ปฏิบัติธรรมเพราะกตัญญู
ทัศนีย์
ศรีบุศย์ดี
R7005
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้มาเจริญวิปัสสนากรรมฐานนี้
แม่ของข้าพเจ้าได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่
มีอาการท้องเสียเวลามีรอบเดือนซึ่งทรมานมาก
จึงไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุพรรณบุรี ผลยังปรากฏไม่แน่ชัด แต่ทางโรงพยาบาลกลัวว่าจะเป็นเนื้อร้าย
เลยส่งแม่ของข้าพเจ้าไปตรวจที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
ผลออกมาก็คือ
แม่เป็นโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่ จะต้องผ่าตัด ญาติบางคนก็แนะว่าควรผ่าตัด
บางคนก็ว่าไม่น่าที่จะต้องผ่าตัด เพราะไหน ๆ จะตายแล้วก็ขอให้มีอาการครบ ๓๒ ประการ
เลยตัดสินใจไม่ผ่าตัด อาศัยยาหม้อไปเรื่อย ๆ ประทังชีวิตไปวันหนึ่ง ๆ
มีญาติบางคนแนะนำให้ไปหาพระซึ่งเป็นหมอดู
เมื่อแม่ไปที่วัดนั้นแล้วพระบอกว่าที่บ้านโยมน่ะมีสิ่งไม่ดีอยู่ ทำให้เจ็บป่วย
เช่นผีสาเร่ ไม่มีที่อยู่ ต้องทำพิธีขับไล่ โดยการเอาตะปู ๕ นิ้วไปทำพิธีที่วัดแล้วให้คนที่ไม่ใช่คนในบ้านคือ
ป้าของข้าพเจ้า เอาไปเหวี่ยงทิ้งในทิศตะวันออก แล้วไม่หันหลังกลับมาอีก
อาการป่วยก็ไม่ดีขึ้น ป้าอีกคนได้แนะอีกว่า มีอาจารย์สะเดาะเคราะห์เก่งมาก
มาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ที่บ้าน การทำครั้งนี้ก็หมดเงินไปเป็นหมื่น
คืออาจารย์ท่านบอกว่าที่ที่บ้านของข้าพเจ้านี้เป็นทางเข้าออกของพวกยมทูต
เขาบอกวาคนในบ้านนี้เดินเตะหัวเขาหลายครั้งเลย ทำให้คนในบ้านต้องมีอันเป็นไป
แล้วมีการสะเดาะเคราะห์อีก หมดเงินอีกมาเลย
อาจารย์บอกให้ลูก
ๆ และสามีบนบวชต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าแม่หายแล้วจะอุทิศผลบุญกุศลให้ ข้าพเจ้าไม่อยากบวช
เพราะกลัวถูกโกนหัวอดข้าวเย็น แต่ก็ จำใจบวชเพราะอยากให้แม่หาย บนไว้คนละ ๑
เดือนเต็ม แล้วอาจารย์ก็ไปหายามาให้ทานด้วย
มีคนแนะนำให้ไปทำบุญตักบาตรบ้าง
แม่ของข้าพเจ้าไปใส่บาตรทุกวัน ได้รู้จักกับ จ่าวิทย์ บอกว่า ที่จังหวัดสิงห์บุรี
มีวัดปฏิบัติกรรมฐาน สามารถรักษาโรคได้ ชื่อวัดอัมพวัน จ่าวิทย์ก็นำหนังสือของวัดเรื่องกฎแห่งกรรม
มาให้อ่าน ข้าพเจ้าอ่าน ๒-๓ วันก็จบเล่ม ก็เกิดศรัทธาขึ้นมา อยากไปมากที่สุด
แม่ของข้าพเจ้าก็อยากไปมาก รอประมาณครึ่งเดือนปิดเทอมแล้วถึงได้ไป
พ่อขับรถมาส่งที่วัด
เมื่อข้าพเจ้าและแม่มาถึงก็พบกับแม่ชีสมคิดเป็นผู้รับสมัคร
ตอนที่กรอกใบสมัครเขามีระบุวันว่าจะอยู่กี่วัน ข้าพเจ้าลงไป ๓๐ วัน แม่ชีตกใจเลย
บอกว่าไม่ได้หรอก ที่นี่น่ะอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน จากนั้นแม่ชีก็จัดกุญแจห้องที่ ๒๒
อาคารภาวนา ๒ ภายในห้องพักดีมากเลย มีห้องน้ำในตัว ข้าวของมีระเบียบดีมาก
แม่ชีนัดข้าพเจ้าเวลา ๑๘.๓๐ น. เตรียมดอกไม้ธูปเทียนเพื่อขอรับศีล
และรับการฝึกการปฏิบัติจากพระอาจารย์
วันแรกการฝึกเดินจงกรมนับว่ายาก
พอเรายกขาขวาไป ขาซ้ายจะยกตามทันทีซึ่งผิด เพราะเราเคยชินกับการเดินแบบธรรมดา
แต่ลองมาเดินจงกรม ๒-๓ ก้าว เหนื่อยเหมือนเดินเป็น ๑๐ กิโลเมตร
อากาศก็ร้อนอบอ้าวนิดหน่อย ข้าพเจ้าก็เกิดเลือดกำเดาไหล
ข้าพเจ้าไม่เป็นมาหลายปีแล้ว อยู่ ๆ กลับมาเป็น ทั้ง ๆ
ที่บ้านอากาศร้อนยิ่งกว่าที่วัดเสียอีก
จากนั้นประมาณ
๒๐.๐๐ น. ก็ได้ขึ้นไปปฏิบัติรวมกันกับคนที่เขามาก่อนแล้ว ตามเคยข้าพเจ้าก็ทำยังไม่เป็น
นั่งสมาธิก็หลับประมาณ ๒-๓ วัน ข้าพเจ้าปรับตัวได้ดีขึ้น คือ ตื่นก่อนตี ๔ นอนดึก
งดอาหารเย็น ซึ่งเดี๋ยวนี้สบายมากสำหรับข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าได้พบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งน่ารักมาก
เธอเป็นลูกครึ่ง ไทย-ฝรั่ง เธอปฏิบัติเก่งมาก
ทั้งเดินทั้งนั่งกิริยามารยาทเรียบร้อย ข้าพเจ้าก็เลยเอาอย่างบ้าง
ก็ประสบความสำเร็จพอสมควร ตลอดเวลา ๗ วัน ข้าพเจ้าได้อะไรมาก ก่อนวันที่จะลาศีลกลับ
ข้าพเจ้าก็ได้คุยกับเธอคนนั้น แต่เธอไม่ค่อยคุยด้วย เพียงแต่บอกชื่อและโรงเรียน
เธอชื่อ แคร์ แมรี่แลนด์
เมื่อเวลาล่วงเลยครบ
๗ วัน แล้วใกล้จะลาศีล แม่ก็พบกับพี่สมประสงค์แล้วเล่าอาการป่วยเป็นโรคให้พี่สมประสงค์ฟัง
พี่สมประสงค์เลยไปขอยาของหลวงพ่อมาให้ มีฟ้าทลายโจรแคปซูล และน้ำมันมนต์ พี่สมประสงค์บอกให้ท่านยาวันละ
๑๐ เม็ด พร้อมน้ำมันอีก ๑ ช้อนชา และดิฉันได้บอกพี่สมประสงค์ว่าที่มานี้บนบวชให้แม่หายจากโรคเป็นเวลา
๓๐ วัน แต่แม่ชีสมคิดให้อยู่ได้ ๗ วัน พี่สามประสงค์ถามว่าอยากอยู่ต่อมั๊ยล่ะ
ถ้าอยากอยู่ต่อจะฝากให้อยู่กับแม่ชีดาวเรือง ข้าพเจ้าเลยตกลงอยู่ก็อยู่
เป็นอันว่าข้าพเจ้ายังไม่กลับ กลับแต่แม่ของข้าพเจ้าคนเดียว
รุ่งเช้าข้าพเจ้าก็ได้ย้ายไปอยู่กับแม่ชีดาวเรือง
แม่ชีดาวเรืองพักอยู่คนเดียวที่กุฏิแม่กาหลงชั้นล่าง แม่ชีดาวเรืองดีใจมากเลย
คอยสอนอะไรให้ข้าพเจ้าหลายอย่าง เช่น พวกการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน พุทธประวัติ
บางครั้งแม่ชีก็เล่า เรื่องของครอบครัวหรือตัวของแม่ชีให้ฟัง
ซึ่งบางเรื่องก็ขำสนุกดี เป็นการคลายเครียดทางหนึ่ง
แม่ชีบอกว่าถ้าบวชให้แม่ละก็ให้แผ่เมตตา กรวดน้ำให้ด้วยหลังปฏิบัติเสร็จ
การปฏิบัติขณะที่ข้าพเจ้าอยู่อีก
๓ อาทิตย์ การนั่งสมาธิอยู่ในขั้นต้น ๆ คือ บางครั้ง พอง-ยุบ หายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงบ่าย
แม่ชีซูง้อ จะต้องคอยมาตั้งสติให้เกือบทุกวัน เพราะข้าพเจ้านั่งหลับตัวงอเป็นกุ้ง
แม่ชีซูง้อท่านมาจับบริเวณหน้าขาแล้วข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวร้อนและชาตามแขนตามขาพร้อมกับมีอาการสะดุ้งนิด
ๆ พอให้รู้ว่าตื่นได้แล้ว จับพองยุบต่อ ข้าพเจ้าก็ทำตาม คุณศิษยา ธาดาสีห์
อาจารย์สอนอีกคนหนึ่ง ท่านก็สอนข้าพเจ้าไม่ให้กลืนน้ำลาย โดยบอกว่า อย่ากลืนน้ำลายหนอ-แม่ไม่หายหนอ
เท่านั้นแหละไม่กลืนเลย ส่วนการเดินจงกรม ข้าพเจ้าก็เดินได้พอใช้ ทำตามที่หลวงพ่อสอนว่าทำให้ช้าที่สุดเหมือนคนใกล้ตายยิ่งดี
เวลา
๑ เดือนที่ข้าพเจ้าได้อยู่ปฏิบัติธรรม ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างของชีวิต
ฝึกความอดทน ใจคอหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม ได้รู้จักหลวงพ่อขึ้นว่าหลวงพ่อท่านปรารถนาดีกับทุก
ๆ คน ต้องการช่วยเหลือทุก ๆ คนที่เดือดร้อน วัดอัมพวันจึงเหมือนบ้านที่สองที่ให้ความอบอุ่นกายอบอุ่นใจ
และที่สำคัญเป็นการเสริมสร้างกำลังใจได้อย่างดียิ่ง
เมื่อข้าพเจ้ากลับมาจากวัดแล้ว
ก็นำเอาหลักการปฏิบัติมาใช้ เช่นการนั่งสมาธิแผ่เมตตาจิตก่อนนอน การสวดมนต์บทชัยมงคลคาถาพาหุงมหากาฯ
ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับเรา ๆ ที่ยังเป็นนักเรียนนักศึกษา
ให้มีสติสัมปชัญญะอยู่ทุกเมื่อ จะเรียนหนังสือก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งจากการฟังอาจารย์อธิบายในชั้นเรียนโดยการกำหนดสติขณะรับฟัง
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน นอกจากจะช่วยในด้านการเรียนของข้าพเจ้า
ยังทำให้ข้าพเจ้าไม่ขี้เกียจเหมือนแต่ก่อน ขยันทำงานมากขึ้น
ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพ่อ แม่มากขึ้น ไม่ค่อยรั้นเหมือนแต่ก่อน
ข้าพเจ้ากลับมาปฏิบัติที่บ้านได้ประมาณ
๒ ปี อาการป่วยของแม่ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ครั้งหลังสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมช่วงวันที่ ๒-๙ ข้าพเจ้าก็ได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอีก
คราวนี้ปฏิบัติของข้าพเจ้าดีมาก ๆ กำหนดเวทนาปวดก็หายปวด ทั้งขณะเดินจงกรม
ข้าพเจ้าจะปวดไหล่และคอ พอกำหนดปุ๊บก็หายปั๊บ
ยิ่งการนั่งสมาธิก็ยิ่งดีเพราะข้าพเจ้าใช้การนั่งสมาธิเพชร
ซึ่งข้าพเจ้าถนัดมากที่สุด เพราะกำหนดได้ดีและที่สำคัญการกำหนดทุกอิริยาบถซึ่งข้าพเจ้าก็ปฏิบัติอยู่ทุกวัน
ทุกขณะการหายใจแล้วมันให้ผลที่น่าอัศจรรย์มาก ที่ข้าพเจ้าประสบมาแล้วคือ
การกำหนดคิดดูหน้าเพื่อนที่ชื่อสุชาวดี ภาพเขาออกมาแว้บจริง ๆ ไม่เชื่อลองดู
ข้าพเจ้าได้มารู้จักวัดอัมพวัน
ก็เพราะหนังสือกฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ ของหลวงพ่อ
มีอิทธิพลต่อจิตใจของข้าพเจ้ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำสอนสั่งของหลวงพ่อทุก ๆ คำ
ทุก ๆ ประโยค
ทัศนีย์
ศรีบุศย์ดี
----------- จบ
-----------