กรรมฐานช่วยให้การดำเนินชีวิตดีขึ้น

โดย... นางสาวปราณี  สาดแย้ม

R17006

            ดิฉัน นางสาวปราณี  สาดแย้ม  อยู่บ้านเลขที่  ๘๗/๙  ถนนเพชรเกษม  อ.หัวหิน  จ.ประจวบคีรีขันธ์  อาชีพตัดเสื้อผ้าและขายไหมไทยลูกค้าส่วนมากจะเป็นชาวต่างชาติ  เดิมดิฉันได้ทำกิจการนี้ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งที่  กรุงเทพฯ  โดยได้ร่วมหุ้นทำกิจการกับเพื่อนที่รักกันเหมือนญาติ  โดยดิฉันมีหุ้นอยู่ ๙๐  เปอร์เซ็นต์  เพื่อนมีหุ้นเพียง  ๑๐ เปอร์เซ็นต์  แต่ดิฉันก็ให้เขามีหุ้นเท่ากันคือ  ๕๐/๕๐  เพราะรักเขาเหมือนญาติ  ครั้งแรกที่เริ่มกิจการใครๆ  ก็คิดว่าไม่น่าจะทำได้เพราะเป็นงานที่  ต้องใช้เงินและความสามารถมาก  กิจการก็สามารถดำเนินไปดีขึ้นเรื่อยๆ  ด้วยระยะนั้นชุดและเสื้อสำเร็จรูป มีดิฉันเริ่มเป็นร้านแรกทำก่อนใคร  พอกิจการดีขึ้นปัญหาหุ้นส่วนก็เกิดขึ้น  คนที่ไม่พอใจที่ผู้อื่นได้ดีก็ปรากฏ  โดยได้ยุให้หุ้นส่วนเกิดความแตกแยก  ทั้งที่เขาได้จากหุ้นที่เขาลงไว้  ๑๐  แต่ก็ให้เขามี ๕๐  ดิฉันมี ๕๐  เท่ากัน  คนก็ยุเขาไปช่วยเขาทำให้เขารวยอยู่ทำไม  ดูแลร้านก็ดูแลร่วมกันรายรับรายจ่ายก็มีบัญชีเป็นหลักฐานเมื่อเขาคล้อยตามคำยุ  เขาก็เริ่มปฏิบัติตัวเปลี่ยนไปจนสังเกตได้  ดิฉันได้ไปถือศีลที่วัดแห่งหนึ่งตามปกติที่เคยไป  ทุกครั้งหลานชายก็ดูแลร้านให้ประจำตลอดมาพร้อมกับตัวของหุ้นส่วน  แต่พอดิฉันกลับมาคราวนี้หลานบอกหุ้นส่วนเขาเอาสามีเขามาเฝ้าร้าน  ซึ่งตัวเขาก็อยู่ประจำอยู่แล้ว  ช่วงนั้นดิฉันยังไม่รู้จักหลวงพ่อ  การควบคุมจิต  การใช้ปัญญาแก้ปัญหา  จึงยังไม่เกิดกับตัวดิฉัน  ทำให้เกิดความโกรธคิดไปว่า  เขาคิดกลัวว่าดิฉันจะโกงหรือ  ทั้งที่ดิฉันไม่เอาเปรียบและให้เขามากกว่าที่เขาควรจะได้  แล้วทำไมดิฉันจะต้องโกง  ซึ่งดิฉันไว้ใจเขาตลอดมาแต่เขาทำท่าไม่ไว้ใจดิฉัน  ก็ถามเขาว่าต้องการจะแยกร้านใช่ไหม จะได้แบ่งคนละครึ่ง  ถ้าช่วงนั้นดิฉันได้มาปฏิบัติกรรมฐานก็จะเกิดปัญญาเหมือนเดี๋ยวนี้  รู้จักให้อภัย  รู้จักการแก้ปัญหาเป็นไม่ใช้อารมณ์  จะเอาชนะ  ก็แก้ปัญหาได้คงได้อยู่ที่กรุงเทพฯ  ค้าขายตรงจุดนั้นได้

 

            เมื่อแบ่งของคนละครึ่งแล้ว  ปัญหาที่ตามมาอีกก็คือ เขาเรียกร้องค่าถอนชื่อในการเซ็นสัญญาเช่าร่วมกัน  ดิฉันไม่ยอม (แต่ถ้าเป็นตอนนี้ที่ดิฉันปฏิบัติกรรมฐานแล้วจะให้ไปเลยเรามีกรรมต่อกัน)  ตอนนั้นดิฉันไม่ยอมเพราะเขาเรียกมากเกินไปเขาเรียก ห้าแสน  ดิฉันให้เขาไปฟ้องร้องเอา เป็นความอยู่    ปี  ทนายของดิฉันไม่ซื่อกับดิฉัน  ดิฉันหาเงินมาลงทุน  ๙๐  เปอร์เซ็นต์  หุ้นส่วน ๑๐ เปอร์เซ็นต์  ศาลตัดสินให้ดิฉันเลือกจะเอาร้านหรือจะเอาเงิน  ดิฉันเลิกเอาเงิน  แต่ดิฉันได้ครึ่งเดียวจากที่เขาเรียกร้องเอากับดิฉัน  เพราะทนายไม่ซื่อกับดิฉัน

 

            ดิฉันจัดการธุระเสร็จก็มาอยู่หัวหินโดยไม่ทราบหัวหินอยู่ไหนไม่รู้จัก  แต่ก็ต้องการมาอยู่หัวหิน ความคิดที่จะมาทราบว่าหัวหินมีชาวต่างชาติมากพอควรเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวดิฉันต้องการ เริ่มกิจการเดิมคือ ตัดเสื้อผ้า  และขายผ้าไหม  เพราะถนัดในด้านนี้  ดิฉันเริ่มต้นใหม่ที่หัวหินคิดว่ามีชาวต่างชาติต้องทำการค้าได้  โดยเช่าร้านตบแต่งร้านเงินหมดไปมากพอควรเมื่อดำเนินการกิจการก็ดีบ้างไม่ดีบ้างแต่ไม่ถึงกับมีปัญหา

 

            อยู่ๆ  เจ้าของร้านจะมาเอาร้านคืนบอกมีคนมาติดต่อซื้อ  ช่วงนี้ดิฉันทุกข์มากที่สุด  ลงทุนไปมาก  และสัญญาเช่าก็ยังไม่หมด  เจ้าของบ้านให้สองแสนขอบ้านคืน  ดิฉันไม่มีเงินซื้อบ้านเขา 

 

            ต่อรองราคาจะเอาบ้านเข้าธนาคารก็ตกลงกันไม่ได้  (ลูกบุญธรรมของดิฉัน) ขอเขา ห้าแสน เพราะสองแสนปรับปรุงร้านใหม่ไม่พอ  เจ้าของบ้านก็ไม่ยอม  เขาบอกจะรอให้หมดสัญญา  ช่วงนี้ดิฉันมีความทุกข์ที่สุดไม่ทราบจะทำอย่างไรแก้ปัญหาไม่ได้  บุญของดิฉันทำให้นึกถึงคุณพานิช ร้านโชคดีวิริยะ    เข้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือ  ซึ่งสองปีที่แล้วเคยได้คุยกันและได้ชวนดิฉันให้ปฏิบัติธรรมฐานพอไม่มีความทุกข์ก็ไม่เห็นความสำคัญอ้างสารพัดจะอ้างแต่พอมีความทุกข์ก็มาหาให้เขาพาไป  ทำให้ดิฉันนึกถึงและอยากจะบอกท่านที่ได้อ่านเรื่องของดิฉันได้โปรดทราบถ้าเราไป ทำความดีไม่ต้องรอเวลา รีบทำก่อนจะสายไปหากเราปฏิบัติกรรมฐานในระหว่างที่เราไม่มีปัญหา  ปัญหาก็จะไม่เกิดและจะมีความสุขยิ่งๆ ไป  ถ้ารอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยมาอย่างดิฉันนี้บางท่าน อาจจะไม่มีโอกาสและไม่โชคดีอย่างดิฉัน  เพราะโอกาสไม่ได้มีเหมือนกันทุกคน  อย่างน้อยเราก็ได้กรรมฐานไว้ปฏิบัติ แม้ไม่มีความทุกข์ยิ่งได้บุญเพราะเท่ากับว่าความตั้งใจจริง  จะได้ส่งผลให้เราพบความสุขเมื่อยังมีชีวิต  และเมื่อวาระสุดท้ายที่ทุกคนจะต้องพบ  ก็จะมีสติคิดถึงสิ่งที่ถูกต้องอย่างเป็นสุข  ในเช้าเวลาประมาณ    โมงเช้า  ดิฉันได้ไปหาคุณพานิชที่บ้าน  เป็นเวลาที่คุณพานิชเพิ่งออกจากการปฏิบัติกรรมฐาน  เมื่อทักทายกันแล้วก็ได้เล่าเรื่องความทุกข์ที่เจ้าของบ้านเขาจะเอาบ้านคืนดิฉันก็ตบแต่งร้านไปมาก  และจะหาที่ใหม่ลำบาก  เงินต้องตบแต่งร้านใหม่และเรื่องต่างๆ  อีกมากมาย  คุณพานิชก็ดีเหลือเกินฟังดิฉันเล่าจนจบ  แล้วก็ปลอบใจบอกดิฉันว่าปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ใช่มีไว้ให้ทุกข์   ก่อนแก้เราต้องมีสติ และใช้ปัญญา  และต้องตั้งใจจริงไม่ใช่ทำเพื่อหวังผล เช่นเราทำบุญห้าบาทแต่ขอให้ถูกสลากรางวัลที่ หนึ่ง  ค้ากำไรเกินควร  และการปฏิบัตินั้นเราต้องช่วยตัวเองแล้วจะได้ผล  ไม่ใช่ไปขอให้หลวงพ่อช่วย  หลวงพ่อช่วยไม่ได้แต่หลวงพ่อสอนวิธีให้ช่วยตัวเอง  ถ้าปฏิบัติได้ตามที่หลวงพ่อสอนเท่ากับเราได้ช่วยตัวเอง  จะรู้ด้วยตัวเองใครๆ  ก็รู้แทนเราไม่ได้  ดิฉันบอกกับคุณพานิช  ว่าต้องการจะไปกราบนมัสการหลวงพ่อจรัญ  และปฏิบัติกรรมฐานสัก    วัน    คืน  คุณพานิช ก็กำหนดวันพาดิฉันไปกับเพื่อนๆ  กลุ่มประจวบ และพาดิฉันไปกราบนมัสการหลวงพ่อไม่ทันจะได้พูดอะไรเพราะหลวงพ่อมีกิจต้องรีบไป  เมื่อกลับออกมาก็มาลงทะเบียนปฏิบัติตามขั้นตอนเพื่อรอการปฏิบัติกรรมฐาน  ดิฉันได้ตั้งใจปฏิบัติ  ขอบารมีหลวงพ่อให้มีความอดทนในการปฏิบัติกรรมฐานอย่าได้มีสิ่งใดๆ  มาขัดขวางในการปฏิบัติเลย  ระหว่างปฏิบัติก็ลืมความกังวลใดๆ ทั้งสิ้นมีแต่ความสุขและสบายใจมากๆ  อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดการปฏิบัติก็ไม่มีอุปสรรคอะไรอยู่จนครบ ๗ วัน  ๗ คืน  ระหว่างปฏิบัติมีความรู้สึกเหมือนว่าไม่เคยมีความทุกข์อะไรมาก่อน  มีความรู้สึกในใจว่า  บ้านเช่าเขาก็ให้อยู่ไม่เอาคืนรู้สึกสบายใจ  กลับจากปฏิบัติที่วัดอัมพวัน แล้วก็นำมาปฏิบัติที่บ้าน  และสอนหลาน อายุ    ขวบ และ ๑๑ ขวบ  ได้สอนให้สวดมนต์และนั่งสมาธิเขาก็ปฏิบัติตาม  ก่อนจะมาปฏิบัติกรรรมฐานลูกไม่ยอมไป  เพราะเขาทำอะไรไม่เป็น  ไม่ช่วยกิจการไม่ศึกษาการงานแม้แต่ลูกของเขาก็ปล่อยให้ดิฉันดูแลจัดการเรื่องอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวจนถึงเวลาไปโรงเรียน  ดิฉันกลับจากการปฏิบัติกลับมาบ้านที่หัวหิน  เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในทางที่ดี

 

            ลูกสาวรับลูกค้า  จัดการทำแทนได้หมด  ก่อนนี้ใช้ก็ไม่ทำ  จนทุกวันนี้งานอะไรที่ช่วยได้ช่วยไม่ต้องบอก  แม้กระทั่งลูกของเขาก็จัดการทำแทนดิฉัน  เดี๋ยวนี้เขาทำงานได้ทั้งกิจการร้านค้าและครอบครัวการปฏิบัติหากไม่คาดหวังในสิ่งตอบแทนผลจะเห็นได้รวดเร็วมาก  ทุกวันนี้  ดิฉันมีสมาธิดีขึ้น  ใจเย็นลงใช้ตัวกำหนดพอเราปล่อยวางจิตเราก็ไม่ฟุ้งจิตสบาย  ไม่เครียดไม่กังวล  ไม่หนีปัญหา  การปฏิบัติถ้าเรามีความตั้งใจจริงที่จะปฏิบัติจะมีความสุขมาก  ทุกวันนี้กิจการดีขึ้น  ลูกค้าพูดจาง่ายขึ้นพูดกับผู้ใดก็ง่ายขึ้น  การเงินก็ไม่ติดขัด  มีความสะดวกสบายทั้งผู้ส่งสินค้าและลูกค้า  บางครั้งไม่มีการต่อราคาเรียกว่าซื้อง่ายขายคล่องเพราะดิฉันปฏิบัติกรรมฐานด้วยใจปิติและทุกวันลูกหลานก็ดีขึ้นมาก  สำหรับตัวดิฉันเองคิดว่าการปฏิบัติกรรมฐานไม่ยากมีความพอใจที่ได้ปฏิบัติเมื่อปฏิบัติกรรมฐานแล้วดิฉันได้พบแต่ความสุขทั้งการค้าขายและครอบครัวดีขึ้น  เรื่องบ้านเช่าดิฉันยังอยู่อย่างเดิมเจ้าของไม่เคยมาเรียกบ้านคืนอีกเลย  มีคนมาบอกเจ้าของบ้านชมว่าดิฉันเป็นดีทุกวันนี้ดิฉันมีความสุขที่สุดที่ทุกคนเข้าใจดิฉัน  ผลของการปฏิบัติกรรมฐานการงานและลูกหลานจึงดีขึ้นเหมือนทุกวันนี้

 

            ทุกวันดิฉันต้องสวดมนต์เดินจงกรม    ชั่วโมง  นั่งสมาธิ    ชั่วโมง  เพราะดิฉันได้ประสบกับตัวเองว่าการปฏิบัติการรมฐานได้ให้สิ่งดีๆ  กับตัวดิฉันมากมายเกิดความคาดหวัง  ดิฉันขอปฏิบัติกรรมฐานตลอดไป ดิฉันเชื่อมั่นในบารมีของหลวงพ่อ  เชื่อมั่นในบทสวดพาหุงมหากา  โดยไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใดๆ

 

            ท้ายสุดนี้ขอกราบนมัสการระลึกถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ให้โอกาสลูกได้ทำความดี

 

นางสาว ปราณี  ลาดแย้ม

๘๗/๙  ถนนเพชรเกษม

อำเภอหัวหิน   จังหวัดประจวบคีรีขันธ์