ความประทับใจที่ดิฉันมีต่อ

หลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล

กมลนาฏ มาลากุล

จากหนังสือ กฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติเล่มที่ ๘

พระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

R8009

        ดิฉันได้สนใจฝึกกรรมฐานมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๒ เนื่องจากอ่านประวัติของหลวงพ่อจรัญ ในหนังสือกฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติ ซึ่งเป็นหนังสือชุดเผยแผ่ธรรมของมูลนิธิภาวนา – กรศรีทิพา แห่งวัดอัมพวัน สิงห์บุรี จัดพิมพ์ขึ้น และเกิดความศรัทธาอย่างสูงสุดในตัวหลวงพ่อ ประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรมครั้งแรก เป็นเหตุจูงใจให้ดิฉันหาโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันในครั้งต่อ ๆ มา โดยอาศัยไปกับชมรมพุทธศาสน์ของวิทยาลัยครูที่ดิฉันสอนอยู่บ้าง หรือไปกับชมรมปฏิบัติธรรมของพุทธสมาคม ซึ่งกัลยาณมิตรของดิฉัน อาจารย์ละเอียด      วิสุทธิแพทย์ เป็นผู้แนะนำ

            ในการไปปฏิบัติธรรมครั้งที่ ๓ ของดิฉันที่วัดอัมพวันกับพุทธสมาคม ดิฉันประสบอุบัติเหตุหกล้มที่หน้ากุฏิหลวงพ่อ ขณะที่กำลังเดินแถวผ่านหน้ากุฏิไปยังศาลารับประทานอาหารเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ปูนหน้ากุฏิเก่าของหลวงพ่อนั้นค่อนข้างลื่น ประกอบกับขณะนั้นมีฝนตกพรำ ๆ ดิฉันเดินกางร่มกำลังจะผ่านกุฏิไป พลันก็เหลือบไปเห็นเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมเดินกรำฝนอยู่ห่างไปทางด้านหลัง เกิดจิตเมตตาจึงหันหลังจะกลับไปรับเขามาเข้าร่มด้วยกัน เธอผู้นั้นปฏิเสธว่าฝนตกพรำ ๆ ไม่เป็นไร ขณะหันกลับจะก้าวเข้าแถวเดินต่อไป ก็รู้สึกเหมือนกับมีคนมาผลักตรงสะโพกด้านหลัง (ที่จริงไม่มีใคร) และเสียหลักล้มลง มือไปกระแทกกับร่มที่ตกลงไป ในลักษณะใช้ฝ่ามือยันน้ำหนักทับมาที่มือด้านขวาที่ยันไว้ ก้นกระแทกรู้สึกเห็นแสงสีเขียวเหลือรอบเต็มไปหมด พอลุกขึ้นได้ เพื่อน ๆ ก็รีบเข้ามาประคองไปที่ศาลาสำหรับรับประทานอาหาร ระหว่างนั้น มัคทายกได้นำน้ำมนต์ของหลวงพ่อมาให้พร้อมกับจะบีบนวดมือให้ แต่ดิฉันปฏิเสธ เพียงแต่ขอทาน้ำมนต์เล็กน้อย สังเกตเห็นหลังมือบวมเป่ง เขียวคล้ำทันทีและมีอาการปวดแปลบมาก แรงกระแทกทำให้ต้องเข้าห้องน้ำถ่าย เมื่อออกมา มือก็ยิ่งปวด ดิฉันเข้าใจว่าอาจมีอาการร้าว เพราะนิ้วมือลงข้างตัวไม่ได้เลย ปวดมาก จึงไม่ให้มีการนวด และใช้ผ้าสไบเฉียงทำเป็นห่วงที่เรียกว่า สลิง (Sling) คล้องไว้ อาจารย์ละเอียดพาดิฉันกลับที่พัก และนำอาหารกลางวันมาให้ ดิฉันตั้งใจว่าจะขอลาหลวงพ่อกลับกรุงเทพฯ เพราะต้องการตรวจดูให้รู้ชัดว่ากระดูกหักหรือร้าว เพราะมือขวาเป็นมือที่ต้องใช้เขียนหนังสือ ดิฉันมีอาชีพเป็นครู มือขวาจึงมีความสำคัญมาก ผู้เข้าปฏิบัติธรรมที่พักอยู่ห้องข้าง ๆ แนะนำให้ไปโรงพยาบาลสิงห์บุรี แต่ดิฉันไม่แน่ใจ เกรงว่าจะต้องผ่าตัดก่อนเข้าเฝือก ถ้าดิฉันต้องผ่าตัดในจังหวัดสิงห์บุรี คงทำความลำบากให้แก่เพื่อนร่วมทาง คืออาจารย์ละเอียดมาก ดิฉันมีบ้านเกิดที่กรุงเทพฯ มีมารดาคอยดูแล แล้วดิฉันรู้จักใครบ้างล่ะที่สิงห์บุรี ดังนั้นการผ่าตัดที่กรุงเทพฯ จะสะดวกกว่า

            ดิฉันทนนอนปวดอยู่จนบ่าย อาจารย์ละเอียดเข้ามาช่วยเก็บของให้และเตรียมตัวจะไปลาหลวงพ่อ ขณะที่เราเดินไปกุฏิหลวงพ่อ ก็เห็นมีรถตู้คนหนึ่งแล่นเข้ามา ดิฉันกะในใจว่าถ้าคนในรถตู้ไม่เต็มอาจขอโดยสารเข้ากรุงเทพฯ ได้

            เราไปคอยหลวงพ่อทางด้านหลัง หลวงพ่อพูดคุยกับแขกที่มากับรถตู้คันนั้น เขามาชวนหลวงพ่อไปรูมาเนีย เพื่อไปรักษาตัว เขายินดีออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่หลวงพ่อปฏิเสธ บอกว่าถ้าไปรักษาตัวหรือไปเที่ยวเฉย ๆ ไม่ไป หลวงพ่อเป็นห่วงภารกิจที่วัด ดิฉันเดาว่าหลวงพ่อจะไปก็ต่อเมื่อการไปครั้งนั้นไปเพื่อเผยแผ่ศาสนาเพื่อเป็นพุทธบูชาเท่านั้น

            หลวงพ่อหันมาเห็นดิฉันกับอาจารย์ละเอียด ก็พยักหน้าเรียกให้เข้าไปใกล้แล้วถามอาการดิฉัน มัคทายกคงกราบเรียนหลวงพ่อแล้วก่อนหน้านี้ ท่านให้คนเอาน้ำมันมนต์มาแล้วสั่งให้คุณสมประสงค์ ที่เป็นอุบาสิกาคอยช่วยงานทั่ว ๆ ไปที่วัด จับมือดิฉันทาน้ำมัน บอกให้ดิฉันหงายมือและให้คุณสมประสงค์จัดรูปมือของดิฉันตามคำสั่ง แล้วพันผ้าพันอย่างหนาให้ ในระหว่างนั้นดิฉันปวดจนน้ำตาไหล เมื่อหลวงพ่อเป่าและให้รับประทานยากแก้ปวดพาราเตามอลไป ๒ เม็ด อาการก็ยังไม่ทุเลา ดิฉันสังเกตเห็นท่านมีรูปภาพของร่างกายคนที่แสดงกระดูกเส้นเอ็น เส้นเลือดเหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้สอน Anotomy ใส่กรอบวางอยู่ ก็วางใจว่า position หรือตำแหน่งของกระดูกและเอ็นที่มือคงไม่คลาดเคลื่อนมากนัก ท่านบอกว่าวันพุธจะลวกน้ำร้อนให้ การลวกน้ำร้อนทำให้สมานกระดูก ดิฉันขอบพระคุณท่านและกลับที่พัก ช่วงบ่าย ๓ โมงเย็น อาการทุเลาลงมาก หายปวดแต่ยังมีอาการบวมอยู่ ดิฉันจึงคล้องผ้า sling และไปนั่งสมาธิ ท่านอนุศาสนาจารย์ที่ควบคุมการฝึกกรรมฐาน ไต่ถามอาการและบอกดิฉันว่า หลวงพ่อเป็นหมอที่วิเศษที่สุดแล้ว ท่านรักษาให้ใครก็โชคดีแล้ว ดิฉันจึงค่อยคลายความกังวลลงบ้าง แต่ความคิดที่จะกลับกรุงเทพฯ ก็ยังคงอยู่ แม้ว่าจะไม่มีโอกาสขอโดยสารไปกับรถตู้คันนั้น

            ตอนหัวค่ำ พยาบาลที่ทำงานตึกอุบัติเหตุ โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เผอิญมาเข้ากรรมฐานด้วยในตอนเย็น จึงช่วยทำที่ดามเหมือนเฝือก โดยใช้กระดาษแข็งทาบไว้ทั้ง ๒ ด้านของแขนและพันผ้าพันใหม่ ช่วงเวลากลางคืนผ่านไปโดยไม่มีอาการปวด น่าแปลกมาก ทั้ง ๆ ที่มือยังบวม เขียวคล้ำอยู่ อีกหนึ่งวันถัดมาอาการปวดก็ไม่ปรากฏ ดิฉันล้มเลิกความคิดกลับบ้าน และรอการรักษาโดยลวกน้ำร้อน ในใจอยากจะพิสูจน์ข้อเท็จจริงเหมือนกัน

            ถัดมาอีกหนึ่งวัน หลวงพ่อให้คนมากระซิบบอกอาจารย์ละเอียดให้พาดิฉันไปรักษาได้แล้ว ดิฉันเข้าใจว่าหลวงพ่อไม่ต้องการอวดอิทธิปาฏิหาริย์ใด ๆ ที่ท่านมี เพื่อเป็นการเพิ่มศรัทธาบารมีเรียกคนเข้าวัด เพราะเมื่อคนได้ยินข่าวว่าหลวงพ่อจะต่อกระดูกโดยการลวกน้ำร้อน ผู้เข้ากรรมฐานก็คอยจ้องตามดิฉันเพื่อจะไปดูด้วย หลวงพ่อต้องการให้คนเข้าถึงแก่นแท้ของศาสนาโดยการปฏิบัติธรรมมากกว่า

            ดิฉันกับอาจารย์ละเอียดขึ้นไปบนกุฏิของท่าน ที่นั่นคุณหมวยคอยเป็นผู้ช่วยอยู่ เธอนำน้ำร้อนเดือนพล่านใส่อ่างยกมาวางไว้หน้าหลวงพ่อ ธูปเทียนเครื่องทำพิธี หลวงพ่อจัดไว้ให้ โดยไม่ต้องให้ดิฉันเสียสตางค์สักบาทเดียว คุณหมวยคอยจับแขนและมือของดิฉันให้ทอดยาว เพื่อที่หลวงพ่อจะเป่าได้สะดวก หลวงพ่อสวดมนต์และตักน้ำเดือนใส่ปากเป่าพรวดมาที่หลังมือและแขนของดิฉัน

         ในตอนแรกที่น้ำสัมผัสผิวหนังรู้สึกร้อนแล้วก็เย็นวาบ หลวงพ่อท่องคาถาและเป่าหลายครั้ง ดิฉันมองดูน้ำเดือนพล่านแล้วสงสัยว่าหลวงพ่อทำได้อย่างไร อวัยวะภายในปากของคนเราบอบบางเกินกว่าที่จะทนน้ำเดือด ๑๐๐ องศาเซลเซียส ได้ ถ้าเป็นคนธรรมดาปากคงพองไปแล้ว แต่น้ำที่เป่ามาถูกมือและแขนกลับเย็นไม่เหมือนน้ำร้อนลวกเลย พอจบพิธีท่านให้คุณหมวยทาน้ำมันพันผ้า bandage และให้น้ำมันมาทาอีกหลายขวด

            ในการต่อกระดูกครั้งนั้น ผู้อยากเห็นไม่มีใครได้เห็น เพราะหลวงพ่อไม่ต้องการอวด ท่านบอกว่ากระดูกร้าวแต่ต่อให้แล้ว อาการปวดและบวมหายเร็วมาก ในช่วง ๓ – ๔ วันต่อมา หลังมือที่บวมปูดเขียวคล้ำยุบหายไป อาการปวดหายไปดังปลิดทิ้ง ดิฉันเพิ่งเข้าใจ คำว่า ปลิดทิ้ง ถ่องแท้ยามนี้เอง เมื่อออกจากวัด ดิฉันกลับเข้ากรุงเทพฯ เพราะใกล้กว่าจะย้อนกลับไปพิษณุโลก แม่ดิฉันพาไปตรวจเช็คอีกครั้งที่คลินิกใกล้บ้าน ซึ่งมีหมอประจำเป็นหมอชำนาญโรคกระดูกโดยเฉพาะ

            ดิฉันเล่าอาการให้คุณหมอฟัง คุณหมอดูมีท่าทางฉุนเฉียว สั่งให้ดิฉันไปด้านหลังเพื่อล้างเอาน้ำมันมนต์ออกให้หมด สายตาบ่งบอกว่าดิฉันงมงาย เมื่อคุณหมอสั่งให้ดิฉันเคลื่อนไหวมือในท่าต่าง ๆ ดิฉันทำได้โดยไม่มีอาการปวด คุณหมอก็สรุปว่ามีอากรเคล็ดบวม หรือ sprain เท่านั้น เมื่อดิฉันเดินออกจากห้องตรวจแลเห็นประกาศนียบัตรและปริญญาบัตรจากต่างประเทศติดไว้เต็มข้างฝา ก็ยังนึกในใจว่า ดิฉันก็มิใช่คนไร้การศึกษา ดิฉันเคยไปศึกษาระดับสูงกว่าปริญญาตรีในประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีอารยธรรมความเจริญมาแล้ว เหมือนกับคุณหมอนั่นแหละ ดิฉันสอนภาษาอังกฤษและติดต่อกับผู้คนที่ใช้ภาษานั้นมามากต่อมาก แต่อะไรที่ไม่เห็นชัดด้วยตาเนื้อ จะปฏิเสธว่าไม่จริงทั้งหมดคงไม่ได้ สำหรับคนอื่นดิฉันไม่ทราบ แต่สำหรับดิฉัน เดี๋ยวนี้ไม่ปฏิเสธสิ่งที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อหรือเหนือกายภาพอีกต่อไปแล้ว

            ปัจจุบันมือข้างขวาของดิฉันก็ยังคงใช้การได้ดีเป็นปกติ ข้อที่น่าสังเกตคือ หลังจากแขนถูกน้ำร้อน หนังที่ห่อหุ้มอยู่ก็กลายเป็นสีคล้ำลง และเมื่อถึงเวลามันก็ลอกหลุดมาโดยไม่ทิ้งร่องรอยด่างดำไว้เลย ดิฉันถามอาจารย์ที่สอนชีววิทยาที่วิทยาลัย เขาอธิบายให้ฟังว่า ธรรมดาหนังที่ถูกความร้อนขนาดจุดเดือด ๑๐๐ องศาเซลเซียส เช่นนั้นมันจะพองบวมแดงและมีน้ำขังภายในเหมือนอวัยวะที่ถูกน้ำร้อนลวกโดยทั่ว ๆ ไป แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ที่มันไม่พอง ไม่บวมแดง มันก็แห้งและเป็นเซลล์ที่ตายแล้วพร้อมที่จะหลุดร่วงมาเมื่อถึงเวลา

            นี่เป็นความประทับใจที่ดิฉันไม่เคยลืม

หมายเหตุ

               แต่หลวงพ่อท่านเป็นพระปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านไม่รับรักษาทั่วไป ไม่ใช่ท่านไม่มีเมตตา ก็โรงพยาบาลเป็นสถานที่สำหรับรักษาโรคทางกายมิใช่หรือ ท่านเล็งเห็นว่า คนเข้าวัดควรแสวงหาธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ต่างหาก และที่วัดอัมพวันก็เป็นแหล่งสัปปายะ สำหรับผู้แสวงการปฏิบัติ เป็นสถานที่รักษาจิตให้บริสุทธิ์มากกว่า

                                                                                                                        ๑๙ ธันวาคม ๒๕๓๖