ครั้งหนึ่งในชีวิตของข้าพเจ้า
ททบ. ๕ สนามป้า กทม.
R4005
กระผมเป็นนายทหารผู้หนึ่งที่โชคดี
ได้มีโอกาสไปรับการฝึกและอบรมจิตใจ ตามนโยบายของกองทัพบก ด้วยท่านผู้บัญชาการทหารบก
ต้องการที่จะพัฒนาจิตใจทหารในกองทัพบก ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งนายทหารและนายสิบทั่วกองทัพบก
โดยมีการจัดไปฝึกและอบรมกันปีละครั้งในฤดูกาลเข้าพรรษาของทุก ๆ ปี
กับท่านเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ (หลวงพ่อจรัญ) ณ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
การฝึกและอบรมแบ่งเป็น
๒ ประเภท คือ ประเภทบังคับ กับ ประเภทสมัครใจ กระผมเองอยู่ในประเภทสมัครใจ
เนื่องจากได้ทราบข่าวล่วงหน้ามาจากเพื่อน ๆ
และรุ่นพี่ที่เขาได้เคยไปปฏิบัติมาก่อนแล้ว จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส
กระผมได้ไปผลัดสุดท้าย คือเริ่มตั้งแต่ ๑ ส.ค. ๓๒ ๗ ส.ค. ๓๒ รวมทั้งนายทหาร
และนายสิบ ๑๘๕ นาย นับว่ามากอยู่
ผมเล่าถึงความเป็นมาพอสมควรแล้ว
จึงขอเข้าเรื่องเสียที ปกติผมนั้นมีโรคประจำตัวอยู่คือ โรคความดันโลหิตสูง
และโรคหัวใจ จึงต้องมียาติดตัวประจำ
แล้ววันเดินทางก็มาถึง
คือ วันที่ ๑ ส.ค. ๓๒ ตามกำหนดการ ๐๙.๐๐ น. ให้ไปพร้อมกันที่กรมยุทธศึกษาทหารบก
เหมือนมีกรรมเก่ามาขวางกั้นที่จะไม่ให้ไปทำดี เพราะผมป่วยกระทันหันตอนเช้าวันนั้นเอง
อาการหนักศีรษะ ถ้าเดินจะโงนเงนและง่ายต่อล้ม จึงอธิษฐานในใจว่าขอให้หายเถอะ
ถึงเวลาแล้วถ้าไม่ไปก็จะอายเขา เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ใครเขาจะมาเข้าใจเรา จนถึงเวลาประมาณบ่าย
๒ โมง จึงไปขออนุญาตจากนายทหารผู้ควบคุมการเดินทาง คือท่าน พ.อ.เสถียร
จันทร์ส่อง ท่านได้เมตตาอนุญาตให้ไปเองด้วยรถส่วนตัว
ถึงกระนั้นก็ดีในระหว่างเดินทาง ก็ต้องเข้าพักที่โรงพยาบาลอ่างทอง
เนื่องจากอาการหนักมาก ลุกเดินไม่ได้เลย ระหว่างวันที่ ๑ ส.ค. ๓๒ ๒ ส.ค. ๓๒
จนถึงวันที่ ๓ ส.ค. ๓๒ จึงค่อยเริ่มดีขึ้น พอจะลุกเดินได้บ้าง จึงไปรายงานตัวกับท่านอาจารย์เสถียร
จันทร์ส่อง ว่าผมมาแล้วขอเข้าอบรมร่วมกับคณะ ท่านก็จัดให้ผมนั่งแถวหน้าเลย
ผมมีความรู้สึกว่าเราทำได้ปรับใจได้เร็วดีจริง
ๆ และมีความสนใจในคำบรรยายธรรมของท่านอนุศาสนาจารย์แต่ละคนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์
พ.ท.สุรินทร์ พัฒนศิริ ท่านสามารถพูดจาแยกแยะให้เข้าใจธรรมอย่างลึกซึ้งอย่างน่าประหลาด
ในส่วนลึกของหัวใจรู้สึกว่าเราทำได้ และทำได้แล้วในการฝึกหัดอบรมครั้งนี้
ก่อนถึงวันสุดท้าย
๒ วันที่คณะเราจะจบการอบรม วันนั้นจำได้ว่าประมาณ ๑๗.๓๐ น. คุณแม่ยุพิน บรรยายเรื่องกฎแห่งกรรม
มีหลายเรื่อง มีอยู่เรื่องหนึ่งพูดถึง คุณแม่กาหลง ในรายละเอียดนั้นยาวมาก
ขอสรุปว่าท่านเป็นเทพไปแล้ว ท่านสามารถรับแขกแทนหลวงพ่อได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคุณที่มาอบรม
ถ้าตีอู้ไม่ยอมปฏิบัติตามกำหนดเวลาแล้ว ท่านจะมาแสดงตัวให้เห็นทันที
เพื่อนรุ่นพี่ผมได้โดนมาแล้วถึงความศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหารของคุณแม่
ผมจำได้หลังจากคุณแม่ยุพินบรรยายจบลง ก็ปล่อยให้พวกเราทุกคนมาทำกิจส่วนตัวประมาณเวลา
๑๘.๓๐ น. พลบค่ำพอดี
ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัยส่วนตัวอยู่แล้ว
ผมก็ตรงไปยังบ้านไม้สักใต้ถุนสูงชั้นเดียวทันทีพร้อมกับเพื่อน ๆ
ร่วมคณะอบรมซึ่งส่วนมากจะเป็นหญิง แต่พวกเพื่อน ๆ ไม่กล้าที่จะขึ้นไปข้างบนบ้าน
เนื่องจากมืดแล้วและเงียบสงัดไม่มีใครอยู่ด้วย
ผมขึ้นไปคนเดียวยืนอยู่ตรงเชิงบันไดบ้าน และก้าวเข้าไปในเรือนที่เป็นเชิงชาย
ก็เงียบสงัดไม่มีสิ่งใดเลยทั้งสิ้น จึงยกมือขึ้นไหว้แม่กาหลง
และอธิษฐานในใจว่าคุณแม่ครับ กระผม พ.ท.เจริญ วสุนันต์ มาขอกราบคุณแม่ด้วยความเคารพอย่างสูง
ผมป่วยมีโรคประจำตัว ขอให้คุณแม่มาเข้าฝันบอกยารักษาให้ด้วย
แล้วผมก็กลับมาห้องพักทำกิจส่วนตัวจนประมาณ ๒๔.๐๐ น.
หลังจากกราบพระสวดมนต์แล้วก็เอนตัวนอน
ความรู้สึกว่ายังไม่หลับ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ก็มีปรากฏการณ์เกิดขึ้นเหมือนไฟฟ้าแรงสูงเป็นหมื่น
ๆ โวลท์มาดูดตัวผมทั้งตัวให้ลอยขึ้นไป เป็นลักษณะลอยทั้งตัวด้วยแรงดูด
กระตุกซ่านไปทั่วทั้งตัวและก็ตกลงมาอย่างเดิมในลักษณะนอนหงาย ก็ตื่นซิครับ
ใจนึกถึงคุณแม่กาหลงทันทีว่า คุณแม่หนักไปหน่อยทำอย่างนี้ผมกลัว ขอให้คุณแม่มาเข้าฝัน
แต่อย่ามาทำลักษณะนั้นผมกลัวครับ ผมจึงลุกขึ้นนั่งสวดมนต์อีกครั้ง
แผ่เมตตาให้กับคุณแม่ท่าน แล้วก็นอนลงในท่าเดิม คราวนี้เอาใหม่ไม่เหมือนเดิม
มากระตุกเฉพาะครึ่งตัวล่าง ตั้งแต่บั้นเอวลงไปถึงปลายเท้า กระตุกอย่างแรงมาก
เรียกว่าเท้าลอยเลยละ หลังจากนั้นผมก็หลับใหลอย่างสนิท
ไม่ได้ยินเสียงระฆังปลุกให้ตื่นตอนตี ๔ เลย มารู้สึกตัวเอาเมื่อตอนท่านอาจารย์ พ.อ.เสถียร
จันทร์ส่อง ท่านมาเรียกเคาะประตูจึงรู้สึกตัว พอตื่นขึ้นมารู้สึกโรคร้ายได้หายไปอย่างปลิดทิ้ง
สดชื่นเบิกบาน เดินเหินได้เหมือนปกติดี เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก
จึงได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้อาจารย์ท่านทราบในระหว่างที่ก่อนจะรับประทานอาหารเช้าร่วมกันวันนั้น
และก็ได้ไปกราบเรียนเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลวงพ่อท่านทราบด้วย ท่านตอบว่านั่นแหละ เขามารักษาให้เราละ
รู้ไหม
ผมเริ่มรู้สึกระลึกได้ขึ้นมาทันทีโดยไม่แคลงใจสงสัยอีกเลย
เริ่มมีความศรัทธาในคุณแม่กาหลงขึ้นมาทันที หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา
ผมก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บตลอดมาจนถึงวันที่นั่งเขียนหนังสืออยู่นี้
ยารักษาตัวที่นำไปก็เลยทิ้งไว้ที่วัดอัมพวันนั่นเอง
แล้วันครบกำหนดการอบรมก็มาถึง
พวกเราก็แยกย้ายจากวัดและหลวงพ่อ ผมจำได้ว่าผมเป็นคนสุดท้ายที่กลับทีหลังเพื่อนนายทหาร
เพื่อรอลาหลวงพ่อ และไปลาคุณแม่กาหลงที่บ้านไม้สักใต้ถุนสูง
โดยจุดธูปเทียนและมิลิร้อยเป็นพวงมาลัย ดูเหมือนท่านรับทราบการลาของผมเพราะมีลักษณะเรือนไหวสักชั่วประเดี๋ยว
แล้วก็จากไปด้วยความรู้สึกใจหาย ๆ ชอบกล
ระหว่างที่คณะของพวกเรากำลังรับการฝึกและอบรม
พวกเราทั้งหลายได้รับความเมตตาธรรมและความกรุณาจากหลวงพ่อจรัญเป็นอย่างดียิ่ง
ท่านมีแต่ให้เรานับตั้งแต่ที่พักอาศัย อาหารการกินการอบรมสั่งสอน
รู้สึกว่าท่านอาทรห่วงใยพวกเราจริง ๆ นับว่าเป็นความกรุณาอย่างสูงจากพระคุณท่าน
กระผมขอกราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาอีกครั้ง ณ โอกาสนี้
-------------------