กรรมสนอง

เกรียง สุปันดี

R7012

 

          ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอกล่าวอ้างด้วยความเคารพ ด้วยความสำนึกกตัญญูต่อท่านผู้มีพระคุณทุกท่าน ซึ่งให้ความเมตตาช่วยเหลือข้าพเจ้าทุกด้านตามแนวทางที่ท่านช่วยได้ เพื่อให้ข้าพเจ้าได้รับความเป็นธรรมในทางคดี ตั้งแต่ต้นจนคดีถึงที่สุด

            โดยเฉพาะ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล วัดอัมพวัน แม้ข้าพเจ้ามาหาหลวงพ่อกลางวัน หรือมืดค่ำกลางคืน ท่านก็เมตตาให้ข้าพเจ้าและครอบครัวทุกโอกาส ท่านมีแต่ให้ ข้าพเจ้าเดินทางกลับไปลำปางแล้วท่านก็ตามไปให้ คือ ให้พลังแผ่เมตตาเพื่อให้ข้าพเจ้าปลอดภัยให้เป็นสุข ให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ในบ้านเมือง มีใจช่วยเหลือข้าพเจ้าให้ได้รับความเป็นธรรม และชนะคดีทุกเรื่องในที่สุด

            เรื่องเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าเอง ระหว่างที่ข้าพเจ้ายังรับราชการตำแหน่งพนักงานป่าไม้โท (สมัยนั้น) เป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.๑๙ (แม่ทะ) สังกัดสำนักงานป่าไม้เขตลำปาง กรมป่าไม้ พ.ศ. ๒๕๑๗ - ๒๕๒๐

          ระหว่างรับราชการที่นี่มีเหตุการณ์อันตรายแก่ชีวิตเกิดขึ้นหลายสิบครั้ง แต่ละครั้งกรณีต่าง ๆ กัน ในจำนวนหลายสิบครั้งดังกล่าวข้าพเจ้าขอเล่าเป็นตัวอย่าง เฉพาะที่ น่าหวาดเสียว...น่ากลัว... บางเรื่องเท่านั้น

            ข้าพเจ้ายังจำได้ หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลพูดกับข้าพเจ้า “ดูน่าหวาดเสียวนะ...น่ากลัว...แต่...ไม่เป็นไรปลอดภัย... ใครทำร้ายไม่สำเร็จ...ผู้คิดร้ายแพ้ภัยตนเอง...ทำไปเถอะงานนะ อย่าท้อแท้ท้อถอย...ทำให้ดี...อย่าหยุดทำดี”

ถูกขว้างด้วยระเบิด

            เช้าวันหนึ่ง (พ.ศ. ๒๕๑๘) นายอุดม ผู้ใต้บังคับบัญชาขณะนั้นรายงานข้าพเจ้าว่า สายสืบมาแจ้งว่า เมื่อวานจ่าขนไม้สักแปรรูปแผ่นใหญ่ ๆ ออกจากป่าปางป๋วย ๔ คน เวลานี้จ่าให้คนงานโค่นไม้สักและแปรรูปไม้สัก ไม้ที่ยังขนไม่หมดเหลืออีกเยอะ อีก ๓ วัน จ่าจะเข้ามาขนไม้สักอีก

            ข้าพเจ้าสั่งนายอุดม จัดเตรียมรถยนต์ และอัตรากำลังเจ้าหน้าที่พร้อม รวม ๕ คน เดินทางไปสำนักงานองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ลำปางติดต่อกับนายเฉลียว หัวหน้าส่วนทำไม้ลำปาง ขอความร่วมมือให้จัดรถบรรทุกไม้ รถแทรกเตอร์ชักลากรถเวลารถติดหล่มในป่าพร้อมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ ได้รถรวม ๖ คัน พร้อมเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังป่าปางป๋วย ทางในป่าเป็นหลุมโคลนบ้าง เป็นห้วย เป็นภูเขาสลับกัน ฝ่ายคนร้ายตัดไม้สักแปรรูปไม้สัก มีชัยภูมิอยู่บนที่สูงกว่า เป็นพื้นที่บนภูเขามักมองเห็นฝ่ายเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าถึงตัวเสมอ มีเวลาเตรียมตัวหนี หรือเตรียมตัวสู้ได้ดีกว่า ในที่สุด ได้เห็นฝ่ายคนร้ายหลายคนแบ่งแยกกลุ่มช่วยกันโค่นไม้สักก็มี กำลังเลื่อยแปรรูปไม้สักก็มี พวกข้าพเจ้าแบ่งกำลังกันโดยอัตโนมัติโดยสัญชาตญาณในการไล่จับคนร้าย วิ่งไล่ตามคนร้ายเพื่อจะจับกุมให้ได้กระจายตามที่คนร้ายวิ่งหนีขึ้นภูเขาบ้าง ลงห้วยบ้าง

            ข้าพเจ้าวิ่งไล่ตามชายคนหนึ่งนุ่งชุดสีเขียวเหมือนตำรวจ ต.ช.ด. แต่งกัน สังเกตเห็นว่าเขาวิ่งไป มือหนึ่งพยายามล้วงของในถุงเป้เล็กที่หิ้วอยู่ เห็นเขาหยุดหันหน้ามาทางข้าพเจ้าและเพื่อน อ.อ.ป. ที่วิ่งตามหลังข้าพเจ้ามา เขาอยู่บนที่สูงกว่า ข้าพเจ้ากับเพื่อนอยู่ที่ต่ำกว่า เห็นดึงสลักนิรภัยแล้วขว้างลูกเหล็กกลม ๆ สีเขียวใบไม้อ่อนมายังข้าพเจ้าและเพื่อน ข้าพเจ้าร้องตะโกน “เฮ้ย!...เฮ้ย!...ลูกระเบิดโว้ย!...นอน ทุกคนเร็ว...ข้าพเจ้ากระโดดพุ่งตัวเข้าหาที่กำบังโคนต้นสักที่ใกล้ที่สุด ทันใดนั้นลูกเหล็กกลมที่ลอยมากระทบกิ่งไม้ตกลงยังพื้นที่ห่างที่ข้าพเจ้านอนกำลังโคนสักประมาณ ๔ เมตร

            ตูม !!!! ซ่า...ซ่า...ซ่า

            สั่นและแสบแก้วหูจนหูอื้อ ระเบิดแตกก่อให้เกิดหลุมดินลึก ปากหลุมกว้าง เศษดิน เศษหิน ทราย พุ่งกระจายขึ้นสู่ยอดไม้แล้วตกลงกระทบกิ่งไม้และใบไม้ในป่ารอบรัศมีทำลายของมันเกิดเสียงดังซ่า...ซ่า...ซ่า...เสียงระเบิดก้องกัมปนาทป่าปางป๋วย ทำให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้และ อ.ป.ป. ซึ่งกระจายกันไล่จับคนร้ายต้องหยุดลงทันที หันหน้ามองกันแล้วต่างเร่งฝีเท้ามารวมจุดอยู่ข้าพเจ้า และริมหลุมระเบิด ต่างคนต่างวิจารณ์กันด้วยความตระหนกตกใจ และกลัวมาก บางคนมีอาการตื่นกลัวจนหน้าซีด พูดเสียงสั่น ขอให้ทุกคนเลิกจับกุม และให้รีบออกจากปากเดี๋ยวนั้นทันที

            ข้าพเจ้าก็ตกใจเหมือนกัน แต่แสร้งข่มใจกดความกลัวไว้ไม่ให้ผู้ร่วมงานทุกคนเห็นว่าข้าพเจ้ามีความกลัว ได้สั่งงานให้ทุกคนทำการขนไม้สักแปรรูปที่กองไว้ตามจุดต่าง ๆ ขึ้นบรรทุกรถยนต์ของ อ.ป.ป. ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะช่วยกันได้ เวลา ๑๕.๓๐ น. พวกเราจึงจะเดินทางออกจากป่า กะเวลาว่าต้องเดินทางออกให้พ้นป่าพ้นหุบเขาให้ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะในป่านั้นเวลา ๑๗.๓๐ น. ก็จะหมดแสงตะวันแล้ว ช่วยกันขนไม้สักบรรทุกได้ ๔ คันรถยนต์ แล้วเดินทางออกจากป่าปางป๋วย

วางระเบิดเส้นทางรถยนต์

            คณะเดินทางออกจากจุดบรรทุกไม้สักประมาณ ๑ ชั่วโมง นายอุดมเสนอแนะต่อข้าพเจ้าให้จัดหน่วยเดินเท้า ๑ ชุด เดินล่วงหน้าตรวจเส้นทางก่อน เกรงจะถูกฝังระเบิด หรือวาง “เรือใบ” ทำลายทั้งรถทั้งคนได้ เพราะฝ่ายคนร้ายมีข้าราชการหนุนหลัง ใช้ระเบิดใช้อาวุธต่าง ๆ เป็นทั้งนั้น ข้าพเจ้าเห็นด้วยตามข้อเสนอของนายอุดม ดำเนินการตามนั้น เดินทางออกมาเกือบพ้นป่าทึบแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของชุดวิ่งกระหืดกระหอบท่าทางตื่น ๆ กลับมาหากระบวนรถของข้าพเจ้า ปากร้องตะโกนดัง ๆ ชูมือขึ้นเหนือศีรษะ

            หัวหน้าโย้ด...โย้ด (หยุด...หยุด) เอากล้องด้วย เจอระเบิดอีกแล้ว ระเบิดหัวหน้า...ระเบิด

            ข้าพเจ้าให้สัญญาณขบวนรถทุกคันหยุดดับเครื่อง แจ้งเหตุให้ทุกคนรู้ว่า หน่วยเดินเท้าตรวจเส้นทางพบฝังระเบิดอีก ทุกคนบ้างวิ่งบ้างเดินไปยังจุดฝังระเบิด ข้าพเจ้าถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกหลายภาพว่า กลุ่มค้าไม้สักเถื่อน กลุ่มจ่านี่สุดเหี้ยมอำมหิตจริง ๆ และจำนำภาพเหล่านี้รายงานต่อป่าไม้เขตลำปาง และรายงานให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ๓ ทราบด้วย นายอุดมใช้ความรู้ครั้งเป็นทหารทำการกู้ระเบิดสำเร็จ แล้วขบวนรถเดินทางพ้นป่าปางป๋วยโดยปลอดภัย ดูเถิดครับ เหตุการณ์ช่างเกิดขึ้นและเป็นไปตรงตามที่หลวงพ่อพูดไว้จริง ๆ ดูน่าหวาดเสียว...น่ากลัว...แต่ไม่เป็นไร...ปลอดภัย...

รับกรรมชั่วที่กระทำ

            ...ผู้คิดร้ายแพ้ภัยตัวเองหมด...หลวงพ่อพูด...อาชีพลักตัดไม้สัก แปรรูปไม้ ชักลากไม้สักเพื่อจำหน่ายของขบวนคนชั่วร้ายท้องที่จังหวัดลำปาง ไม่มีใครหยุดมันได้ นอกจากภัยธรรมชาติ สิ่งหนึ่งที่มีอำนาจเหนือคน หยุดคนชั่วได้เป็นรายตัวเท่านั้น คือ ความตาย คนชั่วตาย ความชั่วของมันก็หยุด

            หลายเดือนต่อมา ข้าพเจ้าและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดตรวจปราบปรามลักตัดไม้สัก เดินทางไปป่าแม่เมาะ บริเวณใกล้ป่าปางป๋วย ทราบจากราษฎรสุจริตชนบางท่านและเจ้าหน้าที่ อ.อ.ป. ว่า ชายคนขว้างระเบิดใส่ข้าพเจ้าที่ป่าปางป๋วยตายแล้ว ขับรถชนกับรถเสียจอดไว้ข้างทางโค้งภูเขาก่อนทางแยกเข้าเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ (การไฟฟ้าแม่เมาะ)

            ครับ ถ้าธรรมชาติช่วยลดปริมาณคนชั่วให้ลดน้อยลงเร็วกว่านี้ ก็จะเป็นบุญคุณแก่แผ่นดินมากทีเดียว

ล่องแพไม้สัก

            การชักลากไม้สักของคนร้ายเพื่อนำออกขายตามที่ต่าง ๆ แบ่งเป็น ๒ เส้นทางใหญ่ ๆ คือ บริเวณใดที่ตัดไม้สักแล้วชักลากผ่านภูเขาไม่มากนัก และไม่ไกลทางหลวงสายลำปาง-เชียงราย คนร้ายก็จะบรรทุกทางรถยนต์แล่นทางถนน

            บริเวณใดที่เป็นภูเขาสูงซับซ้อนใช้รถยนต์ไม่ได้ คนร้ายจะตัดไม้สักเป็นท่อน ใช้ช้างชักลากลงจากภูเขามากองไว้ทั่วไปริมฝั่งแม้น้ำจาง เมื่อถึงฤดูฝนน้ำหลากคนร้ายจะนำไม้สักทั้งไม้ท่อนไม้แปรรูป ผูกเป็นแพล่องมาตามลำแม่น้ำจาง เพื่อขายท้องที่อำเภอแม่ทะ อำเภอเกาะคา อำเภอเมืองลำปาง ปีหนึ่งเป็นจำนวนหมื่นท่อน กลุ่มขบวนการล่องแพในแม่น้ำจะคอยฟังแจ้ง “ปลอดภัย” “ไม่ปลอดภัย” จากลูกพี่หน่วยจักรยานยนต์บนบกซึ่งเป็นตำรวจ หน่วยจักรยานยนต์จะมีเวรกันคอยมาแอบดูแอบฟังข่าวว่า วันนี้ข้าพเจ้าหรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วย ลป.๑๙ ไปตรวจปราบปรามด้านแม่น้ำจางหรือไม่ ถ้ารู้ว่าไปทางแม่น้ำจางก็ตามไปสังเกตการณ์ห่าง ๆ จากพวกข้าพเจ้า เพื่อไปแจ้งข่าวกับกลุ่มล่องแพไม้สัก ให้หยุดแพไว้ก่อนจนกว่าจะปลอดภัย

            ก่อนคืนแพไม้สักกว่า ๑,๐๐๐ ท่อน ล่องถึงจุดตรวจบ้านใหม่ ฝนตกในป่าหนัก ๒ วัน มีข่าวเล็ดลอดลงมาว่าอีก ๒ คืน ไม้สักรายใหญ่กว่า ๑,๐๐๐ ท่อน ล่องมาถึงบ้านใหม่แน่ เนื่องจากน้ำมาก ไหลเชี่ยวจัด ยากแก่การจับกุมของเจ้าหน้าที่ป่าไม้แค้มป์บ้านใหม่ และกลุ่มขบวนการล่องแพไม้สักทั้งในแม่น้ำและหน่วยบกเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างเพื่อต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ คณะปราบปรามของข้าพเจ้าไม่ให้จับกุมเขา คืนดีเดย์มาถึง ฝนก็ตก ลมก็พัดจัด ฟ้าร้อง ขบวนแพมาถึงจุดตรวจของข้าพเจ้ากับพวกแพล่องไหลมาเหมือนเปิดกรงนกหลายพันตัวให้แย่งบินออกประตูกรง สามารถยึดไม้สักไว้ได้ประมาณ ๔๐๐ ท่อนในจำนวน ๑,๐๐๐ ท่อนเศษ มีการต่อสู้ตอบโต้กับคนล่องแพในค่ำคืนนั้นอย่างหนักทีเดียว ตำรวจป่าไม้ที่มาช่วยราชการประจำหน่วยฯ ลป.๑๙ ได้ยิงปืนตอบโต้คนร้ายหลายนัด ข้าพเจ้าต้องปฏิบัติงานการจับยึดไม้ตลอดคืนจนสว่างในแม่น้ำจาง

คนร้ายขับรถบรรทุกไม้สักชน

            ค่ำวันหนึ่ง นายอุดมรายงานให้ทราบว่า คืนพรุ่งนี้ เวลาหลัง ๔ ทุ่ม ถึงตี ๕ ของวันใหม่ ตำรวจเขาจะขนไม้สักจากป่าบ้านหัวเสือ ๔ ถึง ๕ คันรถ หัวหน้าจะจับไหม ทราบว่าพวกนั้นเขาเตรียมลุยเราเต็มที่ถ้าเราขัดขวางเขา

            ข้าพเจ้ารับคำท้าแล้ววางแผนจับให้ได้อย่างน้อย ๑ คัน นึกถึงหลวงพ่อจรัญพูด...ไม่เป็นไรปลอดภัย ผู้คิดร้ายแพ้ภัยตัวเอง...ทำให้ดีไว้...ที่ทำอยู่ก็ดีแล้ว ทำดีต่อไป... อย่าหยุดทำดี...

            คืนเกิดเหตุใหญ่ซึ่งเอาชีวิตเป็นเดิมพัน มาถึงก่อนเวลา ๒๒.๐๐ น. รถยนต์บรรทุกไม้สักแปรรูปแล่นนำร่องมา ๑ คัน พุ่งทะลวงด่านจับกุมของข้าพเจ้ากับพวกไปได้ปานฟ้าแลบ

            งานติดตามล่าคนร้ายให้ได้จึงปฏิบัติตามแผน ขับรถไล่ชน ไล่แซง ไล่ปาดหน้าด้วยฝีมือกัน ฝุ่นคลุ้งตลบหลายสิบกิโลเมตร รถฝ่ายข้าพเจ้าได้เปรียบรถตำรวจ เพราะไม่ได้บรรทุกของหนัก ตอนเลี้ยวแซงจึงง่ายกว่ารถที่บรรทุกหนักเต็มคัน เนื่องจากแรงเหวี่ยงมีมากจะทำให้ส่ายไปมาเกือบตกถนน ในที่สุด ตำรวจจอดรถทิ้งในป่าละเมาะ วิ่งหนีเอาตัวรอด ทิ้งหมวกแก๊ป เสื้อ ร้องเท้าโอ๊บ และปืนคาบิน (สมัยนั้นตำรวจใช้ปืนคาบินประจำกาย) ไว้บนรถพร้อมไม้สักแปรรูป ข้าพเจ้ากับพวกยึดของกลางทั้งหมดที่กล่าวนำมาเก็บรักษาชั่วคราว ณ ที่ทำการหน่วยฯ ลป.๑๙ แล้วออกปฏิบัติงานดักจับรถบรรทุกไม้สักอีก เพราะยังมีรถบรรทุกไม้อีกหลายคันยังมาไม่ถึงจุดดักจับกุม

          เวลาประมาณ ๐๒.๐๐ น. รถยนต์แล่นมา ๒ คัน นำหน้าไม่บรรทุกสิ่งของ (เป็นกลลวง) ระยะไล่เลี่ยกันมีรถยนต์แล่นมาในอาการที่ทำให้ดูแล้วน่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิตหรืออุบัติเหตุถึงสาหัสได้ ปรับยุทธวิธีไม่ทัน ปรากฏว่าเป็นรถบรรทุกไม้สักทัก ๒ คัน แล่นทะลวงด่านจุดดักจับไปได้ โดยข้าพเจ้ากับพวกไม่สามารถจะตามจับกุมได้ ข้าพเจ้ากับพวกยังคงตั้งด่านจุดดักจับอีกต่อ เพราะยังมีรถบรรทุกไม่สักอีก ๑-๒ คันยังมาไม่ถึงกอร์ปทั้งมีเวลาอีกหลายชั่วโมงจึงจะสว่าง

          เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น. เศษ รถบรรทุกไม้สัก คันที่ ๔ แล่นมามีอาการคล้ายคันที่ ๒ และคันที่ ๓ ซึ่งแล่นคู่กันมาเมื่อเวลา ๐๒.๐๐ น. รถคันนี้แล่นทะลวงด่านจุดตรวจของพวกข้าพเจ้าแนวที่ ๑ และ แนวที่ ๒ อย่างรวดเร็ว ข้าพเจ้าตั้งจุดจับแนวที่ ๓ ตามแผนยุทธวิธี  ข้าพเจ้าปฏิบัติอยู่คนเดียว คอยสังเกตสัญญาณไฟซึ่งแนวที่ ๑ และแนวที่ ๒ แจ้งว่ารถคันนี้บรรทุกไม้สักหรือไม่ เมื่อได้รับสัญญาณไฟว่าเป็นรถบรรทุกไม้สัก ข้าพเจ้าปรับยุทธวิธีทันที เพื่อชะลอความเร็วของรถบรรทุกไม้ไว้ชั่วขณะหนึ่งให้เจ้าหน้าที่แนวที่ ๑ และ แนวที่ ๒ มาสมบทบ ฝ่ายรถบรรทุกไม้ เมื่อเห็นอาการของข้าพเจ้าในแนวที่ ๓ ปฏิบัติเช่นนั้น ก็คงมีสัญชาตญาณรู้เหมือนกันว่าถูกขัดขวางจากแนวที่ ๓ จึงเร่งเครื่องเร็วขึ้นหักรถบรรทุกไม้ของเขาพุ่งเข้าชนรถข้าพเจ้าอย่างจังเพื่อเปิดทางหนีต่อไป และเป็นการตัดกำลัง มิให้ข้าพเจ้าติดตามจับได เพราะทั้งรถและทั้งข้าพเจ้าจบชีวิตเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะแนวที่ ๑ และแนวที่ ๒ ต้องยุ่งอยู่กับจัดการแก่ตัวข้าพเจ้าจนไม่อาจติดตามเขาได้อีก

          โครม......โครม.......!!!!

          รถข้าพเจ้าถูกชนกระเด็นลงในคูข้างถนนในพริบตา ตัวข้าพเจ้าถูกแรงกระแทกขณะรถกระเด็น ศีรษะชนกระทุ้งกระจกบังลมหน้า รถทะลุพุ่งศีรษะออกทางช่องกระจกทะลุนั้น เศษกระจกรถตกลงไปกองในเสื้อ ในรองเท้าเต็ม ได้รับบาดเจ็บเพียงคิ้วแตก เลือดอาบแก้มเท่านั้น มีอาการมึนงง จำอะไรไม่ได้อยู่ประเดี๋ยวเดียว รู้แต่เพียงว่ารถถูกชนแรงมาก

          เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้จากแนวที่ ๑ และแนวที่ ๒ มารวมกันที่จุดแนวที่ ๓ แล้ว พากันไปดูรถบรรทุกไม้สักซึ่งตกถนนอยู่อีกด้านหนึ่งตรงกันข้ามกับรถข้าพเจ้า ปรากฏว่ารถชนเสาไฟฟ้าแรงสูงเสียหายมากแล่นต่อไปไม่ได้ ที่ประตูรถด้านซ้ายมีเท้าคนตั้งแต่หัวเข่าถึงปลายเท้าห้อยอยู่ รองเท้ายังสวมติดอยู่กับเท้านั้น แต่ตัวคนเจ้าของเท้าไม่อยู่ที่รถ คนขับรถไม่อยู่ที่รถ ขณะนั้นเวลาประมาณตี ๕ ท้องฟ้ายังมืด ข้าพเจ้าสั่งให้ทุกคนหยุดเดินส่องไฟฉายค้นหาตัวคนเจ้าของเท้าว่าคลานไปอยู่ที่ไหน เพราะการถือไฟฉายส่องหา เป็นจุดให้ฝ่ายคนร้ายเห็นเรายิงเราได้ง่าย รอให้สว่างแล้วค่อยตามหาตัวเจ้าของเท้า

          เมื่อสว่างแล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.แม่ทะ หลายนายมายังที่เกิดเหตุสอบถามเรื่องราว ในที่สุดแจ้งข้อหาแก่ข้าพเจ้าว่าขับรถประมาทเป็นเหตุให้รถชนกัน ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตาย (คนเท้าขาดไปตายที่โรงพยาบาลจังหวัดลำปาง) ถูกระบุให้เป็นเจ้าของไม้สัก รถยนต์เป็นของคนขับรถ ในที่สุดข้าพเจ้าถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหากระทำผิดดังกล่าวข้างต้น

          คดีความอาญาที่ข้าพเจ้าตกเป็นจำเลยยังไม่ถึงที่สุด ข้าพเจ้าตกเป็นจำเลยความแพ่งอีก ฝ่ายโจทก์มีร่วมหลายคน คือ ภรรยาคนขับรถ และบุตร และเจ้าของรถยนต์บรรทุกไม้สัก คนขับรถไม้สัก โจทก์ ข้าพเจ้านายเกรียง สุปันดี จำเลย โจทก์ร่วมฟ้องเรียกค่าเสียหาย ค่าเลี้ยงดูโจทก์เพราะสามีตาย เรียกค่าเสียหายรถยนต์เสียหาย เรียกค่าเสียหาย ขาดรายได้ระหว่างรถยนต์ถูกยึด นำไปใช้ประกอบอาชีพไม่ได้ รวมเป็นเงินหลายแสนบาท ข้าพเจ้าต่อสู้คดี

          ข้าพเจ้ายังจำได้ คืนวันหนึ่ง หลังจากข้าพเจ้าถูกจับกุมดำเนินคดี กรณีรถชนกันตาย ทำให้คนตายมาเยี่ยมหลวงพ่อที่วัดอัมพวัน หลวงพ่อพูดว่า...  ไม่ใช่คดีเดียวนะ...มันพัวพันกันหลายคดี...กินเวลานาน...เป็นปี ๆ หลายปีกว่าจะจบ...แต่ไม่เป็นไร ชนะหมดทุกเรื่อง...

            ผลคดีถึงที่สุดในปี ๒๕๒๒ เหตุเกิด พ.ศ. ๒๕๒๐ กินเวลาถึง ๓ ปี ข้าพเจ้าชนะทุกคดีจริง ๆ ตรงตามคำพูดของหลวงพ่อทุกประการ

          หลวงพ่อพูดไว้ว่า... ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมีผู้มาช่วยโดยอัตโนมัติ มาช่วยโดยไม่คาดคิด...เหมือนฝันนะ.

          ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่า ทำไมหลวงพ่อพูดอย่างนั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากท่านพูดเป็นลำดับ ๆ ตรงตามที่ท่านพูดทุกอย่าง จะเห็นได้ว่า ท่านผู้ใหญ่ในรัฐบาล ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง จากที่ต่าง ๆ ๒๓ ท่านมาช่วย ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการป่าไม้เล็ก ๆ แต่ท่านผู้ใหญ่นอกวงการป่าไม้มองเห็นความทุกข์ ความเดือดร้อนของผู้สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ เหมือนฝันจริง ๆ ครับ ท่านใดช่วยอย่างไรไม่อาจจะบรรยายในที่นี่ได้เพราะเรื่องยาว ต่อสู้คดีอยู่ถึง ๓ ปี ขออภัยด้วยความเคารพต่อทุก ๆ ท่านที่ละเว้นไม่กล่าวถึงว่าท่านใดช่วยอะไร อย่างไร

          หลวงพ่อเคยพูดว่า ผู้คิดร้าย แพ้ภัยตนเองหมด ก็จริงดังที่ท่านพูดไว้ทุกประการ เพราะคนที่ก่อกรรมทำชั่ว ทุจริต ฉ้อโกงเหล่านี้ ได้ถูกจำคุกบ้าง ตายด้วยอุบัติเหตุบ้าง ครอบครัวต้องประสบกับความพินาศย่อยยับบ้าง ข้าพเจ้าขอสรุปสั้น ๆ ด้วยการอัญเชิญพุทธพจน์มากล่าวอ้าง “กัมมุนา วัตตะตี โลโก – สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

สวัสดีครับ

ปล. ยังมีคำที่หลวงพ่อพูดไว้ล่วงหน้าเป็นปี ๆ ต่อมาเหตุเกิดขึ้นและเป็นไป จบลง ตรงตามคำหลวงพ่อพูดไว้ หากมีโอกาสก็จะนำมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสอันควรต่อไป

 

----------- จบ -----------