ปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรมหายจากโรคอัมพาต
ชุมพล แสนอาจโท
R7011
เรื่องของกระผมออกจะไปข้องเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ
ทางโลกวิญญาณ ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือเปล่าก็สุดแท้แต่จะนึก กระผมป่วย ด้วยโรคปวดขารุนแรง
แทบจะเดินไม่ไหว แล้วต่อมา กระผมก็เดินไม่ได้จริง ๆ อาการรุนแรงทำให้ท้อแท้
อยากตาย ๆ จากโลกนี้ไปให้สิ้นกันไป ทรมานนับปี อยู่ ๆ
ถึงคราวกระผมจะหมดเวรหมดกรรมหรือยังไงไม่ทราบ ทราบข่าวจากคุณศิรประภา (กอบ)
สิทธิเกษร เพื่อนบ้านแนะนำให้ไปพบ อาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ เพื่อขอรับคำแนะนำบางอย่าง
เพราะกระผมเองมืดแปดทิศแล้ว
วันที่กระผมไปถึงบ้านอาจารย์บุญส่ง
อินทวิรัตน์ กระผมคลานเข้าไปถึงในบ้านของอาจารย์บุญส่ง ท่านมอง ๆ
กระผมแล้วบอกให้เขียนชื่อนามสกุล ที่อยู่ลงในสมุดบันทึก ใส่บ้านเลขที่ให้ละเอียด
ท่านมองผ่าน ๆ แล้วก็นิ่งสักครู่ก็บอกว่า หน้าบ้านคุณชุมพล
มีคนตายใช่ไหม กระผมก็ตอบว่าใช่ มีเด็กหนุ่ม ๆ
ตกต้นไม้ตาย และก็ถามต่อไปว่า บนบ้านคุณชุมพลมีวิญญาณเดินอยู่ในบ้านใช่ไหม
เสาตกน้ำมันใช่ไหม กระผมก็ตอบว่า
ใช่ ตอนนี้แหละ กระผมชักจะศรัทธาเลื่อมใสอาจารย์บุญส่ง ปักใจดิ่งซะแล้ว
เพราะกระผมทราบแน่ชัดว่า ท่านอาจารย์บุญส่งไม่เคยรู้จักที่อยู่กระผมมาก่อน ไม่ใช่เตรียมเรื่องแล้วมาตอบถามกัน
ทำไมจึงทราบทะลุปรุโปร่งหมด เหมือนท่านอาจารย์บุญส่งอ่านกระผมออกไปราวกับอ่านหนังสือเป็นแถบ
ๆ บนหน้ากระดาษ
อาจารย์บุญส่ง
อินทวิรัตน์ ที่ผู้คนศรัทธามากมาย ก็บอกว่า ขอให้คุณชุมพลไปปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรม
๗ วัน ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี แล้ววิญญาณนางตะเคียนจะไปกราบลาคุณไปเกิด
เขาติดตามมาอยู่ในบ้านของคุณมากับเสาตะเคียน และยังรู้ละเอียดว่า กระผมไปซื้อเหมาไม้ปลูกบ้านที่คนอื่นเขาจะซื้อไปถวายวัด
แต่กระผมบังเอิญไปซื้อ เจ้าของเขาเห็นได้ราคา ก็ขายให้กระผมมา กระผมก็ซื้อไม้มาปลูกบ้านโดยไม่รู้ว่า
มีเสาตะเคียนตกน้ำมันอะไรมาก่อน
วันหนึ่ง
กระผมนั่งเล่นอยู่ชานเรือน ถูกถีบหล่นตูมลงมาจากบ้าน ไม่มีคนไหนมาถีบเป็นเท้าแน่ ๆ
แต่ไม่มีตัวตน กระผมหล่นตุ้บลงมาทรุดกับพื้นดิน จากวันนั้นมาก็ป่วยตลอดมา วันดีคืนดี
กลางวันแสก ๆ บนบ้านกระผม มีเสียงผู้หญิงเดินอยู่บนบ้าน บางครั้งก็เห็นไว ๆ วับ ๆ
หายไป ป่วยอยู่เรื่อยมา บ้านกระผมแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีความสุขเลย
กระผมขอจารึกวันนี้ไว้ในความทรงจำ
คือวันที่ได้พบกับ อาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ ผู้จุดแสงเทียนส่องทาง
แนะนำให้กระผมมาปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี มากราบเท้าหลวงพ่อ เจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) และได้อยู่ปฏิบัติกรรมฐานครบ ๗
วัน กระผมอธิษฐานไว้ว่า ตอนขากลับจากวัดอัมพวัน
ขอให้กระผมเดินขึ้นรถกลับบ้านที่ขอนแก่นได้เหมือนคนปกติ เพราะตอนไป
กระผมซื้อไม้เท้ายันเดินสี่ขาไปตลอด แล้ววันนั้นก็เป็นความจริง
กระผมอยู่ปฏิบัติกรรมฐาน ๗ วัน
ตอนกลับกระผมไม่ได้ใช้ไม้เท้ายันตัวกลับเหมือนตอนไป
เดินขึ้นรถกลับบ้าน เดินเหมือนคนปกติธรรมดา ไม่มีอาการอัมพาตอะไรเลย
แข้งขาแข็งแรงดี ปกติทุกอย่าง ทำให้เพื่อน ๆ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอนแก่น อำเภอเมืองขอนแก่น
แปลกใจที่กระผมหายป่วยเป็นปกติดีได้อย่างไร เพราะก่อน ๆ
มีแต่นึกว่าคงทำงานต่อไปไม่ได้แน่นอน อยู่ไม่ตลอดเกษียณอายุแน่ ๆ
แต่กลับมาอย่างคนสุขภาพสมบูรณ์
ทำให้เพื่อนร่วมงานสนใจมาไต่ถามไปพบครูอาจารย์ดีที่ไหนมา
กระผมก็ตอบว่า
ไปฝึกกรรมฐาน สติปัฏฐาน ๔ แก้กรรมที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ๗ วัน
ใต้ร่มบารมีเมตตาหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ
ฐิตธมฺโม) ชีวิตของผมจึงหายพิการดังที่เห็นนี้
กระผมเขียนเล่าเรื่องนี้
เพื่อเป็นพยานว่า สติปัฏฐาน ๔ ที่หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ
ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี นำมาบอกสอนให้ผู้อยู่ในกองทุกข์ จมอยู่ในกองทุกข์
นับแสนนับล้านชีวิตได้หลุดพ้น เป็นเรื่องจริง ปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ชดใช้หนี้เวรกรรมได้จริง
ๆ ปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ชดใช้หนี้เวรกรรมได้จริง และขอให้เชื่อว่า กรรมมีจริง
ต้องชดใช้กรรมเป็นเรื่องจริง ก่อกรรมดีและชั่ว กรรมนั้นสนองตอบให้ ช้าหรือเร็ว
แรงหรือเบา
สุดแต่เจตนาและการกระทำกับผลที่มันออกมาว่าจะรุนแรงหรือเบาหนักแค่ไหนเท่านั้น
แต่ชดใช้กรรม เป็นเรื่องต้องมีโอกาสชดใช้แน่ คนไม่เห็นฟ้าดินย่อมเห็น กฎแห่งกรรม
ไม่เคยงดเว้นใคร
กระผมไปปฏิบัติสติปัฏฐานอยู่สามวันแรก ปวดขารุนแรง กระผมอดทนปวดขาแทบระเบิด ก็ทนเอา ทนสู้กับเวทนา ที่เขามากดดันให้กระผมละความเพียร ไม่ยอมแพ้ สู้ชดใช้กรรมเขาไป เวทนามันแก่กล้า ก็กำหนดรู้ตามครูฝึกสอน พอวันที่ ๔ อาการปวดหนักเริ่มคลาย เบาสบายขึ้นโดยลำดับ อาการป่วยเริ่มคลี่คลายหายดีโดยลำดับ กระผมสามารถเดินจงกรมกับกัลยาณมิตร ผู้มาปฏิบัติได้เฉกเช่นเขาอื่น เหมือนคนเดินปกติ โดยกระผมเองลืมตัวไปสนิทว่า ตอนมากระผมคลานมาวัดอัมพวัน สิงห์บุรี แต่ตอนนี้เดินได้ มารู้เรื่องจริง ๆ เอาวันที่ ๖ และ ๗
วันหนึ่ง
กระผมนั่งสมาธิกำหนดพองหนอยุบหนอ ตามครูฝึกบอกสอน นั่งไป ๆ รู้สึกปวดหน่วงหนึบขึ้นอีก
เอ๊ะ! เล่นงานเราอีกหรือยังไง ปวดหนืด ๆ พักเดียว ปรากฏร่างของวิญญาณผีนางตะเคียนที่อยู่บ้านกระผมที่ขอนแก่น
แต่งตัวสวยงามแบบไทยเดิม มานั่งพนมมืออนุโมทนาบอกกับพระผมว่า
ขออนุโมทนาและขอบคุณที่กล่าววาจาตั้งอธิษฐานแผ่กุศลผลบุญไปให้ จะมาลาคุณชุมพลไปเกิดแล้วนะ
แต่ก่อนจะลาไป จะรักษาอาการอัมพาตของคุณชุมพลให้หาย เป็นการตอบแทน
และวิญญาณนางตะเคียนสวยงาม ก็ก้มเป่าที่หัวเข่าของกระผม คลื่นกระแสพลังเย็นวาบไหลผ่านขากระผมพุ่งผ่านไปทั่วสรรพางค์กาย
เย็นวาบเบาสบาย เบาตัวโปร่งสบาย กระผมจึงลุกขยับตัวขึ้นลองเดินเอาความมั่นใจ
ผลปรากฏว่ากระผมเดินได้ปกติ
หายจากอาการอัมพาต หายป่วยจริง ๆ ก่อนวันที่เข้าปฏิบัติกรรมฐานสองสามวันแรกก็ทุลักทุเล
เดินเซ เดินเอียงอยู่เหมือนกัน แต่จิตใจของกระผมมีสติประคองสู้เวทนากล้า อย่างไม่ท้อถอย
ปักใจสู้ ชดใช้กรรมเขาให้หมด ตายเป็นตาย อยู่เป็นอยู่ ไหน ๆ อยู่บ้านก็เป็นอัมพาต
เดินไม่ได้ ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว จะตายทั้งที สู้ให้ถึงที่สุดกันดูสักครั้ง
สู้กับเวทนา
กระผมกราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล
วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ด้วยข้อเขียนเรื่องโลกวิญญาณลี้ลับ และกฎแห่งกรรมต้องชดใช้
มีจริง เรื่องจริงมาถวายลงในหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ
ไว้เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงเมตตาบารมีหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ซึ่งเป็นที่เคารพรักศรัทธาของชาวจังหวัดขอนแก่น
และชาวอีสานทั้งหมด ได้ทราบโดยทั่วกัน
ขอเชิญชวนไปปฏิบัติสติปัฏฐาน
๔ ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี กันเถิดครับ จะพบทางออกบอกคนได้ ใช้คนเป็นเห็นตนชัดต่อไป
อย่าท้อแท้ อย่าสิ้นหวัง เหมือนดังกระผมได้ประสบพบเห็นมาด้วยตนเองนี่แหละครับ
กระผมชักชวนเพื่อน
ๆ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหลายท่านไปเข้ารับปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ปฏิบัติกรรมฐาน
ให้ชีวิตพบกับมิติหนึ่งที่บางท่านอาจจะไปเคยสัมผัสมาก่อนเลย เชิญเถิดครับ
เพื่อชีวิตเกิดมาไม่เป็นโมฆะ มาปฏิบัติกรรมฐานกันเถิดครับ แล้วจะได้คำตอบให้ชีวิตว่าคนเราเกิดมาทำไม
ของเราของใครไม่มีอะไรเลย มาตัวเปล่ากลับไปเหลือขี้เถ้ากองเดียว ยังมีชีวิตอยู่
อย่าให้เวลาล่วงพ้นไปเปล่า ๆ หายใจทิ้งไปเปล่า ๆ เลยครับ สติปัฏฐาน ๔
ชดใช้กรรมหมดแล้ว ทำงานได้เข้มแข็ง มีประโยชน์ต่อหน้าที่การงานอีกด้วย
ชุมพล แสนอาจโท
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอเมือง
จังหวัดขอนแก่น ๔๐๐๐๐
โทร. ๐๔๓-๒๓๖๒๔๖
----------- จบ
-----------