มารไม่มี  บารมีไม่เกิด

โดย นางสาว ปัญจพร  แซ่หอ

R17007

            ดิฉัน  นางสาว ปัญจพร  แซ่หอ  มีอาชีพขายขนมหวาน  ที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน  มีบุญได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน  รู้สึกดีมาก  และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี  ก่อนที่จะมาปฏิบัติธรรม  โดยนิสัยส่วนตัวแล้ว  เป็นคนตรงไปตรงมา  ใครพูดไม่ดีมา ก็ไม่ดีไป  เป็นคนไม่ยอมคน  จะตอบโต้ทันที  เพราะเป็นคนใจร้อน  และขี้โมโห

            ที่ดิฉันได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรม เพราะคุณพานิช  เธอเป็นลูกค้าประจำ  วันหนึ่งคุณพานิช  ซื้อขนมมาก  ดิฉันสงสัย  เลยถามเธอว่า  ซื้อไปไหนเยอะแยะ  เธอตอบว่า  ซื้อไปวัดอัมพวัน  ดิฉันเคยฟังในวิทยุ  อยากไปบ้างเหมือนกัน  แต่ยังห่วงขายของ  ดิฉันตอบ  เธอกล่าวว่าไปกันเถอะ  ดิฉันตอบว่า  ไว้โอกาสหน้าแล้วกัน  และอีกไม่กี่เดือนผ่านไป  คุณพานิช ก็มาชวนอีก  คราวนี้ชวนไปดูเขาถ่ายทำชีวิตไม่สิ้นหวัง  แต่ไปเช้า เย็นกลับ  ดิฉันจึงตกลงไปเที่ยววัด  รู้สึกดีมาก  ได้เห็นคนแต่งชุดขาวทั้งชุด  หน้าตาผิวพรรณผ่องใส  ดูเรียบร้อย  ดิฉันจึงคิดในใจว่า  ถ้าเรามีโอกาส เราต้องมาปฏิบัติให้ได้

 

            ห้า – หก เดือนต่อมา ก็ได้มีโอกาสมาปฏิบัติธรรมอย่างที่ตั้งใจไว้จริงๆ  คราวนี้ไปกันหลายคน  เพราะชวนเพื่อนๆ  ไปด้วย

 

            วันแรกเข้าไปรับฟังพระ อธิบาย และเริ่มปฏิบัติ  เริ่มมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวดิฉัน  มึนหัว และอาเจียน ความรู้สึกในตอนนั้นแย่มาก  นึกในใจว่า  เรามาทำไม  มาทำให้ตัวเองไม่สบาย  ทำให้ทุกข์  หาเรื่องให้ตัวเอง  ตอนนั้นอยากกลับบ้านมาก  ถ้าบ้านอยู่ใกล้วัด  ในวันนั้นต้องกลับบ้านเป็นแน่  ไม่อยู่อย่างแน่นอน  เลยไปถามเพื่อนๆ  ว่า  มึนหัวบ้างไหม  ไม่มีใครมึนหัวเลย  แล้วทำไม เราถึงเป็นคนเดียว  ความคิดเริ่มเกิดขึ้น  วันรุ่งขึ้น วันนี้ไปรับกรรมฐานกับหลวงพ่อ  ท่านนั่งลงให้ธรรมแล้ว  มีท่อนหนึ่งท่านพูดว่า  “ คนเรามารไม่มี  บารมีไม่เกิด ”    ถ้าไม่ฝืนธรรม  กลับไปค้าขายขาดทุนย่อยยับ   ทำเราเราตาสว่างเลยละ  แต่ถ้าทำได้กลับไปรวยๆ  อาการมึนหัวหายเป็นปลิดทิ้ง  เพราะเรามีอาชีพค้าขาย  ขายของขาดทุนย่อยยับ  เป็นเรื่องที่กลัวมาก  เราเองก็ไม่ค่อยมีเท่าไร  ถ้าขายของขาดทุนอย่างที่ท่านพูดอีก  คราวนี้แย่ยิ่งกว่ามึนหัว  อาเจียนเป็นแน่แท้  จะเอาเงินที่ไหนมาหมุนเวียน  ภาระตั้งเยอะแยะ  สติเริ่มเกิดขึ้น ตั้งจิตแน่วแน่  ต้องทำให้ได้  เป็นไรเป็นกัน  แต่ไม่ยอมขาดทุนย่อยยับแน่  ปฏิบัติได้    วัน    ถึงวันนี้  ความมึนหัว  อาเจียนไม่มีแล้ว  เป็นวันที่รู้สึกดีมาก  ดังที่ท่านบอกว่า    วันแรก  จะอยู่หรือจะไปที่ ๓ วันแรก  สำคัญมาก  เป็นจริงดังนั้นจริงๆ  ถึงวันที่ ๔  สบายมาก  กลับไปรวยแน่คราวนี้  รู้สึกตัวเบาเวลาปฏิบัติหมดเวลาโดยไม่รู้ตัว  ไม่อยากจะออกจากกรรมฐาน  อยากนั่งต่อไป  รู้สึกใจก็สบาย  ปฏิบัติอยู่จนได้เวลากลับบ้าน  กลับบ้านมาก็จริงดังที่หลวงพ่อท่านว่า  ขายของดี  รวย  เวลานี้ขายของดีกว่าเก่าอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

 

            ก่อนที่มาปฏิบัติ  เวลาไม่มีคนขายของได้ก็ไม่เท่าไร  แต่พอมาปฏิบัติธรรม  กลับมาช่วงเวลาที่ไม่มีคน  เรากลับขายได้ดีมาก  เพื่อนๆ  บ่นกนว่าขายไม่ดี  ไม่มีคน  เราสบายมาก  เพราะเราได้ของดีจากวัดอัมพวัน  แหม! ขายดี  แต่ถ้าวันนั้นไม่ได้หลวงพ่อพูดเตือนสติกลับมาก็คงจะขาดทุนย่อยยับเหมือนกัน  คงไม่มีความอดทนอยู่ปฏิบัติถึง    วัน  แน่  กลับมาถ้าขายไม่ดี  อย่างที่ท่านว่าคงเสียใจมากเลย  ได้หลวงพ่อเตือนสติ  กลับมาขายดี  แต่ดิฉันก็ไม่ได้เก็บไว้คนเดียว  เล่าให้พี่ชายฟังในสิ่งที่ได้รับจากวัดนี้  อยากให้มีสิ่งที่ดีๆ  เกิดขึ้นกับเขาบ้าง  เลยชวนให้ไปปฏิบัติบ้าง  “เฮียไปบ้างสิ  ดีจริงๆ นะ  ฉันเจอกับตัวเองเลย”  เขาก็เลยมาปฏิบัติบ้าง  คราวนี้สิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น  เคยดื่มเบียร์ เหมือนน้ำ  เคยห้อยพระเต็มคอ  ถึงขนาดออกจากบ้านไปแล้ว ถ้าลืมพระเครื่องเป็นไม่ได้  ต้องเลี้ยวรถกลับมา  เพราะเขามีอาชีพบรรทุกของ  แต่พอได้ปฏิบัติธรรม  กลับมาเลิกดื่มเบียร์เลย  เคยใส่พระเครื่องเต็มคอ  ก็เลิกใส่  คราวนี้เชิญแขวนไว้ที่หิ้งพระ  จากที่เคยบรรทุกของขาดบ้าง  มีบ้าง  ก็มีเพิ่มมากขึ้น  และมีเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น  เป็นปกติธรรมดาถ้าวิ่งรถ  ต้องมีด่านตรวจ  เขาจะตรวจ และเรื่องมากเลยทีเดียว  พอปฏิบัติธรรม  เริ่มที่จะแผ่เมตตา  พอใกล้ถึงด่าน  เขาก็จะแผ่เมตตาให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย  แหม! ตอนนี้ผ่านฉลุย  ไม่ตรวจ  ไม่ยุ่งยาก  อย่างไม่น่าเชื่อเลย

 

            ดิฉันคิดว่าการปฏิบัติธรรม  ให้อะไรหลายอย่างกับดิฉันและพี่ชายมากมาย  ทั้งนี้ทั้งนั้น  สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เฉพาะตน  รู้ได้เฉพาะตน  ดิฉันไม่อยากให้ท่านที่อ่านเชื่อดิฉัน  แต่ อยากให้เป็นข้อคิด  แนวทางและให้มาปฏิบัติด้วนตนเอง  แต่ต้องอดทนนะ  ไม่อดทน  สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นไม่ใช่เพราะแนวทางปฏิบัติของพระพุทธองค์  แต่เป็นตัวเราเองต่างหากที่ลิขิตทางเดินของตนเอง  หลวงพ่อท่านชี้ทางให้เราเดินเท่านั้น  แต่เราจะเลือกเดินหรือไม่เท่านั้นเอง  แต่ดิฉันอยากให้ท่านที่ได้อ่านพบมาปฏิบัติบ้าง  จะได้พบสิ่งที่ดีๆ  อย่างที่ดิฉันพบบ้าง

 

คติเตือนใจ  ความตายเป็นสิ่งแน่นอน  ตายไปเอาอะไรไปไม่ได้  ข้อความนี้  ทำให้ดิฉันปลงอะไร ได้หลายๆ  อย่าง

 

ทุกคนทำในสิ่งที่คนอยากทำได้  แต่ทำให้ถูกหรือผิด  อยู่ที่ความคิดของตนเอง  ทั้งนี้ และทั้งนั้น  ทุกสิ่งเป็นสิ่งที่สมมุติทั้งสิ้น  สิ่งที่จริงแท้และแน่นอน  คือ  สติ  และสมาธิ  ถ้าไม่มีผู้นำทางคงจะหาเจอได้ยาก  หรือไม่ก็หาไม่เจอเลย  ตลอดชีวิต  เป็นสิ่งที่เป็นของเราอย่างแน่นอน  ไม่มีใครมาแย่งเราได้  และยกให้ใครง่ายๆ  ก็ไม่ได้  ทุกอย่างอยู่ที่เรา  ดิฉันคิดอย่างนั้น

 

กราบนมัสการหลวงพ่ออย่างสูงสุด

กราบขอคุณ คุณพานิช  อย่างสูง

นางสาว ปัญจพร  แซ่หอ

๓๕  ถนนเพชรเกษม

ตำบลหัวหิน  อำเภอ หัวหิน 

จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์  ๗๗๑๑๐