พระพุทธรูปเป็นเหตุ

พระภาวนาวิสุทธิคุณ

R5008

            มีคนมาถามอาตมาเรื่องพระพุทธรูปให้โทษ ของเก่าของแก่สวยงามให้โทษอย่างไร มีข้อพิสูจน์ประการใด ข้อเท็จจริงอาตมาไม่เคยเชื่อ พระพุทธรูปคงไม่ให้โทษ แต่มันมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เพราะเหตุผลประการใด มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ว่าพระพุทธรูปให้โทษ อาตมาเป็นคนไม่เชื่อต้องพิสูจน์

          เมื่อสมัยที่อาตมายังไม่เป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ ยังอยู่วัดพรหมบุรี (วัดกุฎีลอย) ตอนนั้นนั่งเจริญกรรมฐานมาพอสมควรแล้ว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๔-๒๔๙๕

มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ปางสุโขทัย เก่าแก่สวยงามมาก อายุ ๗๐๐-๘๐๐ ปี มีรูอยู่ที่แท่น เป็นของเจ๊เป้า จังหวัดสิงห์บุรี

เมื่ออาตมาอยู่โรงเรียน เจ๊เป้าทอดกล้วยแขกขาย อาตมาไปอาศัยกล้วยแขกเขาทานจึงเรียกเจ๊ เมื่อก่อนยากจน ต่อมามีครอบครัวเป็นร้านช่างทอง มีลูก ๓ คน เป็นด็อกเตอร์หมดแล้ว อาตมาส่งให้ไปเรียนฝรั่งเศสจบด็อกเตอร์มา เดี๋ยวนี้เป็นผู้พิพากษาอยู่ที่กระทรวงแล้ว

เจ๊เป้าเขาเรียกอาตมาว่าหลวงน้า เรียกแทนลูกเขา เขาบอกว่า “หลวงน้าคะ พระองค์นี้พิกล ดิฉันสองคนกับเถ้าแก่ไม่เคยทะเลาะกัน พอถึงเวลา ๕ โมงเย็น ทะเลาะกันเชียว”

แปลกดีนะ ทะเลาะกันเป็นเวลา เขาบอกว่าพอถึง ๕ โมงเย็น ใจคอไม่ดี หงุดหงิดมาก ไปดูพระพุทธรูปที่เช่าไว้ไม่สบายใจ หลวงน้าช่วยดูพระองค์นี้ให้หน่อย

อาตมาก็ดูนะ ดีนี่ สวย เก่าแก่ สมัยสุโขทัย ยิ้มเสียด้วยซิ สวย คิ้วต่อคอปล้อง แต่มีรูที่ฐาน

อาตมาก็บอกเจ๊ว่า “เจ๊ ตอน ๕ โมงทะเลาะกันนี้ หิวข้าวหรือไง ก็ทานข้าวเสียตั้งแต่ ๔ โมงซิ” พอทานข้าว ๔ โมง ๕ โมง ก็ทะเลาะกันอีกแล้ว

“เอ๊ะ! ยังงั้นทานข้าวเสียบ่ายโมงเป็นยังไง บางทีทานตอน ๔ โมงอาจจะอึดอัดไปถึง ๕ โมง ลมขึ้นถึงได้ทะเลาะกัน เปลี่ยนทานบ่ายโมงก็ยังทะเลาะ

“เอาอย่างนี้เถอะเจ๊ เลิกทาน ๕ โมง ๒ ทุ่มค่อยทาน” เขาบอก “หลวงน้าพอเปลี่ยนเวลาทาน ๒ ทุ่ม พอ ๕ โมง แล้วทะเลาะกันถึง ๒ ทุ่มเลย” เลยไม่ต้องทานข้าวเลยคืนนั้น ทะเลาะกันเป็นเวลามีประโยชน์ดี

แต่เขาก็ไม่เคยนั่งกรรมฐาน สวดมนต์ก็ไม่เป็น สวดอรหัง ตั้งแต่อยู่โรงเรียน สามีเป็นคนจีนนอกอยู่ไทงั้ง นครแต้จิ๋ว อาตมาไปสวดมนต์ที่เมืองจีนยังไปบ้านเขาเลย

มันเป็นเรื่องน่าคิด อาตมาไม่เคยพบเลยว่าทะเลาะเป็นเวลา แต่ก็ยังไม่เชื่อแน่ว่าเป็นเพราะพระพุทธรูป

อาตมาบอก “เจ๊ขอยืมหน่อยได้ไหม เจ๊เช่าเขาไปเท่าไรล่ะ” “หนึ่งพันบาทค่ะ”

“เอ๊ะ ถูกดีนี่”

เป็นพระเนื้อสัมฤทธิ์ สุโขทัย สวยงามมาก และลวดลายเรียบร้อย ขนาด ๑๒ นิ้ว แต่มีรูที่ฐานเท่านั้น

ดูพระองค์นี้แบบไสยศาสตร์ พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง ก็ว่ากันไปตามคาถา ขนหัวลุก เอ๋! ขลังดีนี่ องค์นี้ขลังดี

อาตมาก็ขอยืมพระสุโขทัยองค์นั้นมา ๑๐ วัน ก็มาสวดมนต์ไหว้พระ นั่งวิปัสสนา และก็แผ่เมตตา บอกเทพที่สิงอยู่ในองค์พระพุทธรูปสุโขทัยนี้ ขอให้ดลบันดาลหาเหตุผลว่า ทำไมเจ๊ที่เช่าไว้นี้จึงต้องทะเลาะกัน จะต้องหาเหตุผลให้ได้

อาตมาก็อาราธนาเทพที่สิงองค์พระ และแผ่เมตตาอย่างที่โยมทำกรรมฐานนี้ เจริญกรรมฐานนี่แหละ แผ่เมตตาให้ทุกวัน ๆ

ต่อมา อาตมาก็ไปตลาดสิงห์บุรี เจ๊ก็เรียกและบอกว่าหลวงน้าพิสูจน์ได้หรือยัง ว่าพระนี้เป็นกาลกิณีหรืออย่างไร ถ้าหากพระไม่ดี ฉันถวายเลยนะ

อยู่มาเกิน ๑๐ วันแล้วก็บอกเจ๊ขอยืมต่อ ฝ่ายเถ้าแก่บอกไม่ต้องต่อหรอกถวายท่านไปเลย อาตมาบอกไม่ใช่อยากได้แต่จะขอพิสูจน์ อาตมาก็พิสูจน์ต่อไป ก็อาราธนาพระไว้เรื่อย ๆ

ได้ผลออกมาเลย หาต้นตอได้ ขอฝากญาติโยมไว้ด้วยสมมติว่าจะเป็นวัตถุอะไรก็ตาม ได้มาเป็นอย่างไรบ้าง ขอให้โยมนั่งกรรมฐานแผ่เมตตาให้วัตถุนี้ เผื่อจะมีเทพสิงสถิตอยู่บ้างเป็นของเก่า ทรัพย์สมบัติของปู่ย่าตายายที่ให้ไว้ จะเป็นกาลกิณีอย่างไร เดี๋ยวจะบอก หาต้นตอได้ แหม! พระพุทธเจ้าลึกซึ้งเหลือเกิน มีเหตุผล อาตมาก็อาราธนาไว้ทุกวัน

อยู่มาวันหนึ่ง คนที่วัดหัวบึงหลัง อำเภออินทร์ออกไปหลายสิบกิโลเมตร เขาได้เล่าลือว่า อาตมาเทศน์มหาชาติเก่ง เทศน์กัณฑ์มัทรี เทศน์แล้วคนสลบเลย ไม่ใช่มัทรีหลับ คนฟังสลบ

เมื่อสมัยหนุ่ม ๆ นะโยม เขาร่ำลือกันนักว่า พระจรัญ วัดกุฎีลอย เทศน์มัทรีเก่งนัก เขาเลยมานิมนต์อาตมาให้ไปเทศน์ที่วัดหัวบึง

วัดหัวบึงอยู่หลังอำเภออินทร์บุรี ออกไปหลายสิบกิโลเมตร ตอนนั้นถนนเอเชียยังไม่มี อาตมาต้องไปมอเตอร์ไซค์ นั่งเรือยนต์ไปจอดที่อำเภออินทร์ แล้วให้เขาเอามอเตอร์ไซค์มารับ นั่งท้ายมอเตอร์ไซค์ไปอีก ๑๕ กิโลเมตร ออกไปกลางทุ่ง เป็นวัดสร้างใหม่ธรรมยุต อาตมาก็รู้จักกับสมภารดีด้วย แต่ไม่รู้จักเจ้าภาพ

เจ้าภาพเขาเกิดสังหรณ์ใจ อยากนิมนต์พระจรัญองค์นี้ เขาลือกัน นี่เกิดจากเทพสิงสถิตในพระองค์นี้นะ พอเรือจอดอำเภออินทร์แล้ว ก็นั่งท้ายมอเตอร์ไซค์ เอาคัมภีร์ใส่ย่าม เทศน์มัทรีเดินคาถาด้วย ตอนนั้นพูดแล้วจะหาว่าคุย ตอนนี้มันแก่แล้ว เลิกเทศน์หลายสิบปีแล้ว ตอนนี้เสียงไม่เพราะ

คนขับมอเตอร์ไซค์ ขับไปถึงบ้านหลังหนึ่งก็บอกว่า แวะบ้านนี้ก่อนเถอะ บ้านนี้ใจดีจัง เดี๋ยวผมจะไปส่งข่าวเจ้าภาพก่อน เจ้าภาพกับอาตมาก็ไม่รู้จักกันเลยนะ แต่ก็ทำให้ดลบันดาลมานิมนต์อาตมาไป

อาตมาก็บอกบ่า “แวะทำไมล่ะ ไม่รู้จักเขา เขาก็บอกว่า แวะเถอะน่า เดี๋ยวผมจะไปส่งข่าวที่วัด อีกครึ่งกิโลก็ถึงแล้ว”

“เอ้า! แวะเป็นแวะ” มีสองตายาย ต้อนรับน้ำร้อนน้ำชา เลี้ยงอย่างดีและคุยดีมาก

โยมก็เล่าประวัติว่า ท่านครับ เมื่อก่อนนี้ผมบวช ๑๕ พรรษา เทศน์เก่งตั้งแต่ทศพรถึงนครกัณฑ์ ไม่มีใครทาบติด อยู่สุโขทัย

สมัยนั้นเขานิยมเทศน์มหาชาติ เทศน์ทำนองหมด เทศน์ตามลานข้าว เทศน์ตามหมู่บ้าน เขานิยมมากและติดกัณฑ์เทศน์มาก ๆ ก็เล่าต่อไปเรื่อย ๆ ผมมาอยู่นี้มีลูก ๕ คน เป็นนายอำเภอ ๒ คน ไปรับราชการหมด อยู่กันสองคนตายายบ้านทรงไทยหลังใหญ่เลย

อาตมาก็หันไปดูโต๊ะมุกบูชา ไม่มีพระบูชา ก็บอกโยม “ไม่มีพระบูชาหรือที่นี่”

“ไม่มีหรอกครับ”

“อาตมาให้องค์หนึ่งไหม ที่วัดมีเยอะ เขาทำพุทธาภิเษาที่วัดพิกุลทอง หลวงพ่อแพ อาตมาเช่ามา ๒ องค์จะให้องค์หนึ่ง”

“ไม่เอาหรอกครับ ไม่เอาแน่ ๆ” โยมผู้หญิงน้ำตาร่วงเลย อาตมาก็ถามไปว่า

“พระไปไหนเล่า” โยมก็เล่าประวัติว่า

“พระคุณเจ้า ตอนผมบวช ๑๕ พรรษา ผมอยู่สุโขทัย ไปเทศน์มหาชาติ เทศน์ตามลานบ้าน ไปตามหมู่บ้าน พรหมพิราม เลยไปพิษณุโลก เทศน์เก่งประชัน ๒ ธรรมาสน์ องค์นั้นว่าแหล่นี้ องค์นี้ว่าแหล่นั้นก็ว่ากันไป”

“ผมเทศน์เก่ง พอดีเขาติดกัณฑ์เทศน์ มีพระสุโขทัย ติดกัณฑ์เทศน์มา ๓ องค์ เขาถวายเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ภิกขุสังฆัสสะ ติดกัณฑ์เทศน์เป็นส่วนตัว

พอดีปีนั้นผมจะสึก ก็ถวายสมภารหนึ่งองค์ อีกหนึ่งองค์ขอถวายไว้ที่หอฉัน และองค์นี้ผมรักมาก มีรูอยู่ที่แท่น”

อาตมาก็สะดุ้ง แต่ทำเฉยไม่รู้ไม่ชี้ ชักจะเข้าเค้าแล้ว

“ผมสึกมาก็ล่องจากสุโขทัย มาได้ภรรยาที่พิษณุโลก ชอบกันตั้งแต่เป็นพระนักเทศน์ เมื่อได้กันมีเงิน ๔ บาท ก็มาทำมาหากินที่ชัยนาท แล้วมาจองที่

เมื่อก่อนหน้าโฉนดไม่มี ใครอยากได้ก็มาจองเอาที่หัวบึง หลังอำเภออินทร์ออกไปไกล จองที่ได้ก็ทำนาสองคนตายาย มีลูกขึ้นมาปัญญาดีหมด

ผมมีโต๊ะหมู่อยู่ชุดหนึ่ง คือโต๊ะมุกไม่ใช่ของวัด ซื้อจากเรือโปเกไม่กี่บาท พอสึกก็เอามาด้วย และพระสุโขทัยรักมาก ผมก็เอามา”

สองคนตายายที่สวดมนต์ทุกวัน นั่งกรรมฐานจนเก่ง มีนาทำกินตั้ง ๕๐๐ ไร่ รวยมหาศาล เขาก็บอกต่อว่า

“พระพุทธรูปนี่ทำให้ผมมั่งมี ทำให้ลูกเป็นนายอำเภอ ผมเป็นชาวนาบ้านนอก แต่มีน้องชายอยู่กรุงเทพฯ รับราชการกรมสรรพากร เลยส่งลูกเรียนในกรุงเทพฯ หมด ฝากเรียนกับอาเขาก็ได้ดิบได้ดี เป็นถึงนายอำเภอ ผมก็แก่แล้ว

มาวันหนึ่ง ผมก็ไม่มีเงินเท่าไรหรอกครับ โจรปล้น เก็บเงินเก็บของไปมันก็ไม่เอาไปเท่าไร แต่เอาพระพุทธรูปของผมไปด้วย ผมก็เสียใจร้องไห้ พอถึง ๕ โมงเย็น ผมก็สวดมนต์ ตั้งมโนภาพขอให้พระสุโขทัย มานั่งอยู่ตรงนี้”

อาตมาขึ้นบ้านนี้เกิดเทพสังหรณ์ ทำให้มอเตอร์ไซค์ส่งที่บ้านนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักกันเลย เป็นบ้านใหญ่ทรงไทย มีรางน้ำอยู่ตรงกลาง จำได้แม่น มีหอนั่งในเรือนมีฝาปะกนแบบดันเข้าไป ยังจำได้ชัด

อาตมาบอกว่า จะให้พระบูชาก็ไม่เอา เขาบอกว่าพระคุณเจ้าไม่เอา นี่ถูกปล้นไป ๗-๘ เดือนแล้ว ผมก็กราบบูชา ดอกไม้ไม่ขาดเลย ถวายข้าวพระทุกวัน

ใคร ๆ บ้านเหนือบ้านใต้มาเห็น เขาจะให้สักองค์ ของเขามีเยอะ ก็ไม่เอาของใคร รักองค์นี้มาก เวลาสวดอรหังสัมมา ก็หลับตานึกมโนภาพไม่ลืม ลืมตาเห็นแล้วมันเศร้าใจเหลือเกิน สวดอิติปิโสภควา เห็นพระพุทธรูปสุโขทัย นั่งยิ้มแฉ่ง นั่งกรรมฐานเสร็จแล้วแผ่เมตตาทุกวันตอน ๕ โมงเย็น ได้ความแล้วตรงนี้เอง

นี่เรื่องจริงนะขอฝากไว้ด้วย แผ่เมตตาทำให้เทพที่สิงในองค์พระลำบากด้วยนะ อาตมาก็ถามว่า “พระของโยมเป็นอย่างไร” เขาก็บอกว่า “มีรูแล้วมีอักษรขอม ๕ ตัว ผมเขียนของผมเองที่ฐานพระ ผมเอาเหล็กจารเขียนนะโมพุทธายะ”

อาตมาเคยดูที่ฐานพระ มีรู และมีนะโมพุทธายะเป็นหนังสือขอม ใช่แน่แต่ยังไม่แน่ใจ อาตมาก็นั่งอยู่สักครู่หนึ่ง เขาก็มาตามว่ากัณฑ์มัทรีขึ้นแล้ว อาตมาก็ไปเทศน์ ปิดฉากบ้านนั้นไป

โยมเขาบอกว่า ผมสวดมนต์ตอน ๕ โมงเย็น พอได้เวลาสวดมนต์ทีเดียว ขณะสวดมนต์ก็นึกถึงพระสุโขทัยนั่งอยู่ตรงนี้ แล้วแผ่เมตตาไม่เคยแช่งขโมยเลยนะ แผ่เมตตาให้ขโมยมีความสุข ไม่เคยแช่งเลย

เอาเงินผมไปกี่หมื่นกี่แสนผมไม่เสียดายเลย เสียดายพระองค์เดียว มันไม่น่าปล้นเอาของผมไปเลยนะ เอาทองไป ๘ บาท ซื้อไว้จะให้รางวัลหลานที่เรียนหนังสือเก่ง มันก็เอาไปซะ แต่ไม่เสียดายเลย เสียดายพระองค์เดียว

อาตมากลับจากเทศน์ในวันนั้นมาถึงวัดมืดเพราะมันไกล ถึงประมาณ ๔ ทุ่ม ก็ไปดูพระ ใช่ตามที่โยมพูดทุกประการ แต่ยังไม่เชื่อ ต้องขอพิสูจน์ต่อไป ว่าเจ๊ซื้อจากใคร

เจ๊บอกว่าซื้อจากนายอิน อาตมาถามนายอินว่า ทำไมเอาพระนี่มาขายเจ๊ ตาอินนี้อาตมารู้จัก แต่ตอนนี้ตายไปแล้ว เขาบอกว่า แหม! ท่านเอ๋ย

พระองค์นี้แปลกนะ มาอยู่นี้หลานสาวผมสองคนตามผู้ชายไปหมด ตระกูลผมไม่เคยมีแบบนี้ ผมก็โทษพระองค์นี้ก็ขายต่อไป ขายให้เจ๊ไป

อาตมาก็ถามว่า ตาอินซื้อมาจากใคร เขาก็บอกว่าซื้อมาจากบ้านที่เขาเรียกว่าบ้านทับยา อาตมาก็ไปบ้านทับยา ไปถามโยมว่า ขายพระไปให้บ้านตาอินใช่ไหม เป็นพระสุโขทัย

เขาก็บอกว่าใช่ครับ ผมขายไป ๕๐๐ บาท ก็เลยถามว่าเป็นอย่างไรถึงขายล่ะ เขาก็บอกว่า

“โอ้โฮ! ท่านเอ๋ย ถึงเวลา ๕ โมงเย็น ไม่รู้เป็นอย่างไร เมียผมด่าทุกวันเลย เมื่อก่อนไม่เคยด่า พอเลย ๕ โมงไปแล้วก็ค่อยยังชั่วหน่อย ผมก็นึกว่าเลือดจะไปลมจะมาแล้วมั้ง อายุ ๕๐ กว่าแล้ว ตั้งแต่นั้นผมก็เอาพระไปขาย พอขายไปแล้ว เลิกด่าเลย”

อาตมาก็ถามต่อไปอีกว่า โยมไปซื้อมาจากใคร เขาก็บอกบ้านให้ อาตมาไปถาม แล้วเขาก็รายงานว่า พอเช่าพระไปพี่น้องทะเลาะกันขึ้นโรงขึ้นศาล พอย้ายพระองค์นี้ไป ยกฟ้องเลย แปลกจริง ๆ แต่ก็ไม่แปลกหรอกเป็นกฎแห่งกรรมของคนที่แผ่เมตตาของเขา

พอถามว่า ไปเช่าพระมาจากใคร เขาบอกว่าซื้อมาจาก บ้านวัดหนองสุ่ม วัดหลวงพ่อจวนสมัยเก่าโน้น หลวงพ่อจวนเป็นเจ้าอาวาสหรือยังไม่ทราบ อาตมาก็ตามไป เป็นบ้านเสือ  เลยต้องไปพิสูจน์ ก็ไปเรียกถาม เพราะคนข้างบ้านเขาพาไป

อาตมาก็บอกว่า โยมอย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้ อาตมาเป็นพระภิกษุ อยากจะมาถามดูว่า พระของโยมที่ชื่อนั้นอยู่บ้านหัวบึงเลยหลังอำเภออินทร์ไปน่ะ โยมไปปล้นเขามาจริงหรือเปล่า ขอให้พูดความจริงเถอะ อาตมาไม่ได้มาสอบสวนจับโยมเป็นจำเลยหรอก

โอ้โฮ! ชักปืนจะยิงเอาเราแล้ว ท่านมาสืบหรือยังไงนี่ เอาเสียเลยประไร อาตมาก็ว่า เมตตาคุณณัง อรหังเมตตา เพี้ยง!  เอาปืนลงไปเลย เมตตาเก่งเหมือนกันนะ จะฆ่าเราเสียแล้ว

ก็สรุปว่า ไปปล้นเขามาแล้วก็ขายไปเป็นแถว ไปอยู่บ้านไหน เวลา ๕ โมงเย็น ทะเลาะกัน แหม! จับได้ตอนแผ่เมตตานั่นเอง แต่โยมคนนั้นก็มิได้ไปแช่ง

พอได้ความแล้ว อาตมาก็เอาพระไปบอกกับเจ๊เป้าว่าพบเจ้าของแล้ว และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ให้ลูกศิษย์ที่ขับเรือให้เอาเงินมา ๑,๐๐๐ บาท บอกเจ๊ว่า ขอซื้อ จะเอาไปคืนเจ้าของ เจ้าของร้องไห้ เจ๊ก็เชื่ออาตมา เอาละหลวงน้า ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันถวายเลย

ผลสุดท้าย อาตมาก็เอาไป ห่อผ้าหลายชั้นใส่เรือไปให้ลูกศิษย์ขับไปขึ้นอำเภออินทร์ แล้วส่งคนทางโน้นมารับ

อาตมาไปถึงก็บอก โยมเอาพระมาให้เขาก็บอก “โอ๊ย! ไม่เอาเจ้าค่ะ ท่านไม่เอา ไม่ได้องค์นั้นไม่เอา ผมมโนภาพเพ่งกสิณของผมครับ เมื่อตอนบวชผมเพ่งกสิณได้

ผมเพ่งกสิณพระองค์นั้นมานั่งแล้วผมก็สวดมนต์ แผ่รัศมีเหลืองอร่าม ผมสบายใจครับ ผมไม่เอาหรอกครับ

อาตมาก็แก้ห่อผ้าให้ดู โยมเห็นเข้าน้ำตาร่วงเลย สักประเดี๋ยวไม่คุยกับเราเสียแล้ว ไปสรงน้ำ ปิดทอง สวดมนต์เสีย ๒ ชั่วโมง วันนี้สวดให้คุ้มกลับมา

เสร็จเรียบร้อยจึงมานั่งคุย อาตมาก็เล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนอวสานให้ฟัง บอกว่าที่อาตมามาเทศน์วันมหาชาติ ไม่รู้จักกันเลยนะ และบ้านโยมอาตมาก็ไม่รู้จัก คนขับมอเตอร์ไซค์บอกให้มาส่งบ้านนี้ก่อน

นี่เห็นไหมทำให้เทพสังหรณ์ดลบันดาลเข้าบ้านนี้ ก็ได้พิสูจน์ออกมาแล้ว โยมก็สนองพระเดชพระคุณควักเงินมาถวายสองหมื่นบาท

อาตมาก็บอกว่าสตางค์เดียวก็ไม่เอา ห้าแสนก็ไม่เอา เลยก็เล่าเหตุการณ์ว่า อาตมาเอาเงินไปให้ที่ร้านช่างทองแล้ว เขาไม่เอา เขาถวายเลย เขาขอถวายอาตมา อาตมาก็ให้โยมต่อไป

เพราะฉะนั้น ของบางอย่างเป็นพิษเป็นภัยสำหรับเจ้าของ ไม่ควรซื้อไว้นะ ขอฝากไว้ด้วย ไม่ใช่พระพุทธรูปให้โทษนะ พระพุทธรูปไม่ให้โทษใครแน่ แต่เจ้าของหวงแหน ได้มามิชอบ ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย เชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไร อาตมาเชื่อหมื่นเปอร์เซ็นต์ เพราะไปพิสูจน์มาเอง

 

-------------------