ประสบการณ์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน
จากหนังสือ กฎแห่งกรรม ธรรมปฏิบัติ เล่มที่
๘
พระราชสุทธิญาณมงคล
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
R8019
ดิฉันเริ่มรู้จักวัดอัมพวัน
จากจดหมายของเพื่อนชาวไทยที่อยู่อเมริกา เขียนส่งข่าวมาบอกว่า เธอและสามีที่เป็นชาวอเมริกันได้มาปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน
เป็นเวลา ๑๐ วัน ในเดือนสิงหาคม ๒๕๓๖
ดิฉันรู้สึกเป็นสุขและอนุโมทนาสาธุในการปฏิบัติธรรมของเพื่อนและสามีของเธอด้วย
ช่วงปลายปี ๒๕๓๖ เพื่อนของดิฉันที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ได้เล่าเรื่องราวถึงวัดอัมพวันให้ฟังอีก และด้วยความสนใจในการศึกษาเรียนรู้
จึงเดินทางไปวัดอัมพวันในเวลาต่อมา
การฝึกฝนปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวัน
ได้ให้ประสบการณ์แก่ตัวเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอบรมวันแรก
ที่รับศีลแปด พระอาจารย์ได้สอนวิธีการเดินจงกรมและการนั่งสมาธิให้
และตลอดช่วงของการฝึกปฏิบัติในธรรมศาลา ก็ได้รับการ
อบรมสั่งสอนหลักการปฏิบัติวิปัสสนาเป็นอย่างดีจากอาจารย์และแม่ชีผู้สอน
ในการมาปฏิบัติกรรมฐานครั้งนี้
ดิฉันตั้งใจที่จะเรียนรู้ฝึกฝนตัวเองให้รู้หลักปฏิบัติอย่างเข้าใจ
และต้องการตอบคำถามในใจว่าสมาธิเป็นอย่างไร เราอยากรู้อยากเห็นด้วยตัวเอง
เพราะได้เรียนรู้อยู่เสมอมาว่า พระธรรมนั้นเป็น สันทิฏฐิโก
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตัวเอง และเป็นปัจจัตตัง เวทิตัพโพ
วิญญูหิ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน การได้อ่านประวัติและธรรมเทศนาของพระอาจารย์หลายองค์ที่เคารพศรัทธานั้น
เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นและต้องการฝึกฝนตนเอง
วันที่สอง เริ่มฝึกปฏิบัติกรรมฐานด้วยจิตใจที่แจ่มใส
สนใจ และตั้งใจเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะหลักวิธีการเดินจงกรมนั้น ให้ความสนใจมาก
เพราะยังไม่ได้เรียนรู้หลักาการสอนที่เป็นขั้นตอนจากไหนมาก่อน
จึงฝึกฝนเดินจงกรมและนั่งสมาธิอย่างตั้งใจยิ่ง
วันแรกนั่งสมาธิได้ไม่นานก็ต้องขยับเปลี่ยนท่านั่ง
เพราะปวดขาและหลับตาได้ไม่นานก็ลืมตาเพราะทนไม่ได้ การเดินจงกรมก็ทำได้ไม่ดี
อาจารย์ผู้สอนบอกให้ ปักจิตลงกลางกระหม่อมในขณะที่จะกำหนดยืนหนอ
พยายามปักเท่าใดจิตก็ไม่ยอมปักนิ่งกลางกระหม่อม แม้จะใช้เวลายืนนาน ๆ แล้วก็ตาม
วันแรกผ่านไปด้วยความตั้งใจจริง และเข้านอนประมาณ ๔ ทุ่ม
ด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อไปหมดทั้งตัว แต่นอนหลับสบายและนอนคนเดียวในห้องพักด้วย
ก่อนนอนได้กราบระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระคุณบิดามารดา
พระคุณครูบาอาจารย์ทั้งหลาย รวมทั้งหลวงพ่อจรัญด้วย
วันที่สาม ลุกปฏิบัติกรรมฐานตามปกติ
และรู้สึกปวดกล้ามเนื้อตามตัวมาก
แต่ก็ตั้งใจปฏิบัติตามช่วงเวลาที่อาจารย์ผู้สอนได้อบรมสั่งสอน ในช่วงเวลากลางวันได้พบเห็นผู้มาปฏิบัติกรรมฐานมีลักษณะอาการต่าง
ๆ บางคนนั่งสมาธิโอนเอนไปมากจนจะหลายหลังแต่ก็ไม่หงายหลัง
และบางคนอาเจียนเสียงดังจนเราต้องลืมตาขึ้นมาดู ในวันนี้การปฏิบัติกรรมฐานช่วงเวลา
๑๘.๐๐ ๒๑.๐๐ น.
นี้แม่ชีซูง้อเป็นผู้สอน เมื่อหมดเวลาฝึกกรรมฐาน แม่ชีซูง้อได้บอกผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนว่า
ก่อนนอนให้เอามือวางที่ท้องแล้วให้ภาวนา พองหนอ ยุบหนอ ๕ ครั้ง ดิฉันทำตามที่แม่ชีบอก
รู้สึกว่าจะหลับแต่ไม่หลับ ความรู้สึกปวดตามเนื้อตามตัวก็ยังปรากฏอยู่ทั่วร่างกาย
รู้สึกเจ็บที่ศีรษะเหมือนมีใครเองของแหลมมากดที่ศีรษะ สักครู่เดียวก็หายไปแล้วรู้สึกตัวเบาสบาย
ไม่มีอาการเจ็บปวดตามร่างกาย เบาโล่งจริง ๆ ตัวเบาสบาย
สบายจนรู้สึกได้แล้วก็หลับไป
วันที่สี่ วันนี้เป็นวันสำคัญมาก
ฝึกปฏิบัติกรรมฐานได้ดีกว่าสองวันก่อน
ช่วงเช้าก่อนนั่งสมาธิได้ระลึกขอให้หลวงพ่อจรัญ และ เทพกาหลงได้ช่วยให้เกิดสมาธิในการปฏิบัติกรรมฐาน
เมื่อนั่งสมาธิไปก็รู้สึกว่าได้ดำดิ่งเข้าสู่ภวังค์ แล้วรู้สึกเบานิ่งอยู่นาน
บริเวณมือและแขนว่างเปล่า รู้สึกว่าตัวเองเกิดปีติขึ้นมา ได้ถามตัวเองในใจว่า
สมาธิเป็นเช่นนี้หรือ ต่อมาในช่วงฝึกปฏิบัติกลางคืนประมาณ ๒ ทุ่ม
ขณะที่นั่งสมาธิและภาวนา พองหนอ
ยุบหนอนั้น ปรากฏว่า เมื่อภาวนาคำว่า พองหนอ
จะรู้สึกว่าหน้าตักเราเหมือนมีลมบรรจุอยู่แล้วเกิดการพองขึ้น พองขึ้น
แขนและมือแน่นแข็ง และรู้สึกเหมือนมีอาการพองขึ้นจนคับแถวหน้าตักที่มือวางอยู่
พองอยู่สักระยะหนึ่งก็ค่อย ๆ แฟบลง จนมาอยู่ในภาวะว่างเบาเฉย ๆ
แล้วสักครู่ก็พองขึ้นมาใหม่อีก ปรากฏเช่นนี้ ๓ ครั้ง ในครั้งที่ ๓ นี้
รู้สึกว่าพองแน่นแข็งมาก พองจนดันแขนซ้ายจะให้หลุดออกไปให้ได้
ดิฉันก็พยายามขัดขืนไว้ไม่ยอมให้แขนหลุด แต่ก็เหมือนแรงดันอย่างแรงและแรงขึ้น
จนดิฉันรู้สึกและถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกับดิฉัน ความรู้สึกขณะนั้นไม่ได้กลัว
แต่ก็ทราบว่านี่คือปรากฏการณ์ของสมาธิ รู้สึกปีติขึ้นมาด้วย
เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้ากับการต้านและการท่อง พองหนอ ยุบหนอ
ก็ไม่หายจากอาการแน่นแข็ง จึงมาพักสมาธิที่ใต้จมูก หยุดบริกรรม พอดีหมดเวลา
ในคืนนี้มีผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่งย้ายเข้ามาพักในห้องด้วย
และทางวัดได้จัดผู้มาลงทะเบียนปฏิบัติธรรมให้เขามาพักเพิ่มด้วยอีก ๑ คน รวมเป็น ๓
คน
ในคืนวันนี้
ดิฉันนอนไม่หลับเพราะผู้ปฏิบัติคนหนึ่งในห้องพัก
ได้นั่งสมาธิและสวดแผ่เมตตาตลอดทั้งคืน พยายามบอกให้เธอนอน เธอก็นอนหลับได้ไม่นานก็ลุกขึ้นนั่งสมาธิและบ่นอะไรพึมพำตลอดทั้งคืน
บางทีนั่งสมาธิอยู่ก็หยุดสมาธิแกว่งแขนมาโดนเรา
ทำให้รู้สึกตัวตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ คืนนี้จึงนอนหลับบ้างไม่หลับบ้าง
และไม่ได้หลับเป็นส่วนใหญ่
รุ่งเช้าของวันที่ห้า
อ่อนเพลีย มึนศีรษะเพราะนอนไม่หลับจากเมื่อคืนนี้
รู้สึกเครียดที่ตัวเองปฏิบัติไม่ได้ในช่วงเช้า
ดังนั้นเวลานั่งกรรมฐานจึงไปนั่งพิงฝาผนังศาลานั่งหลับไป
จนกระทั่งเวลาปฏิบัติกรรมฐานช่วงกลางคืน ประมาณ ๒ ทุ่มก็เกิดสมาธิในขณะนั่งกรรมฐาน
มีอาการพองหนอ และมือ-แขนแข็งอยู่นาน คืนนี้ที่ห้องพักเรานอนพักกัน ๓ คน ปรากฏว่าผู้ปฏิบัติธรรมอีกคนก็ไม่ยอมหลับนอน
คงลุก-นั่งปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดในห้องพัก
จนดิฉันรู้สึกกลัวจึงเลื่อนมานอนชิดกับผู้ปฏิบัติอีกคนและดิฉันก็นอนไม่หลับตลอดคืน
เมื่อไม่ได้นอนทั้งคืนก็รู้สึกอ่อนเพลียมึนศีรษะมาก
ปฏิบัติกรรมฐานไม่ได้ เดินจงกรมก็มึนหัวตัวส่ายไม่มั่นคง
จึงลงนั่งสมาธิพิงฝาผนังศาลานั่งหลับยายไปจนหมดชั่วโมงปฏิบัติ
วันนี้เป็นวันเพ็ญเดือน ๑๒
เป็นวันลอยกระทงและเป็นวันที่ดิฉันมีโอกาสได้กราบหลวงพ่อจรัญ
ท่านได้นำสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน ขณะที่หลวงพ่อและผู้ปฏิบัติธรรมกำลังสวดมนต์อยู่นั้น
ผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่งเธอได้ร้องโหยหวนเสียงดังขึ้นมา ทั้ง ๆ
ที่แม่ชีซูง้อได้นำเธอออกจากกลุ่มผู้ปฏิบัติธรรมไปดูแลอยู่ด้านหน้าของแถวแล้ว
ก็ไม่สามารถช่วยควบคุมสติเธอได้
หลังจากสวดมนต์จบแล้ว
หลวงพ่อได้เทศนาธรรมโปรดในหัวข้อเกี่ยวกับวันลอยกระทง เมื่อรับฟังเทศนาธรรมจบแล้ว
ที่วัดอัมพวันได้จัดให้มีการลอยกระทงด้วย
ช่วงนี้ดิฉันและเพื่อนร่วมห้องได้ไปลอยกระทงด้วยกัน
เพื่อร่วมห้องคนนี้ได้ถามว่าตอนสวดมนต์ได้ยินเสียงหมาหอนมาจากไหน
ดิฉันจึงได้บอกว่า ไม่ใช่เสียงหมาหอน
เป็นเสียงร้องของผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่แม่ชีได้ดูแลอยู้ด้านหน้าแถว
ในวันเพ็ญเดือน ๑๒ นี้
เมื่อดิฉันทราบว่าหลวงพ่อจะลงศาลานำสวดมนต์เทศนาธรรม
และรับพวงมาลัยจากผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ดิฉันได้ถวายพวงมาลัย และได้นึกในใจว่า
อย่างได้นั่งแถวหน้าสุด เพื่อจะได้เห็นและกราบหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด
ในตอนแรกก่อนหลวงพ่อจะลงศาลา มีการจัดระเบียบแถวนั่งไว้แล้ว ดิฉันได้นั่งแถวที่ ๓
แต่เมื่อใกล้เวลาที่หลวงพ่อจะลงศาลา
อาจารย์ผู้สอนกรรมฐานได้ให้ดิฉันไปนั่งแถวหน้าสุดพร้อมกับเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่งที่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้
เพื่อจะได้ช่วยดูแลเธอในระหว่างที่หลวงพ่อนำสวดมนต์และเทศนาธรรม ดิฉันจึงได้ย้ายจากแถวที่
๓ มานั่งแถวหน้า
วันที่หก
ปฏิบัติกรรมฐานได้ดีกว่า ๒ วันที่ผ่านมา ตอนเย็นของวันนี้ลาศีล ๘ และ วันที่เจ็ด
ได้ปฏิบัติกรรมฐานในช่วงเช้าตรู่ ทำสมาธิและเดินจงกรมได้ดี
ตัวเบาและไม่รู้สึกเหนื่อยเพลีย นั่งสมาธิกำหนดสติได้ดี ลมหายใจเบาละเอียด
และสามารถนั่งสมาธิได้เกินกว่า ๑ ชั่วโมง
ไม่รู้สึกเจ็บปวดต้นขาเวลานั่งติดต่อกันนาน ๆ เพียงรู้สึกเจ็บต้นขาเล็กน้อยก็หาย
และเบาสบายตลอด......