พบกายทิพย์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน

จรวยพร ประสานทอง

R7020

 

       ตลอดชีวิตที่จำความได้ ทั้งสิ่งแวดล้อมในครอบครัว ได้สัมผัสกับคำว่าวัดและการทำบุญกุศลมาตลอด ดิฉันมีจิตใจตั้งปณิธานศรัทธาจิตแน่วแน่ว่า ตลอดชีวิตจักขอบำเพ็ญกุศลปฏิบัติสมาธิภาวานา รักษาศีล ๕ ไว้ให้สุดสติกำลังเท่าที่จะทำได้และทำประโยชน์ให้กับผุ้คนให้ได้มากที่สุด เท่าที่ชีวิตจะหาไม่ ขณะเดียวกันก็ฝึกฝนปฏิบัติสมาธิกันมาแบบนั้นนิดแบบนี้หน่อย ด้วยใจรักศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แต่ยังไม่มีวาสนาได้พบครูอาจารย์ อริยสงฆ์ ผู้เป็นพระสุปฏิปันโน เฉกเช่น หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล

          ต่อมาได้ยินข่าวแทบจะเป็นรายงานประจำวันในวงสนทนาครูอาจารย์ในโรงเรียนขามแก่นนคร ซึ่งพูดถึงแต่เรื่องการปฏิบัติธรรมตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ ของหลวงพ่อวัดอัมพวัน เมื่อปฏิบัติแล้วได้ผลดีอย่างนั้นอย่างนี้บรรยายแต่เรื่องที่ดีของวัดอัมพวัน

          ดิฉันมีความดีใจ สนใจ และปลื้มใจแทนหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ที่เห็นครูอาจารย์จากโรงเรียนขามแก่นนครหลายสิบชีวิต ผ่านวัดอัมพวัน สิงห์บุรีมาแล้ว เหตุการณ์ในครอบครัวก็ตาม ชีวิตหน้าที่การงานโดยเฉพาะการทำงานในหน้าที่ประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพก็ตาม เกิดประสิทธิผลเป็นบุคคลมีสติสัมปชัญญะ เรียกว่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางคนเคยมีอารมณ์ฉุนเฉียว โกรธง่าย กลับมาแล้วกลายเป็นคนสุขุม เยือกเย็นคล้ายกับว่าทำอะไร มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา

          ดิฉันได้รับคำแนะนำจาก อาจารย์สุระพีพรรณ รัตนเกื้อ ให้ได้พบกับคุณบุญส่ง อินทวิรัตน์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อผู้ที่จะให้ความกระจ่างในเรื่องวัดอัมพวัน โดยเฉพาะหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ได้ดี ในใจคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องมา กราบนมัสการหลวงพ่อให้ได้ และได้ปรึกษาหารือกับคุณบุญส่ง เรื่องจะกราบนิมนต์หลวงพ่อมาให้โอวาทแนะแนวทาง การอบรมสั่งสอนในเรื่องการปฏิบัติธรรมตามหลักสติปัฏฐาน ๔ ให้กับยุวชนซึ่งเป็นนักเรียนผู้ยังไม่เข้าใจในเรื่องการปฏิบัติและคำสอนของพระพุทธองค์ โดยการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม ถือศีล ๘ เป็นเวลา ๕ วัน ๕ คืน ซึ่งตัวดิฉันเองเป็นผู้รับผิดชอบ

          โครงการนี้อยู่ในความควบคุมดูแลอุปถัมภ์ของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนขามแก่นนคร อาจารย์นพรัตน์ จารย์โพธิ์ ผู้มีเมตตาเปี่ยมล้นต่อกิจการรมนี้มาโดยตลอด จากนั้นคุณบุญส่งก็รายงานข่าว เรื่องโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมของโรงเรียนขามแก่นนครถวายหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน พอคร่าว ๆ ขั้นต้น

          ดิฉันขอตั้งจิตอธิษฐาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ ภาวนาทุกวัน อยากจะมากราบหลวงพ่อ ดิฉันจำได้ว่า อาจารย์สุรีรัตน์ เดือนฉาย ซึ่งป่วยจากการผ่าตัดมาแล้วไม่หายก็มาทำงาน บ่นว่าปวดท้องมากไม่รู้จะทำอย่างไร ปวดจนกระทั่งนั่งนอนไม่ได้ อาจารย์สุรีรัตน์ ได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอวิงวอนให้หลวงพ่อช่วยเมตตาในอาการเจ็บปวดนี้ให้หายและสามารถทำงานได้ วันรุ่งขึ้นอาจารย์สุรีรัตน์ก็หายปวด และปรากฏว่ามีโทรศัพท์จากหลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ไปถึงโรงเรียนขามแก่นนคร ถามถึงอาการป่วยของอาจารย์สุรีรัตน์ เสมือนหนึ่งเป็นลูกสาวของหลวงพ่อเอง ดิฉันเป็นผู้รับสายโทรศัพท์แทนเพราะอาจารย์สุรีรัตน์ไปสอนนักเรียน หลวงพ่อเจ้าคุณฯ บอกว่า นี่หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ถามข่าวถึงอาจารย์สุรีรัตน์ หลวงพ่อบอกว่าได้แผ่เมตตาให้ตลอดคืนให้หายนะ หลวงพ่อเป็นห่วง แล้วดิฉันได้เรียนหลวงพ่อว่า จะบอกให้อาจารย์สุรีรัตน์ทราบ จากนั้นดิฉันก็ได้พูดทางโทรศัพท์กับหลวงพ่อนาน ในเรื่องของการที่จะนำนักเรียนเข้าค่ายปฏิบัติธรรมและเรื่องการฝึกปฏิบัติธรรม พร้อมกันนั้นก็มีอาจารย์ขนิษฐา สารแสน อาจารย์เครือวัลย์ คงรักช้าง ก็ตามพูดโทรศัพท์กับหลวงพ่อด้วยความปลื้มปีติมาก คงเป็นบุญของดิฉันที่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับหลวงพ่อทางโทรศัพท์ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยได้ยินเสียงหลวงพ่อมาก่อนเลย เหมือนกับเทวดามาโปรด ขณะเดียวกันก็ได้กราบนิมนต์หลวงพ่อเป็นประธานในโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านตอบว่าหลวงพ่อไม่ว่าง ภารกิจงานสอนปฏิบัติธรรมให้ญาติโยมมีตลอดเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตามดิฉันก็ไม่ละความเพียรพยายาม และก่อนที่ดิฉันจะได้พูดคุยทางโทรศัพท์จากหลวงพ่อนั้น เหมือนเป็นสิ่งอัศจรรย์มากทีเดียว ดิฉันสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิต อยากกราบหลวงพ่อในขณะปฏิบัติสมาธิ ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็มี อาจารย์นภาวรรณ วงศ์เทวราช ได้บอกวิธี โดยจุดธูป ๕ ดอก กลางแจ้ง อธิษฐานขอให้ได้พบหลวงพ่อจรัญ ทำอยู่อย่างนี้หลายคืน จนถึงคืนวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๓๕ เวลา ๒๓.๐๐ น. หรือ ๕ ทุ่มเศษ ดิฉันไหว้พระสวดมนต์ ภาวนาอธิษฐานจิตของให้นั่งสมาธิสงบลงได้โดยเร็วและได้กราบนิมนต์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ

          ขณะที่นั่งสมาธิ จิตกำลังวูบดิ่งลงได้สมาธินั้นเอง ปรากฏกายทิพย์หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล โดยเห็นแน่ชัด แต่อยู่ในเงาวงกลมสลัว ๆ มัดผ้ารัดประคตเอวอย่างเรียบร้อย เหมือนยืนมองดิฉัน และตัวดิฉันเองได้เล่ากราบถวายเรื่องกิจกรรมโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมของนักเรียนโรงเรียนขามแก่นนคร เล่าถวายไป บอกไปพูดไป แต่กายทิพย์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ ก็เฉย ๆ ไม่ได้ตอบรับ ไม่ได้ตอบปฏิเสธ แต่ยืนเห็นกายทิพย์อยู่นานพอสมควร จึงแว้บหายไปฉับพลัน ดิฉันปลื้มปีติมาก และที่ปฏิบัตินั่งสมาธิมา เคยปรารถนาอยากเห็นกายทิพย์ของหลวงพ่อจรัญ ในกายทิพย์นั้นเป็นบุคคลที่มีรูปร่างสูงก็ไม่สูงมาก สันทัด ไม่อ้วน ไม่ผอม เรียกว่าพอดี ๆ ก็ได้พบแล้ว ได้เห็นจริง ๆ สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่ได้ฝัน

          พอรุ่งเช้ามาอีกวันก็ได้เล่าให้ อาจารย์นงเยาว์ รัตนขจรจิต ที่เคยร่วมปฏิบัติกันมา อาจารย์นงเยาว์ก็พูดว่า หลวงพ่อจรัญมีเมตตามาก ขนาดที่ยังไม่เคยเห็นหน้าท่านเลย พี่ยังได้กราบท่านทางจิต หลังจากพูดคุยกันแล้ว ก็แยกไปสอนนักเรียน รุ่งขึ้นอีกวัน หลวงพ่อก็โทรศัพท์ถามข่าว อาจารย์สุรีรัตน์ เดือนฉาย และตัวดิฉันเองเป็นคนรับสาย หลังจากนั้นเพื่อน ๆ ครูทั้งหลายทราบข่าวก็พากันมาดีใจด้วยที่ได้พูดคุยกับหลวงพ่อ ซึ่งจะเห็นว่าหากบางคนไปถึงวัด ยังไม่ได้กราบ และพูดคุยเลย เพราะผู้คนมากมายคงเป็นเพราะบุญของดิฉันเอง

          ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อหลวงพ่อจรัญมีภารกิจ ไม่ว่างในการที่จะไปโรงเรียนขามแก่นนคร ในโครงการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม ดิฉันก็ได้ปรึกษากับ คุณบุญส่ง อินทวิรัตน์ และได้แนะนำว่าอย่าละความเพียรพยายามในการปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ ยึดเส้นทางสติปัฏฐาน ๔ ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่หลวงพ่อเจ้าคุณฯวัดอัมพวัน นำมาเผยแผ่บอกสอนผู้คนอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งเป็นสัจธรรมเป็นของจริง ไม่หลอกลวง เป็นของแท้ ขอให้มีความเพียรพยายาม ด้วยความเคารพบูชาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแน่วแน่ และเชื่อมั่นว่าหลวงพ่อจรัญคงเมตตาปรานีต่อชาวขามแก่นนคร จะต้องรับนิมนต์มาที่โรงเรียนขามแก่นนคร อ.เมือง จ.ขอนแก่น แม้เพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น เพียงชั่วโมงเดียวก็ถือว่าเป็นบุญเป็นกุศลอย่างมากมายต่อลูกศิษย์ลูกหา เยาวชนซึ่งเป็นนักเรียนที่จะรู้แนวทางการปฏิบัติตามคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า และหวังเป็นอย่างยิ่งในความเมตตาปรานี คงจะรับนิมนต์โปรดชาวขามแก่นนคร และขอแรงอธิษฐานจิตของเทวดาและศิษย์ทุกคน ได้วิงวอนไปนิมนต์หลวงพ่อเจ้าคุณฯ วัดอัมพวัน ได้มาจุดแสงสว่างมองเห็นทางเดินไปสู่ความดีความงาม ได้มองเห็นสัจธรรมตามหลวงพ่อไป ได้มีโอกาสพึ่งบุญบารมีของหลวงพ่อ ที่เมตตาต่อชาวขามแก่นนครไม่ขาดสาย หากว่าลูกหลานชาวขามแก่นนครได้เคยทำบุญกุศล เป็นญาติของหลวงพ่อในภพก่อน ชาติก่อน ขอได้กราบนิมนต์หลวงพ่อจรัญอีกครั้งหนึ่ง และคิดว่าเมื่อได้ฟังธรรม ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่หลวงพ่อได้อบรมสั่งสอนแล้ว เยาวชนและชาวขามแก่นนครทั้งหลาย คงจะมีสิ่งแปลกใหม่ในทางดีขึ้น พ้นทุกข์ตามหลักของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนครั้งพุทธกาลที่ได้ทรงโปรดให้มนุษย์โลกได้รู้ธรรมตามไปด้วย

จรวย ประสานทอง

ร.ร.ขามแก่นนคร จ.ขอนแก่น

ปล. จากการที่ได้รับความเมตตาบารมีจากหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ทำให้ได้แรงบันดาลใจสร้างห้องคลินิกใจขึ้นโดยใช้ชื่อว่า “ห้องแว่นส่องธรรม” เพื่อเป็นสถานที่ศึกษาปฏิบัติธรรม ของครู อาจารย์ นักเรียน และบุคคลทั่วไป

 

----------- จบ -----------