อธิษฐานขอพบหลวงพ่อจากสิงคโปร์
สุวรรณ จันทน์ต้น
R7018
ครอบครัวของดิฉัน พื้นเพเป็นคนขอนแก่น
แต่โชคชะตาบันดาลให้ครอบครัวบุตรสาวไปอยู่ที่สิงค์โปร์ ลูกเขยของดิฉันขับเครื่องบินสายสิงคโปร์แอร์ไลน์
ดิฉันจึงต้องไปอยู่สิงค์โปร์ครั้งละหลายปี เป็นเพื่อนลูกสาวอยู่ที่นั่น
ส่วนลูกเขยอีกคนเป็นวิศวกรขุดเจาะน้ำมัน เป็นชาวแคนาดา ระหว่างอยู่ที่สิงคโปร์
มีอยู่ปีหนึ่งหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
สมัยนั้นยังเรียกว่า หลวงพ่อพระภาวนาวิสุทธิคุณ ท่านไปเยี่ยมครอบครัว คุณชี
ซูง้อ แซ่เอ็ง (ทราบภายหลัง เมื่อได้มีโอกาสอ่านหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ)
ในครั้งนั้น เป็นที่ร่ำลือไปทั่วเกาะสิงคโปร์ ว่ามีภิกษุจากวัดอัมพวัน ไทยแลนด์
ไปเยี่ยมสิงคโปร์ตามที่ลูกศิษย์ลูกหานิมนต์ท่านเจ้าคุณฯ ไป
ดิฉันก็ไม่กล้าเข้าไปขอพบ
เพราะผู้ศรัทธาในองค์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ มีมากเหลือเกิน แต่จิตใจไม่รู้เป็นยังไง
ปรารถนาแรงกล้าจะได้พบหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวันให้ได้ จึงอธิษฐานจิตไว้ ๒
ประการคือ
๑. กลับไปไทยแลนด์
บ้านเกิดของดิฉันแล้ว ขอให้ได้มีโอกาสเข้าพบไปกราบหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน
๒. ขอให้บุตรชายคนเล็กที่ออกจะดื้อรั้นและใช้เงินเปลือง
ให้กลับมาตั้งใจเล่าเรียน ประพฤติตนเป็นคนดีของพ่อแม่ต่อไป
อธิษฐานขอไว้ ๒
ข้อ ยังนึกไม่ออกเลยว่า จะได้มีโอกาสได้พบ หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ
ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน สิงหบุรี ได้อย่างไร
ก็เกือบจะลืมเรื่องที่ตนเองอธิษฐานเอาไว้ กลับมาเมืองไทย มาอยู่จังหวัดขอนแก่น
นานพอควร อยู่ ๆ วันหนึ่งก็ไปบ่น ๆ เรื่องลูกชายหัวแก้วหัวแหวน มันดื้อ
ไม่เอาใจใส่เล่าเรียน เที่ยวสะบัดเลย เปลืองทรัพย์ไปก็มาก บ่นกับเพื่อนบ้าน
ชื่อคุณศิรประภา (กอบ) สิทธิเกษร ก็ไม่นึกว่าจะโยงใยมาเป็นเหตุให้ได้เข้าปฏิบัติกรรมฐาน
ณ วัดอัมพวัน สิงหบุรี ได้ยังไง
อยู่ ๆ คุณศิรประภา
ที่เพื่อน ๆ ชอบเรียก คุณกอบ ก็บอกว่าค่ำ ๆ ไปพบ อาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ กันเถอะ
เผื่อท่านจะให้คำแนะนำอะไรเป็นประโยชน์บ้าง ดิฉันพร้อมด้วยคุณกอบ คุณป้ายุพิน
รัตนวิสิทธิ์ มารดาของคุณมรกต ก็พากันมาพบอาจารย์บุญส่ง ในตอนค่ำ ๆ
พอพบหน้ากันเท่านั้นเอง
ท่านอาจารย์บุญส่ง
อินทวิรัตน์ ทักทายเปรี้ยง ๆ เรื่องอะไร ดิฉันเป็นใคร มาจากสิงคโปร์ มาทำไม เรื่องทุกข์ในใจ
ถักทักทายเปรี้ยง ๆ ผ่ากลางใจ เหมือนกับอ่านตัวดิฉันออก อย่างกับอ่านหนังสือ
ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น ดิฉันก็อาจจะนึกว่าเตรียมเรื่องข้อมูลไว้ล่วงหน้า จึงกล่าวเหมือนอ่านใจดิฉันออกหมด
แต่คุณกอบเพื่อที่นำมาบอกว่า อาจารย์บุญส่งไม่เคยรู้เรื่อง
ไม่รู้จักดิฉันมาก่อนจริง ๆ และดิฉันก็ทราบว่าเป็นอย่างนั้นจริง แต่งุนงงพร้อม ๆ
กับศรัทธาว่า คนแบบนี้มีอะไรแปลก ๆ เหมือนมีญาณทิพย์หยั่งรู้ใจคนได้ ดิฉันนึกคิดเรื่องอะไร
พูดออกมาหมดเลย
ดิฉันเล่าเรื่องลูกชาย
ว่าควรแก้ไขอย่างไรดี ตอนนี้ได้คำตอบจากอาจารย์บุญส่ง ทีทำให้ดิฉันศรัทธาพร้อม ๆ
กับสะดังในจิตใจนิด ๆ ว่า ทำไมจึงกล่าวแปลก ๆ เช่นกล่าวว่า หลวงพ่อเจ้าคุณฯ
วัดอัมพวัน ท่านบอกไว้ จะดูว่า ลูกแย่หรือเยี่ยม ให้ดูแม่ ถ้าแม่มันแย่
ลูกมันก็ยับ ถ้าแม่เยี่ยม ลูกมันจะยิ่งยอด ดูไม่ยาก ลูกเต้าจะชั่วดีเลว
ให้ดูไปจากแม่ เอ๊ะ! ทำไมดิฉันทำอะไรผิดหรือ
จึงบอกว่า จะดูลูกให้ดูแม่ ดูลูกแย่หรือเยี่ยม มองผ่านไปจากแม่
ถ้าแม่แย่ลูกยับเยินแน่ ๆ อ้าว! ทำไมละ ก็ศรัทธาในอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์
เปี่ยมหัวใจไว้เป็นทุนแล้ว
พร้อมกับยื่นหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ
ให้ยืมไปอ่านพร้อมหนังสือสวดมนต์ ยิ่งคุณป้ายุพิน รัตนวิสิทธิ์
ดูจะนับถืออาจารย์บุญส่งมาก ใกล้ชิดกว่าดิฉันมาก่อนด้วยซ้ำไป
เพราะเคยพบการทักท้วงเหมือนอ่านใจออก คุณป้ายุพิน รัตนวิสิทธิ์
เคยบอกว่าเพียงอาจารย์บุญส่ง พูดอ่านใจคุณมรกตลูกสาวสองสามประโยคเท่านั้น
คุณมรกตลูกสาวคุณป้ายุพิน น้ำตาโปรยเลย มันสะท้าน ทำนบน้ำตาพังทลายเลยเชียว
แม้แต่คุณป้ายุพินเองก็ยังไม่รู้เรื่องทุกข์ใจของลูกสาว
แต่ทำไมมานั่งอยู่ต่อหน้าด้วยกัน มีคุณศิรประภา (กอบ) สิทธิเกษร เป็นสักขีพยาน
เพราะคุณมรกตมาจากหนองคาย มาเยี่ยมแม่ชื่อ ยุพิน รัตนวิสิทธิ์ เท่านั้น
ทำไมอาจารย์บุญส่ง อ่านเรื่องราวย้อนอดีตได้ละเอียดยิบเหมือนอ่านหนังสือเลย
อ่านใจคนออกได้ยังไง อ่านย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา รู้ได้อย่างไร
ดิฉันเกิดศรัทธามาก
ก็ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์บุญส่ง
ที่ดิฉันเคารพศรัทธา ให้ไปปฏิบัติกรรมฐาน ชดใช้หนี้กรรม ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
คนละ ๗ วัน รวมไปถึงคุณศิรประภา ก็เคยถูกอาจารย์บุญส่ง
อ่านชีวิตที่ผ่านมาและปัจจุบันทะลุปรุโปร่งมาหมดแล้วด้วย
จึงเหมารถพากันไปวัดอัมพวันเต็มคันรถ ไปกราบเท้าหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี และอยู่ปฏิบัติกรรมฐานกันคนละ ๗
วัน เพราะคุณศิรประภาเองก็มีปัญหาทางครอบครัวหนักหนา
แบกภาระในครอบครัวเลี้ยงบุตรสองคนตามลำพัง ว้าเหว่อยู่ในโลกสับสนอลเวง เมื่อได้รับ
แสงเทียนส่อง ทางก็จิตใจชื่นบาน
มีกำลังใจ ได้สติ ใช้สติที่ได้รับจากการฝึกสติปัฏฐาน ๔ มาจากวัดอัมพวัน สิงห์บุรี
เอามาดำเนินชีวิต ทำมาหากินเลี้ยงลูกสาวสองคนที่เหมือนกำพร้าพ่ออย่างเข้มแข็ง
มีกำลังใจได้ต่อไปอย่างทรหด
สิ่งที่ได้รับมา
หลังจากไปอยู่ปฏิบัติกรรมฐาน ๗ วัน จากวัดอัมพวัน สิงห์บุรี กลับมาแล้ว
บุตรชายของดิฉันซึ่งหนีเที่ยว หนีเรียนตลอดมาก็กลับมาบ้าน มาบอกกับดิฉันว่า
ต่อไปนี้จะหยุดเที่ยวแล้ว จะเรียนต่อไป
เรื่องนี้ดิฉันเคยบ่นรำพึงไว้กับอาจารย์บุญส่งก่อนไปวัดอัมพวันนานแล้วว่า ทำยังไง
จะตามลูกชายกลับบ้านได้ มันเที่ยวไม่เห็นหัวเห็นหาง อาจารย์บุญส่งบอก
ไม่ต้องไปตามเปลืองเงินไปกี่แสนแล้วละ จะตามให้กลับ ไม่ต้องไปตามที่ไหน
ให้ไปตามโดย ดิฉัน นางสุวรรณ จันทร์ต้น ไปปฏิบัติกรรมฐาน ๗ วัน ที่วัดอัมพวัน
สิงห์บุรี แล้วลูกชายจะกลับมาเอง แล้วจะดีเอง ก็เป็นความจริง อานิสงส์ปฏิบัติสติปัฏฐาน
๔ ช่วยให้ดิฉันพบความสุขความเจริญในครอบครัว อะไร ๆ
ที่มันอมทุกข์อมโศกมาตลอด กี่คลี่คลายเหมือนฤดูไม่ผลัดใบ ชุ่มชื้นเอิบอิ่มใจบอกไม่ถูก
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้
ก่อน
ๆ ดิฉันทำบุญมาก็มาก ทำไม บุญมันตกน้ำดับหายไปหมด แต่พอไปปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔
อยู่กรรมฐาน ๗ วัน ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ใต้ร่มบุญหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน
อะไร ๆ ที่มันเลวร้ายกลับฟื้นกลายเป็นดีไปหมดรวมไปถึงโชคชะตาชีวิตของคุณศิรประภา
สิทธิเกษร อะไร ๆ ก็คลี่คลายไปทางด้านดีขึ้นโดยลำดับ
และก็พากันไปอยู่ปฏิบัติกรรมฐานอีกครั้งพร้อมหมดทั้งครอบครัว
ครั้งแรกไปกันลำพังแม่ลูก ตอนหลังคุณศิรประภากลับพากันไปหมดทั้งครอบครัว ดึงเอาครอบครัวไปก้นได้ทั้งหมด
ไปได้ยังไง
ดิฉันเองก็ต้องเชื่อในอานิสงส์ปฏิบัติกรรมฐาน
แก้กรรมได้จริง ปลดปล่อยชีวิตให้หลุดพ้นเงื่อนไขร้อยรัดได้จริง
ถ้าใครยังไม่เคยเข้าปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ฝึกกรรมฐานสายวัดอัมพวัน สิงห์บุรี
ดิฉันนางสุวรรณ จันทน์ต้น ขอแนะนำว่าควรหาโอกาสไปให้ได้ จะได้รับคำตอบว่า
คนเราเกิดมาทำไม และจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างไร จึงจะอยู่อย่างเป็นสุขในสังคมที่สับสนอลเวงได้
มืดแปดทิศ หาทางออกไม่ได้ อย่าคิดสั้นนะ ไปวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ไปกราบหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล
(หลวงพ่อจรัญ) ให้ได้นะ ชีวิตจะได้พบแสงสว่าง ใช้สติแก้ปัญหาชีวิตได้แน่
----------- จบ
-----------