สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับจากการสวดมนต์
บทพระพุทธคุณ
จากหนังสือ กฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ เล่มที่
๘
พระราชสุทธิญาณมงคล
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
R8015
ดิฉันชื่อ ศิริอาภา
เจติกานนท์ เป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดประยูรธรรมาราม จังหวัดปทุมธานี
ครอบครัวของดิฉันได้เคยมากราบหลวงพ่อกันทุกคนแล้ว
สำหรับดิฉันและสามีนั้นเคยมาเข้ากรรมฐานที่วัดอัมพวัน ๓ ครั้ง
การมาครั้งแรกดิฉันยังไม่รู้จักวัดอัมพวันมาก่อน ไม่มีใครแนะนำ
แต่ดิฉันมาได้เพราะแรงอธิษฐานจิตต่อพระสยามเทวาธิราช โดยขอให้ท่านจงชี้ทางสายบุญที่ถูกให้ดิฉันด้วย
เพราะทุกวันนี้
วิธีปฏิบัติมีหลายทางไม่รู้ว่าทางใดที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวดิฉันที่สุด
จนอยู่มาวันหนึ่ง
ดิฉันได้พบหนังสือกฎแห่งกรรม
ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๔ ของหลวงพ่อวางอยู่บนโต๊ะห้องสมุดของโรงเรียน
ดิฉันจึงได้หยิบติดมือมาอ่านที่บ้าน
รู้สึกประทับใจในคำสั่งสอนของหลวงพ่อเป็นอย่างมาก
ทำให้อยากจะไปกราบหลวงพ่อและไปปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวัน ดิฉันจึงเล่าเรื่องต่าง
ๆ ที่อ่านในหนังสือให้สามีฟัง และชวนให้ไปปฏิบัติกรรมฐานด้วยกัน
สามีของดิฉันก็ทักท้วงว่าอย่าใจร้อน ต้องไปถามคนที่เขาเคยไปมาก่อนว่าดีจริงหรือไม่
และวัดอยู่ตรงไหนเราก็ไม่รู้จัก ดิฉันจึงต้องไปเปิดหนังสืออ่านรายชื่อผู้เขียน
คือคุณพี่ทัศนีย์ ตระกูลพัว ซึ่งมีที่อยู่ใกล้ดิฉันที่สุด
ดิฉันและสามีใช้ความพยายามตามหาบ้านของคุณพี่ทัศนีย์จนพบ
ได้พูดคุยกับพี่เขาถึงจุดประสงค์ของดิฉันที่มีต่อวัดอัมพวันและหลวงพ่อ
ซึ่งคุณพี่ก็ได้ให้ความกระจ่างในทุกเรื่อง และเมื่อโรงเรียนปิดภาคเรียน
สามีดิฉันก็ลาพักร้อน เราทั้งสองคนจึงได้มาปฏิบัติกรรมฐานที่วัดอัมพวันด้วยกัน
ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในวัดอัมพวัน
ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแม่ใหญ่ คุณป้าแจ๋ว แม่ชีสมคิด
และมีแม่ชีซูง้อเป็นผู้สอนกรรมฐานให้ ดิฉันและสามีรู้สึกว่า
เราทั้งสองคนโชคดีมากที่การมาปฏิบัติกรรมฐานครั้งแรงของเรา
ยังไม่มีผู้คนมามายเหมือนทุกวันนี้ ในรุ่นนั้นมีผู้มาใหม่เพียงสามคนเท่านั้น
จึงทำให้แม่ชีซูง้อได้ดูแลและสอนอย่างใกล้ชิด ดิฉันและสามีตั้งใจฝึกปฏิบัติตามคำสอนของแม่ชีซูง้อทุกอย่าง
เมื่อไม่เข้าใจหรือสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติก็จะถามแม่ชี
ซึ่งก็จะได้รับคำอธิบายและแนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้โดยไม่แสดงอาการเบื่อหน่าย
หรือรำคาญใจให้เราเห็นเลย
ปัจจุบันนี้ครอบครัวของดิฉันมีความสุขมาก
เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ซึ่งต่างกับเมื่อก่อนนี้มาก สมาชิกในครอบครัวของดิฉันสวดพระพุทธคุณกันทุกคน
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้จึงเป็นเครื่องตัดสินได้ว่า
พระสยามเทวาธิราชช่วยดลใจให้ดิฉันเลือกทางเดินสายบุญที่ถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ
คงจะเป็นอานิสงส์ของการสวดพระพุทธคุณ
ดิฉันได้รับข่าวอย่างกระทันหันว่า
ให้ไปประกวดเล่านิทานคุณธรรมระดับจังหวัดแทนเพื่อน ซึ่งป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล
ไม่สามารถไปเล่าเองได้ โดยให้เวลาเตรียมตัวสี่วัน
เรื่องที่จะเล่าในการประกวดมีสองเรื่อง
เรื่องแรกเป็นเรื่องที่จำหรือนำมาจากผู้อื่นเล่าต่อกันมา เรื่องที่สองเป็นเรื่องที่ต้องแต่งขึ้นเองห้ามลอกเลียนแบบใคร
ซึ่งเรื่องที่สองนี้ดิฉันหนักใจมาก เพราะไม่เคยแต่งนิทานมาก่อน
เวลาในการคิดเขียนก็น้อยมากสำหรับคนที่อ่อนประสบการณ์อย่างดิฉัน
แต่ดิฉันก็ไม่ท้อถอย
ในตอนเย็นหลังจากทำธุระต่าง ๆ เรียบร้อย ดิฉันก็เข้าห้องพระสวดมนต์
เช่นที่เคยปฏิบัติมาทุกวัน เริ่มจากสวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา
จบแล้ว ย้อนกลับมาสวดพุทธคุณเกินอายุบวกหนึ่งจบ แล้วนั่งเจริญกรรมฐานต่อ พอใจสงบมีสมาธิดี
ปัญญาก็เกิด คิดขึ้นได้ด้วยตัวเองว่า ควรจะแต่งนิทานเรื่องอะไร
เค้าโครงเรื่องควรดำเนินไปอย่างไร และควรจบลงด้วยวิธีใด
เมื่อออกจากกรรมฐานแล้ว
ดิฉันรีบจับปากกาเขียนเรื่องได้เลย ดิฉันเพิ่งจะรู้ด้วยตัวเองว่า สวดมนต์บ่อย ๆ
เข้า มีสติขึ้นมา ปัญญาก็เกิด เป็นอย่างนี้เอง
เคยอ่านแต่ในหนังสือที่หลวงพ่อเขียนก็ยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่ตอนนี้ได้กับตัวเอง
เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลย
นิทานที่ดิฉันแต่งขึ้นมีชื่อเรื่องว่า
นิทานของแม่นก ให้คุณธรรมในหัวข้อความเมตตากรุณา
เป็นเรื่องของแม่นกที่สอนลูกให้ปฏิบัติแต่ความดี
มีเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อนนกด้วยกัน
เหมือนดังในนิทานที่แม่นกเล่าให้ลูกนกฟัง การดำเนินเรื่องเป็นลักษณะนิทานซ้อนนิทาน
เมื่อเรียบเรียงเสร็จ
ก็ฝึกการพูดหน้ากระจกเล็กน้อย
และวันต่อมาดิฉันก็ไปแข่งขันกับเพื่อนครูในจังหวัดเดียวกัน
เพื่อคัดเลือกผู้ชนะสามคน เป็นตัวแทนระดับจังหวัดไปประกวดต่อระดับประเทศ ซึ่ง ดิฉันก็เป็นหนึ่งในสามของผู้ชนะระดับจังหวัด
และต้องเตรียมตัวอัดเทปเสียงการเล่านิทานของผู้ชนะระดับจังหวัดทั้งสามคน
ส่งไปคัดเลือกระดับประเทศต่อที่ สปช. (สำนักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ)
อีกเดือนหนึ่งต่อมาจึงมีการประกาศผลการคัดเลือกเทปนิทานของครูจำนวน
๒๑๐ คน คัดเหลือเพียง ๕๐ คน ซึ่งที่จังหวัดปทุมธานีมีดิฉันได้รับเลือกเพียงคนเดียว
เมื่อถึงการประกวดรอบสุดท้าย
เป็นการจัดอันดับผู้เข้าประกวดทั้ง ๕๐ คน ใครจะได้รับรางวัลประเภทใด
โดยตัดสินที่เนื้อเรื่อง น้ำเสียง และท่าทาง โดยแบ่งรางวัลเป็น ๓ ประเภท คือ ๑.
รางวัลยอดเยี่ยม ๒. รางวัลดีเด่น ๓. รางวัลสร้างสรรค์ ผู้เข้าประกวดทั้ง ๕๐ คน
จะได้รับรางวัลโดยเป็นรางวัลยอดเยี่ยม ๑๐ คน รางวัลดีเด่น ๑๐ คน
และรางวัลสร้างสรรค์ ๓๐ คน
ผู้เล่าจะต้องไปเล่าต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ร่วมฟังประมาณ ๕๐๐ คน
ดิฉันเองรู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่พยายามควบคุมอารมณ์โดยการทำสมาธิ กำหนดพองหนอ ยุบหนอ ที่ท้อง
หายใจยาว ๆ ก่อนที่จะออกไปพูดสักครึ่งชั่วโมงซึ่งก็ช่วยได้มาก
ทำให้มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และผลการประกวดรอบสุดท้ายนี้ก็คือ ดิฉันได้รับรางวัลผู้เล่านิทานคุณธรรมดีเด่น
รับโล่พร้อมเงินสด ๔,๐๐๐ บาท
ถึงแม้ว่าดิฉันจะไม่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม
แต่ก็มีความรู้สึกภูมิใจที่ได้ก้าวมาถึงจุดนี้
โดยเฉพาะคนที่ด้อยประสบการณ์และไม่มีความสามารถอย่างดิฉัน
กลับได้รับรางวัลในครั้งนี้ คงเป็นเพราะ อำนาจจากการสวดบทพระพุทธคุณ
และบารมีของหลวงพ่อ อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ขอบารมีของพระสยามเทวาธิราช
และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงคุ้มครองหลวงพ่อให้ปราศจากภัยอันตราย
ให้มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนนาน เป็นร่มโพธิ์ร่มไทยให้กับพุทธบริษัทโดยทั่วหน้ากัน