ผู้บริสุทธิ์
โดย นางชญา โพธิ์สุวรรณ
R17008
ข้าพเจ้าชื่อนางชญา
โพธิ์สุวรรณ เกิดวันที่ ๑๗
กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๒ ปีกุน เดือน ๘
อายุประมาณ ๔๓-๔๔ ปี
อาชีพค้าขายขนมหวานและขายแกง ปลีกและส่งขายอยู่ที่ตลาดบางบัวทอง ตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน ถึงเที่ยงวัน ดิฉันมีลูก ๔
คนด้วยกัน ลูกสาว ๓ คน ลูกชาย ๑ คน คนเล็ก ดิฉันโชคดีมากที่ลูกดีทุกคน ขยันอดทน ต้องช่วยดิฉันขายของก่อนไปโรงเรียนทุกวัน ดิฉันไม่มีเงินทองมากมาย แต่ลูกดีก็นับว่าเป็นโชคอันประเสริฐ ไม่ต้องทุกข์ใจเพราะลูก
(เริ่มประมาณปลายเดือนเมษายน ๒๕๔๕) จำวันที่ไม่ได้ ดิฉันได้ทำมาค้าขายตามปกติ ช่วง พ.ศ.๒๕๔๔ ดิฉันขายของพอใช้จ่าย แต่พอมาต้นปี ๒๕๔๕ ดิฉันขายของตกมาก จากวันละประมาณ ๑๔,๐๐๐-๑๘,๐๐๐ บาท พอถึงเดือน เมษายน-พฤษภาคม ๒๕๔๕ ดิฉันขายของตกจนเหลือวันละ ๖,๐๐๐-๙๐๐๐ บาท ทุกวันขายไม่พอซื้อของเป็นอย่างนี้ทุกวัน ดิฉันกลุ้มใจมาก ค่าบ้านก็ไม่มีส่ง
จนกระทั่งธนาคารฟ้องต้องขึ้นศาลดิฉันไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย ทำให้ดิฉันนึกเสียใจจนทุกวันนี้
เพราะดิฉันคนเดียวทำให้น้องสาวของดิฉันต้องเสียเครดิตที่สะสมมานานโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ช่วงนี้น้องสาวของดิฉันโกรธดิฉันมาก
ไม่พูดกับดิฉันเลยเห็นหน้าแล้วก็เสียใจ (น้องสาวของดิฉันชื่อ รสสุคล เกียรติอุทัย) ดิฉันแอบร้องให้ทุกวัน เขาเป็นผู้ช่วยเหลือดิฉันมาตลอด
ดิฉันระลึกอยู่เสมอตลอดชีวิตนี้ดิฉันจะใช้หนี้ชีวิตน้องหมดไหม ดิฉันเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายหรือเดินให้รถชนตายก็เป็นไปไม่ได้
บางวันดิฉันนั่งรถเมล์ไปเรื่อยพอรถจอดก็ลง พอนึกถึงลูก
ถ้าลูกขาดดิฉันเสียคนลูกต้องลำบากแน่ก็นั่งรถกลับ
อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่ขายของข้างๆ ก็ไปเล่าให้น้องรสสุคลฟังว่าดิฉันไม่ไหวแล้วให้ช่วยหน่อย พอน้องของดิฉันได้ฟังก็ร้องไห้ พอรุ่งขึ้นอีก ๑
วัน
น้องก็โทรมาบอกให้ดิฉันไปหาแม่ชีที่หัวหิน เขานัดเอาไว้แล้ว ตอนตี ๕ ซึ่งน้องดิฉันก็ได้เอาเงินมาให้ดิฉันจำนวน
๕,๐๐๐ บาท พอวันรุ่งขึ้นดิฉันก็ไปดังได้กล่าว
แม่ชีก็บอกให้ดิฉันเข้าวัดเลยนะไปนั่งกรรมฐานแก้กรรม ภายใน ๗
วันดิฉันก็ได้มาเล่าให้น้องฟังประมาณปลายเดือนเมษายน ๒๕๔๕ จำวันที่ไม่ได้ น้องก็ได้พาดิฉันไปส่งที่วันอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
และได้แนะนำให้รู้จักเพื่อนของน้องชื่อคุณพานิช สมาบุตรและเพื่อนๆ อีก
๒ คน เป็นครั้งแรก ซึ่งนอนอยู่ในห้องเดียวกัน รวมกันทั้งหมด ต่อหนึ่งห้อง ช่วงนั้นดิฉันดำมาก พอถึงเวลาปฏิบัติธรรมดิฉันก็ลงมาปฏิบัติธรรมข้างล่างภาวนา
๑ ดิฉันอยู่ ๗ วัน
ส่วนคุณพานิช
สมาบุตรก็อยู่ ๗ วัน
แต่คุณพานิช มาอยู่ก่อนดิฉันแล้ว
๕ วัน
เป็นอันว่าดิฉันอยู่ร่วมห้องกับคุณพานิชแค่ ๒ วัน พอครบกำหนดกลับคุณพานิชและเพื่อนๆ ก็กลับในตอนเย็นเพราะรถมารับประมาณมืดดิฉันก็ได้ปฏิบัติธรรมตามปกติ ประมาณ ๑
ทุ่ม คุณพานิชก็ได้เข้าไปเรียกดิฉันในภาวนา
๑ ให้ออกมาคุยกันข้างนอก
ดิฉันก็งงและได้เดินตามออกมาที่หินอ่อนที่เพื่อนๆ ของคุณพานิชรออีก ๒
คน
เป็นที่น่าตกใจมาก คุณพานิช ได้พูดกับดิฉันว่า เธอขโมยสร้อยคอของเพื่อนฉันไป เอาไปไว้ที่ไหน เอามาคืน
อยู่กันมาตั้งนานหลายปี ไม่มีของหายพอเธอมาอยู่ ๒
วันเองของก็หาย
เดี๋ยวจะโทรไปบอก รสสุคล เธอยอมรับมาเสียดีๆ
แล้วก็มีคนถามว่าดิฉันมาวัดเอาเงินมาเท่าไร ดิฉันก็บอกว่าเอามา ๒๐๐
บาท ซึ่งตอนนั้นดิฉันจำไม่ได้ว่าเพื่อนคนไหนพูด ดิฉันก็ได้ร้องไห้ โฮ
เลย เพราะตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เพราะดิฉันไม่เคยคิดที่จะขโมยของๆ ใคร แค่นี้ก็ทุกข์ใจมากพอแล้ว จะสร้างเวรกรรมทำไมของๆ
เพื่อนคุณพานิชเป็นอย่างไร
ไม่เคยเห็น
ก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาให้
ก็ได้แต่ร้องไห้ บอกว่าไม่ได้เอาไป
อีกสักพักหนึ่ง เพื่อนของคุณพานิชอีกคนหนึ่ง
ซึ่งมีอายุมากหน่อยก็ได้ค้นกระเป๋าของคนที่บอกว่าสร้อยคอหาย เปิดโน่น เปิดนี่ จนไปถึงกล่องใส่แว่นตา เขาก็เปิดไม่ออก ก็บ่นว่าทำแน่นจัง นาน ประมาณ ๓ นาที ก็เปิดออกทั้งเจ้าของสร้อยเอง และป้าคนที่เปิดตกใจและดีใจระคนกันที่
สร้อยคออยู่ในนี้เอง พอดิฉันเห็นสร้อยคอเส้นนั้น ดิฉันก็ร้อยไหโฮ อีก
คือดีใจที่เจอสร้อย
และดีใจที่ทุกคนเข้าใจ
ในตัวดิฉันดังสุภาษิตว่า อย่าคบคนที่หน้า ให้คบที่ใจ
คุณพานิช
และเพื่อนเจ้าของสร้อยก็ต่างได้ของโทษดิฉันต่อหน้าแม่ชี ที่ทำหน้าที่ลงทะเบียน
และพูดว่าดิฉันบริสุทธิ์จริงๆ
ดิฉันก็บอกกับทุกคนว่า
ดิฉันไม่โกรธค่ะ
เป็นเพราะโชคของดิฉันไม่ดีเอง
ถ้าไม่มีเหตุการณ์
แบบนี้เกิดขึ้นในวันนี้ ดิฉันก็อาจจะเป็นไปอย่างอื่นก็ได้ และคุณพานิช ก็ได้พูดขึ้นว่า ทำไมฉันจึงต้องเป็นคนตัดกรรมให้เธอนะ
หลังจากวันนั้นมาก ดิฉันได้มาปฏิบัติธรรมบ่อย พอว่างก็มา หลังจากนั้นจนทุกวันนี้ดิฉันก็ขายของดี ขายได้วันละ ๑๖,๐๐๐ ๒๐,๐๐๐ บาทต่อวัน เดี๋ยวนี้ดิฉันสวดมนต์ พาหุงมหากา และอิติปิโส และทำกรรมฐานมากน้อยแล้วแต่โอกาส
ทั้งหมดนี้ ที่เกิดขึ้นที่วัดอัมพวัน จากการสวดมนต์เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ชดใช้กรรมได้ จริงๆ
ดิฉันได้ตั้งจิตอธิษฐานจะปฏิบัติธรรมตลอดไปและเป็นทางเดินของดิฉัน ตลอดไป
การเจริญวิปัสสนากรรมฐานและคำสอนของหลวงพ่อจรัญ
ขอให้ผู้ที่อ่านเรื่องราวของดิฉันแล้ว ขอให้ใช้เวลาว่างที่มาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน สวดมนต์ พาหุงมหากา และท่านจะได้รู้ได้ด้วยตนเอง
เรื่องราวของดิฉัน
คงมีประโยชน์กับบุคคลอื่นบ้าง
เพียงแต่ให้มีความซื่อสัตย์
อยู่ในศีลในธรรม
รักษาความดีไว้ ใครๆ ก็ทำอะไรเราไม่ได้ ต่อให้มีมารมาผจญก็ทำอะไรเราไม่ได้ ปฏิบัติตัวเองให้อยู่ในศีล สมาธิ ปัญญาก็จะเกิด
ตนรู้ได้เฉพาะตน
ข้าพเจ้านางชญา โพธิ์สุวรรณ
๑๘/๓๗ หมู่ ๕ ซอยตรงข้าม ธนาคารออมสิน
ถนนบางกรวย-ไทรน้อย
ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง
จังหวัด นนทบุรี ๑๑๑๑๐
โทรศัพท์ ๐-๒๙๒๐-๑๐๘๙, ๐-๙๐๕๔-๐๓๕๙
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณ คุณพานิช สมาบุตร
ที่อนุญาตให้เอ่ยนามในเรื่องนี้
และขอขอบคุณ คุณรสสุคล
เกียรติอุทัย ที่อโหสิกรรมให้พี่ ขอให้ความดีทั้งหลายที่เธอให้พี่ จงสนองตอบแด่ คุณรสสุคล เกียรติอุทัย ให้ได้รับแต่สิ่งดีๆ ตลอดไปจากใจ