พลังจิตจากหลวงพ่อจรัญช่วยดิฉัน
อาภาพร สุธัญญาธนะกิจ
จากหนังสือ กฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติเล่มที่ ๘
พระราชสุทธิญาณมงคล
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
R8011
ดิฉันชื่อ นางอาภาพร
สุธัญญาธนะกิจ อยู่บ้านเลขที่ ๕๔๘/๓๙ ซอยรักษาพัฒนา ถนนไผ่เงิน เขตบางคอแหลม
กรุงเทพฯ และเป็นญาติกับพลตรีวสันต์ พานิช
ได้มีโอกาสรู้จักหลวงพ่อจรัญมาตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน ๒๕๓๓
โดยได้รับคำแนะนำจากพลตรีวสันต์ พานิช เพราะเห็นว่าดิฉันชอบทำบุญสร้างวัด
ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะไปทำบุญที่วัดปากน้ำอยู่เสมอ หรือวัดอื่น ๆ
ที่พี่รัศมีพี่สาวชวนไปก็จะไปเป็นประจำ
สำหรับวัดอัมพวันนี้เป็นวัดที่ดิฉันทราบมาว่า แนะนำธรรม
และให้คำแนะนำในการปฏิบัติกรรมฐานแก่ประชาชนดี
รวมทั้งการอบรมจิตใจให้สงบและให้กระทำแต่ความดี
หลวงพ่อจรัญท่านนี้เป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับ จะสังเกตท่านได้จากเวลามีการอบรมเยาวชน
หรืออบรมครู หรือจะเป็นการอบรมทหารก็ดี
ท่านหลวงพ่อจรัญมักจะเป็นผู้ให้ทั้งการสอนและอาหาร ที่พัก อย่างเห็นได้ชัด
ดิฉันจึงเกิดศรัทธาอยากจะมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วย
ดังนั้น
เมื่อดิฉันมีเรื่องที่แก้ปัญหาเองไม่ได้ จึงได้ขอให้พันเอกสรรเพชร พานิช
เป็นผู้พาดิฉันไปพบกับหลวงพ่อจรัญ เพื่อเรียนปรึกษาเรื่องนายไพบูลย์
สุธัญ-ญาธนากิจ ซึ่งเป็นลูกชายของดิฉัน
และเพิ่งจะได้เข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการ เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๒ ที่ผ่านมา
ได้ขออนุญาตลากิจเป็นเวลา ๕ วัน เพื่อไปเยี่ยมครอบครัวที่จังหวัดมุกดาหาร ตามกำหนด
พลทหารไพบูลย์ สุธัญญาธนะกิจ จะต้องกลับภายในวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๓๓
แต่กลับกลายเป็นหนีราชการเพราะไม่กลับมาตามกำหนดที่ลากิจไว้
ทางดิฉันจึงได้มาปรึกษากับพันเอกสรรเพชญ พานิช ว่าจะทำอย่างไร
พันเอกสรรเพชญได้ไปขออนุญาตลาแทนพลทหารไพบูลย์ ต่ออีก ๑๐ วัน อ้างว่า
เนื่องจากบุตรสาวของพลทหารไพบูลย์ ไม่สบายและกลับมาไม่ได้ อยู่ต่างจังหวัด
แจ้งให้ผู้บังคับกองร้อยทราบ แต่เมื่อครบกำหนดพลทหารไพบูลย์ก็ยังไม่มา
ดิฉันก็ร้อนใจ จึงได้ไปปรึกษาหลวงพ่อจรัญ เพื่อหาหนทางแก้ไข
หลวงพ่อจรัญได้ตรวจพิจารณาแล้ว
ท่านได้กล่าวว่าไม่เป็นไร จะแผ่เมตตาให้ และหลังจากที่ท่านได้กรุณารับปากแล้ว
เวลาผ่านไป ๖ วัน พลทหารไพบูลย์ ก็โทรศัพท์มาหาพันเอกสรรเพชญ พานิช
ที่บ้าและได้เล่าเหตุการณ์ว่า
เมื่อประมาณวันจันทร์ที่ ๗
พฤษภาคม ๒๕๓๓ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น.
ได้มีชาวบ้านที่มีอาชีพขับรถรับจ้างสามล้อและรู้จักกับภริยาของพลทหารไพบูลย์
ที่จังหวัดมุกดาหารได้พบเห็นรถเบ็นซ์สีน้ำเงินทะเบียนกรุงเทพมหานคร หมายเลข
๑จ-๙๙๘๙ ตรงกับที่บ้านโดยมีคนขับรถแต่งกายชุดทหาร และมีผู้หญิงมีอายุมาด้วย ๑ คน
มาถามหาพลทหารไพบูลย์ แต่คนขับรถสามล้อไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพลทหารไพบูลย์ บุคคลดังกล่าวจึงเดินทางกลับและไปเล่าให้พลทหารไพบูลย์ฟังพร้อมทั้งบอกลักษณะของผู้ที่มาหาทั้ง
๒ คนให้ทราบ พลทหารไพบูลย์ ได้พิจารณาและเชื่อมั่นว่า น่าจะเป็นพันเองสรรเพชญ
พานิช และนางอาภาพร สุธัญญาธนะกิจ ซึ่งเป็นมารดาของตัวเองแน่นอน
จึงได้โทรศัพท์จากจังหวัดมุกดาหารในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๓๓ เวลา ๒๐.๐๐ น.
ถึงพันเอกสรรเพชญ พานิช ที่บ้านที่กรุงเทพฯ จึงทราบว่า พันเอกสรรเพชญและนางอาภาพร
ไม่ได้มาที่จังหวัดมุกดาหาร แต่พันเองสรรเพชญ บอกให้พลทหารไพบูลย์ กลับมากรุงเทพฯ
โดยด่วน เนื่องจากขาดราชการเป็นเวลาเกือบจะครบ ๑ เดือน เนื่องจากขาดราชการเป็นเวลาเกือบจะครบ
๑ เดือนแล้วเกรงจะมีความผิดมาก
หลังจากนั้นพลทหารไพบูลย์
ก็กลับมาในวันเสาร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และมารับความผิดที่ พัน สห.มทบ.๑๑
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓พฤษภาคม ๒๕๓๓ และได้ปลดทหารเมื่อสิ้นเดือนเมษายน ๒๕๓๔
จากเหตุการณ์ดังกล่าวจะเห็นได้ว่า
หลวงพ่อจรัญได้ให้ความกรุณาดิฉันอย่างมาก และต่อมาในปี ๒๕๓๔ (เดือน ก.ค.)
ดิฉันได้พานายไพบูลย์มาบวชที่วัดอัมพวัน
ทำให้ดิฉันได้มีโอกาสมาร่วมทำบุญช่วยเงินในการบูรณะเรือนแม่กาหลงเป็นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท
โดยได้ถวายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ มีการถวายเรือนแม่กาหลงที่ได้บูรณะซ่อมแซมแล้วในครั้งนั้น
ดิฉันและครอบครัวได้มาร่วมถวายพร้อมกับพันเอกรรเพชญ และพี่สาวของดิฉัน คือ
นางรัศมี ยศสกุล
เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อจรัญในวันที่
๑๕ สิงหาคม ๒๕๓๗ นี้ ดิฉันและครอบครัวขอตั้งจิตอธิษฐาน
ในบารมีองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบด้วยความดีต่อมนุษยโลก
ในการส่องธรรมแก่มวลมนุษย์ทุกคนจนบังเกิดเป็นบารมีอันยิ่งใหญ่
จงปกป้องคุ้มครองให้หลวงพ่อจรัญมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
มีกำลังช่วยเหลือพัฒนาเยาวชน ให้กระทำแต่ความดี และอยู่เป็นร่มโพธิ์ ร่มไทร
ของดิฉัน และศิษย์ที่เคารพรักหลวงพ่อจรัญทุกท่านตลอดไป