บุญพาข้าพเจ้าไปเรือเยาวชน

กุญชลี จงเจริญ

๑๖ ม.ค. ๓๓

R4011

          ดิฉัน น.ส.กุลชลี จงเจริญ จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจาก ร.ร.พิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี และศึกษาศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม

          หลังจากนั้นได้เข้ารับราชการอาจารย์ ๑ ระดับ ๓ สอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่ ร.ร.บุญนาคพิทยาคม จ.ชัยนาท เป็นเวลา ๒ ปีเศษ จึงได้สอบโอนมารับตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ๔ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสิงห์บุรี ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

          เมื่อกลางปี ๒๕๓๑ ดิฉันได้มีโอกาสสมัครสอบ โครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์ (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ๔ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสิงห์บุรี) ผู้สมัครสอบประมาณ ๗๐๐ กว่าคน รับทั้งสิ้น ๓๕ คน

          เนื่องจากดิฉันจบการศึกษาในสาขาวิชาภาษาอังกฤษ มีความต้องการเดินทางไปดูงานและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียน (มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, บรูไน และ ประเทศญี่ปุ่น) แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรไว้มาก เพราะผู้สมัครสอบมีเป็นจำนวนมาก

          และอีกประการหนึ่ง งานที่ดิฉันสอบโอนเข้ามาในตำแหน่งนักวิชาการศึกษา ก็ยังเป็นงานใหม่ ยังต้องเรียนรู้งานอีกมาก เลยไม่ค่อยมีเวลาดูหนังสือ ก็เกิดความกระวนกระวายใจมาก

          ในช่วงนั้นคุณแม่ก็ให้สวดมนต์ภาวนา ในบทสวดที่ท่านพระครูจรัญ วัดอัมพวัน (พระภาวนาวิสุทธิคุณ) ให้คุณแม่สวดอยู่เป็นประจำ

          ดิฉันก็สวดทุกคืน ตอนแรก ๆ ก็ลำบากเอาการอยู่ เพราะใจหนึ่งมาได้สนใจทางนี้ (เพราะต้องสวดเท่าจำนวนอายุเกิน ๑) ตอนหลัง ๆ ก็เคยชินและใจก็สงบลง อ่านหนังสือได้เข้าใจง่าย

          พอถึงช่วงใกล้สอบก็เริ่มไม่สบายใจอีกครั้ง เพราะวิตกกังวลกับจำนวนผู้สมัครสอบว่ามากมายเหลือเกิน ก็ไปหาหมอดู คนแรกบอก ต้องเสียเงินจึงจะสอบได้

          หมอดูคนที่สอง บอกไม่ต้องไปสอบหรอก สอบอย่างไรก็ไม่ได้ช่วงนี้ดวงไม่ค่อยดี ต้องสะเดาะเคราะห์

          คนที่สามก็บอกว่า ดวงเกือบจะดี ถ้าไม่มีคนปัดแข้งปัดขาก็สอบได้

            ดิฉันคิดว่าเมื่อได้สมัครไปแล้ว ก็ลองไปสอบดู และก็คิดว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ

          ช่วงนั้นก็ท่องบทสวดมนต์ให้ใจสบาย แล้วก็มุอ่านหนังสืออย่างหนัก และก็บอกให้คุณแม่ช่วยสวดมนต์แผ่เมตตาให้ด้วย เป็นกำลังใจอีกทางหนึ่ง

          เมื่อถึงวันสอบ คุณแม่ให้นำรูปโปสการ์ดของพระครูจรัญติดกระเป๋าไปด้วย หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีโทรเลขเรียกตัว ให้นำรูปถ่ายไปทำพาสปอร์ต

          ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ดีใจมากที่สุดในชีวิต ที่ความพยายามของตัวเรา ประกอบ กับการสวดมนต์ภาวนา แผ่เมตตาที่ได้ช่วยให้จิตใจสงบ ทำให้ความฝันเป็นจริงขึ้นมา

          ในช่วงที่เดินทาง ครั้งแรกจากสนามบินกรุงเทพฯ ถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประมาณ ๒ ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก จากนั้นก็นั่งรถเป็นเวลาอีก ๕ ชั่วโมงเศษ เพื่อที่จะไปขึ้นเรือที่เมืองกวนตัน รัฐปาหัง ซึ่งเยาวชน ๗ ชาติจะไปรวมกันที่นั่น

          จากนั้นก็มีพิธีต้อนรับ และไปพักอยู่กับครอบครัวที่นั่นเป็นเวลา ๓ วัน (ในแต่ละประเทศ) ดิฉันก็สวดมนต์ให้พบแต่ครอบครัวที่ดี ๆ และก็เป็นจริงทั้ง ๖ ชาติที่ดิฉันเข้าพัก เป็นครอบครัวที่ใจดีน่ารักมาก ซึ่งเพื่อน ๆ บางคนก็พบครอบครัวที่ไม่ค่อยดี ต้องกลับมานอนที่เรือ เพราะไม่สามารถพักอยู่ได้

          เพื่อน ๆ ก็ถามว่า ทำไมเธอโชคดีจังเลย ทั้ง ๖ ประเทศที่เข้าพัก มีแต่ครอบครัวที่นิสัยดีทั้งนั้นเลย ดิฉันก็บอกว่า ไม่มีอะไรหรอก ก็สวดมนต์ทุกคืน แล้วขอภาวนาขอให้พบแต่สิ่งที่ดีงาม

          ประเทศที่น่าประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นประเทศบรูไน ซึ่งตอนนั้นดิฉันได้เข้าพักกับครอบครัวทหาร พ่อกับแม่บุญธรรมใจดีมาก พ่อเป็นทหารยศพันตรี แม่เป็นแม่บ้าน

          ในประเทศบรูไน อาชีพทหารได้รับการยกย่องและมีเกียรติมาก ตอนนั้นดิฉันพักอยู่กับเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ (กฎของโครงการคือ จะพักกันแต่ละครอบครัวได้ ๒ คน)

          พ่อกับแม่บุญธรรมก็ได้พาเราทั้งสองชมประเทศด้วย การนั่งเฮลิคอปเตอร์ ชมทิวทัศน์รอบ ๆ เป็นหลวง ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีมาก อีกทั้งยังให้โทรศัพท์ข้ามประเทศมาเมืองไทยและฟิลิปปินส์อีกด้วย

          ตอนนั้นพ่อถามว่า คิดถึงบ้านไหม เราทั้งคู่ (เพื่อนชาวฟิลิปปินส์) บอกว่าคิดถึงมาก พ่อบุญธรรมกับบอกว่าจะต่อโทรศัพท์ให้คุยได้ จะคุยเท่าไรก็ได้ เพราะเขามีสิทธิ์โทรฯ ข้ามประเทศฟรี

          เพื่อนฟิลิปปินส์โทรฯ ก่อนพอถึงดิฉัน เนื่องจากบ้านดิฉันยังไม่ได้ติดโทรศัพท์ (ขอไป ๓ ปีแล้วยังไม่ได้ ทั้งอำเภอมีโทรศัพท์อยู่ ๓ เครื่อง คือโทรฯสาธารณะ ถ้ามีเหตุจำเป็นก็สามารถโทรฯ เข้าได้ จะมีคนรับและก็ไปตามคนที่บ้านให้)

          ดิฉันเองไม่เคยโทรฯ มาที่โทรศัพท์สาธารณะ เพื่อนคุณแม่จะโทรไปคุยด้วยฝ่ายเดียว ดิฉันก็ให้เบอร์โทรฯ ของบ้านอาไปกะว่าจะคุยกับอาก็ได้ แต่เบอร์ของอาสายไม่ว่าง

          พ่อถามว่ามีอีกเบอร์หนึ่งไหม ดิฉันก็บอกว่าไม่มี ใจหนึ่งก็คิดถึงบ้าน ในใจก็ภาวนาถึงหลวงพ่อขอให้ช่วยด้วย ก็นึกถึงโทรศัพท์สาธารณะ ยิ่งนึกไปก็ภาวนาไปทั้ง ๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้ผลเพียงไร ก็เขียนขึ้นต้นด้วยเลย ๔ เพราะจังหวัดลพบุรี จะนำหน้าเบอร์โทรฯ ด้วยเลข ๔ ก็แวบหนึ่งขึ้นมา เขียนไป ๔๑๓๐๓๐ ในใจแวบมาให้เขียนอย่างนั้น

          ก็บอกให้พ่อลองหมุนดู นึกในใจว่า ลองดู ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เสียหายอะไร รออยู่สักพัก พ่อบอกว่าสายติดแล้ว! ปรากฏว่าใช่จริง ๆ ด้วย!

            ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เด็กรับสายบอกว่า ต้องการพูดกับใคร ดิฉันก็บอกชื่อคุณพ่อ ซึ่งก็ปรากฏว่า ช่วงนั้นคุณพ่อออกมาซื้อของที่ตลาดพอดี (บ้านดิฉันอยู่ห่างจากตู้โทรศัพท์เวลาเดินประมาณ ๓-๕ นาที)

          บังเอิญเหลือเกิน เพราะช่วงนั้นคุณแม่ไปงานกฐินอยู่แต่คุณพ่อเลยต้องมาซื้อของเอง (ปกติเป็นหน้าที่ของคุณแม่) ขณะที่ดิฉันเขียนอยู่ ก็ยังงงไม่หายว่า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรราวปาฏิหาริย์

          อีกช่วงหนึ่งที่ประทับใจไม่มีวันลืม คือ ช่วงจากประเทศบรูไน ไปประเทศฟิลิปปินส์ ช่วงนั้นไต้ฝุ่นเข้าประเทศฟิลิปปินส์ ๓ ลูกติด ๆ กัน ขณะนั้นเรือกำลังจะเดินทางเข้าฟิลิปปินส์พอดี เรือถูกคลื่นลูกใหญ่ซัดอยู่ตลอดเวลา โต๊ะทานข้าวล้มระเนระนาด พวกเราก็เมาเรือกันมาก ๒ วัน ๓ คืน ทานอะไรกันไม่ได้เลย อาเจียนตลอดเวลา บางคนก็เป็นมาก บางคนก็เป็นน้อย ดิฉันก็สวดมนต์ภาวนาตลอดเวลา

          เพราะช่วงนั้นเรือลำก่อนหน้าเรือที่ดิฉันอยู่ ได้จมไปพร้อมกับลูกเรืออีก ๒๐๐ กว่าคน ทำให้พวกเราเสียใจกันมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก ที่สุขภาพของดิฉัน หลังจากที่ทานอะไรไม่ได้ตลอด ๒ วัน ก็ไม่ได้มีอาการอ่อนเพลียแต่อย่างใด กลับมีอาการปกติ และหลังจากนั้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง จนกระทั่งเดินทางกลับ

          หลังจากกลับได้ ๒ เดือนก็สมัครสอบปริญญาโทที่จุฬาฯ ในใจคิดว่าอยากเรียนต่อเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง ก็เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ต้องพยายามสอบให้ได้

          ทุกคืนก็สวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตาเรื่อยมา จึงประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้

          ดิฉันวิเคราะห์ดูว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิตของดิฉัน กว่าจะมาถึงวันนี้ เกิดจากเหตุสำคัญ ๒ ประการคือ

          ประการที่ ๑ การสวดมนต์ภาวนาทำจิตใจให้สงบ แผ่เมตตานึกถึงคำสั่งสอนของหลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณ บิดา มารดา ครูอาจารย์ ทำให้มีสติในการกระทำที่ได้กระทำไป

          ประการที่ ๒ ความตั้งใจกระทำในสิ่งหนึ่ง ๆ ประกอบกับความพยายามส่วนตน ทำให้การกระทำต่าง ๆ ลุล่วงและประสบผลสำเร็จด้วยดี

กุลชลี จงเจริญ

ชัชวาลย์เภสัช

๓๕ อ.ท่าวุ้ง

จ.ลพบุรี ๑๕๑๕๐

 

-------------------