ปฏิบัติกรรมฐานจนมีวันนี้

โดย... นางพัชรวลัย   สุขโสภา

R17005

            ดิฉัน นางพัชรวลัย  สุขโสภา  บิดาชื่อ  ถาวร  พันเทียน  มารดาชื่อ บัวคลี่  พันเทียน   ดิฉันมีพี่น้องทั้งหมด    คน  ส่วนตัวเองนั้นเป็นคนโต  ดิฉันแต่งงานเมื่ออายุ  ๒๐ ปี  พ.ศ. ๒๕๑๒  กับนาย กิตติศักดิ์  สุขโสภา  สามีมีพี่น้อง ๑๐  คน  เป็นคนโตเหมือนกัน  บิดาชื่อ นิกร  มารดาชื่อ หนู  สุขโสภา  ทั้งสองได้เสียชีวิตหมดแล้ว  ส่วนพ่อและแม่ของดิฉันยังอยู่ทั้งหมด  เวลานี้อยู่บ้านเลขที่  ๓๐๕/๑  หมู่ ๘  ต.ศิลาลอย  อ.สามร้อยยอด  จ.ประจวบคีรีขันธ์  ตั้งแต่แรกเริ่มก็มีอาชีพ  รับซื้อสับปะรดส่งโรงงานมาเป็นเวลาหลาย ๑๐ ปี  แต่แล้วโรงงานเขาก็เปิดใหม่มากขึ้น  จังหวัดเดียวมี  ๕-๖ โรงงาน  ทำให้ชาวไร่มีรถส่งสับปะรดเองกันหมด  ก็เลยต้องเลิกซื้อ  หันมาเล่นรถดั๊มท์  บรรทุกดินลูกรัง  เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๓  พอรับจ้างวิ่งได้    ปี  ก็ไม่ดี  ถึงปี  ๒๕๓๔   ธนาคารก็ไม่ให้สินเชื่อ  ก็เลยไม่มีใครอยากจะถมดินเลยเปลี่ยนอาชีพใหม่อีก คือ รับซื้อพวกของเก่าก็ได้ไม่นาน  เพราะดิฉันคุยกับสามีไม่รู้เรื่อง  ที่ดินที่เหลืออยู่    แปลงก็ขายหมด  ใช้หนี้ก็ยังไม่หมด  ดิฉันตัดสินใจหนีไปบวชชีที่สวนวนาสันติ ที่จังหวัดเพชรบุรี  ทางไปวัดหนองจอก  ต่อมาก็เริ่มหาซื้อบ้านที่ จังหวัดนครปฐม  เป็นอาคารพาณิชย์    ห้อง ราคา ๑,๘๐๐,๐๐๐  ได้พาลูกๆ  มาอยู่ที่นี่กันหมดเพราะกำลังศึกษากันอยู่  บ้านหลังนี้เขาเรียกดาวน์ ๕๕๐,๐๐๐  ผ่อนเดือนละ  ๔๐,๐๐๐ บาท  ให้ครั้งแรก  ๖๐,๐๐๐  ก็เข้าอยู่ได้เลย  ตอนนั้นก็ประกอบอาชีพค้าขายคือ  ขายพวกข้าวแกงอาหารตามสั่ง  ก๋วยเตี๋ยว  ขายอยู่กับลูกๆ  ทั้งหมด  พออยู่ๆ  ผ่อนดาวน์ได้หมด  ก็เกิดปัญหา  เขาไม่โอนเงินให้เจ้าของโครงการ  ส่วนเงินที่ได้มาผ่อนหนี้  ก็ได้สามีช่วยกัน  เพราะตอนที่ย้ายมาอยู่  สามีไม่ได้มาอยู่ด้วย  เพราะต้องขับรถบรรทุกก๊าซ  ซึ่งโรงบรรจุแก๊สนี้เป็นของ คุณกัลยาณี  ทองบางใบ  เป็นน้องสาวของสามี  พื้นที่ ที่สร้างโรงงานเป็นของแม่สามี  ก็เลยทำรวมกันมาให้สามีขับรถ  ส่วนน้องสาวก็บริหารการขาย  สามีต้องขับรถไปบรรทุกแก๊สที่คลัง ป.ต.ท.ที่กรุงเทพฯ  มาให้น้องสาวขาย  ได้เงินค่าบรรทุกมาก็มาช่วยกันผ่อนดาวน์บ้านจนหมด  พอตอนที่เกิดปัญหาก็ยังไม่ได้บอกสามี  กลัวว่าจะไม่สบายใจ  ก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร  กลุ้มใจ พอตกเย็นไม่รู้จะคุยกับใครก็นั่งรถไปตลาด ไปที่องค์พระ  ขอพรกับ พระร่วงโรจนฤทธิ์ว่า  คิดอย่างไรก็ขอให้สมหวังอย่างนั้น  โชคดีที่มีคนมาซื้อ  เขาเป็นเจ้าของโรงแรมริเวอร์  ที่นครปฐม  มาซื้อไว้ ก็เลยขายใช้หนี้เขาหมด  อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนกับน้องสาวคือ คุณพานิช และคุณสุจิน  คุณกัลยาณี  โทรไปหาว่าไปวัดกันไหม  ดิฉันก็ถามว่าวัดไหน  เขาบอกไปวัดอัมพวัน  จ.สิงห์บุรี  ถามเขาว่าไปเมื่อไร  เขาบอกไปวันที่ ๔  พ.ย. ๒๕๔๐  เขายังให้ซื้อผ้าไตรไปคนละชุด  แล้วเขาก็ไปรับที่ นครปฐม  ไปครั้งแรกก็อยู่ได้    วัน    วันไม่ได้อะไรเลยได้แต่ความเจ็บปวดไข้ขึ้น  วันที่ ๔  จึงค่อยดีขึ้น  ดีใจที่รู้จักพองหนอ  ยุบหนอเป็น  ทำได้โดยไม่รู้ตัว  ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็ไปบ่อยแต่ไม่ได้ไปอยู่ปฏิบัติที่วัดประจำ  ปฏิบัติที่บ้านบ้าง  สวดมนต์เป็นนิจ  พออยู่มาถึงเดือน  ก.ค.๒๕๔๑  ก็ขายบ้านได้  ขายดาวน์ให้เขาไปเอาแต่ดาวน์คืนมา  พอได้เงินคืนมาก็เอาใช้หนี้ที่ค้างอยู่หมดก็โล่งใจ  มาเล่าให้สามีฟัง เขาจึงรู้   ก็ได้แต่เก็บกดอยู่คนเดียวกับลูกอีก ๖ คน  ดิฉันมีลูกทั้งหมด    คน  แต่งงานไป    คน  ลูกชาย    คน  ลูกสาว    คน  ที่แต่งแล้วคือคนที่    มีหลาน    คน  ส่วนคนโตยังไม่มีภรรยา  เขาไปเปิดร้านซ่อมเครื่องเสียง  วิทยุ  โทรทัศน์  อยู่ที่  กุยบุรี  จ.ประจวบคีรีขันธ์  จากนั้นสามีก็ให้ย้ายกลับมาอยู่ประจวบฯ อีก  ก็อยู่บ้านของแม่สามีอยู่เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒  เดือน พ.ค. วันที่ ๗  ก็ได้เสียลูกชายคนโตที่เป็นช่างอยู่ที่กุยบุรี  ทีแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเพราะอยู่ห่างกัน  หมอบอกว่าติดเชื้อไวรัส  แต่ก็ได้แต่ทำใจได้  เพราะไปถึงหลวงพ่อแล้ว  เลยไม่ค่อยเสียใจเท่าไร  คิดเสียว่าเราเป็นแม่เป็นลูกมาแค่นี้  พอลูกชายคนโตเสียได้    เดือน  พอดี  คุณพานิช  และคุณกัลยาณี  เขาชวนให้เอาลูกชายคนที่สองมาบวชที่วัดอัมพวัน  ดิฉันดีใจมาก  ถามลูกชายก็ไม่ขัดข้อง  บวชเมื่อวันที่ ๗  มิ.ย. ๒๕๔๒  ตอนที่ลูกชายไปบวชรถตัวเองก็ยังไม่มีตอนนั้นเงินก็ไม่มีมากพอถึงเดือน ก.ค. ๒๕๔๒  สามีบอกว่าพรุ่งนี้ไปปราณบุรีกัน  ก็เลยขอยืมรถน้องสาวไป  พอไปถึงเขาก็ขับเข้าไปในบริษัท อีซูซุ  สามีจะซื้อรถ  ดิฉันบอกเงินมีอยู่แค่แสนกว่าบาทเองนะ  สามีเข้าไปถามดูราคาเท่าไร  ตกลงทะเบียนประกันเรียบร้อย  ต้องจ่ายบริษัท ๑๔๐,๐๐๐  ก็เลยซื้อมาเลยได้มีรถขับมาวัดได้บ่อยๆ  ลูกชายมาบวชอยู่ได้    เดือน เต็มๆ  มาบวชเป็นนาคก่อนเข้าพรรษาตอนนั้นสามีก็ยังไม่คิดจะเข้าวัด  แต่ฟังธรรมะในวิทยุทุกคืนเพราะเขาขับรถบรรทุก  ดิฉันก็นั่งไปเป็นเพื่อนกับสามี  เขาก็ดองยา เสือ ๑๑ ตัว กับเหล้าขาว  น้ำผึ้ง  ดองครั้งละ    ขวด กินได้    เดือน ก็กินแก้ปวดแก้เมื่อย  สามีก็ลองให้กินดูบ้าง  แต่ก็ไม่กิน  สามีเขาก็ว่า คนเรานั้นเป็น ปุถุชนธรรมดาอยู่ให้ถือ มัชฌิมา ปานกลาง  ดิฉันก็เลยบอกสามีว่า  ยังไม่เจอกับตัวเอง  ยังไม่ไป ก็ไม่รู้หรอก ว่าเป็นอย่างไร  พออยู่ๆ  เมื่อเดือนเมษายน  วันที่ ๑๙  พ.ศ.๒๕๔๓    ก็ได้เสียลูกสาวไปอีก ๑ คน  ที่เขาแต่งงานไปก็มีปัญหากับสามีของเขา  ก็ต่างคนเมื่อตอนลูกสาวเสียชีวิต  เขาบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่หัวหิน  ตกลงดิฉันเสียลูกหัวปีท้ายปี  เลย  แต่ดิฉันก็ได้แต่คิดว่า เขาทำบุญมาแค่นั้น  พอหมดจากเรื่องลูก  ก็มาที่สามีอีกไปแอบมีเล็กมีน้อย  แต่ก็ไม่มีปัญหาร้ายแรง  เพราะดิฉันเป็นคนเด็ดขาด  ให้เลือกว่าจะไปทางไหน  ตอนที่เขามีผู้หญิงอยู่  ดิฉันก็รู้  แต่ชวนไปวัดตอนลูกชายบวชอยู่ พอเข้าไปกราบหลวงพ่อทีไร  หลวงพ่อจะเทศน์เรื่องเมียน้อย เมียหลวงทุกที  จนสามีกลับมาบ้านก็ว่า  หลวงพ่อเทศน์แต่เรื่อง ผัวๆ  เมียๆ ทุกที  อยู่มาเขาก็เลิกกันไม่ไปมาหาสู่กัน  ดิฉันก็ไม่ได้พูดได้ถามอะไรจนถึงปัจจุบันนี้  พอเดือน ก.ค. ๒๕๔๔  ดิฉันไปขายของอยู่กับลูกๆ  ที่กรุงเทพฯ  ไปเซ้งร้านขายของ เพราะอยู่เฉยก็ไม่ได้ทำอะไร  สามีก็ขบรถแก๊สอยู่ลำพัง  พอดิฉันไปได้ ๑๐  วันก็ได้ข่าวว่า  สามีขับรถตกถนนแต่ไม่เป็นอะไรมาก  เพราะมีประกันพอทำรถเสร็จมาได้ไม่กี่วัน  รุ่งขึ้นตอนเช้าสามีจะต้องล้างรถทุกวัน  เขาก็เอาถัง ๒๐๐ ลิตร ตั้งแล้วตัวเองก็ขึ้นไปล้างข้างๆ รถ บนถัง ๒๐๐ ลิตรนั้น  แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด  ถังล้มตัวเองก็ตกมาหน้าฟาด กับ ข้างรถฟันหัก    ซี่  เขาก็ไม่เลิกล้างจนเสร็จ  ล้างไป  ถุยน้ำเลือดออกไป  จนเลือดหมดพอเลิกล้าง  อาบน้ำเสร็จ  สามีโทรไปบอกว่า  ตกรถฟันหัก    ซี่  แต่เขาจับฟันใส่เข้าไปอีก  ดิฉันก็ถามว่าได้เอาน้ำบ้วนปากตั้งแต่แรกหรือเปล่า  เขาบอกไม่ได้บ้วน  แล้วดิฉันก็ขับรถมาจากกรุงเทพฯ  มาดูได้    วันก็ต้องกลับไปขายของ  ตอนเช้าฟันหัก  พออีกวัน  เริมขึ้นที่ปาก แดงไปหมดทรมานน่าดู  ดิฉันก็สงสารไม่รู้จะทำอย่างไร  อยู่มาได้อีกหลายวัน  แผลเริมก็เริ่มหาย  แต่ฟันยังไม่หายปวด  ไม่ยอมไปให้หมอถอน  พอมาได้อีกไม่กี่วัน  น้องสาวสามีชื่อ นางบุญมี  เขาจะไปวัดก็มาชวนสามีไปด้วยเพราะดวงไม่ดี  สามีอิดออดจะไม่ไป  พอดิฉันโทรมาบอกลูกสาวว่า  ถ้าเตี่ยไปเขาจะได้ไปด้วย  ก็เลยจัดกระเป๋าให้  อยู่ๆ  สามีก็ตัดสินใจไป ๗ วัน  สามีบอกว่า  วันสองวัน จะหนีกลับให้ได้เลย  ไม่เห็นได้อะไรเลย  พอถึงวันที่ ๔  เท่านั้นได้เรื่อง  ขณะสามีปฏิบัติกรรมฐาน  เขาบอกว่าเหมือนมีคนมาหักมือหักขาจนนิ่มทั้งตัว  ปวดจนต้องร้องว่ากับสิ่งศักดิสิทธิ์ในวัดอัมพวัน ว่า ลูกจะไม่ทำชั่ว  ไม่มั่วอบายมุขทุกชนิด  พอเขาบอกอย่างนั้น  อาการก็หายเป็นปลิดทิ้ง  พอเลิกปฏิบัติกรรมฐาน  พอกินข้าว  น้องสาวทักสามีว่าอะไรติดที่กางเกง  พอไปดูในห้องน้ำ ปรากฏว่าเป็นอุจจาระแต่ไม่มีกลิ่น  วันที่ไปถ่ายรูปกับหลวงพ่อ  หลวงพ่อสัมภาษณ์ บอกว่า สิ่งไม่ดีมันออกมาหมดแล้ว  พอครบ    วันก็ไปรับกลับบ้าน  สามีเล่าให้ดิฉันฟังหมด  ดิฉันเลยโมทนาสาธุ  ดิฉันไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลกับเรื่อง รกสมองอีกแล้ว  เขายกมือสาบานกับพระในตึกภาวนา ๑  ว่า  เขาจะไม่ทำความชั่วใดๆ อีกแล้ว พอเล่าให้คุณพานิชฟัง  เขาก็ให้นำเรื่องมาลงหนังสือกฎแห่งกรรม  เพื่อเป็นแนวให้คนใฝ่ธรรมะปฏิบัติตาม และเป็นวิทยาทานต่อไป เวลานี้ดิฉันมีความสุขมาก  ถึงแม้ว่าจะเสียลูกไปถึง    คน  หลวงพ่อได้ให้สัมภาษณ์กำลังจะออกทีวี ช่อง ๓  ได้ถ่ายรูปกับหลวงพ่อแล้วปรากฏว่าไม่ได้ออกอากาศ  เพราะเขานึกว่าออกอากาศไปหมดแล้ว  เลยลบม้วนเทปหมด  ดิฉันก็ไม่ได้คิดอะไร  แต่พออยู่มาคุณพานิชบอกเขียนเรื่องมา  หลวงพ่อจะไปลงหนังสือกฎแห่งกรรม  เดี๋ยวนี้ดิฉันสบายใจมาก เพราะบ้านก็มีอยู่เป็นบ้านของเราเอง  ไม่ต้องอาศัยใคร  ที่ดิฉันปฏิบัติสวดมนต์ อธิษฐานขอให้ได้บ้านให้ลูกๆ  อยู่สักหลังเถิด  ลูกจะไม่เอาอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้  เพราะลูกได้ปรารถนาสิ่งใดลูกก็ได้สมหวัง  เพราะบุญบารมีของหลวงพ่อเมตตาให้ไม้มงคล     อย่าง มาใส่ไว้ในหลุม เสาเอกด้วย  จะเริ่มต้นปลูกบ้าน  วางโครงการไว้    แสนบาท  แต่เงินสดมีอยู่    แสน  เท่านั้นเอง  ปัญหาก็เกิดขึ้น  ให้เอารถยนต์ไปเข้าไฟแน้นท์ ได้ ๓ แสน  หักอะไรๆ  เสร็จก็ได้สุทธิ  ๒๘๐,๐๐๐  เขาเล่นแชร์กันก็มาชวนดิฉันเล่น  พอเปียมาก็ได้พอที่จะทำให้สำเร็จเสร็จไปได้ดี  ตอนนี้ ไฟแน้นท์ก็จ่ายหมดแล้ว  เหลือแต่แชร์อีกไม่มากก็หมดภาระ  ก็ได้ไปวัดปฏิบัติธรรมได้สบายใจ  ตอนนี้เหมือได้สามีใหม่  และบ้านใหม่ในเวลาเดียวกัน 

            สุดท้ายนี้เรื่องก็คงมีแค่นี้  จึงขอเชิญชวนให้ท่านที่ใจบุญ ใจเป็นกุศลใฝ่ธรรมะ  ละอบายมุข  ความทุกข์จะได้ไม่เกิดกับครอบครัวนั้นๆ  กรรมฐานเป็นสิ่งประเสริฐ  ทำให้เกิดสุขได้  ถ้าปฏิบัติได้ และให้ผลไม่จำกัดกาล   สวัสดี

 

 

พัชรวลัย   สุขโสภา

๓๐๕/๑  หมู่ ๘ ตำบลศิลาลอย

อำเภอสามร้อยยอด

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์0