กรรมใดใครก่อ

เรื่องที่ ๑

เกรียง สุปันดี

R6022

        

ทุก ๆ ท่านทราบแล้วนะครับว่า สมเด็จพระบรมศาสดาของเรา ทรงสอนให้เราเชื่อด้วยเหตุผลซึ่งตนเองได้ไตร่ตรองแล้ว น่าเชื่อหรือไม่น่าเชื่อ จริงหรือไม่จริง เรื่องต่อไปนี้ ข้าพเจ้าไม่ต้องไตร่ตรอง เพราะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าเอง ไม่ใช่เรื่องที่ฟังจากบุคคลอื่นเล่าต่อ ๆ กันมา ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่อง บัดนี้ยังมีชีวิตอยู่ สถานที่เกิดเหตุก็อยู่ในชุมชนเขตเทศบาลเมือง สามารถติดตามไปดูได้ พระเดชพระคุณเจ้าอาวาสวัดบ้านกล้วยซึ่งเป็นเจ้าอาวาสระหว่าง พ.ศ. ๒๕๑๔-๒๕๑๘ ก็ทราบเรื่องนี้ดี เพราะสำนักงานป่าไม้จังหวัดแห่งนี้เป็นของวัดบ้านกล้วย ให้กรมป่าไม้เช่าเป็นสถานที่ราชการ ชำระค่าเช่าให้วัดทุก ๆ เดือน

ชื่อบุคคลในเรื่อง ข้าพเจ้าขอเรียกเป็นอักษรย่อตัวหน้าชื่อของท่าน ชื่อจังหวัดก็ใช้อักษรย่อเช่นกัน เช่น จังหวัดชลบุรี ก็ใช้จังหวัด ช. สำหรับข้าพเจ้าผู้เขียนชื่อจริง นายเกรียง สุปันดี ภรรยาชื่อนางไพพรรณ สุปันดี

อนึ่ง บุคคลที่มีชื่ออักษรเดียวกันมากกว่า ๑ คน จะให้หมายเลขกำกับอักษรชื่อ ๑-๒-๓ นะครับ ขอได้โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย

ณ สำนักงานป่าไม้จังหวัด ช. มีนาย ส.๑ เป็นป่าไม้จังหวัด ข้าพเจ้า (นายเกรียง สุปันดี) เป็นผู้ช่วยป่าไม้จังหวัด ส.๒ เป็นภรรยาของป่าไม้จังหวัด สำนักงานป่าไม้จังหวัดเป็นอาคารไม้สองชั้น ชั้นล่างเป็นสำนักงาน ชั้นบนเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของป่าไม้จังหวัด

ผมฆ่าผู้ช่วยเสียแล้ว

         คืนนั้น..หลังจากไหว้พระสวดมนต์ประจำวันแล้วเข้านอนดึกโข กำลังหลับพลันได้ยินเสียงตะโกนเรียกด้วยลักษณะอาการเมานิดหน่อย พร้อมกับเสียงรองเท้าดังกุกกักขึ้นบันไดด้วยอาการเซบ้าง

         “ผู้ช่วยครับ ผมฆ่าผู้ช่วยเสียแล้ว” เรียกลากเสียงยาน ๆ สองสามครั้ง ข้าพเจ้าและนางไพพรรณ จำเสียงได้ว่า ธ. เป็นข้าราชการสำนักงานป่าไม้จังหวัด ช.ปกติเขาไม่ค่อยดื่ม แต่วันนี้ยังไงไม่ทราบ ดื่มหนักไปหน่อย

         “ครับ..ครับ” ข้าพเจ้ารีบขานรับพร้อมกับรีบลุกไปเปิดประตู ข้าพเจ้ากำลังจะถามเรื่องราวและเชิญเข้ามาในบ้าน ธ. รีบคุกเข่ากราบข้าพเจ้า ปากก็พร่ำพูดไปกราบไป ผมฆ่าผู้ช่วยเสียแล้ว พูดพลางร้องไห้พลาง ธ. กราบได้ ๒ หน ข้าพเจ้ายื่นมือจับไหล่ดึงให้ยืนขึ้นเดินเข้าไปในเรือน

         “ขอโทษครับ ผมเมา..วันนี้ผมเมา”

            “เออ เมา รู้แล้วเมา ไหนเรื่องมันไปไงมาไง ฆ่าผมยังไงก็ผมอยู่นี่เอง มันเรื่องอะไรกัน เล่าให้ฟังซิ วันนี้ไปกินเหล้าที่ไหนมาละ ก่อน ๆ ไม่ค่อยเห็นกินเป็นงี้ ใจเย็น ๆ” ข้าพเจ้าถามไปปลอบใจไป

         ธ. เล่าไปพลางร้องไห้พลาง พูดเสียงสั่นเครือ “ผมเจ็บใจ ผมชั่วที่ฆ่าผู้ช่วย ผมชั่ว ผู้ช่วยจะฆ่าผมก็ยอม ตั้งแต่เย็นแล้ว ป่าไม้จังหวัดและคุณนาย ส. (ส.๑ และ ส.๒) พาผมไปเลี้ยงเกลี้ยกล่อม ทั้งปลอบทั้งขู่ให้ผมเขียนหนังสือรายงานป่าไม้จังหวัดว่าผู้ช่วยไปรีดไถเงินชาวบ้าน ๒ ราย ผมไม่ทำ เป็นเรื่องเท็จ พยายามทำเรื่องให้เป็นหลักฐาน เพื่อเล่นงานผู้ช่วยขัดขวางคนทำไม่ดี ขัดขวางการหาประโยชน์เขามาก จะให้ผู้ช่วยต้องออก ต้องย้ายไปให้พ้นเส้นทางของเขา เขาเล่นงานให้หนัก ตั้งตัวไม่ติดแก้ไม่หลุดนะ สั่งเหล้าเพิ่มกินไปเรื่อยจนดึก ผมก็ไม่ทำ สุดท้ายเขาเขียนขึ้นเองแล้วบังคับให้ผมเซ็นชื่อ ไม่เซ็นเขาจะหาเรื่องเอาผมออกจากราชการให้ได้ ผมจำเป็นต้องเซ็นชื่อ เลิกจากร้านอาหารให้ผมกลับบ้าน ผมกลับไม่ได้ถ้าไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ผู้ช่วยรู้ อกผมจะแตกแล้วครับ ผมจึงต้องมาหาผู้ช่วย...”

         หลังจากนั้นไม่นาน ส.๑ ป่าไม้จังหวัดเสนอเรื่องต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ช. เพื่อลงนามคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่ข้าพเจ้า

         เช้าวันนั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ผู้รับโทรศัพท์แจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า หน้าห้องท่านผู้ว่าฯ โทรมาว่า ให้ท่านป่าไม้จังหวัดไปพบท่านผู้ว่าฯที่ห้อง ป่าไม้จังหวัดไม่อยู่ให้ผู้ช่วย (คือข้าพเจ้า) ไปแทน ข้าพเจ้าจำเป็นต้องไปพบท่านผู้ว่าฯ (ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ช. ขณะนั้นชื่อนาย ก. นามสกุล ก.ก.) เมื่อข้าพเจ้าได้ตอบข้อซักถามแล้วสักเกตดูท่านมีสีหน้าเครียดเล็กน้อย ท่านพูด “...แย่...แย่มาก ลงผู้หญิงฝ่ายในเข้ามายุ่งกับงานในหน้าที่สามียังงี้...เละเทะหมด ทำไมมันถึงได้ยุ่งกันยังงี้” แล้วท่านผู้ว่าฯ พับแฟ้มเสนอเซ็น เหวี่ยงแฟ้มนั้นไปยังโต๊ะวางแฟ้มตัวหนึ่งข้าง ๆ ท่าน บังเอิญแฟ้มเลื่อนไหลตกจากโต๊ะ ข้าพเจ้าลุกไปหยิบขึ้นวางเข้าที่แล้วกล่าวคำลาท่าน ท่านผู้ว่าฯสั่งให้เอาแฟ้มเสนอเซ็นกลับไปด้วย ระหว่างทางจากศาลากลางจังหวัดมาสำนักงาน ข้าพเจ้าเปิดอ่านเรื่องในแฟ้ม จึงได้รู้เรื่องทั้งหมด เป็นเรื่องที่ป่าไม้จังหวัดรายงานความผิดการทุจริตของข้าพเจ้า รีดไถเงินราษฎร ๒ ราย จึงเสนอเซ็นคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และสมควรให้ดำเนินคดีทางอาญาด้วย แต่ท่านผู้ว่าฯไม่ได้สั่งการอะไร ไม่ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งกรรมการสอบสวน

         ข้าพเจ้าโกรธแค้นมากที่แกล้งทำลายกันอย่างเลวทรามขนาดนี้ ถามใจตนเองว่าปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต แต่ขัดผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพล มันต้องได้รับผลเป็นออกจากราชการและดำเนินคดีติดคุกหรือนี่ ได้ซิ... ข้าพเจ้าตอบตัวเอง แต่ติดคุกทั้งทีน่าจะให้เรื่องมันดีกว่านี้ แรงกว่านี้ โหดกว่านี้ จึงมีศักดิ์ศรีในการอยู่คุก

ตามล่า

         สุดแค้น สุดทน สุดอดกลั้น ความคิดสั้นเกิดขึ้น ข้าพเจ้าและภรรยาพร้อมอาวุธล่าสังหาร ออกติดตามสืบหาแหล่งบ้าน แหล่งวัดที่ป่าไม้จังหวัดไปทำบุญ แห่งหมอดูที่เขาไปหาเป็นประจำ แหล่งบ่อนไพ่ที่เขาไปเล่นเป็นกิจวัตร ได้จังหวะ ได้โอกาสจะใช้ชนิดไข้โป้งก็โป้ง ชนิดตูมก็ตูม จวน ๆ จะได้จังหวะหลายครั้งแต่บังเอิญมีคนอื่นเข้ามาปะปน เกรงจะตายด้วยเลยเสียโอกาสทุกที เรื่องตามล่า ข้าพเจ้ารู้กันกับภรรยาเท่านั้น

หลวงพ่อขอบิณฑบาต

         ระหว่างการตามล่า วันหนึ่งแวะไปเยี่ยมพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระครูภาวนาวิสุทธิ์ หรือหลวงพ่อจรัญ (ท่านเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณขณะนี้) ที่วัดอัมพวัน เพื่ออยากรู้เรื่องหมอชลอที่ท่าน ช.เลียงพิบูลย์ เขียนในกฎแห่งกรรม

         หลวงพ่อเมตตาเล่าเรื่องให้ฟังและเล่านิทานธรรมะตั้งแต่เย็นเรื่อยไปจนดึก เล่าไปหลวงพ่อหยุดเป็นจังหวะนิดหนึ่ง ชี้มือมาที่ข้าพเจ้า..

         “อาตมาขอบิณฑบาตนะ” ข้าพเจ้านิ่ง ไม่พูด หลวงพ่อเล่านิทานต่อไปพักหนึ่ง หยุดนิ่ง ชี้มือมาที่ข้าพเจ้าอีก

         “อาตมาขอบิณฑบาตินะ” ข้าพเจ้าแกล้งซึมอีก ไม่พูดอะไร แต่ในใจนึกสงสัยในหลวงพ่อว่าทำไมขอบิณฑบาต น่ากลัวว่าท่านจะรู้อะไรของข้าพเจ้าเหมือน ๆ กับที่ท่านรู้หมอชลอในอดีตชาติก็ได้ เมื่อเข้าเจ้าเฉย หลวงพ่อเมตตาเล่านิทานต่อไปพักหนึ่ง หยุดนิ่งจ้องหน้าข้าพเจ้าและชี้มือ

         “อาตมาขอบิณฑบาตนะ...ไอ้สิ่งที่เตรียมไว้อย่าทำ” ท่านพูดช้า ๆ เน้นชัดถ้อยคำหนักแน่น “ถ้าถวายอาตมาได้ โยมจะเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น...ไม่มีเวรต่อกัน...คนคนนั้นน่ะถึงโยมไม่ทำ เขาก็วิบัติเองเร็ว ๆ นี้แหละ อกุศลกรรมที่เขาทำไว้จะมาให้ผลให้ผลเร็ว ๆ แล้ว...ไม่มีอะไรกั้นได้ มันเป็นไปตามกรรมของเขาเอง... เชื่ออาตมาเถอะ...”

         ข้าพเจ้าสะดุ้งใจ ขนลุกและรู้สึกเย็นวาบลึก ๆ ทีเดียว ใจคิดทันทีว่า โอ เราปิดบังซ่อนเร้นหลวงพ่อไม่ได้อีกแล้ว น่ากลัวว่าท่านคงเห็นหมดแล้วว่าในเก๊ะรถของข้าพเจ้ามีอะไรที่ร้ายแรงซุกไว้ ข้าพเจ้าประนมมือไหว้พร้อมกับกล่าวคำรับ...ครับ.. ขอถวายหลวงพ่อตั้งแต่วันนี้คืนนี้ครับ

            “อือ” ยาว ๆ หลวงพ่อรับบิณฑบาต ต่อจากนั้นหลวงพ่อให้พรข้าพเจ้าและครอบครัว ให้มีแต่ความสุขความเจริญ ก้าวหน้า ปลอดจากภัยทั้งปวง ผู้ใดคิดทุจริต คิดร้ายอย่างไร ก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้นั้นจะแพ้ภัยไปเอง และจากนั้นหลวงพ่อเป็นผู้เล่าความในใจ การคิดกระทำทั้งหลายของข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้าฟังหมดสิ้น ข้าพเจ้ารับว่าจริงตามนั้นเพราะโกรธแค้นเขามากที่สุด ท่านแนะนำสั่งสอนให้ทำแต่สิ่งที่ดีที่ถูกต้องไว้เสมอ ข้าพเจ้าอธิษฐานในใจให้สัจจะแก่ตัวเองว่า หากยังอยู่ท้องที่จังหวัด ช. จะไม่พกพาอาวุธที่รุนแรงนี้อีก เพราะถวายหลวงพ่อแล้ว จะไม่ผิดสัจจะ ทุก ๆ ครั้งที่ไหว้พระและทำบุญจะแผ่กุศลให้แก่ ส.๑ ส.๒ และทุกคนที่คิดทุจริตด้วยประการใด ๆ แก่ข้าพเจ้า ขออโหสิกรรมแก่กัน ให้อภัยเขาทุก ๆ คน ไม่ขาดไม่ลืม ปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสั่งสอนแนะนำให้ทำความดี ทำสิ่งเป็นกุศลมาตลอด

เป็นไปตามคำพยากรณ์

         เช้าวันนั้น ข้าพเจ้าไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานป่าไม้จังหวัดตามปกติ ทราบจากนาย ป. นักการภารโรงว่า ส.๑ กับ ส.๒ ทะเลาะกันตั้งแต่เมื่อคืนไม่จบ สายหน่อย ส.๑ ป่าไม้จังหวัดลงมาปฏิบัติหน้าที่ประจำโต๊ะทำงาน อ่านหนังสือราชการเพื่อบันทึกสั่งในเรื่องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามสายงาน โต๊ะข้าพเจ้าอยู่ใกล้โต๊ะป่าไม้จังหวัด ทุกคนในสำนักงานได้ยินเสียงของ ส.๒ ที่พูดไม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ส.๑ ให้พร ส.๑ ต่าง ๆ นานา ช่างสรรหาคำปราศรัยจริง ๆ โดยไม่คาดคิด ข้าพเจ้าเห็น ส.๒ เดินลงบันไดบ้านพักเข้าในสำนักงาน หน้าซีด ๆ ปากสั่นด้วยอารมณ์โกรธ ผมเป็นกระเซิง ตาดุมาก ในมือถือปืนมาด้วย ดิ่งเข้าโต๊ะ ส.๑ ซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือปากก็พูดว่า “ไอ้...(ออกชื่อ ส.๑) มึงจะเอายังไงกะกู ๆ ๆ” มือเล็กปลายปืนมาที่ ส.๑ ข้าพเจ้าไม่ตกใจเพราะเป็นธรรมชาติธรรมเนียมของสามีภรรยาคู่นี้ เขาทะเลาะกันก็ล้อกันด้วยมีด ด้วยฝ่ามือ ด้วยเท้า ด้วยไม้กระทงปูพื้นเตียง และด้วยปืนเป็นประจำจนหลังคาสำนักงาน ฝาบ้าน พื้นบ้า มีแต่รูกระสุน ๓๕๗ อยู่รอบ ส่วน ส.๑ เองก็ยังนั่งใจเย็นอ่านหนังสือ ไม่หยี่หระกับปืนที่เล็งมา เพราะคิดว่าล้อเหมือนที่เคยล้อ

         โป้ง! โป้ง! โป้ง!

            “เฮ้ย! มันยิงจริง ๆ นี่หว่า” ส.๑ มุดหนีหลบกระสุนลงใต้โต๊ะ ข้าพเจ้ากระโดดออกจากที่นั่งทำงานทางหน้าต่างด้านวัดบ้านกล้วย เพราะโต๊ะข้าพเจ้ากับโต๊ะ ส.๑ อยู่ใกล้กลัวลูกหลง เพราะปืน ๓๕๗ ร้ายแรงกว่า .๓๘ ส่วนข้าราชการคนอื่นต่างกระโจนออกจากสำนักงานตัวใครตัวมัน ไปตั้งหลักกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊ง. ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

         ส.๑ ถูกยิงซ้ำหลายนัด แต่ยังไม่มีใครทราบว่าถูกยิงเข้าที่ไหนบ้างหรือไม่ หรืออาจยิงไม่ถูก เห็นคลานออกจากใต้โต๊ะวิ่งไปทางประตูหน้าสำนักงานที่ด้านแม่น้ำเจ้าพระยา ถึงประตูรั้วก็ล้มคว่ำ เจ้าหน้าที่เห็น ส.๒ ยิงซ้ำหลายนัด แต่กระสุนหมดแล้ว ๖ นัด จึงได้กรูกันเข้ากอดปล้ำ ส.๒ เพื่อแย่งปืน เกรงจะวิ่งขึ้นบนบ้านพักบรรจุกระสุนมายิงอีก และรีบช่วยกันนำตัว ส.๑ ไปยังโรงพยาบาลจังหวัด ช. แพทย์ช่วยชีวิตไว้ได้ ผ่าเอากระสุนออกจากแผ่นอก ทราบว่าบางนัดยังผ่าออกไม่ได้

         ไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อที่หลวงพ่อคือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับ ส.๑ “คน ๆ นั้นนะ ถึงโยมไม่ทำ เขาก็จะวิบัติเองเร็ว ๆ นี้แหละ...เพราะอกุศลกรรม เขาทำไว้มาให้ผล..จะให้ผลเร็ว ๆ นี้ แล้วไม่มีอะไรกั้นได้ มันเป็นไปตามกรรมของเขาเอง..เชื่ออาตมาเถอะ”

         แหม นี้ ส.๑ ถูก ส.๒ ภรรยายิงเอง ถ้า ส.๑ ถูกคนอื่นยิง นายเกรียง สุปันดี ถูกจับกุมดำเนินคดทางอาญาโดยมิต้องสงสัย เพราะใคร ๆ ก็ย่อมรู้ว่านายเกรียง สุปันดี นั่นแหละจ้างวานใช้มือปืนมายิง ส.๑ เพราะมีเรื่องรุนแรงกันมาหยก ๆ

         หลังจาก ส.๑ หายป่วยแล้วกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ แต่กิจกรรมภายในครอบครัวไม่จบสิ้น เรื่องได้รู้ไปถึงผู้บริหารในกรมป่าไม้ ในที่สุดผู้บริหารกรมป่าไม้จึงได้ย้าย ส.๑ จากตำแหน่งป่าไม้จังหวัด ช. เป็นประจำสำนักงานป่าไม้เขตสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ความวิบัติต่าง ๆ หลั่งโถมทับทวีมากยิ่งขึ้น พระพุทธรูปบูชาที่มีค่ายิ่ง พระเครื่องราง สิ่งต่าง  ๆ จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนไปหมดก่อนเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี

         สำหรับข้าพเจ้า กรมป่าไม้ได้มีคำสั่งโยกย้ายไปเป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ลป.๑๔ (แม่ทะ) อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง สังกัดสำนักงานป่าไม้เขตลำปาง

         ข้าพเจ้าไปรับราชการจังหวัดลำปาง ก็มีความเจริญก้าวหน้าดังคำให้พรของหลวงพ่อ โดยได้รับพิจารณาเลื่อนขึ้นเงินเดือน ๒ ขั้น ได้รับชมเชยความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ราชการจากป่าไม้เขตลำปาง สมัยนาย ช. นามสกุล พ. สมัยนาย อ. นามสกุล บ. และสมัยนาย ศ. นามสกุล ว. เป็นป่าไม้เขต และได้รับเชิญจากสภาผู้แทนราษฎรให้เข้าไปแถงต่อกรรมาธิการเกี่ยวกับการลักตัดไม้สัก การค้าไม้สักที่ได้จากการลักตัด การปราบปรามผู้ลักตัดไม้สักในท้องที่จังหวัดลำปาง ได้รับรางวัลจากสภาและจากกรมป่าไม้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับข้าพเจ้าและครอบครัว

         ท่านผู้ติดตามกฎแห่งกรรมคงพิจารณาเห็นแล้วใช่ไหมครับว่า ส.๑ และ ส.๒ มีเจตนาสร้างเรื่องใส่ร้ายแก่ข้าพเจ้า หวังผลให้ข้าพเจ้าต้องออกจากราชการ โดยกล่าวหากระทำผิดวินัยข้าราชการอย่างร้ายแรง และจะดำเนินคดีทางอาญา ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลบางคนยังคิดร้ายจะเอาชีวิตข้าพเจ้าอีกด้วย เนื่องจากขัดขวางการทุจริตของตน ขัดผลประโยชน์ของตน

         แปลกแต่จริงอีกเรื่องหนึ่งที่สำนักงานป่าไม้จังหวัด ช. คือ ระหว่างที่ ส.๑ ไปรักษาตัวโรงพยาบาลจังหวัด ช. ด้วยเหตุ ส.๒ ยิง ดังได้ทราบกันอยู่ ส.๒ ได้สั่งให้นาย ป. นักการภารโรงสำนักงานเปิดประตูที่เก็บไม้สักของกลาง นำไม้สักเหล่านั้นไปขายให้ผู้รับซื้อในตลาด ช. นั้นเอง มูลค่านับหมื่นบาท มีพยานรู้เห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องของ ส.๒ ส.๑ ก็รู้ว่าภรรยาของตนนำไม้สักของกลางไปขายในตลอด ช. แทนที่ตนเองต้องรับผิดชอบความเสียหายของราชการ กลับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน กล่าวหาว่าข้าพเจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ จะต้องชดใช้เงินให้แก่ราชการ กรมป่าไม้ ทั้งหมดนับหมื่น ๆ บาท ประธานคณะกรรมการเป็นเพื่อนกับ ส.๑ ชื่อ ส.๓ ผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนให้ข้าพเจ้ารับผิดชอบ ชดใช้เงินค่าเสียหายให้แก่ราชการทั้งหมด ข้าพเจ้าจึงต้องทำหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมป่าไม้ ขอให้เปลี่ยนตัวประธานคณะกรรมการสอบสวน ขอให้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ใหม่ เพราะไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้า ซึ่งเรื่องนี้หลวงพ่อเมตตาแนะนำให้

         หลวงพ่อบอกว่าไม่เป็นไร คราวนี้ได้รู้กันแหละ คนเอาไม้สักไปขายนั่นแหละเป็นคนได้เงินและจะต้องใช้เงินแก่หลวง ท่านอธิบดีกรมป่าไม้ได้เมตตาเปลี่ยนประธานกรรมการสอบสวน ชื่อ ส.๔

         เมื่อผู้ช่วยป่าไม้ เขตนครสวรรค์ดำเนินการสอบสวนใหม่ ผลการสอบสวนเป็นตามที่หลวงพ่อพูดไว้ทุกอย่าง ส.๑ ต้องรับผิดชอบ ส.๑ ส.๒ ต้องชดใช้เงินให้ทางราชการทั้งหมด ข้าพเจ้าปลอดภัย

         เห็นไหมครับท่านผู้อ่านตามกฎแห่งกรรม มันเป็นกฎแห่งกรรมจริง ๆ

         ยังมีกฎแห่งกรรมตอน “จังหวัดลำปาง” ซึ่งผู้ที่ควรตายคือข้าพเจ้าเพราะฝ่ายผู้ตั้งใจฆ่า ได้เอารถยนต์บรรทุกไม้สักพุ่งเข้าชนหมายให้เละ แต่กฎแห่งกรรมนะครับไม่ยกโทษให้เขา เมื่อเขาชนข้าพเจ้าแล้วรถเขาเองตกถนนพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้า เขาตายเอง ตายแทนข้าพเจ้า ฝ่ายทายาทผู้ตายเป็นโจทก์ร่วมกันฟ้องข้าพเจ้าเรียกค่าเสียหายคนตาย ค่าเสียหายรถยนต์นับแสน ๆ บาท ข้าพเจ้าตกเป็นจำเลย ในที่สุดศาลลำปางพิพากษาจำคุกโจทก์ ๓ ปี ๖ เดือน และใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยอีกหลายหมื่นบาท เรื่องนี้ยาวครับ เต็มไปด้วยอิทธิพลทั้งนายทุนค้าไม้สักและตำรวจที่หนุนหลังนายทุน รอไว้ในกฎแห่งกรรมฉบับหน้าของหลวงพ่อครับ หลวงพ่อทำนายอย่างไร เหตุการณ์เกิดตามนั้น น่าแปลก แต่จริง อดใจรอนะครับ

เรื่องที่ ๒

         เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ข้าพเจ้าและคณะได้รับคำสั่งจาก นาย พ. นามสกุล ส. อธิบดีกรมป่าไม้ ให้ไปร่วมกับ นาย อ. นามสกุล ส. นักวิชาการป่าไม้ ๖ นาย ส. นามสกุล ป. เจ้าพนักงานป่าไม้ ๖ นาย ป. นามสกุล ต. เจ้าพนักงานป่าไม้ ๕ นาย ผ. นามสกุล ก. เจ้าพนักงานป่าไม้ ๔ ทุกคนประจำกรมป่าไม้ มี นาย ส. นามสกุล จ. เป็นพนักงานขับรถยนต์คันที่ ๑ นาย ช. นามสกุล ส. เป็นพนักงานขับรถยนต์คันที่ ๒ โดย นาย อ. นามสกุล ส. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการของพวกเรา ไปตรวจสอบการทำไม้ท้องที่อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามที่มีผู้ใช้ชื่อราษฎรหมู่ ๓ ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง แจ้งเป็นหนังสือว่ามีการทุจริตทำไม้เถื่อนมาก มีข้าราชการหลายระดับชั้นร่วมทุจริตด้วย

         ผลการไปตรวจสอบของพวกข้าพเจ้า พบกระทำผิดทุจริตในการทำไม้จริง จึงยึดและอายัดไม้เป็นของกลาง จำนวนหนึ่งดำเนินคด จำนวนหนึ่งอายัดเพื่อตรวจสอบว่าตัดมาจากป่าใด รวมจำนวน ๑,๑๐๐ ท่อนเศษ มูลค่าหลายล้านบาท

มือปืนตามไปยิงถึงที่กองไม้ท่อน

         ในการยึดไม้ท่อนจำนวนมาก ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบรายละเอียดที่ท่านไม้แต่ละท่อน เพื่อประกอบการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิด ในขณะที่พวกเราแบ่งหน้าที่กันตรวจสอบไม้ ข้าพเจ้าทำหน้าที่พิมพ์หนังสือบันทึกเรื่องราวอยู่ที่กระต๊อบ มือปืนขับจักรยานยนต์มาจอดใกล้ที่ข้าพเจ้านั่งปฏิบัติอยู่ มีสิ่งหนึ่งเตือนใจก้องในหูว่าให้ระวังนะ มาไม่ดี ๆ ข้าพเจ้าระวังตัว เขาพยายามเดินอ้อมมาอยู่ด้านหลังข้าพเจ้าเพื่อชักปืนจ่อยิงหัวได้ถนัด ทันใดนั้นเองญาติข้าพเจ้าได้ขับจักรยานยนต์เข้ามาหาข้าพเจ้า และได้ต่อว่าต่อขานมีปากเสียงกับมือปืน ในที่สุดมือปืนก็จากไป ข้าพเจ้าจึงได้รู้ว่า มือปืนชื่ออะไร มีประวัติร้ายกาจขนาดไหน เหตุเกิดวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๒

         หลังจากวันนั้นแล้ว ญาติฝ่ายข้าพเจ้าขอร้องไม่ให้ข้าพเจ้าเดินทางเข้าป่าอีก ขอให้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับเอกสารอยู่ที่พักโรงแรมตาปี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี

         กลุ่มผู้ทุจริตทำไม้ได้จัดมือปืนมานอนที่โรงแรมตาปี เพื่อหาโอกาสยิงข้าพเจ้าที่โรงแรม ในจำนวนนั้นมีอยู่คนหนึ่งแจ้ให้ข้าพเจ้าทราบว่า เขาได้รับจ้างมายิงข้าพเจ้ากับ นาย ส. นามสกุล ป. ค่าจ้าง ๒๐๐,๐๐๐ บาท (สองแสนบาท) แต่คนนี้ไม่ยิงข้าพเจ้าและเพื่อน กลุ่มขบวนการทุจริตไปจ้างมือปืนมากจากจังหวัดนครศรีธรรมราช ญาติข้าพเจ้าขอให้ย้ายที่พัก จึงได้ย้ายไปพักอยู่กับคณะทหาร กรม ทพ.ที่ ๔๕ ซึ่งมาช่วยปฏิบัติงานปราบปรามในการตรวจจับกุม พวกข้าพเจ้าได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าฉาง ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกประการ

มติที่ประชุมกรมป่าไม้

         หลังจากที่ได้แจ้งความดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิดแล้ว พวกข้าพเจ้าเดินทางเข้ากรุงเทพฯ นาย อ. นามสกุล ส. หัวหน้าชุด รายงานเรื่องราวและหารือแนวทางปฏิบัติในสิ่งที่มีปัญหาต่อกรมป่าไม้

         วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๒ กรมป่าไม้นำเรื่องเข้าที่ประชุมและมีมติออกมา ๔ ข้อ ในจำนวนนั้นมีอยู่ข้อหนึ่งที่ให้ย้ายข้าราชการทุกคนที่ร่วมทุจริตทำไม้รายนี้ออกจากพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมติอีกข้อหนึ่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทำไม้รายนี้ เพื่อให้ทราบว่าข้าราชการผู้ใดบ้างทุจริต ทุจริตอย่างไร หรือมีขั้นต้อนที่ไม่ถูกต้องอย่างไร

การดำเนินการของกรมป่าไม้

         กรมป่าไม้ได้ย้ายข้าราชการผู้ทุจริตออกจากพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๒ แม้แต่สักคนเดียว ทุกคนยังอยู่ดีมีสุขตามปกติที่เดิมทั้งสิ้น แต่กลับยาย นายเกรียง สุปันดี จากตำแหน่งเจ้าพนักงานป่าไม้ ๖ ฝ่ายตรวจราชการ ทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ตรวจการป่าไม้ภาคใต้ ไปเป็นป่าไม้อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี (ลดจาก ๑๔ จังหวัดภาคใต้เหลือ ๑ อำเภอครับ) เหตุโดนแจ๊กพ็อตคนแรก เพราะคัดค้านการปล่อยไม้ที่อายัดไว้ ๑,๐๕๖ ท่อน ต่อ นาย พ. นามสกุล ส.อธิบดีกรมป่าไม้ ไม้ที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าได้มาโดยชอบอย่างไรหรือไม่ จะปล่อยไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทางอาญา

ขอฤกษ์ลาออกจากราชการ

         เมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ ข้าพเจ้าและนางไพพรรณ ภรรยาเดินทางมา กราบหลวงพ่อเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ ที่วัดอัมพวัน มีความประสงค์ขอฤกษ์ยื่นใบลาออกจากราชการเพื่อขอรับบำนาญ เพราะเห็นแล้วว่า ทำดีไม่ได้ดี เกรงว่าหากข้าพเจ้ายื่นใบลาออกจากราชการต่ออธิบดีกรมป่าไม้โดยไม่มีฤกษ์อาจถูกขัดขวาง ไม่อนุญาตให้ออกก็ได้ ข้าพเจ้าเป็นคนถือเรื่องฤกษ์ยาม หลวงพ่อเคยแนะนำสั่งสอนให้ปฏิบัติดีอย่างไร ข้าพเจ้าปฏิบัติตามท่าน เกิดผลดีและเป็นตามที่ท่านพูดทุกเรื่องเรื่อยมา ข้าพเจ้ากับนางไพพรรณ จึงได้มาขอฤกษ์จากท่าน

เหวลึกและกว้างน่ากลัวมาก

         หลวงพ่อรู้ความประสงค์ขอฤกษ์เพื่อยื่นใบลาออกจากราชการรับบำนาญ ท่านหยุดเฉย นิ่งนิดหนึ่ง แล้วพูดว่า

            “อาตมาเห็นหมดแล้ว เหวทั้งลึกและกว้างน่ากลัวมาก คนพวกนั้นมากัน กี่คน กี่คนกระโดดลงเหวหมด กระโดดลงแผล็ว ๆๆ ตามกัน มีคนยืนดูเขากระโดดลงเหวคนหนึ่ง” ท่านยกมือทำท่าประกอบเหวลึกกว้างและกิริยาอาการของคนกระโดดเหว

         “เชื่ออาตมานะ อย่าลาออก เขาให้ไปอยู่อุดร..ไป..ไปอุดรอยู่ดีมีสุข...ก็จะได้พบสิ่งที่ดีอีก”

         ต่อไปนี้ไปไม่นาน คือหมายถึงจากวันที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นต้นไป ผู้ที่อยู่หน่วยเหนือขึ้นไป ท่านทำมือประกอบชี้ขึ้นสูง จะมีการเปลี่ยนแปลง จะเกิดเหตุการณ์เดือดร้อนแก่เขา (หมายถึงผู้ใหญ่หน่วยเหนือ) ไม่สามารถแก้ไขได้ มันจะเป็นไปตามเรื่องที่ต้องเปลี่ยนแปลงของมันเอง

         เรื่องนี้ชี้ให้เห็นกฎแห่งกรรมชัดเจนมากเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้าแยกเป็นข้อย่อ ดังนี้

ก.      เจ้าหน้าที่หรือข้าราชการของรัฐซึ่งกระทำไม่สุจริตมานานจนเป็นธรรมเนียม รู้อยู่แล้วว่าพื้นที่อนุญาตให้ทำไม้ออกมา หรือให้ตัดไม้ซุง ไม่มีไม้อยู่เลย เพราะเป็นสวนยางพาราของชาวบ้านไปแล้ว มีแต่ต้นไม้ยางพาราเพื่อกรีดเอายางเท่านั้น แต่ก็มีเจตนาสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จข้นมาแสดงหลักฐานว่ายังมีต้นไม้อยู่ สร้างหลักฐานระบุว่ามีต้นไม้ชนิดอะไร จำนวนกี่พันต้น ต้นไหนไม้ชนิดไหน ใหญ่โตเท่าใด รายงานต่อป่าไม้เขต ป่าไม้เขตก็สมยอมโดยสั่งเจ้าหน้าที่ให้ไปตรวจสอบ ตีตรารับรองตามวิธีการของทางราชการเป็นขั้นตอนสอดคล้องกัน ฝ่ายพ่อค้าก็ไปลักตัดเอาไม้ชนิดต่าง ๆ ให้ตรงหรือใกล้เคียงกับรายงานหลักฐานอันเป็นเท็จของเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ จากในป่าสงวนแห่งชาติมาสวมว่าเป็นไม้ที่อนุญาต เวรกรรมอันนี้มีอยู่จริงนะครับ เมื่อถูกจับกุมก็ไม่รู้จะแก้ตัวกันอย่างไร จึงตกเป็นจำเลยของศาลเพื่อชดใช้กรรมแล้วนะครับ น่าสงสารจริง ๆ เงินที่ได้มาจากการกระทำอันเป็นเท็จ ก็ต้องใช้ไปไม่เกิดประโยชน์คุ้มค่าเท่าใด ความสุขใจไม่มีเลย มีทรัพย์มากแต่ไม่มีความสุขก็ไม่รู้มีทำไม นั่นแหละครับทำเหตุชั่วก็ย่อมได้รับผลชั่ว เป็นตามกฎแห่งกรรม

ข.      คิดร้ายแก่ผู้ปฏิบัติชอบในหน้าที่ราชการถึงขนาดเอาชีวิต แต่เคราะห์ดีเพราะผู้ปฏิบัติชอบไม่ได้คิดร้ายถึงเอาชีวิตผู้ใด จึงไม่ถูกเขายิง ไม่ยินดีจะได้เงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท (สองแสนบาท) เพียงได้ฆ่าข้าพเจ้า และนาย ส. นามสกุล ป. ถ้าหากข้าพเจ้ามีจิตใจต่ำดำมืดเช่นผู้ทุจริตนั้นบ้าง ป่านนี้สำนักงานป่าไม้เขตสุราษฎร์ธานี คงจะพังระเนระนาดและได้เผาศพกันไปหลายคนแล้วก็ได้ เพราะมีผู้โกรธแค้นแทนนายเกรียง สุปันดี กับนาย ส. เพื่อนคนนั้นหลายคน ซึ่งแต่ละคนพญายมก็ส่ายหน้าเหมือนกัน เชื่อว่ากลุ่มผู้ทุจริตก็เป็นทุกข์ใจอย่างยิ่งอยู่ ทรมานใจแสนสาหัส นี่เป็นไปตามกฎแห่งกรรมไงละครับ

ค.      ผลพวงจากการกระทำผิดทุจริตของคนเดียวในครอบครัว แต่กระทบถึงทุกคน ครอบครัวของเขาหมดความสุข ห่อเหี่ยวหดหู่ไปด้วย เงินที่ได้จากกระทำชั่วย่อมร้อนเผาผลาญทุกคนที่ร่วมได้รับใช้เงินนั้นใช้ทรัพย์นั้น มันเป็นกฎแห่งกรรมชั่วนั่นเอง

 

----------- จบ -----------