญ) ซึ่งมีแต่ความเมตตา และพร่ำสั่งสอนให้เอาของจริงไปปฏิบัติ ข้าพเจ้าจะตั้งใจปฏิบัติธรรม และสวดมนต์ควบคู่กันไป ตามคำสั่งสอนของหลวงพ่อ ให้รู้จักรักตัวเอง อย่าเอาจิตไปฝากไว้กับคนอื่น เดี๋ยวนี้เมื่อสามีออกจากบ้าน
ข้าพเจ้าก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องเที่ยวออกไปตามดูให้ต้องทุกข์ใจ
ข้าพเจ้าขอกราบขอบพระคุณหลวงพ่อจรัญ ที่ท่านได้พร่ำสอน จนข้าพเจ้าได้พบกับความสุขที่แท้จริง ขออำนาจคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงประธานพรให้หลวงพ่อมีความสุข มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร ให้กับลูก หลานทั้งหลาย ที่ยังหาหนทางที่จะพ้นทุกข์ยังไม่เจอ
นางปรียาภรณ์ ประภัศรานนท์
๒๑๖ ถนนเกาะหลัก ตำบลเกาะหลัก
อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๗๗๐๐๐
โทรศัพท์ ๐-๑๕๑๕-๐๒๐๓