จากโรงเรียนขามแก่นนครถึงวัดอัมพวัน
วัชรีวรรณ
วัดบัว
R7023
ข้าพเจ้ารู้จักหลวงพ่อ
เมื่อ อาจารย์ดุษณี มาตุย์สุรีย์ มาเล่าให้ฟังถึงข้อธรรมะของหลวงพ่อจรัญ
มีตอนหนึ่งได้พูดถึงบุญบารมีของหลวงพ่อที่ช่วยรักษาโรคมะเร็งที่หูจนหายสนิท ให้แก่
พันเอกวิโรจน์ ทสยันไชย อนุศาสนาจารย์กองทัพภาคที่ ๑
ข้าพเจ้าสะดุดกับชื่อนี้เพราะเป็นชื่อของคุณพ่อเพื่อนสนิทของข้าพเจ้าที่โคราช
ซึ่งข้าพเจ้ามีความคุ้นเคยกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดียิ่ง
โดยเฉพาะอาการป่วยของพ่อวิโรจน์
ซึ่งท่านได้เพียรพยายามหาหมอรักษาตัวเป็นเวลานาน จนข้าพเจ้าคิดว่า
พ่อวิโรจน์คงจะต้องตัดใบหูทิ้งแน่ ๆ แต่อาการกลับหายเป็นปกติ
ข้าพเจ้าได้ถามท่านว่า
พ่อไปรักษาตัวที่ไหนมา พ่อวิโรจน์ก็ตอบว่า
เพราะบุญบารมีของหลวงพ่อจรัญ
ช่วยรักษาอาการของพ่อจนปกติ
หลังจากพ่อวิโรจน์หายจากโรคมะเร็งที่หู
ท่านก็หันมาทานอาหารเจ ทายยาสมุนไพร ไม่ตรากตรำงานเช่นเมื่อก่อน ระวังเรื่องอาหารการกิน
พ่อวิโรจน์จะหมั่นทำบุญ
นิมนต์พระมาฉันอาหารที่บ้านโคราชเสมอ ๆ จนเป็นเรื่องปกติของที่บ้านพ่อวิโรจน์
พลอยให้ข้าพเจ้าได้ทำบุญได้กุศลไปด้วย
ข้าพเจ้าทราบข่าวการถึงแก่กรรมของพ่อวิโรจน์
ทสยันไชย เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๔ ในขณะที่ข้าพเจ้าและสามีไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับพลโทไพบูลย์
ห้องสินหลาก และภริยา ซึ่งได้กรุณาจัดเลี้ยงให้แก่คณะนายทหาร กรมทหารปืนใหญ่ที่ ๖
และครอบครัวที่กรุงเทพฯ
พ่อวิโรจน์ได้ถึงแก่กรรม
เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๔
ข้าพเจ้าไม่ยอมเชื่อและนอนไม่หลับ
เฝ้าคิดถึงพ่อวิโรจน์ว่า สุขภาพท่านก็แข็งแรงดี บุญกุศลท่านก็หมั่นทำ จนเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกหลาน
ทำไมท่านจะอายุสั้นนัก
ในเช้ามืด
ข้าพเจ้าก็เคลิ้มฝันว่า ข้าพเจ้าได้เดินทางไปบ้านพ่อวิโรจน์
และถามลูกสาวคนโตของพ่อว่าทำไมพ่อจึงตาย
ลูกสาวท่านตอบว่า
เมียใหม่ของพ่อวางยาพิษพ่อ จะเอาสมบัติของพ่อ
ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่น
รีบชวนสามีเดินทางกลับโคราช เพื่อร่วมงานศพของพ่อวิโรจน์
คำถามแรกที่ข้าพเจ้าถามเพื่อนของข้าพเจ้าคือ
ทำไมพ่อจึงตาย
เพื่อนข้าพเจ้าจึงเล่าให้ฟังว่า
โดนเมียใหม่ของพ่อใช้อวิชชา ซึ่งข้าพเจ้าก็พอจะทราบข่าวในเรื่องอุปนิสัยของภรรยาใหม่ของพ่อ
จึงได้ชวนกันอโหสิกรรม ให้กับการกระทำที่ไม่ถูกต้องอันนี้
ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องนี้ให้คณะอาจารย์ฟัง
และบอกว่า ถ้าใครมีโอกาสไปกราบหลวงพ่อจรัญ กรุณาเรียนให้หลวงพ่อทราบด้วยว่า
พันเอกวิโรจน์ ทสยันไชย ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว
ต่อมาก็มีคณะอาจารย์ที่โรงเรียนได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน
กลับมาเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ได้เรียนให้หลวงพ่อทราบเรื่องการถึงแก่กรรมของพันเอกวิโรจน์
ทสยันไชย หลวงพ่อบอกว่า นั่นแหละ ผิดคำพูดกับหลวงพ่อ
เพราะตอนที่รักษาตัวจนหาย หลวงพ่อให้รับปากว่า ห้ามมีเมียใหม่
ตอนแรกหลวงพ่อไม่ยอมเชื่อและยังเล่าให้ฟังว่า
เมื่อเช้าตรู่วันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๔ เวลาประมาณ ๗.๓๐ น.
พันเอกวิโรจน์ ได้มาหาหลวงพ่อที่กุฏิ แต่งกายด้วยชุดกางเกงขาสั้น เสื้อแขนสั้นคอฮาวายลายริ้วสีน้ำตาล
บอกกับหลวงพ่อว่า จะเดินทางไปนครสวรรค์ แต่ไม่มีเงินและหิวข้าวมาก
หลวงพ่อจึงให้เงินไป
๕๐๐ บาท และมอบพระสมเด็จให้ ๒ องค์ เพราะ พ.อ.วิโรจน์บอกว่าจะเอาไปให้แฟน
หลวงพ่อบอกให้
โยมจำเริญต้มข้าวต้มปลาให้ พ.อ.วิโรจน์ทานก่อนจะไปนครสวรรค์
ซึ่งโยมจำเริญได้เล่าให้ฟังว่า พ.อ.วิโรจน์ ทานข้าวต้มจนหมดหม้อใหญ่
แล้วก็หายไป
ข้าพเจ้าได้ฟังความที่คณะอาจารย์เล่า
รู้สึกขนลุกซู่เพราะลูกสาวของ พ.อ.วิโรจน์ ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า
พ่ออยากจะไปนครสวรรค์ ในวันที่ ๒-๓ มกราคม ๒๕๓๕ แต่พ่อวิโรจน์เข้าโรงพยาบาลก่อน
จากบุญบารมีของหลวงพ่อจรัญที่มีต่อ
พ.อ.วิโรจน์ ซึ่งข้าพเจ้านับถือยิ่ง ข้าพเจ้าตั้งจิตไว้ว่า
จะต้องหาโอกาสไปกราบหลวงพ่อจรัญให้ได้
จนกระทั่งอาจารย์จันทร์ฉาย
ขาวนวล และเพื่อน ๆ ๓-๔ คน ได้ชวนข้าพเจ้าไปวัดอัมพวัน ข้าพเจ้าจึงขออนุญาตสามี
โดยเช่ารถตู้ไป ซึ่งอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ ก็ได้อยู่ดูแลส่งคณะจนรถออกจากเมืองขอนแก่น
ระหว่างทางพูดคุยกันถึงว่า จะมีโอกาสได้กราบหลวงพ่อกันรึเปล่า
จนรถไปถึงวัดประมาณ
๑ ทุ่ม ทราบว่าหลวงพ่ออยู่ ก็รีบพากันไปกราบหลวงพ่อ
ซึ่งท่านกำลังแสดงธรรมให้กับคณะศิษย์ ซึ่งเป็นข้าราชการผู้ใหญ่
เมื่อทางคณะได้เรียนให้หลวงพ่อทราบว่า
เป็นคณะมาจากโรงเรียนขามแก่นนคร ท่านก็ปรารภถึงอุบัติเหตุทางรถยนต์
ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ พร้อมทั้งยกตัวอย่างและเหลือบมองมาทางคณะของข้าพเจ้า
แล้วหลวงพ่อท่านก็แจกพระเครื่องให้เฉพาะคณะของข้าพเจ้า
เมื่อทราบว่าทางคณะไม่สามารถอยู่ค้างคืนได้
ท่านจึงให้รับประทานอาหารก่อนเดินทางกลับ
คณะข้าพเจ้าได้เข้าไปให้หลวงพ่อเป่ากระหม่อม
มีเพียงข้าพเจ้าไม่ได้เข้าใกล้หลวงพ่อ เพราะรู้สึกตัวเองว่าไม่ค่อยสะอาด
เพียงแต่ได้รับการประพรมน้ำมนต์เท่านั้น
คณะข้าพเจ้าได้กราบลาหลวงพ่อออกจากวัดอัมพวันประมาณ
๓ ทุ่มครึ่ง รถวิ่งออกจากเมืองสิงห์บุรี ผ่านลพบุรี เข้าเขตอำเภอด่านขุนทด
จ.นครราชสีมา
ข้าพเจ้ารู้สึกว่ารถวิ่งเร็วมาก
แต่เห็นคุณวิชิตคุยกับคนขับรถอยู่ จึงเบาใจ
สองข้างทาง
ไม่มีบ้านผู้คน ถนนไม่มีรถวิ่งสวน
ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะแก้ไขอย่างไร ข้าพเจ้านึกอยู่ในใจแล้วก็เคลิ้มหลับ
รถวิ่งถึงสามแยกเข้าอำเภอมัญจาคีรี
จ.ขอนแก่น ขณะนั้นเวลาประมาณตี ๒ กว่า รถตู้เสียหลักพลิกคว่ำลงข้างทาง
เสียงพวกเราร้องหาหลวงพ่อจรัญกันลั่นรถ
ตัวข้าพเจ้าซึ่งนั่งอยู่เบาะแถวที่สองชิดประตู
กลับตีลังกามาอยู่บนพื้นใต้เบาะแถวที่ ๑ ต่างก็หาทางออกจากรถ
เมื่อคลานออกมาจากรถได้
ก็พบพลเมืองดีให้การช่วยเหลือ เป็นนายสิบ ๒ นาย สังกัดกองพันทหารม้าที่ ๖ (สย.)
ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น ได้ขับรถกระบะจะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาประสบเหตุพอดี
ได้พาคณะข้าพเจ้าไปพักรอที่โรงพยาบาลมัญจาคีรี ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ
๕๐๐ เมตร
ข้าพเจ้ารู้สึกปวดหลังบริเวณบั้นท้ายมาก
ระหว่างที่รอให้รถของบริษัทมารับคณะข้าพเจ้า ก็ได้พูดคุยกันถึงคำพูดของหลวงพ่อจรัญ
เมื่ออยู่ที่วัดอัมพวัน
และต่างก็พร้อมใจกันนึกถึงบุญบารมีของหลวงพ่อจรัญ
ที่ช่วยคุ้มครอง ปกป้องอันตราย ทำให้คณะไม่ประสบเหตุที่ร้ายแรงไปมากกว่านี้
จากจำนวนผู้เดินทาง
๑๐ คน ชาย ๓ หญิง ๔ เด็ก ๓ คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ข้าพเจ้าและน้องของอาจารย์ วชิราภรณ์
เยี่ยมแสง
เมื่อรถบริษัทโดยเจ้าของบริษัทนำรถตู้มารับด้วยตนเองที่โรงพยาบาลมัญจคีรี
ได้พาคณะไปตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น แพทย์เวรตรวจอาการพบว่า
ปลีน่องฉีกขาด และน้องของอาจารย์วชิราภรณ์ กระดูกไหปลาร้าหัก
ข้าพเจ้าเดินทางกลับไปพักที่บ้าน
ในวันต่อมาอาจารย์บุญส่งได้ฝากข้อความว่า
หลวงพ่อจรัญทราบเรื่องที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว
ให้ข้าพเจ้านำเอาน้ำมันมะพร้าวที่หลวงพ่อจรัญปลุกเสกแล้ว
ให้ทานวดบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีกขาดเป็นประจำจนอาการดีขึ้น
ทุกวันข้าพเจ้าจะสวดมนต์ตามแบบวิธีของหลวงพ่อจรัญ
กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
และหลวงพ่อแนะนำว่า
อย่าคิดเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทรถตู้
ซึ่งเจ้าของบริษัทยินดีจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ทุกกรณี
เงินที่บริษัทจ่ายให้ตามใบเสร็จที่ข้าพเจ้าจ่ายไป
ข้าพเจ้าได้นำไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้านึกอัศจรรย์ในเหตุการณ์ที่ชักนำให้ข้าพเจ้า
ได้ประสบพบเห็นบุญบารมีของหลวงพ่อจรัญด้วยตนเองถึง ๒ ครั้ง ในการอนุเคราะห์ช่วยเหลือ
คนทุกข์ยาก ให้ร้ายกลายเป็นดี
วัชรีวรรณ วัดบัว
ร.ร.ขามแก่นนคร
ถ.กสิกรทุ่งสร้าง
อ.เมือง จ.ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
----------- จบ
-----------