หลวงพ่อจรัญ ผู้มีพระคุณต่อลูก
พ.อ.สรรเพชญ พานิช
จากหนังสือ กฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติเล่มที่ ๘
พระราชสุทธิญาณมงคล
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
R8007
หลวงพ่อจรัญเป็นผู้ที่มีความเมตตากรุณาช่วยเหลือข้าพเจ้าตลอดมา
เปรียบเสมือนเป็นบิดาคนที่ ๒ ของข้าพเจ้า
ซึ่งข้าพเจ้ามักจะเดินทางมาเยี่ยมหลวงพ่ออย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง มาโดยตลอด
ในระหว่างข้าพเจ้ากำลังศึกษาชั้นมัธยม
คุณพ่อของข้าพเจ้า (พล.ต.วสันต์ พานิช) ได้พาคุณแม่, ข้าพเจ้าและน้องอีก ๒ คน
ไปเยี่ยมหลวงพ่อจรัญ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ท่านได้อบรมแนะนำสั่งสอนในการปฏิบัติตนให้เป็นลูกที่ดี
ตัวเราในฐานะเป็นลูกควรปฏิบัติตามคำสั่งสอน เป็นลูกที่ดี ได้แก่
เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ ขยันเรียน สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ
ถ้าหากจะให้เรียนดีเรียนเก่ง จะต้องทำสมาธิประมาณ ๑๕ นาทีหลังสวดมนต์ทุกวัน
จะทำให้มีความจำดี หลังจากนั้นไม่นาน คุณพ่อได้พาข้าพเจ้าและน้องไปหาหลวงพ่อ
ขอขึ้นกรรมฐาน แล้วข้าพเจ้าก็นำมาปฏิบัติเรื่อยมา ขยันดูหนังสือทำการบ้าน
ทำให้ผลการเรียนได้คะแนนดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อจบการศึกษามัธยมปีที่ ๖
ข้าพเจ้ามีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นทหารอย่างคุณพ่อ จึงได้ไปกวดวิชาเพื่อเตรียมสอบเข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหารในปี
๒๕๑๒ ปรากฏว่าผลการสอบข้อเขียนไม่ผ่าน ข้าพเจ้าเสียใจมาก
แต่ก็มีกำลังใจจะสมัครเข้าสอบแก้ตัวใหม่อีกครั้ง เมื่อมีเวลา
พ่อได้นำข้าพเจ้าพร้อมด้วยน้องไปเยี่ยมและปรึกษาหลวงพ่อเพื่อหาแนวทาง
ปฏิบัติที่ถูกต้อง จะได้มีโอกาสเป็นนักเรียนเตรียมทหาร
หลวงพ่อได้แนะนำหนทางปฏิบัติ
ให้สวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรและปฏิบัติกรรมฐานประมาณ ๑๕ นาที
หลังสวดมนต์ทุกครั้งและกวดวิชาซ้ำอีกพร้อมทั้งหลวงพ่อจะแผ่เมตตาช่วยอีกทางหนึ่งด้วย
ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามที่หลวงพ่อแนะนำมาอย่างเคร่งครัด
เมื่อถึงเวลาสอบคัดเลือก เดือนเมษายน ๒๕๑๓
ข้าพเจ้าก็สมัครเข้าสอบและปรากฏว่าสอบได้ตามที่ตั้งใจไว้ทุกประการ
ข้าพเจ้าได้เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ ๑๓
ข้าพเจ้าได้เข้ารายงานตัวเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร
เรียนอยู่ ๒ ปี เมื่อจบจากโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว ก็ได้เลื่อนชั้นเข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อย
จปร. ปีที่ ๑ และเรียนอีก ๕ ปี เมื่อจบการศึกษาออกรับราชการในเหล่าสรรพาวุธ
ข้าพเจ้าได้เดินทางไปรับราชการยังหน่วยกองสรรพาวุธเบา พล ๕
เมื่อได้เข้าไปรายงานตัวกับผู้บังคับบัญชาเรียบร้อยแล้ว
ท่านได้มอบหมายให้ทำงานด้านการส่งกำลังบำรุงประมาณ ๖ เดือน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปราชการที่จังหวัดสงขลาโดยรถจี๊ปในวันศุกร์
และเดินทางกลับมายังหน่วยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชในวันอาทิตย์ตั้งแต่เช้า
แต่ปรากฏว่ารถจี๊ปที่ข้าพเจ้านั่งไปเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำลงข้างทาง
เนื่องจากรถโดยสารสุราษฎร์-บ้านดอนคันหนึ่งวิ่งเข้าชนท้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
และต้องการจะเก็บข้าพเจ้าและคนขับรถให้ตายทันที
โดยรถโดยสารคันดังกล่าววิ่งแซงขึ้นไปข้างหน้ารถจี๊ป
และใช้ข้างรถโดยสารชนรถจี๊ปอีกครั้งให้พลิกคว่ำ ในเวลานั้นข้าพเจ้ามีสติตลอดเวลา
ได้นึกถึงหลวงพ่อจรัญขอให้ท่านช่วย และสั่งการให้คนขับรถเกาะติดอยู่กับรถ
โดยจับพวงมาลัยรถให้แน่น อย่าให้หลุดออกมาจากรถขณะที่รถพลิกคว่ำ
คนขับรถได้ปฏิบัติตามที่สั่งไว้ จึงไม่ได้รับอันตรายและรอดชีวิต
ส่วนตัวของข้าพเจ้ารู้สึกในขณะที่รถจะพลิกคว่ำ ว่าจะต้องหลุดออกจากนอกรถไปแล้ว
เนื่องจากเกิดแรงเหวี่ยงของรถ ข้าพเจ้าจึงใช้หลักการนักโดดร่ม คือ การเก็บคอ
งอเข่า เท้าชิด ทำให้ตัวของข้าพเจ้ากลมเหมือนลูกฟุตบอล
เวลาตกจากรถจี๊ปแล้วจะได้กลิ้งไปบนพื้นดินได้อย่างปลอดภัย แต่ปรากฏว่า เมื่อเวลาที่ข้าพเจ้าหลุดออกไปจากรถจี๊ปกลายเป็นลอยออกจากรถไปอยู่ห่างจากตัวรถจี๊ปเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า
๑๐ เมตร ซึ่งปลอดภัย หากรถจี๊ปพลิกคว่ำก็ไม่สามารถทับร่างของข้าพเจ้าได้
จึงเป็นที่น่าอัศจรรย์ เพราะบริเวณที่ข้าพเจ้านอนอยู่ที่พื้นดินนั้น
เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่อยู่หนาแน่นห่างกันประมาณ ๑ เมตร ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว
น่าจะได้รับอันตรายเกิดจากแรงเหวี่ยงของรถจี๊ป
ทำให้ข้าพเจ้าไปชนกับต้นไม้ริมทางได้ หลังจากที่ข้าพเจ้านอนสิ้นสติอยู่บริเวณนั้น
ก็มีชาวบ้าน
และมีอนามัยจังหวัดนครศรีธรรมราชท่านหนึ่งเดินทางผ่านมาโดยรถยนต์ปิกอัพ
และพบเห็นเหตุการณ์ที่ข้าพเจ้าประสบ ได้ช่วยให้ข้าพเจ้าฟื้นจากการสิ้นสติ และถามข้าพเจ้าว่าจะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ
เหตุการณ์นี้
หลวงพ่อจรัญเคยบอกไว้ก่อนล่วงหน้าเมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าไปกราบลาหลวงพ่อจรัญที่วัดอัมพวัน
ก่อนเดินทางไปรับราชการที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
และสั่งให้ระวังตัว
แต่ท่านบอกว่าไม่เป็นไร
จะมีโม่งขาวมาช่วยชีวิต ทุกอย่างปลอดภัย
นับว่าเหตุการณ์นี้ได้เป็นจริงตามที่ท่านหลวงพ่อจรัญกล่าวไว้ทุกประการ
และนับว่าท่านได้ช่วยเหลือข้าพเจ้าเป็นครั้งที่สอง
ประมาณเดือนมกราคม
พ.ศ. ๒๕๒๑ ข้าพเจ้าได้ย้ายเข้ามารับราชการที่กรุงเทพฯ ที่กรมสรรพาวุธทหารบก
(กองสรรพาวุธกลางที่ ๓) ปฏิบัติงานมาถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ ประมาณเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๒๔
ได้เดินทางไปเยี่ยมหลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อจรัญได้แนะนำให้ข้าพเจ้าบวช
ประมาณกลางเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๒๔ ขณะที่ข้าพเจ้าบวชเป็นพระอยู่ ในช่วงเวลาหลังเพล
ก็เดินลงมาจากศาลากลับจากฉัน ปรากฏว่าบุญกุศลของข้าพเจ้าที่บำเพ็ญในระหว่างบวชมีอานิสงส์ส่งให้คุณพ่อได้รับความก้าวหน้าในชีวิตราชการ
ได้รับพระราชทานยศเป็นพลตรี
หลวงพ่อจรัญให้ความเมตตา
ต่อข้าพเจ้าเสมอ ทั้งในเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัว
จนข้าพเจ้าได้เลื่อนยศสูงขึ้นตามลำดับ และท่านยังให้พรทุกครั้งที่ไปกราบหลวงพ่อ
จึงนับว่าหลวงพ่อเป็นบิดาคนที่สองที่ส่องทางชีวิตให้ลูกก้าวเดินพ้นอุปสรรค
ลูกขอเทิดบูชาไว้เหนือเกล้า ไม่มีวันลืมเลือนเลย
สุดท้ายนี้เนื่องจากในโอกาสที่เป็นวันมงคลคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อจรัญ
ในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๗ เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
อันมีพระแก้วมรกต และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
จงโปรดดลบันดาลให้หลวงพ่อจรัญจงมีอายุยิ่งยืนนาน
เพื่ออยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ข้าพเจ้าและลูกศิษย์ที่เคารพรักตลอดไป
มี วรรณะ
ผุดผ่องนวลใย ใสสะอาด ดุจดวงแก้ว
มี สุขะ
ในโลกุตตรธรรม
มี พละ
พลังจิตคุ้มครองภัย
จงทุกประการเทอญ